pearleus

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

นายกฯย้ำเจตนารมณ์ร่วมมือนานาประเทศ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์-ลดความเหลื่อมล้ำ พม.เจ้าภาพลงปฏิญญาขับเคลื่อนจริงจัง


พล.อ.ประยุทธ์ 
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีเอเชียตะวันออกด้านครอบครัวและความเสมอภาค โดยมีพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ โดยกระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ โดยมีคณะผู้แทน จากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก 17 ประเทศ อาทิ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วม 
ทั้งนี้ก่อนเริ่มการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่จัดขึ้นบริเวณด้านหน้าห้องประชุม เพื่อถ่ายทอดพระอัจฉริยภาพ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9  ให้รัฐมนตรีจากชาติในเอเชียตะวันออกได้รับชมด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  นับเป็นมิติใหม่ของความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการส่งเสริมให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนสถาบันครอบครัว ให้มีคุณภาพ และสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะเมื่อสถาบันครอบครัวมีคุณภาพก็จะทำให้สังคมดี เนื่องจากเรา มีหน้าที่ 3 อย่าง ที่ต้องทำคือ การทำเพื่อประชาชน ทำเพื่อประชาคม และเพื่อมวลมนุษยชาติ ทั้งนี้ปัจจัยที่จะช่วยให้ครอบครัวมีคุณภาพต้องอาศัยทั้งสภาวะภายในคือความรักความอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู และภายนอกคือ ความพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐาน การจัดสรรดูแลพื้นที่ที่อยู่อาศัย การสร้างสังคมปลอดภัย รวมไปถึงความเสมอภาคทางเพศนั้น ที่การแสดงความเคารพ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำต่อกันอย่างเท่าเทียม ควรสนับสนุน และเปิดโอกาสให้สตรีแสดงศักยภาพ และความสามารถผ่านการทำงาน การเป็นผู้นำในภาคธุรกิจรวมถึงภาครัฐ อย่างยุติธรรม โดยยึดความรู้ความสามารถ และคุณธรรมเป็นหลัก ไม่เลือกปฏิบัติในทุกสถานการณ์ และไม่กระทำความรุนแรงต่อสตรีทั้งทางร่างกายหรือสภาวะจิตใจโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงเพื่อสร้างให้เด็กที่มีความสุข มีคุณภาพในอนาคต ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดเป้าหมายไว้
นายกฯระบุด้วยว่าการพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีคุณภาพ และการสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะสังคมบางแห่งมีความขัดแย้งสูง แต่สำหรับรัฐบาลไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นในการร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคม พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างโอกาสในการเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำด้วยกฎหมายที่เท่าเทียม เพื่อนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งของครอบครัวบนพื้นฐานของความเสมอภาค ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการตกลงปฏิญญากรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการยกระดับความเข้าใจ โดยตนหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของพลังความร่วมมือที่แข็งขันในภูมิภาค ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางมีความเท่าเทียมและมั่นคง  เชื่อว่าสมาชิกหลายประเทศมีความเจริญเติบโต ซึ่งเราต้องเติบโตไปพร้อมกัน  
"เราทิ้งกันไม่ได้ เพราะหากทิ้งจะเกิดความขัดแย้ง แต่เพราะทุกคนคือมนุษย์ที่มีความอยากได้อยากมี ซึ่งรายได้ที่แตกต่างทำให้เกิดความเท่าเทียมที่ไม่สามารถทำให้เหมือนกันหมดได้ จึงต้องทำให้คนพอเพียงเพื่อลดปัญหา โดยถือเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างประชาชนกับรัฐ อย่าให้รัฐเป็นผู้กำหนดเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อมีคนชนะคนแพ้จะทำให้เกิดความขัดแย้ง การพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าจึงเป็นสิ่งสำคัญ ให้ทุกประเทศมีที่ยืนอยู่บนโลกอย่างเท่าเทียม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวและว่า ดังนั้นเราต้องมีโรดแม็พในการเดินหน้า เหมือนที่รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดย  2 ปีที่ผ่านมาเราได้เริ่มปฏิรูปทุกด้าน ดังนั้นทุกรัฐบาลควรเดินหน้าตามกรอบที่ว่างไว้ แต่ไม่สามารถไปบังคับหรือล็อคใครได้ เพราะเราเป็นประชาธิปไตย 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเริ่มพิธีเปิดพล.ต.อ.อดุลย์ได้นำผู้เข้าร่วมงานร่วมยืนแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นเวลา 1 นาที
พล.ต.อ.อดุลย์ 

วันเดียวกันเวลา 16.30 น. พล.ต.อ. อดุลย์  เป็นประธานปิดการประชุมฯพร้อมแถลงผลการประชุม โดยมีคณะผู้แทนจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก 17 ประเทศ ร่วมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ภายใต้หัวข้อ “สังคมที่เป็นมิตรกับครอบครัว:การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านสถาบันครอบครัวและการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ” นับได้ว่าประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากนานาประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการแบ่งการประชุมออกเป็น 2 ระดับ คือ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และการประชุมระดับรัฐมนตรี ร่วมกันพิจารณาแนวทางการดำเนินงานด้านครอบครัวและความเสมอภาคระหว่างเพศ ทำให้สามารถประกาศ “ปฏิญญากรุงเทพ” หรือ Bangkok Declaration ที่มุ่งเน้นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับครอบครัว 
โดยสาระสำคัญระบุถึงแนวทางการพัฒนาเรื่องการสร้างความเข้มแข็งของสตรี การส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการพัฒนาครอบครัว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2030 (SDGs)  ให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรการ  และพัฒนานโยบายความเสมอภาคระหว่างเพศ ที่ต้องเริ่มจากครอบครัว เน้นบทบาทผู้ปกครองของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในฐานะผู้ถ่ายทอดความรู้ ศีลธรรม ทักษะชีวิต การเป็นแบบอย่างที่ดี  ต่อบุตรหลาน เช่น การเรียนรู้บทบาทแห่งเพศ  ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและการดูแลสุขภาพและอนามัยเจริญพันธ์  การสนับสนุนในการแบ่งปันความรับผิดชอบร่วมกันในครัวเรือน และในครอบครัวตามความเหมาะสมของแต่ละบริบทของแต่ละประเทศ 
พล.ต.อ. อดุลย์ ระบุว่า การส่งเสริมการพัฒนาและขยายสวัสดิการทางสังคม   และครอบครัว เช่น การบริการเลี้ยงเด็ก การดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ให้ผู้ชายและเด็กชายมีส่วนร่วมมากขึ้นในการต่อสู้เพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กหญิง รวมทั้งการส่งเสริมกลไกในการป้องกันและยุติ รวมถึงความรุนแรงภายในครอบครัว  พัฒนากฎหมาย และการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อนำผู้กระทำผิดสู่กระบวนการทางกฎหมาย ส่งเสริมป้องกันและบำบัดเหยื่อความรุนแรง การติดตามผลและการบำบัดสำหรับผู้กระทำผิด 
“ปฏิญญากรุงเทพ” ยังสนับสนุน ให้นายจ้าง ทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ พัฒนาสิ่งแวดล้อมและนโยบายเพื่อให้สถานที่ทำงานให้เป็นมิตรกับครอบครัว เช่น การมีตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น การลางานเพื่อการเลี้ยงลูกของพ่อและแม่ ห้องรับรองสำหรับการให้นมลูก    เพื่อสร้างสรรค์และส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นมิตรกับครอบครัว และความสมดุลของชีวิตและการทำงาน ส่งเสริมการจัดตั้งเครือข่ายและภาคีต่างๆ ระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
“พม.ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักที่ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อน จะได้นำกรอบแนวทางตามปฏิญญากรุงเทพที่มีการประกาศรับรองไว้ในการประชุมครั้งนี้ ขับเคลื่อนการดำเนินงานให้สามารถบรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมต่อไป” พล.ต.อ.  อดุลย์ กล่าวในตอน
รัฐมนตรีและผู้แทนบางส่วน







0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น