pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จังหวัดนครปฐมจัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสดุดีเนื่องในวันปิยมหาราช



จังหวัดนครปฐมจัดพิธีวางพวงมาลา  ถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวันปิยะมหาราชประจำปี 2556 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกร

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"ปภ. และ สภากาชาดไทย ร่วมกับ 20 เครือข่าย จัดกิจกรรมวันจัดการ ภัยพิบัติอาเซียน"

เมื่อ 12 ต.ค.56  ม.ล.ปนัดดา ดิษกุล ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้แทนสำนักเลขาธิการอาเซียน ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (AHA Centre) ผู้แทนองค์การสหประชาชาติ ผู้แทนกาชาดสากล ผู้แทนประเทศ สมาชิกอาเซียน สมาชิกวุฒิสภา (นายมณเฑียร บุญตัน) และศิลปินจากแกรมมี่ ร่วมกันเปิดกิจกรรมเนื่องในวันจัดการภัยพิบัติอาเซียนและวันลดภัยพิบัติสากล ประจำปี 2556 ณ ลานกิจกรรมหน้าหอศิลปวัฒนธรรม แห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สภากาชาดไทย กรุงเทพมหานคร และ หน่วยงานเครือข่ายภาคประชาสังคมกว่า 20 หน่วยร่วมกันจัดขึ้น ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตาม แผนงานตามข้อตกลงอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติแลละตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน และเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนในประเทศอาเซียนเกี่ยวกับการจัดการภัย พิบัติ โดยเป็นกิจกรรมทั้งในระดับประเทศ สมาชิกและระดับภูมิภาคที่จัดเป็นประจำทุกปีในวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งตรงกับ วันลดภัยพิบัติสากล (International Day on Disaster Reduction: IDDR) ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันที่สร้างความตระหนักแก่ประชาชนและเยาวชนในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ พร้อมกันทั่วโลก สำหรับกิจกรรมในงาน ประกอบด้วย การกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับบทบาทผู้พิการและการลดความเสี่ยง ของผู้พิการเมื่อเกิดภัยพิบัติ การแนะนำโครงการผู้นำเครือข่ายการเผยแพร่ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการ จัดการภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน (AADMER Advocates) เป็นการเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับ ผู้พิการได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยจะมีการสาธิตการช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัย โดย ทีม ERT จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการแสดงการเคลื่อนย้ายผู้พิการด้วยสุนัขกู้ภัย โดยมูลนิธิพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ  อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 14 ตุลาคม 2556 กระทรวงมหาดไทยจะมีการจัดประชุมจัดประชุมคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีแห่งเอเชียว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2557 ครั้งที่ 1/2556 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม พิจารณากำหนดรูปแบบ กรอบแนวทาง กิจกรรม สารัตถะ และพิธีการในการประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียน

ผบ.ตร.มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวดาบตำรวจที่ถูกวัยรุ่นยิงจนเสียชีวิตสมุทรสาคร

เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 12 ตุลาคม 2556 ว่าที่ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เดินทางไปโรงพยาบาลสมุทรสาคร ชั้น 2 แผนกผู้ป่วยหนัก เพื่อเยี่ยมเยียนอาการบาดเจ็บของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย อายุ 45 ปี ผบ.หมู่งาน (ป.) สภ.เมืองสมุทรสาคร ที่เข้าระงับเหตุขณะวัยรุ่น 2 กลุ่มทะเลาะวิวาทกัน จนถูกยิงเข้าที่ศรีษะได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่ผู้ว่าฯ จะเดินทางไปถึงเพียงครึ่งชั่วโมงในเวลาประมาณ 10.00 น. นั้น ด.ต.ณัฐศาสตร์ ก็ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการสงบ สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้แก่นางภัทรามณ ศรีสร้อย ภรรยา และนายทรงเดช ชัยภาคภูมิ บุตรชายวัย 18 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 ของวิทยาลัยประมงสมุทรสาคร ตลอดจนญาติพี่น้องที่มาเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เกิดเหตุเป็นอย่างมาก ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้มอบเงินส่วนตัวจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ก่อน และหลังจากนี้ก็จะดูว่าทางจังหวัดนั้นจะสามารถให้ความช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมได้อีกบ้าง เป็นการต่อยอดจากความช่วยเหลือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตรายนี้ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและตอบแทนคุณงามความดีของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย ที่ต้องเสียชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่  ต่อมาในเวลาประมาณ 11.10 น. ของวันเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร เพื่อมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นให้แก่ครอบครัวของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ฯ จำนวน 800,000 บาท พร้อมกันนี้ยังมีเงินช่วยเหลือจาก
กรมคุ้มครองสิทธิ์ฯ อีก 50,000 บาท โดยทางด้านของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็บอกว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้การดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด โดยเงินที่นำมามอบให้นี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้ก็จะมอบให้อีกก้อนหนึ่งตามสิทธิ์ที่ ด.ต.ณัฐศาสตร์และครอบครัวพึงได้รับ อีกทั้งยังได้มีการพิจารณาความดีความชอบเลื่อนขั้นให้กับ ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย 5 ชั้นยศ เป็น พันตำรวจโท และบุตรชายของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ฯ ซึ่งเคยสอบเป็นตำรวจมาแล้ว 2 ครั้งแต่ไม่ติดนั้น ก็จะให้เข้ามารับราชการเป็นตำรวจอย่างที่ตั้งใจไว้ ขณะที่ในเรื่องของพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลความเรียบร้อย และให้ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร กับ สภ.เมืองสมุทรสาคร เป็นเจ้าภาพตลอดการจัดงาน โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 เวลา 16.00 น. ที่วัดป้อมวิเชียรโชติการาม ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ส่วนช่วงนี้ให้ส่งศพไปที่สถาบันนิติเวชเพื่อเก็บรักษาไว้ก่อน และวันจันทร์ก็ให้ญาติไปรับศพออกมาเพื่อกระทำพิธีทางศาสนาต่อไป จากนั้นในวันสุดท้ายก็จะได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักพระราชวังเพื่อกราบบังคมทูลขอไฟพระราชทานเพลิงศพ เป็นการเชิดชูเกียรติและประกาศคุณงามความดีของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่
และต่อมาหลังจากที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบเงินให้กับครอบครัวของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดี อาทิเช่น พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล พ.ต.อ.ประทีป ราญสระน้อย รอง ผบก.ภ.จว.สค., พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร,พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.ท.บุญเลิศ หาวงศ์ พนักงานสอบสวนคดีฯ และตำรวจสืบสวนของ สภ.เมืองสมุทรสาคร กับ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เข้าประชุมลับเพื่อสั่งการถึงการรวบรวมพยานหลักฐานและการบันทึกสำนวนคดีให้เป็นไปด้วยความรัดกุม เรียบร้อย เพื่อใช้ดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุลงมือยิง ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย จนเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 คนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้สอบปากคำคือ นายปัญจะ ศรีทิพย์,นายพรเทพ สำราญ และนายสุธี สำราญ โดยเบื้องต้นถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ฯ ร่วมกันมีอาวุธปืน ร่วมกันพกพาอาวุธปืน ร่วมกันยิงปืนในเมือง หมู่บ้านในทางสาธารณะ และทั้งนี้จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวยังทราบอีกว่า ทางตำรวจมีคำสั่งงดให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดและส่งศาลฝากขังไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกคนที่ร่วมกันก่อเหตุก็คือนายพชร สำราญ ที่เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล
ด้านนายทรงเดช ชัยภาคภูมิ บุตรชายของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ฯ นั้นก็เปิดเผยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า ทางครอบครัวรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่พ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องมาเสียชีวิตลง คงเหลือแต่แม่ที่ทำงานรับจ้างต้องกลายมาเป็นคนดูแลครอบครัวแทน แต่ทั้งนี้ก็ภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของพ่อที่ทำอย่างเต็มที่และทุ่มเทกับงานจนตัวตาย ซึ่งเมื่อครั้งที่พ่อมีชีวิตอยู่นั้นพ่อได้สั่งสอนตนให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อชาติบ้านเมือง และยังขอให้ตนสอบเข้าเป็นตำรวจเหมือนพ่ออีกด้วย แต่ตนก็ทำให้พ่อผิดหวังมา 2 ครั้งแล้ว คือสอบเข้าตำรวจไม่ได้ ซึ่งถ้าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมตตาให้ตนได้เข้ามารับราชการเป็นตำรวจที่ดีอย่างพ่อนั้น ตนก็จะขอทำหน้าที่เป็นตำรวจให้ดีที่สุดตามเจตนารมย์ที่พ่อตั้งใจและสั่งสอนมาตลอด สำหรับเหตุการณ์ที่ ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย ผบ.หมู่งาน(ป.) สภ.เมืองสมุทรสาครถูกกลุ่มวัยรุ่นยิงเสียชีวิตนี้ ได้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.20 น. ของวันที่ 12 ตุลาคม 2556 ได้มีคนร้าย 3 4 คน ใช้อาวุธปืนยิงบริเวณหน้าร้านอาหารสถานบันเทิงชื่อดัง  “เรดซีดผับ ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมหาชัย  ถ.กิจมณี ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยเมื่อศูนย์วิทยุนรสิงห์ได้รับแจ้งจึงให้สายตรวจไปตรวจสอบ ขณะนั้น ด.ต.ณัฐศาสตร์ ศรีสร้อย และ ด.ต.อานนท์ คำปัง สายตรวจรถจักรยานยนต์ ตรวจอยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ จึงได้ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่ากลุ่มวัยรุ่นประมาณ 3 4 คน ได้ใช้อาวุธปืนยิงคู่กรณีที่จอดรถจักรยานยนต์อยู่
กึ่งกลางถนน  จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและใช้ไฟฉายส่องเข้าไปในกลุ่มคนร้ายพร้อมทั้งสั่งให้หยุด แต่คนร้ายไม่ยอมหยุดกลับหันมาใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ววิ่งหลบหนีไปในโรงน้ำแข็งใกล้ที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ด.ต.ณัฐศาสตร์ และ ด.ต.อานนท์ ได้ขับรถจักรยานยนต์สายตรวจติดตามไปพร้อมกับขอกำลังสนับสนุน เมื่อไปถึงโรงน้ำแข็งซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานบันเทิงเรดซีดผับห่างกันประมาณ 200 เมตร ด.ต.ณัฐศาสตร์ฯ ได้ให้ ด.ต.อานนท์ลงจากรถเพื่อสกัดรออยู่ตรงบริเวณทางเข้า ส่วนตัวเองได้ขับรถไปสกัดจับตรงบริเวณทางออกอีกทางหนึ่ง ระหว่างนั้นได้มีพวกของคนร้ายขับรถยนต์กระบะสีขาว ยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู ทะเบียนป้ายแดง ก 9318 กรุงเทพมหานคร ขับตามเข้าไปภายในโรงน้ำแข็งเพื่อที่จะรับพวกของตน แต่เมื่อเห็นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับอยู่ก็ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ ด.ต.ณัฐศาสตร์ ก่อนทันที จนเกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างคนร้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปรากฎว่ากระสุนของคนร้ายได้ทะลุเข้าที่บริเวณศรีษะ และตามร่างกายของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ จนบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนร้ายก็ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเพื่อนๆ ได้ช่วยกันนำขึ้นรถกระบะเพื่อจะพาหลบหนี และระหว่างที่กำลังจะหลบหนีนั้นทางกลุ่มคนร้ายยังได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาสนับสนุนอีกจำนวน 2 นัด จนสามารถเปิดทางหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปได้สำเร็จ จากนั้นก็พาเพื่อนที่บาดเจ็บสาหัสส่งโรงพยาบาลสมุทรสาคร แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายพัชระ สำราญ อายุ 27 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย และขาซ้าย ส่วนกลุ่มคนร้ายที่เหลือหลังส่งเพื่อนไว้ที่โรงพยาบาลสมุทรสาครแล้ว ก็ได้ขับรถกระบะหลบหนี โดยขับย้อนศรขึ้นไปทางสี่แยกมหาชัย จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับไว้ได้ห่างจากโรงพยาบาลฯ เพียงแค่ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น ซึ่งในรถมีคนร้ายอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 คน คือ นายปัญจะหรือเจ ไหวพริบ อายุ 22 ปี นายพรเทพ หรือนัด สำราญ อายุ 22 ปี และนายสุธีร์ หรือแบงค์ สำราญ อายุ 21 ปี พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนขนาด 9 มม. ทะเบียน กท 1930464 พร้อมซองบรรจุกระสุน 1 กระบอก , อาวุธปืนขนาด .357 หมายเลขประจำปืน BSI 5558 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด 11 มม.ทะเบียน อก.2/2022 พร้อมซองกระสุนปืนอีกจำนวน 1 กระบอก และทะเบียนรถยนต์ป้ายขาวอีก 1 ป้าย นอกจากนี้ที่ประตูรถกระบะยังมีรูกระสุนถูกยิงจนแตก และที่กระบะท้ายยังมีรอยเลือดอยู่อีกด้วย

ทั้งนี้ในช่วงเกิดเหตุนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ ที่ดวลปืนกันก็ยังพบ หมวกกันน๊อคของ ด.ต.ณัฐศาสตร์ฯ เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 ใบ อาวุธปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืนอีกกว่า 20 ปลอก จึงได้เก็บรวบรวมทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งยังมีการนำกล้องวงจรปิดจาก เรดซีดผับ และจุดที่ใกล้เคียง มาตรวจสอบเพื่อดูเหตุการณ์ทั้งหมดอีกด้วย และจะได้เป็นประจักษ์พยานว่าใครที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้บ้าง

ผู้การ น.8 มอบนโยบาย

เมื่อ 11 ตุลาคม 2556 พ.ต.ต. รัษฏากร ยิ่งยง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 มอบนโยบายทุก สน. พื้นที่ เร่งรัดปราบปราม ยาเสพติดและอาชญากรรม โดยมีผู้กำกับ และรองผู้กำกับทุกสาย  พร้อมหน้ารับ นโยบายอย่างพร้อมเพรียง


แจกของช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อ 13 ตุลาคม 2556 ตำรวจทางหลวงบางแคและอาสามูลนิธิปอเต็กตึ้งธนใต้ร่วมกันขนสิ่งของบรรทุกเพื่อนำไปแจกจ่ายผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรี

เจรจา 5 แกนนำ

สน. 9 พล.ต.อ.วรพงษ์  ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ผล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้เชิญ 5 แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม เจรจา ขอเปิดเส้นทาง เพื่อตอนรับนายกจากจีนโดยให้ย้ายไปตั้งชุมชนที่สวนลุม เหมือนเดิม ตกลงได้ด้วยดีแต่กลุ่มผู้ชุมนุมไปแค่ อุรุพงค์ 


ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนราษฎรและสถานที่ท่องเที่ยว

วันที่  11  ตุลาคม  2556  นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  ลงพื้นที่สำรวจระดับน้ำริมแม่น้ำท่าจีน  พร้อมเยี่ยมราษฎรในพื้นที่  หมู่  1  ตำบลงิ้วราย  อำเภอนครชัยศรี  หลังได้รับผลกระทบจากการเอ่อล้นของแม่น้ำท่าจีน  ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมขังบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ  โดยระดับน้ำบางพื้นที่มีความสูงประมาณ  30 – 50  เซนติเมตร  ส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือน  2  ชั้น  ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ไม่ได้รับความเสียหายส่วนถนนในหมู่บ้านมีน้ำไหลผ่านเป็นบางจุด  ยังสามารถสัญจรผ่านไปมาได้  ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าระดับน้ำยังมีปริมาณไม่สูงมากอยู่ในขั้นที่สามารถรับมือได้  บางรายได้นำเรือออกมาซ่อมแซมเพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้งาน  และทางองค์การบริหารส่วนตำบลงิ้วรายได้เตรียมกระสอบทรายเพื่อทำทางเดินให้กับชาวบ้านหากระดับน้ำมีปริมาณสูงขึ้น  ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี  มีราษฎรที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน  ได้รับผลกระทบจำนวนกว่า  50  ครัวเรือน  ในพื้นที่  15  ตำบล 

ขณะที่บริเวณที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี  ได้เตรียมกั้นกระสอบทรายบริเวณหลังที่ว่าการอำเภอซึ่งติดกับแม่น้ำท่าจีน  เนื่องจากระดับน้ำจากป้ายแสดงระดับน้ำเหลืออีกประมาณ  10  เซนติเมตร  จะทำให้น้ำล้นตลิ่ง  ไหลเข้าท่วมสถานที่ราชการและบ้านเรือนราษฎร  ทางอำเภอนครชัยศรีจึงได้ดำเนินการกั้นกระสอบทรายตลอดแนวหลังที่ว่าการอำเภอเพื่อเตรียมป้องกันหากระดับน้ำมีปริมาณสูงขึ้น  ส่วนที่ตลาดท่านา  ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอนครชัยศรี  ทางอำเภอได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ตลอด  24  ชั้วโมง  เนื่องจากน้ำในแม่น้ำท่าจีนได้ไหลเข้าท่อระบายน้ำ  เพื่อป้องกันน้ำท่วมบริเวณตลาดซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ  ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดท่านายังคงทำการค้าขายตามปกติ  เนื่องจากมั่นใจในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานราชการในพื้นที่  และเชื่อว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมอย่างแน่นอน    

นครปฐม เตรียมป้องกันน้ำท่วมตลาดน้ำวัดลำพญา และตลาดบางหลวง ร.ศ. 122 อย่างเต็มที่

วันที่  11  ตุลาคม  2556  นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  ลงพื้นที่สำรวจระดับน้ำริมแม่น้ำท่าจีน  บริเวณตลาดน้ำวัดลำพญา  ตำบลลำพญา  อำเภอบางเลน  ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง  หลังจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น  ทำให้พื้นที่บางส่วนบริเวณตลาดน้ำวัดลำพญา  ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ  มีน้ำเอ่อล้นท่วมขังร้านค้าของชาวบ้าน  และมีน้ำซึมเล็กน้อยจากคันกั้นน้ำคอนกรีต  ทางเทศบาลตำบลลำพญาจึงได้กั้นกระสอบทรายพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กบริเวณพื้นที่ดังกล่าวไว้แล้วอย่างเต็มที่  ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ตามปกติ  นอกจากนี้เทศบาลตำบลลำพญาได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่และเตรียมกระสอบทรายไว้กว่า  8,000  กระสอบ  เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมโรงเรียนวัดลำพญา  หากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น  ในส่วนของบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตำบลลำพญา  มีประชาชนในพื้นที่  หมู่  3  ,  4  ,  5  ,  6  และ  9  ได้รับผลกระทบจากการเอ่อล้นของแม่น้ำท่าจีน  จำนวนกว่า  200  ครัวเรือน  บ้านเรือนในชุมชนบางแห่งมีน้ำท่วมขังสูง  ทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้  กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์  จังหวัดกาญจนบุรี  จึงได้สนับสนุนกำลังพล  จำนวน  11  นาย  มาช่วยสร้างสะพานไม้ชั่วคราว  เพื่อให้เด็กและผู้สูงอายุสามารถเดินทางเข้าออกได้  ซึ่งสะพานไม้บางจุดมีความยาวถึง  300  เมตร               ขณะที่บริเวณตลาดบางหลวง  ร.ศ.  122  ตำบลบางหลวง  อำเภอบางเลน  ซึ่งเป็นตลาดและชุมชนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน  มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก  ซึ่งระดับน้ำในขณะนี้มีปริมาณเท่ากับระดับตลิ่ง  ทางเทศบาลและอำเภอได้เตรียมความพร้อมโดยการกั้นกระสอบทรายไว้ตลอดแนวและเฝ้าระวังอย่างเต็มที่  โดยเรือโทกฤษณ์  จินตะเวช  นายอำเภอบางเลน  มั่นใจว่าระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนในปีนี้  ไม่มากเท่ากับปี  2554  และ  2555  อย่างแน่นอน  ขอให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาตลาดบางหลวง  ได้มั่นใจว่าในปีนี้ไม่มีน้ำท่วมตลาดบางหลวง  ส่วนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้น  ทางอำเภอจะได้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป

                

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดงาน “วันตำรวจ” ประจำปี ๒๕๕๖

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร. เปิดเผยว่า วันที่ ๑๓ ต.ค.๒๕๕๖ เป็นวันครบรอบการมีประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๕๘ ให้รวมกองตระเวนและกรมตำรวจภูธรเป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า กรมตำรวจ ปัจจุบันคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันตำรวจประจำปี ๒๕๕๖ นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีและกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะแบ่งการจัดงานออกเป็น ๒ วัน โดยวันที่ ๑๑ ต.ค.๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๓๐ น. มีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณฯ ให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ ณ ห้องประชุม ๑ อาคาร ๑ ตร. และในเวลา ๑๑.๐๐ น. ผบ.ตร. เยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ณ รพ.ตร. วันที่ ๑๓ ต.ค.๒๕๕๖ พิธีต่างๆ เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๖.๒๙ น. มีพิธีบูชาพระภูมิ หน้าอาคาร ๑ ตร., พิธีบูชาพระนารายณ์ หน้าอาคาร ๑๘ ตร., พิธีบูชาพระพุทธรูปพระนิรันตราย(จำลอง) ณ หอพระนิรันตราย ต่อด้วยพิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๔, พิธีสงฆ์ ณ ห้องสารสิน ตร. และพิธีสักการะรูปจำลอง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ณ ห้องโถง ชั้น ๓ อาคาร ๑ ตร. เวลา ๑๓.๐๐ น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีสดุดีข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ณ อนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน บริเวณหน้าหอประชุมชุณหะวัน รร.นรต. จว.นครปฐม ซึ่งจะมีการมอบของที่ระลึก, ธงพิทักษ์สันติราษฎร์ และรูปปั้นอนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน แก่ทายาทผู้เสียชีวิต เวลา ๑๓.๕๐ น. ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักเรียนนายร้อยตำรวจ ณ ลานฝึกศรียานนท์ โรงเรียนนาย
ร้อยตำรวจสามพราน จว.นครปฐม สำหรับงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันตำรวจ จะเริ่มเวลา ๑๘.๓๐ น. ณ สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต กทม.
                                      

ผบ.ตร ร่วมพิธีกิจกรรมวันตำรวจ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาระดับสูง และสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมในพิธีกิจกรรมวันตำรวจ อาทิเช่น เปิดหอผู้ป่วยสำหรับข้าราชการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, ตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่, เปิดห้องตรวจโรคกุมารเวชกรรม, เยี่ยมชมนิทรรศการความก้าวหน้าทางการแพทย์ และมอบรางวัลการจัดการความรู้ดีเด่น ประจำปี 2556 ณ โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 10.45 น.

๖๐ ปี นิติเวชตำรวจ – งานเบื้องหลังที่เราภาคภูมิใจ

งานด้านนิติเวชวิทยาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๙๖โดยกรมตำรวจ (ในขณะนั้น) ได้รับโอนนายแพทย์ถวัลย์ อาศนะเสน จากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มาอยู่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อทำหน้าที่ทางนิติเวชศาสตร์และวางโครงการจัดตั้งแผนกนิติเวชวิทยาขึ้นในโรงพยาบาลตำรวจ โดยได้เริ่มทำการผ่าศพเพื่อชันสูตรพลิกศพครั้งแรกในวันที่ ๑๓ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๖ และจะก้าวสู่การครบรอบ ๖๐ ปีในวันที่ ๑๓ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖ นับตั้งแต่วันแรกของการเริ่มต้น งานนิติเวชตำรวจก็เน้นการสนับสนุนงานด้านอำนวยความยุติธรรม ทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ หาสาเหตุการตาย ตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลมาอย่างต่อเนื่อง และดูจะไม่มีโอกาสเหนื่อยล้าต่อภารกิจนี้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้างในบางจังหวะของการย่างก้าว แต่เวลาน่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์เนื้อแท้ในตัวตนของผู้ปฏิบัติงานเป็นอย่างดี จนวันนี้ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานสากลทางห้องปฏิบัติการISO17025 ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๖ และกำลังพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางความเป็นเลิศทางวิชาการด้านนิติเวชศาสตร์ (Excellence Center in Forensic Medicine) กล่าวคือ สถาบันนิติเวชวิทยา กำลังต่อยอดงานนิติเวชตำรวจ ให้เป็นศูนย์กลางตรวจพิสูจน์ด้านนิติเวชศาสตร์ที่ดีเลิศเป็นศูนย์กลางในการตรวจพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคลเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านนิติเวชศาสตร์ มีมาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานยุติธรรม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประเด็นสำคัญที่สุดคือ การเป็นที่พึ่งซึ่งประชาชนและเจ้าพนักงานที่ใช้บริการมีความเชื่อมั่นและประทับใจ ในโอกาสครบ “๖๐ ปีนิติเวชตำรวจ” นี้ โรงพยาบาลตำรวจโดยสถาบันนิติเวชวิทยาได้จัดงาน “เปิดบ้าน – สถาบันนิติเวชวิทยา” ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของสถาบัน อันจะเห็นได้ถึงความโปร่งใส และความเชื่อถือได้ในกระบวนการทั้งหมด ประกอบด้วย
·       ชมห้องผ่าศพในระบบปลอดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานและป้องกันการแพร่ของเชื้อสู่สิ่งแวดล้อม พร้อมชมห้องสาธิตที่ทันสมัย
·       ชมสาธิตการผ่าศพ(รอบละ ๔๐ คน) – เฉพาะช่วง ๑๐.๐๐ -๑๒.๐๐ น.
·       ชมการสาธิตระบบท่อลม รับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจ ซึ่งจะนำส่งชีววัตถุพยานจากห้องผ่าศพ หรือจุดรับ – ส่งวัตถุพยานตรงไปยังห้องปฏิบัติการทันที เพื่อลดปัญหาเรื่องการส่งต่อวัตถุพยาน
·       ชมการสาธิตการทำภาพเชิงซ้อนเพื่อพิสูจน์ศพนิรนาม ซึ่งใช้ในการไขปริศนาคดีฆ่าหั่นศพมาหลายคดี
·       ชมการเรียงกระดูกเพื่อการตรวจพิสูจน์ จากกองกระดูกสู่โครงร่าง และนำสู่การคลี่คลายคดี
·       ชมเครื่องมือพิเศษ  และการสาธิตการตรวจพิสูจน์ทางนิติพิษวิทยา สามารถตรวจหายาจากเลือดและปัสสาวะกว่า ๗๐๐ ชนิดภายในเวลา ๓๐ นาที
·       ชมเครื่องมือการตรวจพิสูจน์ทางพันธุกรรม เทคนิคในการเก็บชีววัตถุจากร่างกายมนุษย์ ความก้าวหน้าในการตรวจทางพันธุกรรม การสาธิตการตรวจหา ตัวอสุจิ  และส่วนประกอบของน้ำอสุจิ

                นอกจากนี้ ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ มีงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “นิติเวช กับ หลักสิทธิมนุษยชน”ในหัวข้อ อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการทำบุญทางศาสนา เพื่อเป็นสิริมงคลของบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนด้วย.

สะพานข้ามแยกนครปฐม 2 แห่งเริ่มลงมือทำงานแล้ว

        นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ในวันนี้ 10 ตุลาคม 2556  วันหลังจากที่กรมทางหลวงได้มอบพื้นที่ก่อสร้างสะพานข้ามแยกหนองขาหยั่ง และสะพานข้ามแยกทุ่งพระเมรุ ถนนเพชรเกษม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ให้กับบริษัทพีระมิดคอนกรีต จำกัด และบริษัท คริสเตียนนีแอนด์เนลเส็น ตามลำดับ นายประสาน ตากดำรงกุล นายช่างโครงการของกรมทางหลวงได้นำผู้สื่อข่าวไปชมความคืบหน้าในการดำเนินการ โดยในขณะนี้การรื้อถอนเกาะกลางถนนตามเส้นทางขาเข้ากรุงเทพมหานคร บริเวณตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลสนามจันทร์ ไปจนถึงสี่แยกหนองขาหยั่งรวมทั้งฝั่งตรงข้ามทางไปจังหวัดราชบุรีด้วย ซึ่งจะทำให้ช่องการจราจรที่มีอยู่เดิมได้รับการเสริมผิวการจราจรและวางท่อใหม่ จาก 5 ช่องกลายเป็น 6 ช่องการจราจรภายในเดือนธันวาคม 2556 ต่อจากนั้นจะไปรื้อเกาะกลางถนน ตั้งแต่บริเวณหน้าโรงแรมวิเวอร์ไปในทิศทางขาเข้ากรุงเทพ ซึ่งการรื้อเกาะกลางถนนเพื่อเตรียมพื้นที่บริหารการจราจรจะเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ดังนั้นในช่วงนี้จะยังไม่มีความแออัดของการจราจรแถมยังมีพื้นที่การจราจรเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในขั้นตอนต่อมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 เป็นต้นไปทางบริษัทจะต้องกั้นผิวจราจรให้เหลือ 4 ช่อง ทั้งขาไปและขากลับ เพื่อขุดหลุมทดสอบเข็มว่ามีความลึกเพียงใด เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ โดยทำไปทีละเสตปตามความยาว 424 เมตรของสะพาน เมื่อฝ่ายขาเข้าเสร็จแล้วก็จะมาเจาะฝั่งตรงข้ามเนื่องจากเป็นสะพานคู่ 6 เลนซ์ไปกลับ ดังนั้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ผู้ใช้รถใช้ถนนยังเบาใจได้หากผ่านมาบริเวณก่อสร้างสะพานรถยังไม่ติด เพราะมีพื้นผิวการจราจรเพิ่มขึ้น 1 เลนซ์ เป็น 6 ช่อง แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2557 ผิวการจราจรจะลดลง 1 ช่อง เป็น 4 ช่องการจราจรตามขั้นตอนการทำงานซึ่งจะส่งผลต่อการสัญจรไปมาของประชาชนบ้าง ดังนั้นกรมทางหลวงจึงได้ดำเนินการติดป้ายประชาสัมพันธ์ เพี่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ได้ทราบทั้งบริเวณแยกวังมะนาว หนองตะแคง จังหวัดราชบุรี และจากกรุงเทพบริเวณพุทธมณฑลสาย 4 และสายแยกพระประโทน รวมทั้งได้จัดทำโบว์ชัวร์แจกจ่ายตามสถานีบริการน้ำมันที่จะเข้าสู้จังหวัดนครปฐมอีกด้วย หากมีข้อมูลเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ โดยติดตามข้อมูลได้จาก www.prdnakhonpathom.com 

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"นโยบาย ยกรถแทนล็อค เกือบพร้อมแล้ว (16 ต.ค.เตือน 21 ต.ค. จับจริง)"

เมื่อ 11 ต.ค.56  พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) พร้อมด้วยรองผบ.จร. ประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ กับกองบังคับการตำรวจนครบาล1-9 กองบังคับการตำรวจจราจร (เหนือ-ใต้-ธน- ตรวจพิเศษ) สน.ทางด่วน วางแผนเตรียมความพร้อมแนวปฏิบัติ ตามนโยบาย "ยกรถจอดกีดขวางแทนการล็อคล้อ 10 ถนนสายหลัก ได้แก่ ลาดพรัาว พระราม4 สุขุมวิท รัชดาฯ รามคำแหง พหลโยธิน สาทรเหนือ ราชดำเนินกลาง เพชรบุรี และวิภาวดี โดยแบ่งการปฎิบัติเป็น3ระยะ ระยะที่1 วันที่9-15ต.ค. ขั้นเตรียมการ จัดอุปกรณ์ จัดการถยก ป้ายประชาสัมพันธ์ ระยะที่2 15-20ต.ค. ระยะปฎิบัติโดยจนท.จะทำการตักเตือนก่อน โดยจะมีการแจกใบปลิวไปตามถนน 10 สาย และระยะที่3 ดีเดย์ วันที่ 21 ต.ค. บังคับใช้กฎหมายจริงจัง โดยให้มีโทษปรับในอัตราสูงสุด ไม่เกิน 500 บาท ค่าเคลื่อนย้าย 500 บาท และค่าดูแลรักษาวันละ 200 บาท ซึ่งในที่ประชุมได้สรุป ถึงจำนวนรถยก จุดจอดรถ ในการที่จะยกรถ ของผู้กระทำความผิดกฎหมายจราจร มาไว้ในแต่สถานีฯ พร้อมกับได้มีการกำหนดตัวผู้บังคับบัญชา เป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่ โดยพล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า จากสถิตในปี 2556 พบว่า ข้อหาจอดรถที่ห้ามจอด ในปี 2556 มีสถิตถึงการจับกุมมากถึง 2 แสนกว่าราย ดังนั้นในส่วนของการปฏิบัติ หากรถยก ของทางสน.พื้นที่ยังไม่มีความพร้อมเต็มร้อย จะจัดให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ โดยเร่งรัดให้เร็วที่สุด เนื่องจากความอ่อนแอของกฎหมาย ทำให้เกิดปัญหาของการจราจร ซึ่งคาดว่าการดำเนินการไม่น่ามีปัญหา นอกจากนี้ให้จัดทำป้ายแบบตั้งได้ เพื่อบอกให้เจ้าของรถ ทราบว่า รถถูกยกไปไว้ที่ใด นอกจากนี้ ให้แต่ละสน.สรุปถึงปัญหา ทั้ง10เส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกายถนน เรื่องสัญญาณไฟ และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมจราจร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวที่สุด อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจะไม่การทำงานแบบไฟไหม้ฟางเด็ดขาด จะมีการประเมินทุกไตรมาส หากครบ 1 ปี หากพบว่ายังมีการฝ่าฝืน จะออกมาตราขั้นเด็ดขาดต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผอ.ศอ.รส. มอบเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จากการเดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุม

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส.เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายพื้นที่ เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยได้รับบาดเจ็บระหว่างเดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุมดังกล่าว นั้น
                      พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว  ผบ.ตร./ผอ.ศอ.รส. จึงได้มอบเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจจากการปฎิบัติหน้าที่ จำนวน ๕ ราย ประกอบด้วย
                      ๑. ด.ต.วุฒิชัย  บุญเรือง                               ผบ.หมู่ สภ.เทิง จว.เชียงราย
                      ๒. ด.ต.มานพ  แผ่นทอง                            ผบ.หมู่ สภ.เทิง จว.เชียงราย
                      ๓. ด.ต.สุพิศักดิ์  เรือนคำ                            ผบ.หมู่ ป. สภ.เชียงของ จว.เชียงราย
                      ๔. ด.ต.สุรศักดิ์  รักประชา                          ผบ.หมู่ ป. สภ.เชียงของ จว.เชียงราย
                      ๕. ด.ต.บรรจง  จันทร์เพื่อน                       ผบ.หมู่ กก.ตชด.๓๑


จังหวัดนครปฐมประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนพัฒนาจังหวัด 4 ปี โดยกำหนดวิสัยทัศน์ เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมแปรรูปที่ได้มาตรฐานสากล การท่องเที่ยวปลอดภัย และชีวิตเป็นสุข

วันที่  10  ตุลาคม  2556  ที่ห้องประชุมศรีสง่า  โรงแรมริเวอร์  อำเภอเมืองนครปฐม       นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  ได้ประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ  หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ  ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ผู้แทนภาคประชาชน  และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน  เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนพัฒนาจังหวัด  4  ปี  (พ.ศ. 2558 - 2561)  อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่  11  นโยบายรัฐบาล  ยุทธศาสตร์ประเทศ  ยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน  ยุทธศาสตร์ภาค  และภาครวมตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัด
นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  กล่าวว่า  แผนพัฒนาจังหวัดเปรียบเสมือนแผนแม่บทที่ใช้เป็นกรอบในการพัฒนาจังหวัด  เนื่องจาก  พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ  พ.ศ.  2551  กำหนดให้มีการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการดำเนินกิจกรรมของจังหวัดและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด     สำหรับแผนพัฒนาจังหวัดนครปฐม  4  ปี  ได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า  “เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร  อุตสาหกรรมแปรรูปที่ได้มาตรฐานสากล  การท่องเที่ยวปลอดภัย  และชีวิตเป็นสุข  โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ขับเคลื่อนในการพัฒนา  3  ประเด็นยุทธศาสตร์  ประกอบด้วย  
                1.การพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มีความปลอดภัย  ได้มาตรฐานระดับสากลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  เพื่อให้สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมของจังหวัดมีความปลอดภัยผ่านการรับรองมาตรฐานสากล  มีการแปรรูปผลผลิตภาคเกษตร  อุตสาหกรรม  ขยายตลาดและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าและบริการ  โดยมีกลยุทธ์ในการส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณการผลิต  เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจรับรองมาตรฐาน  ส่งเสริมการค้า  การลงทุน  และเพิ่มช่องทางการจำหน่าย
                2.  การเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม  เพื่อให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น  สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดเพิ่มขึ้น  โดยมีกลยุทธ์ในการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติ  พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว  พัฒนาระบบการบริหารจัดการและศักยภาพบุคลากรการท่องเที่ยว  พัฒนาด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์

                3.  การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนและสร้างสังคมคุณภาพอย่างยั่งยืน  เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี  และสังคมมีความเข้มแข็ง  มีศักยภาพรองรับความเปลี่ยนแปลง  โดยมีกลยุทธ์ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันความเข้มแข็งทางสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีศักยภาพ  เสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน  พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานเชิงรุก  อนุรักษ์  ฟื้นฟู  และควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างคุ้มค่าและเป็นธรรม

ประวัติย่อ นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามคนใหม่


 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุมทรสงครามคนใหม่ซึ่งได้ย้ายมาจากจังหวัดราชบุรีมาดำรงตำแหน่งที่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งมีแผนงานจะพัฒนาจังหวัดสมุทรสงครามมากมาย
       ผลงานซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการประกอบสัมมาอาชีวะ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่การงานที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลทั่วไป และสมควรได้รับการยกย่อง ได้รับหนังสือชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ได้ผลดี ในโครงการขยายเหมืองลิกไนท์สำหรับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปางจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอแม่เมาะ ปี ๒๕๓๒ – ๒๕๓๔)   ผลงาน หรือ ผลสำเร็จในด้านวิชาการ/วิชาชีพที่เป็นที่ยอมรับ เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม ได้รับคัดเลือกจากกรมการปกครอง ให้ปฏิบัติงานในฐานะอำเภอทดลองตามโครงการนำร่องอำเภอมิติใหม่ ๔ อำเภอแรกของประเทศ (REENGINEERING) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ปี ๒๕๓๗ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจและนำมาประยุกต์ใช้กับอำเภอต่างๆ 
ประวัติย่อ นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม
 วันบรรจุ                               ๑ มิถุนายน ๒๕๒๑
วัน เดือน ปีเกิด                    ๙ สิงหาคม ๒๔๙๘
ภูมิลำเนา                              จังหวัดราชบุรี
เกษียณ                                 ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘
คู่สมรส                                นางสายฝน  บุญญานุสาสน์
วุฒิการศึกษา                       ปริญญาตรี ศศ.บ. (รัฐศาสตร์) : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๒๕๑๙)
ปริญญาโท พบ.ม. (รป.ศ)    : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (๒๕๒๑)  หลักสูตร นอ.รุ่นที่ ๒๘   นปส.รุ่นที่ ๓๐
เครื่องราชอิสริยาภรณ์          ม.ว.ม. (๕ ธ.ค.๒๕๕๒
             

"สน.ตลิ่งชัน จับยาบ้ากว่า2 แสนเม็ด มูลค่า 60 ล้าน"

เมื่อ 10 ต.ค.56  พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง พร้อมพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.น.7 แถลงจับกุมนายสายันต์ คุ้มวงศ์ อายุ 41 ปี ยึดยาบ้า 195,800 เม็ด หลังตำรวจสน.ตลิ่งชัน สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติด มาที่สถานีขนส่งกรุงเทพ จึงนำกำลังไปดักซุ่ม พบผู้ต้องหาลากรถเข็นบรรทุกกระเป๋าเดินทางมา จึงเข้าตรวจค้น พบยาบ้าจำนวนดังกล่าวจากการสอบสวนผู้ต้องหารับว่า รับจางขนยามาจาก จ.บึงกาฬ ให้ไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำมาแล้ว4 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 40,000 บาทโดยแต่ละครั้งผู้จ้างจะโทรสั่งงานทางโทรศัพท์ หลังเสร็จภารกิจจะต้องหักซิมการ์ดทิ้ง โดยผู้ต้องหาอ้างว่าอยากนำเงินที่ได้ส่งให้ลูก

"ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตรวจอนุสาวรีย์ จัดระเบียบวินรถตู้ "

เมื่อ 9 ต.ค.56 พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อมด้วย รองผบช.น. ผบก.จร. ลงพื้นที่ตรวจสอบการให้บริการของ รถตู้โดยสารสาธารณะ เพื่อเตรียมจัดระเบียบด้านการจราจร พร้อมแจกใบปลิว ขอความความร่วมมือ ประกาศแจ้งเตือน ให้กับผู้ขับขี่รถตู้โดยสารสาธารณะ ให้ขับรถตามกฎหมายโดยเคร่งครัดเพื่อความเป็นระเบียบการจราจร โดยพล.ต.ท.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีประชาชนใช้บริการรถตู้ค่อนข้างมาก มีรถตู้ให้บริการ กว่า70 สายทาง โดยแต่ละสาย มีคิวรถถึง 40 คัน มีประชาชนใช้บริการกว่า50,000 คนต่อวัน ในช่วงเช้ามืด และช่วงเย็นไปจนถึงค่ำ ซึ่งจะต้องจัดระเบียบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ต่อประชาชนผู้ใช้บริการ โดยความร่วมมือกับ ทางกรมการขนส่งทางบก ในการเข้มงวด กวดขันจับปรับในอัตราโทษสูงสุด ทั้งนี้ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาของรถตู้โดยสาร ขณะนี้พบว่ามีรถตู้ ที่จดทะเบียนไม่ถูกต้องถึงร้อยละ 40 จากรถตู้ที่ให้บริการทั้งหมด รวมถึง ผู้ขับขี่ไม่มีอนุญาต บรรทุกผู้ใช้บริการ เกินอัตรา 20 คน ต่อรถตู้ 1 คัน จากปกตินั่งได้ 14 คน รวมถึงขับรถเร็วเกิน กว่ากำหนด 
อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ไข ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อความสะดวกและปลอดภัย รวมถึงความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถตู้สาธารณะ ที่มีการขึ้นบัญชีไว้ จำนวนกว่า 12จุด ที่พบปัญหา ได้แก่ มีนบุรี หนองจอก พาต้าปิ่นเกล้า เมกาบางนา ฟิวเจอร์รังสิต บางแค แยกบางนา โดยจนท.จะซุ่มตรวจและขยายจุดต่อไปยังชานเมือง

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ ห้ามบุคคลเข้าหรือออกจากอาคารหรือสถานที่ตามข้อกำหนด และประกาศที่ออกตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส.เปิดเผยว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกประกาศเตือนพี่น้องประชาชนห้ามบุคคลเข้าหรือออกจากบริเวณพื้นที่อาคารหรือสถานที่ตามข้อกำหนด และประกาศที่ออกตามกฎหมาย คือ เขตดุสิตเฉพาะแขวงดุสิตและแขวงจิตรลดา, เขตพระนครเฉพาะแขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงพานถม และ     บางขุนพรหม และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เฉพาะแขวงวัดโสมนัส กทมฯ เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเป็นผู้รับผิดชอบ รวมทั้งได้มีการออกข้อกำหนดและประกาศตามกฎหมายห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่อาคารหรือสถานที่ รวมทั้งห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือใช้ยานพาหนะ ในพื้นที่ดังกล่าว นั้น เพื่อเป็นการปฎิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ปฎิบัติภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเป็นการรักษาความสงบ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดและประกาศที่ออกตามกฎหมาย    พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๒๔     ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ        

จับอาวุธปืนกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุม

8 ต.ค. 2556 กองร้อยควบคุมฝูกชน นครบาล 7 ร่วมกับสืบ บกน.นปพ.191 ร่วมกันตรวจค้นจับกุม        นายวีรพัธุ์ มาไลยพันธ์ อายุ 72 ปี อ.เมือง จ.กาญจนบุรีตรวจค้นพบอาวุธปืนยื่ห้อ น็อตอเมริกาอาม.22 พร้อมกระสุน อยู่ในรังเพลิง บรรจุเต็ม 6 นัด พร้อมใช้งาน ได้บริเวณ แยกสวนมิสกวัน เจ้าตัวอ้างเข้ามาเก็บข้อมูลกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งมีประวัติ เคยขึ้นเวทีปราศัยร่วมกับผู้ชุมนุมหลายครั้ง จึงนำส่ง สน. ดุสิต เขตพื้นที่ดำเนินคดีต่อไป

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"ปอศ. จับ"เกมบูมซ์ เกมปังย่า" เถื่อน ยึดเซิร์ฟเวอร์ 17 เครื่อง มูลค่าความเสียหายให้เจ้าของลิขสิทธิ์ นับ 100 ล้าน"







เมื่อ 8 ต.ค.56  พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ศปก.ปอศ) พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ศรีอัศวอมร ผกก.๓บก.ปอศ. พร้อมด้วย ว่าที่ร.ต. วิจิตร ภูมิชัยวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทอินิทรี ดิจิตอล จำกัด(มหาชน) ร่วมแถลงผลการกวาดล้างเซิร์ฟเวอร์ "เกมบูมซ์ เกมปังย่า" เถื่อน ยึดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของกลาง จำนวน 17 เครื่อง  หลังจากที่ทาง ปอศ.ได้รับการร้องทุกข์จากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ว่าถูกละเมิดการเปิดให้บริการเกมเถื่อน ทางชุดปฏิบัติการ ปอศ.จึงได้ทำการสืบสวนเข้าตรวจค้นตามหมายศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ที่อาคาคไซเบอร์เวิลด์ ทาวเวอร์ อาคาร กสท.โทรคมนาคม และที่อาคารบางกอกไทยทาวเวอร์ โดยสามารถปิดเซิร์ฟเวอร์เกมเถื่อน จำนวน 9 เซิร์ฟเวอร์ พร้อมจับผู้กระทำความผิดได้ 5 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการสืบหาผู้กระทำผิดที่เหลืออีก 4 ราย  ทั้งนี้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ทำซ้ำดัดแปลงเพื่อการค้า มีโทษจำคุก 6 เดือน-4 ปี ปรับ 1แสน -8 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้าน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทอินิทรี ดิจิตอล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การลักลอบเปิดให้บริการเซิร์ฟเวอร์เถื่อน ซึ่งเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของทางบริษัท ส่งผลให้ระบบการพัฒนาซอฟแวร์เกมลดลง สูญเสียรายได้นับ 100 ล้าน 

เด้งฟ้าผ่า ผกก.เมืองฉะเชิงเทราปล่อยโรงพักสกปรก

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2556 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการผ่านวิทยุในราชการตำรวจให้ พ.ต.อ.สนั่น บุญเผื่อน ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยขาดจากต้นสังกัดเดิมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 
โดยสาเหตุของการสั่งย้ายอย่างเร่งด่วนเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปตรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พบว่าการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดในเรื่องของการรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยที่เอื้อต่อการบริการประชาชน และการอำนวยความยุติธรรม โดยเฉพาะในห้องควบคุมผู้ต้องหามีการเขียนข้อความต่างๆ ที่ผนังห้องเป็นจำนวนมาก และสกปรกไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งสภาพบริเวณโดยรอบของสถานีตำรวจหลายจุด แสดงถึงการที่ผู้บังคับบัญชาปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ โดยเฉพาะหัวหน้าสถานีตำรวจ จึงให้ พล.ต.ต.เชิดชาย เสขะนันท์ รรท.ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พิจารณาข้อบกพร่องดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่แล้วรายงานให้ ตร.ทราบโดยด่วน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทุกครั้งที่ พล.ต.อ.อดุลย์ มอบนโยบายให้กับหัวหน้าหน่วยตำรวจทุกระดับที่ผ่านมา มักมีข้อสั่งการย้ำชัดถึงการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานีตำรวจ ที่ถือเป็นด่านหน้าซึ่งเป็นจุดสำคัญในการบริการประชาชน พร้อมทั้งคาดโทษ หัวหน้าสถานีที่ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลสถานที่ให้ดี โดยประโยคที่ ผบ.ตร.มักพูดย้ำเสมอคือ "หญ้ารก อาคารสีตก โรงพักซ๊กมก ผกก.คอตก อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้"

บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาสมุทรสงคราม จัดโครงการกินข้าวเล่าเรื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ในการให้บริการแก่ประชาชน ผ่านสื่อมวลชน

เมื่อ 8 ต.ค. 56 ที่ห้องอาหารครัวน้ำทิพย์ ริมคลอง อ.อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาสมุทรสงคราม ได้จัด “โครงการกินข้าวเล่าเรื่อง” เพื่อสร้างการรับรู้และสื่อสารที่ดีผ่านสื่อมวลชน ในการให้บริการแก่ประชาชนให้ได้รับทราบถึงเป้าหมายการพัฒนาระบบการบริการ และการจัดการสินไหมทดแทน , การพัฒนาระบบการรับประกันภัยที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ , การเสริมสร้างคุณค่าต่อสังคมและอุตสาหกรรมประกันภัย รวมทั้งการพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ยึดหลักธรรมาภิบาล สำหรับบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พุทธศักราช 2535 แก้ไขฉบับเพิ่มเติมที่ 3 พุทธศักราช 2540 มีหน้าที่ให้บริการประชาชนในการรับคำร้องขอ จ่ายค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. แทนทุกบริษัทประกันภัย และรับประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เฉพาะรถจักรยานยนต์ โดยในแผนป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัดนั้น ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสงครามกำหนดให้บริษัทกลางฯ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน มีหน้าที่รณรงค์ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน และในขณะเดียวกันก็มีการปลูกจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัย ในกลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการเกิดเหตุสูงที่สุดด้วย นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนจังหวัดสมุทรสงคราม และเครือข่ายต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดเก็บสถิติผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต รวมถึงจุดเสี่ยง เพื่อนำไปวิเคราะห์แก้ไขและลดอุบัติเหตุ ซึ่งพบว่าสถิติข้อมูลอุบัติเหตุในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้น สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ได้จัดทำเว็บไซต์ www.ThaiRsc.com รวบรวมอุบัติเหตุทั่วประเทศเพื่อให้ภาคสังคมทุกส่วนสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลเพื่อใช้ในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ต่อไป

ยูเอ็มเอส รับโล่ประกาศเกียรติคุณจาก จ.สมุทรสาคร

บริษัทฯ รับโล่ประกาศเกียรติคุณ เนื่องจากร่วมสนับสนุนงบประมาณ โครงการ ปรับปรุงห้องประชุมศาลากลางจำนวน 100,000 บาท โดยมีนายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร มอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ Mr.Yves Barbieux สมาชิกคณะกรรมการบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ การประชุมคณะกรมการจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจฯ ครั้งที่ 9/2556 ห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ 401 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร          การสนับสนุนโครงการ ปรับปรุงห้องประชุมศาลากลางเป็นหนึ่งในนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทฯ ด้านสาธารณกุศล  ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมที่อยู่รอบข้างสถานประกอบการของบริษัทฯ


การอำนวยความสะดวก ด้านการจราจรบริเวณพื้นที่ชุมนุม

พล.ต.ต.ปิยะ  อุทาโย โฆษก ตร. เปิดเผยว่า  พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มกองทัพประชาชนฯ ได้ชุมนุมปิดถนนราชดำเนินนอก บริเวณใกล้ประตู ๕ ทำเนียบรัฐบาล ทำให้การจราจรบนถนนพิษณุโลกและถนนราชดำเนินนอกบางส่วนไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยทั่วไป ประกอบกับการข่าวอาจจะมีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ยกระดับการชุมนุม นั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งจุดตรวจ เพื่อคัดกรองและตรวจตราอาวุธ, ยานพาหนะหรือสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายทุกชนิด  โดยเป็นการดูแลความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ การตั้งจุดตรวจ ประชาชนสามารถเดินเข้า-ออกได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องมีการตรวจค้นเพื่อความปลอดภัยข้างต้น ดังนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงได้มีการจัดชุดเจรจาต่อรอง เพื่อขอความร่วมมือในการเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ และแจ้งเตือนประชาชนเลี่ยงใช้เส้นทางตั้งแต่บริเวณแยกพาณิชย์ไปจนถึงแยกสวนมิสกวัน เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว               สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขออภัยในความไม่สะดวกสำหรับ พี่น้องประชาชนและขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือในการหลีกเลี่ยงเส้นทางในการจราจร สำหรับประชาชนที่พบเห็นเหตุที่จะก่อให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่ต่างๆ หรือต้องการแจ้งเบาะแส ข้อร้องเรียนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย สามารถแจ้งไปยังหมายเลขโทรศัพท์ ๑๕๙๙ ได้ตลอด   ๒๔ ชั่วโมง

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จังหวัดนครประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ทันภายในวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา

เมื่อวันที่  7  ตุลาคม  2556  ที่ผ่านมา  นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  ได้ประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด  เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์  วิธีการ  และเอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบในการขอชดเชย  กรณีให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ครั้งที่สอง  ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก  ปีการผลิต  2555/56  หลังจากที่ทางจังหวัดได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ  หรือ  กขช.  ให้พิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว  โดยขอขยายเวลาการรับจำนำข้าวเปลือก  จากเดิมสิ้นสุดวันที่  15  กันยายน  2556  เป็นวันที่  30  กันยายน  2556  เนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอให้เกษตรกรเลื่อนการเพาะปลูกและปล่อยน้ำชลประทานล่าช้า  ทำให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ทันภายในวันที่  15  กันยายน  2556  ซึ่งจังหวัดนครปฐมมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่อำเภอบางเลน  พุทธมณฑล  และนครชัยศรี  ได้รับผลกระทบประมาณ  40  ราย  และได้ดำเนินการขายข้าวให้กับโรงสี  ซึ่งมีราคาต่ำกว่าการเข้าโครงการรับจำนำข้าว

คณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว  จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ  กขช.  หารือกับหน่วยข้อง  ได้แก่  กรมส่งเสริมการเกษตร  ธ.ก.ส.  คณะอนุกรรมการระดับจังหวัด  และตัวแทนเกษตรกรในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ  เพื่อชี้แจงให้เกษตรกรทราบถึงแนวทางช่วยเหลือเยียวยาให้เกษตรกรที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ครั้งที่  2  และเกษตรกรได้นำข้าวเปลือกไปจำหน่ายทางการค้าปกติ  โดยช่วยเหลือเป็นค่าพันธุ์  ค่าปุ๋ย  และค่ายาปราบศัตรูพืช  ในอัตราตันละ  2,500  บาท  ตามปริมาณที่ระบุในหนังสือรับรองเกษตรกร  ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด  ได้เตรียมเสนอหลักเกณฑ์  วิธีการ  และเอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบในการขอชดเชย  โดยจะต้องเป็นเกษตรกรที่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก  ปีการผลิต  2555/56  แต่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ทันภายในวันที่  15  กันยายน  2556  และยังไม่ได้ใช้สิทธิ์รับจำนำข้าวครั้งที่  2  ซึ่งคณะทำงานระดับอำเภอ  หรือ  กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  หรือบุคคลที่มีพื้นที่ข้างเคียง  ต้องให้คำรับรองเกษตรกรที่เข้าหลักเกณฑ์และต้องการขอชดเชย  และมีใบรับรองการขึ้นทะเบียนของเกษตรกร  ที่มีเอกสารประกอบการขึ้นทะเบียน  ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรแจ้งให้เกษตรกรดำเนินการ  เพื่อให้  กขช.  พิจารณาดำเนินการต่อไป

สาวใหญ่ตายคาวัด

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 พ.ต.ท.ดาวรุ่ง นาวิก พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพ้ว รับแจ้งเหตุมีผู้พบศพภายในวัดใหม่ราษฎร์นุกูล ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุเป็นห้องพักสำหรับผู้มาถือศีลภายในวัด ภายในห้องพบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิง สภาพนอนหงายมีเลือดออกจากปาก ใส่เสื้อเชิ้ตคอปกสีขาว นุ่งผ้าถุงลายดอก ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ชิด เรไร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 259/1 ม.1 ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร สอบถาม แม่ชีเพชรรุ้ง จำเริญ ผู้พบศพเล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้ายังเห็นผู้เสียชีวิตเดินไปเดินมาภายในวัด แต่พอตอนเกือบเที่ยง ผู้ตายได้เดินเข้าไปในห้อง และได้ยินเสียงไอหลายครั้ง พร้อมทั้งมีเสียงเหมือนของหล่น ตนจึงเปิดเข้าไปดูก็พบว่าผู้ตายได้เสียชีวิตแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

"นครบาล เปิดวิสัยทัศน์จราจร เร่งแผนยุทธศาสตร์แก้ไขรถติด นำร่อง 16 โครงการเร่งด่วน"

เมื่อ 7 ต.ค.56 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น.รับผิดชอบงานจราจร ร่วมแถลงวิสัยทัศน์จราจร มอบนโยบายแผนยุทธศาสตร์พัฒนาแก้ไขปัญหาด้านการจราจร ในพื้นที่กรุงเทพฯ และโครงการนำร่องเร่งด่วน(Hilight Project)...16 โครงการ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานจราจร ระดับสารวัตรขึ้นไปเข้ารับนโยบาย โดยผบช.น. กล่าวว่า ปัญหาการจราจรเป็นปัญหาที่ประชาชนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่อยากเห็นตำรวจตั้งด่านแล้วทำให้เกิดผลกระทบต่อการจราจร หรือไปยืนจ้องจับบนทางด่วน ตามด่านเก็บเงิน ดักจับความเร็ว มันเหมือนเป็นการดักตีหัว ซึ่งตนมองว่า งานจราจรต้องเป็นงานบริการ ขอให้เป็นการเตือนก่อนจะดีกว่า ไม่อยากให้ตำรวจเห็นแก่เงินรางวัลค่าปรับ นอกจากนี้ ให้กวดขันจับกุมรถโดยสาธารณะที่จอดซ้อนคัน จอดแช่ป้าย ตามป้ายรถประจำทาง ซึ่งทำให้รถติด พร้อมทั้งให้ใช้วาจาให้สุภาพ ต่อผู้ใช้รถใช้ถนน อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้ทุกจุดที่ปัญหารถติดต้องมีตำรวจเข้าไปดูแล

"จราจรนครบาล มุ่งมั่นพัฒนาและ แก้ไขปัญหาจราจร ในกรุงเทพมหานคร อย่างมืออาชีพ"

เมื่อ 7 ต.ค.56 พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) แถลงแผนยุทธศาสตร์พัฒนาแก้ไขปัญหาด้านการจราจร ในพื้นที่กรุงเทพฯ และโครงการนำร่องเร่งด่วน(Hilight Project)...16 โครงการ ปีงบประมาณ 2557 โดยพล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวกับ สถานีวิทยุจราจรเพื่อสังคม 99.5 ว่า นับจากที่ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ตนดูแลด้านงานจราจร ซึ่งตนเองก็ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายอำนวยการ เพื่อกำหนดข้อมูลการปฏิบัติและกำหนดแผนในการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ตามที่ได้รับรายละเอียดต่างๆ มาครบถ้วนแล้ว ก็ได้กำหนดแผนงานการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจราจร ในกรุงเทพฯ ขึ้นมา ซึ่งในส่วนของวิสัยทัศน์ด้านการจราจร ได้กำหนดขึ้นมาว่า ตำรวจนครบาล มุ่งมั่นพัฒนา และแก้ไขปัญหาการจราจร ในกรุงเทพมหานครอย่างมืออาชีพ ในส่วนนี้ได้กำหนดแผนดำเนินการเป็น 11 ยุทธศาสตร์ ..
1.การถวายความปลอดภัย และเรื่องการดูแลเกี่ยวกับพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากและพลาดไม่ได้ ต้องกำหนดโครงการต่างๆ ที่มารองรับอย่างชัดเจน
2.การปฏิบัติเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ ซึ่งโครงการในปีนี้เราจะพัฒนาพลิกโฉมตำรวจจราจรทุกคนให้เข้ามาดำเนินการตามแนวโครงการพระราชดำริ ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วย
3.การแก้ปัญหาจราจรติดขัด จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ใช้วิทยาศาสตร์และหลักคณิตศาสตร์ เข้ามาคิด ต่อไปจะมีการติดตั้งเครื่องนับรถทุกทางแยก และเตรียมนำเสนอรัฐบาลเรื่องโครงการเหลื่อมเวลา ในการเหลื่อมเวลาการทำงานของภาครัฐและเอกชนต่างๆ เพื่อมาสนับสนุนในส่วนของยุทธศาสตร์นี้
4.การพัฒนาด้านบุคลากร เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน
5. เรื่องการบังคับใช้กฎหมายและปรับปรุงกฎหมายจราจร ซี่งที่ผ่านมาถือได้ว่าคนคนเดียว ทำผิดกฎจราจรเป็นว่าเล่น เช่น ขับรถฝ่าไฟแดง ขับรถเปลี่ยนเลนโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น ต่อไปก็จะมีแผนเกี่ยวกับโครงการในเรื่องของผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย
6.โครงการป้องกัน รถติด และอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลสำคัญ
7.การประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน
8.เรื่องการบริหารจัดการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงศูนย์สั่งการและควบคุมการจราจร เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น
9.การแสวงหาและพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในงานจราจร อาทิ เครื่องนับรถ เครื่องตรวจจับการจราจรบนท้องถนน รวมทั้งเครื่องตรวจจับในการเปลี่ยนเลน หรือเรดไลท์คาเมร่า ที่จับรถที่ฝ่าไฟแดงต่างๆ ต้องนำมาใช้ทุกทางแยก
10.การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันพัฒนาปัญหาจราจรให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
11.การประเมินผลและการปรับปรุงแผน ซึ่งแผนที่ออกมาตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ 100 % โดยจะประเมินผลทุกๆ 1 เดือน ส่วนในระยะยาว จะประเมินทุก 6 เดือน และ 12 เดือน ซึ่งทั้งสองแบบก็จะมีการนำรายละเอียดต่างๆ มาสรุปให้ชัดเจน ซึ่งหลังจากประเมินแล้ว ก็จะมีการปรับแผนไปสู่การปฏิบัติที่มีความชัดเจน
ทั้งนี้ การทำงานของตำรวจจราจร ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยเราจะมีการจัดการประชุมประจำเดือน เรียกว่าการประชุมสุภาพบุรุษจราจร ต่อไปตำรวจจราจร ซึ่งมี 3-4 พันคน ตัองแย่งกันทำความดี เพื่อเปิดมิติใหม่ และต่อไปในหนึ่งปีจะมี 1 วัน ที่สำคัญ คือ จะจัดวันสุภาพบุรุษจราจร ซึ่งเป็นนโยบายของ ผบ.ตร. ต่อไปจราจร บชน. จะต้องพลิกโฉมในการพัฒนา ไปสู่การบริการที่ดีเยี่ยม และนำเทคโนโลยี มาใช้กับจราจร นอกจากนี้ พล.ต.ต.อดุลย์ ยังระบุถึง กรณีการเตรียมนำรถยกมาใช้นั้นจะเป็นการใช้ข้อกฎหมายเดิมคือความผิดพ.ร.บ.จราจรมาตรา 57และ 59 ห้ามจอดในที่ห้ามฝ่าฝืนมี โทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมทั้งเสียค่าเคลื่อนย้าย 500 บาท และค่าดูแลอีกวันละ 200 บาท โดยเปลี่ยนวิธีการบังคับใช้จากการบังคับล้อเป็นการใช้รถยก และจะบังคับใช้เฉพาะชั่วโมง เร่งด่วนเท่านั้น ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหา การจราจรได้ดีกว่าการบังคับล้อ โดยหลังจากนี้จะมีการประชุมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการบังคับใช้กฎหมาย และจะมีการประชาสัมพันธ์ กับประชาชนได้ทราบ ซึ่งคาดว่าจะ เตรียมบังคับใช้ภายในต้นเดือนพฤศจิกายน อีกทั้งได้เตรียมการเสนอโครงการจำกัดอายุการใช้งานรถยนต์ต่อรัฐบาล อาทิ รถอายุเกิน 7-10 ปี ห้ามนำเข้ามาวิ่งในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งหากนำเข้ามาวิ่งจะต้อง เสียภาษีเทียบเท่ารถใหม่ โดยโครงการนี้ ได้นำแนวคิดมาจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจราจร ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจราจร อาทิ การเสียค่าปรับกรณีทำการจราจรติดขัดนาทีละ 100 บาท พลตำรวจตรีอดุลย์ เปิดเผยว่า สำหรับแนวคิดดังกล่าวสามารถนำมาพัฒนาได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งคาดว่าในอนาคตอาจจะมีการนำมาหารือและบังคับใช้ได้ในอนาคต

แฟนเพลงเป็นจำนวนมากร่วมรดน้ำศพไว้อาลัยนักร้องลูกทุ่งและครูเพลงชื่อดัง ก้าน แก้วสุพรรณ

วันที่  7  ตุลาคม  2556  ที่วัดไร่ขิงพระอารามหลวง  อำเภอสามพราน  จังหวัดนครปฐม  มีประชาชนและแฟนเพลงเป็นจำนวนมาก  มาร่วมรดน้ำศพและแสดงความไว้อาลัยให้กับนักร้องลูกทุ่งและครูเพลงชื่อดัง  ก้าน  แก้วสุพรรณ  เจ้าของผลงานเพลง  น้ำตาลก้นแก้ว  รอยไถแปร  ลาแล้วแก้วตา  และบทเพลงอื่นๆอีกมากมาย  หลังจากล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้นานกว่า  2  ปี  และเสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้าของวันที่  6  ตุลาคมที่ผ่านมา  ณ  โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์  (ไร่ขิง)  ด้วยวัย  74  ปี  โดยในวันนี้  (7 ต.ค. 56)  ได้เคลื่อนย้ายศพของ  ก้าน  แก้วสุพรรณ  มาที่บริเวณศาลาเอนกประสงค์วัดไร่ขิง  โดยมีนางปิยวรรณ  หอมระรื่น  ภรรยา  พร้อมลูกๆ  รวมทั้งญาติพี่น้อง  บรรดาเพื่อนนักร้อง  และศิลปินร่วมวงการเพลง  ได้ร่วมรดน้ำศพและแสดงความไว้อาลัย  ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง  สำหรับการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ  ก้าน  แก้วสุพรรณ  จะตั้งบำเพ็ญไว้ที่ศาลาเอนกประสงค์  วัดไร่ขิง  เป็นเวลา  15  วัน  ก้าน  แก้วสุพรรณ  มีชื่อจริงว่า  นายมงคล  หอมระรื่น  มีชื่อเล่นว่า  แดง  เกิดเมื่อวันที่  5  สิงหาคม  2482  ที่ ตำบลสามชุก  อำเภอสามชุก  จังหวัดสุพรรณบุรี  ครอบครัวมีฐานะยากจนจึงถูกนำมาฝากเลี้ยงและต่อมาก็ได้เป็นบุตรบุญธรรมของพระครูสุนทรานุกิจ  (หลวงพ่อวัดสามชุก)  เพื่อให้มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน  หลังจบการศึกษาชั้น  ป.4  ก้าน  แก้วสุพรรณ  ได้เข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ  โดยบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดปรินายก  ย่านสะพานผ่านฟ้า  จากนั้น  ก้าน  แก้วสุพรรณ  ได้สึกออกมาและทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์  เป็นนักมวยตระเวนชกตามงานต่างๆ  และประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง  สามารถคว้ารางวัลมาครองได้หลายเวที  จากนั้นได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรีและขับร้องเพลงของครู ป. ชื่นประโยชน์  และได้แต่งเพลงให้กับก้าน  แก้ว  สุพรรณ ชื่อเพลงว่า คนชาวนา   พร้อมกับพาไปบันทึกเสียง  แต่มาเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงจากเพลง  “ หลงกรุง  ซึ่งแต่งโดย  ต่อชัย  ภู่ชมภู  จึงได้เข้ามาเป็นนักร้องแนวหน้าของวงร่วมกับ  สุรพล  สมบัติเจริญ  และผ่องศรี  วรนุช  จนมีชื่อเสียงโด่งดังจากบทเพลงไพเราะมากมาย  หลังเลิกราจากวงการลูกทุ่ง  ก้าน  แก้วสุพรรณ  หันมาจับกิจการด้านร้านอาหาร  จัดสรรที่ดิน  และปลูกบ้านจัดสรร  แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จจึงเลิกราไป  นอกจากนั้นเขาก็ยังปลุกปั้นนักร้องลูกทุ่งประดับวงการด้วยหลายคน  ก่อนล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้นานกว่า  2  ปี  และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่  6  ตุลาคม  2556  เวลา  06.50  น.  ณ  โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์  (ไร่ขิง)  ด้วยวัย  74  ปี