pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ตำรวจนครบาลเตือนงานเทศกาลลอยกระทง

ข่าแถลงบชน.ชี้ชัด          พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. โฆษก บชน. เนื่องจากในช่วงเทศกาลลอยกระทงมาถึง ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตำรวจนครบาลออกตรวจตรามากขึ้น เพราะมีวัยรุ่นชอบมั่วสุม เล่นดอกไม้ไฟและประทัดดอกใหญ่ จนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ดังนั้น ผบช.น. ได้สั่งการระดมกวาดล้างอาชญากรรมต่างๆ เช่นการจำหน่ายดอกไม้ไฟ ประทัดยักษ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงจัดทีมประชาสัมพันธ์ ออกเตือนภัยให้ประชาชนทราบถึงอุบัติภัยอันอาจเกิดขึ้นได้ ตลอดจนให้ระวังภัยจากเหตุอาชญากรรมด้วย หรือเล่นดอกไม้ไฟ ส่งเสียงดังรบกวน มีโทษปรับไม่เกิน 100 บาท หากเกิดเพลิงไหม้ จนน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท ทั้งนี้จะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25-29 พฤศจิกายน 2555 โดยให้ปฏิบัติตามแนวนโยบายทุกกองบังคับการ ระดมกวาดล้างในช่วงเทศกาลลอยกระทง นอกจากนี้ยังเตือนมายังพี่น้องประชาชนที่ไม่อยู่บ้านในช่วงดังกล่าว ขอให้มีคนเฝ้าบ้าน เพื่อป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินภายในบ้าน

กาชาดนครปฐมยืนยันงานมัจฉากาชาดของรางวัลใหญ่ออกทุกวัน

DSC_0360          นางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ได้จัดงานออกร้านมัจฉากาชาด ประจำปี 2555 เนื่องในงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2555 รวม 9 วัน 9 คืน ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าวได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมซื้อตลับมัจฉากาชาดกันเป็นจำนวนมาก โดยได้แบ่งของรางวัลออกเป็น3 หมวด คือ ก,ข, และ ค จำหน่ายตลับละ 20 บาท

นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม กล่าวต่ออีกว่า ผู้ที่ซื้อตลับมัจฉากาชาดจะมีสิทธิได้ลุ้นรางวัลเป็นประจำทุกวัน และตลับมัจฉากาชาดทุกตลับจะได้รับของชำร่วย ทั้งนี้ทางจังหวัดนครปฐม ได้กำหนดเปิดร้านมัจฉากาชาดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-23.00 น. หากรางวัลใหญ่ทุกรางวัลออกหมดก็จะปิดร้านมัจฉากาชาดทันที และในกรณีที่ไม่มีผู้โชคดีซื้อตลับได้ของรางวัลใหญ่ ทางเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐมจะนำของรางวัลใหญ่นั้นมาออกในวันถัดไป และยืนยันว่าของรางวัลทุกรางวัลจะออกหมดอย่างแน่นอน สำหรับในคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งเป็นคืนแรกของการออกร้านมัจฉากาชาดมีผู้สนใจซื้อตลับมัจฉากาชาดกันเป็นจำนวนมาก โดยมี นายเอกพันธุ์ คุปตวัช นายกเทศมนตรีนครนครปฐม เป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ยอดเงินจากการขายตลับรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 146,000 บาท

หนุ่มฉุน ! ติดช้าชักปืนยิงร้านซ่อมแอร์

2          หนุ่มป๊อปอารมณ์ร้าย ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ร้านซ่อมแอร์ ลูกจ้างในร้านรับเคราะห์แทนนาย บาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุใจเย็นขับรถไปนั่งกินข้าวเลือดหมู เพื่อดูเหตุการณ์ ตำรวจสน.ดอนเมืองสืบไม่นาน จับตัวได้พร้อมอาวุธปืน ยอมรับเพราะไม่สนใจ จนระงับอารมณ์ไม่อยู่ สุดท้ายเดินคอตกเข้าคุก พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยะธัช รองผบช.น. แถลงข่าว สส.บก.น2. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง สืบไม่นาน จับกุมตัว นายอนุรักษ์ หรือ ป๊อป รสดี อายุ 31 ปี อยู่เลขที่ 37 ซอยสรคมณ์ (ทวีวัฒน์ 2) ถนนสรคมณ์ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยแจ้งข้อหาว่าพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา นายอนุรักษ์ หรือ ป๊อป รสดี ได้ว่าจ้างให้ร้าน พี.บี.แอร์ เซอร์วิส ไปติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่บ้านพัก แต่ทางร้านยังไม่ไปดำเนินการ จนเวลาผ่านไป 2 วัน จึงเกิดความไม่พอใจ ได้ติดตามสอบถาม แต่ไม่ได้ความ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่หน้าร้านไป 2 นัด ยังผลให้กระสุนปืนถูกลูกจ้างในร้าน บาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุ นายอนุรักษ์ ขับรถยนต์กระบะสีขาวไปนั่งกินข้าวเลือดหมู หน้าปากซอย ที่เกิดเหตุ จากนั้นสอบถามรายละเอียดว่ามีผู้บาดเจ็บ จึงหลบหนีไป เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงพบความจริง จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เคยขับรถหนีแหกด่านมาแล้ว จนถูกออกหมายจับด้วย

โปร่ง พญาไม้

ผบ.ตร.ร่วมรดน้ำศพตำรวจอ่างทอง

IMG_3904          เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป1) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.(มค2) และ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ผู้แทนนายกฯ ร่วม พิธีรดน้ำศพ จ.ส.ต.ศราวุธ ลาวงศ์ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ป่าโมก และ ส.ต.อ.มงคลชัย ม่วงแก้ว ผบ.หมู่ (ส) สภ.ป่าโมก พร้อมมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวตำรวจทั้ง 2 ครอบครัว จากนั้น ผบ.ตร.และคณะ เดินทางไปเยี่ยมและมอบเงินช่วยเหลือแก่ตำรวจ และผู้โดยสารรถแท๊กซี่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ให้กำลังใจ น. 1

1          ประชาชนจาก เขตราษฎร์บูรณะ จำนวนกว่า 150 คน ได้เดินทางมาที่บช.น. เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจแด่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เพื่อขอให้ต่อสู้กับความอยุติธรรมไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงร่วมเดินทางให้กำลังใจ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่ได้เดินทางมาให้กำลังใจในครั้งนี้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่มีใครเป็นผู้แพ้และผู้ชนะ ทุกคนเป็นคนไทยกันทั้งนั้น แต่แตกต่างทางความคิดก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ซึ่งจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อประชาชนทุกคน

โปร่ง พญาไม้

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความมั่นคงทางด้านพลังงานกับ AEC


การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เขตการค้าเสรีอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 ประเทศไทย        ได้เตรียมพร้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะความมั่นคงด้านพลังงาน ปิโตรเลียม ไฟฟ้า ถ่านหิน พลังงานหมุนเวียน ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงให้ความสำคัญกับความมั่นคงของพลังงานไทย ที่คาดว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะหมดไปในอีกไม่นาน ส่วนกระแสไฟฟ้าต้องมีการนำเข้าจากสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวบางส่วน ขณะเดียวกันราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ระดับสูงและมีความผันผวน ประเทศไทยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่จำกัด ต้องพึ่งพาการนำเข้า น้ำมันดิบถึงร้อยละ 85 ของการจัดหา ไม่มีการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ในการผลิตในสัดส่วนถึงร้อยละ 70 รวมถึงประชาชนไม่ยอมรับการพัฒนาโครงสร้างด้านพลังงาน ส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว ซึ่งไทยต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจอย่างเร่งด่วน ดังนั้น กระทรวงพลังงาน จึงได้ทำแผนจัดหาก๊าซเพิ่มเติม ประกอบไปด้วย การเจรจาจัดซื้อก๊าซจากประเทศในอาเซียน ได้แก่ พม่า และอินโดนิเซีย ซึ่งพม่าจะเปิดสัมปทานครั้งใหม่ภายในปลายปีนี้ คาดว่าจะมีการแข่งขันรุนแรง และทางกลุ่ม ปตท.จะเข้าร่วมเสนอสัมปทานด้วย ส่วนแหล่งก๊าซที่อินโดนีเซีย คาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ หลังจากปัจุบันทาง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. เข้าไปร่วมลงทุนในแหล่งนาทูน่า โดยจะตัองสร้างท่อก๊าซอาเซียนเชื่อมโยงจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย มายังประเทศไทย
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ไทยผลิตก๊าซธรรมชาติสูงเต็มกำลังการผลิตแล้ว และหากไม่ดำเนินการอะไรเพิ่มเติมก๊าซจากอ่าวไทยภายในอีก 20 ปีข้างหน้าจะหมดลง และ         จะกระทบต่อประชาชน และภาคอุตสาหกรรม เพราะปัจจุบันไทยใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้าสัดส่วนร้อยละ 70 โดยปีนี้ประเทศไทยใช้ก๊าซสูงถึง 4,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็นการผลิตในประเทศร้อยละ 75 และนำเข้าร้อยละ 25 ซึ่งก๊าซในประเทศกำลังการผลิตสูงสุดในปีหน้าจากนั้นจะเริ่มลดน้อยลง
นอกจากนี้ การเป็น AEC ผลกระทบที่มีต่อกิจการพลังงาน ภาษีการนำเข้าจะเป็นศูนย์ การค้าในอาเซียนจะเป็นเสรีมากขึ้น ซึ่งไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของตลาดและฐานการผลิตร่วม AEC โดยจะไปทำธุรกิจภาคบริการ หรือ ไปลงทุนในอาเซียนอื่นๆได้อย่างเสรี ขณะเดียวกันไทยจะต้องเปิดเสรี ให้อาเซียนอื่นเข้ามาถือหุ้นได้ถึง ร้อยละ 70 ด้วย ทั้งนี้ ผลของ ACE ที่จะเกิดขึ้นมีทั้งได้และเสีย ซึ่งไทยต้องมีการกระตุ้นให้เกิดการปรับตัว มองหาลุ่ทางใช้ประโยชน์ ทั้งทางด้านภาษา และประสิทธิภาพของบุคลากร รวมถึงการใช้ยุธศาสตร์เชิงรุก มากกว่าการตั้งรับ



เมาไม่ขับ เชิญชวนคนไทย เมาไม่ลอย พร้อมอธิษฐานถวายพระพรในหลวง –ราชินี


นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า  เทศกาลลอยกระทงซึ่งถือเป็นประเพณีโบราณของไทยกำลังเวียนมาอีกวาระหนึ่ง ทั่วประเทศมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนและอุบัติเหตุทางน้ำ โดยจากสถิติข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่าเทศกาลลอยกระทงปีที่แล้ว มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 57 ราย บาดเจ็บ 339 ราย และจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางน้ำ 23 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีส่วนสัมพันธ์กับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มูลนิธิเมาไม่ขับมีความห่วงใยในปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง กรมคุมประพฤติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน จัดทำโครงการ เมาไม่ขับ เมาไม่ลอย” ขึ้น โดยเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันทำความดี ลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมาแล้วขับ และการเมาแล้วออกไปลอยกระทง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยอีกว่านอกจากจะขอขมาพระแม่คงคา และขอพรให้กับตนเองและครอบครัวแล้ว ลอยกระทงในปีนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับขอเชิญชวนคนไทยพร้อมใจอธิษฐานถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว และทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนานสถิตเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยตราบนานเท่านาน ในโอกาสนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดทำธงตราสัญลักษณ์ 84 พรรษาสีชมพู และธงตราสัญลักษณ์80 พรรษา สีฟ้าขนาดเล็กพร้อมข้อความทรงพระเจริญ จำนวน 99,999 อัน แจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อประดับลงในกระทงที่จะลอยทั้งนี้ ประชาชนขอรับธงดังกล่าวได้ในขบวนแห่รณรงค์เมาไม่ขับ เมาไม่ลอย ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา13.00 น. ตามเส้นทางขบวนรณรงค์ เริ่มจากลานพระบรมรูปทรงม้า เข้าสู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผ่านศูนย์การค้าสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิล์ด ประตูน้ำ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปสิ้นสุดที่ลานพระบรมรูปทรงม้านอกจากนี้ยังสามารถขอรับธงตราสัญลักษณ์ 84 พรรษา และธงตราสัญลักษณ์ 80 พรรษาได้ที่ มูลนิธิเมาไม่ขับ 28/12 ซอยสุขุมวิท 19 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 สำหรับผู้ที่ไม่สามารถไปลอยกระทงได้ด้วยตัวเอง สามารถลอยกระทงทางออนไลน์ ได้ที่  WWW.DDD.OR.TH   หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-254-5959 , 02-254-0044

สำนักงานลูกเสือจังหวัดสมุทรสงครามจัดงานวันวชิราวุธ

เมื่อ 25 พ.ย. 55 ที่ผ่านมา ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานลูกเสือจังหวัดสมุทรสงคราม ได้จัดงานวันวชิราวุธขึ้น ภายในงานได้มีการจัดพิธีวางพวงมาลาเพื่อถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ซึ่งมีคณะลูกเสือ เนตรนารี ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และองค์กรต่าง ๆ เข้าร่วมพิธีวันวชิราวุธ ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี สาเหตุที่กำหนดให้เป็นวันนี้ เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านการคมนาคม การปกครอง กิจการเสือป่าและลูกเสือ  รวมทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และด้านวรรณคดี เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต ทางการจึงกำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันวชิราวุธ เพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ทั้งนี้ภายหลังมีหลักฐานยืนยันว่า วันสวรรคตจริงตรงกับเช้ามืดช่วงตี 1 ของวันที่ 26 พฤศจิกายน แต่ทางราชการยังคงถือว่าวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันวชิราวุธ

นครปฐมจัดงานดนตรีในวังเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชาการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า จังหวัดนครปฐม โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ร่วมกับพระราชวังสนามจันทร์ และสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครปฐม จัดงาน “ดนตรีในวังเฉลิมพระเกียรติที่บริเวณข้างพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระราชวังสนามจันทร์ โดยจัดขึ้นทุกวันเสาร์ เวลา ๑๖.๐๐  ๑๘.๐๐ น. ทุกสัปดาห์ จนถึง 30 กันยายน 2556 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๕ พรรษา  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕   จึงขอเชิญชวนข้าราชการ  พี่น้องประชาชน เข้ารับฟังดนตรีในวังทุกวันเสาร์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

โครงการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น

เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2555  ที่ผ่านมา ณ อาคารหอประชุม วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม นายไชยา  สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น  Stop Teen Mom โดยมี นางจุไร สะสมทรัพย์ นายกสมาคมสตรีนครปฐม และประธานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดนครปฐม กล่าวรายงาน สืบเนื่องจากสโมสรโรตารีพระปฐมเจดีย์ ร่วมกับสมาคมสตรีนครปฐม ได้จัดโครงการอบรม การตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น Stop Teen Momขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และจิตสำนึกของวัยรุ่นในการเตรียมความพร้อม เพื่อแก้ปัญหาสังคมในวัยรุ่นรวมทั้งปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น ตลอดจนการสร้างแกนนำในการรณรงค์หยุดปัญหาสังคมด้านการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาสังคมที่ต้นเหตุ ประกอบการให้ความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย และในโอกาสเดียวกันนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ จิตสำนึก รักชาติ และความเป็นไทย โดยชี้ให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญในวัฒนธรรมอันดีของไทย ไม่ว่าจะเป็น ขนบธรรมเนียมประเพณี สถานที่ต่างๆอันเป็นเอกลักษณ์ที่ส่งเสริมชาติไทยให้โดดเด่นและสง่างาม นอกจากนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ได้เน้นย้ำให้นักเรียนนักศึกษามีคุณธรรม เชื่อฟังพ่อแม่ ครูอาจารย์ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน เนื่องจากในปีพ.ศ. 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าการเปิดประตูสู่อาเซียนครั้งนี้ มีการแข่งขันสูงในเรื่องตำแหน่งงานและอื่นๆอีกมากมาย          


ดังนั้น นักเรียน นักศึกษา จะต้องฝึกฝนความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษและเทคโนโลยี แต่ก็ต้องไม่ลืมอัตลักษณ์ความเป็นไทยของตนเอง นอกจากนี้ มล.ปนัดดา ฯ ยังได้นำตัวอย่างคำสอนจากบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ความเมตตากรุณามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งให้นักเรียนนักศึกษาได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประพฤติปฏิบัติต่อไป




จัดหางานนครปฐมจัดกิจกรรมนัดพบแรงงานครั้งที่ 1


         นายเรืองยศ ตีวกุล จัดหางานจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดทำงานเชิงรุก โดยเฉพาะด้านการให้บริการประชาชน สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐมจึงจัดกิจกรรม นัดพบแรงงาน ครั้งที่ 1  ในวันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2555 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อให้ประชาชน ผู้ว่างงาน ผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง และผู้สนใจทั่วไป ได้รับบริการด้านต่างๆ ของสำนักงาน  ทั้งนี้ยังมีการบูรณาการกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในการให้บริการ ด้านต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  กิจกรรมในงานประกอบด้วย การรับสมัครงาน ซึ่งมีตำแหน่งงานว่างจากบริษัทชั้นนำกว่า 30 บริษัท มารับสมัครและสัมภาษณ์โดยตรง สามารถได้รับการบรรจุได้ทันที รวมทั้งมีการทดสอบความพร้อมทางด้านอาชีพ และให้การปรึกษาแนะแนวอาชีพ  อีกทั้งยังมีบริการให้คำแนะนำข้อกฎหมายด้านแรงงาน ด้านประกันสังคม รับสมัครฝึกฝีมือแรงงาน ตลอดจนการรับสมัครและรับเงินสมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ด้วย  ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม โทร 034-250861-2 ต่อ 11,12



  

หลัง 14 ธันวาคม 2555 กรมจัดหางานยืนยันไม่เปิดจดทะเบียนต่างด้าวรอบใหม่แน่นอน

จัดหางาน          สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐมขอให้นายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา และยังไม่พิสูจน์สัญชาติ รีบดำเนินการพิสูจน์สัญชาติให้เสร็จภายใน 14 ธันวาคม 2555 หากพ้นกำหนดจะต้องถูกผลักดันกลับประเทศต้นทาง และจะไม่มีการเปิดจดทะเบียนรอบใหม่แน่นอน

นายเรืองยศ ตีวกุล จัดหางานจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวแต่ต้องดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ ให้แล้วเสร็จภายใน 14ธันวาคม 2555

จัดหางานจังหวัดนครปฐม กล่าวเพิ่มเติม ว่าในส่วนของจังหวัดนครปฐมมีแรงงานต่างด้าว ที่ยังไม่พิสูจน์สัญชาติประมาณ 3,900 คน ดังนั้น ขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ที่จ้างแรงงาน ต่างด้าวและยังไม่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติ รีบพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2555 นี้ หลังจากได้รับพาสปอร์ตแล้ว ให้ยื่นขออนุญาตทำงานใหม่เพื่อเปลี่ยนสถานะให้เป็นแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายภายใน 15 วัน ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม หากพ้นกำหนดจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย สถานะที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรจะสิ้นสุดลง ไม่สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ นอกจากนี้กรมการจัดหางานได้ย้ำเตือนมาว่าจะไม่มีการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่ อย่างแน่นอน หลังจากสิ้นสุด 14 ธันวาคม 2555 จะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด แรงงานต่างด้าวที่ยังไม่พิสูจน์สัญชาติจะต้องถูกผลักดันกลับประเทศ

ขอประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการให้เสร็จภายในระยะเวลา ที่กำหนด หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 คือ นายจ้างที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานจะมีโทษปรับ ตั้งแต่ 10,000-100,000บาท ต่อการจ้างแรงงานต่างด้าว 1 คน สอบถามเพิ่มเติม สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม โทร 034-250861-2 ต่อ24,26

ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามประชุมด่วนสถานีวิทยุภายในจังหวัดสมุทรสงคราม

DSC_0533          วันนี้ (23 พ.ย. 55) ณ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม นางสาวจิรารัตน์ สุนทรอาคเนย์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม ได้จัดประชุมด่วนสถานีวิทยุภายในจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวให้ประชาชนเข้าใจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก เพื่อให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติและขอความร่วมมือสื่อมวลชนในพื้นที่ เช่น สถานีวิทยุชุมชน และหอกระจายข่าวถ่ายทอดการพูดทำความเข้าใจของผู้ว่าราชการจังหวัดกับประชาชนในการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านมวลชนหลังจากรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ โดยมีสถานีวิทยุกรมเจ้าท่าจังหวัดสมุทรสงครามเป็นแม่ข่าย

********************

รมช.เกษตรฯ ลงเรือตรวจการประมงทะเลออกตรวจสภาพปรากฏการณ์ “แพลงก์ตอน บลูม” บริเวณปากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำแม่กลอง

IMG_8590          เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา บริเวณ ท่าเรือวัดศรีสุทธาราม (วัดกำพร้า) อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะลงเรือตรวจการประมงทะเล ของกรมประมง เพื่อออกตรวจสภาพปรากฏการณ์ "แพลงก์ตอน บลูม” หรือ น้ำทะเลเปลี่ยนสี ซึ่งมีสาเหตุจากน้ำฝนชะล้างธาตุอาหารจากแผ่นดินลงสู่ทะเล จนเกิดการกระตุ้นให้แพลงก์ตอนขยายIMG_8597พันธุ์อย่างรวดเร็ว และส่งผลทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำทะเลลดลง จนล่าสุดพบปรากฏการณ์ปลาทะเลและหอยแมลงภู่ตายเป็นจำนวนมากในบริเวณโดยรอบอ่าวไทยตอนบน หรืออ่าวรูปตัว ก. โดยเรือตรวจการประมงทะเลได้นำคณะออกตรวจสภาพท้องทะลจากปากแม่น้ำท่าจีนไปจนถึงบริเวณปากแม่น้ำแม่กลอง และได้มีการสอบถามสภาพปัญหาจากชาวประมงด้วยนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากทราบปัญหาเบื้องต้น จึงเดินทางมาตรวจพบสาเหตุน้ำทะเลเปลี่ยนสี เกิดจากน้ำทะเลมีปริมาณออกซิเจนน้อย จนสัตว์น้ำในทะเลตายจำนวนมาก ซึ่งฤดูกาลนี้นับว่ามากผิดปกติกว่าทุกปี จากการวิจัยเบื้องต้น มีสารอาหารที่ไหลออกสู่ทะเล จนเกิดการขยายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก คือแพลงก์ตอนจำนวนมากในทะเล ส่งผลให้เกิดการปิดกั้นแสงแดด น้ำทะเลขุ่น และมีออกซิเจนน้อย ปลาและหอยทะเลจึงตายจำนวนมาก ทั้งนี้จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพราะจากภาพถ่ายดาวเทียม มีพื้นที่ได้รับความเสียหายจากปรากฏการณ์ครั้งนี้ 224 ตารางกิโลเมตร ถือว่ามากที่สุดในรอบหลายปี จึงต้องหาแนวทางป้องกัน โดยหลายหน่วยงานร่วมกันติดตามสถานการณ์การไหลของน้ำจืดและน้ำทะเล โดยเฉพาะกรณีฝนตกหนัก อย่างไรก็ตาม ไม่พบข้อมูลเรือประมงลักลอบปล่อยสารเคมี ขณะที่การตรวจสภาพน้ำทะเลไม่พบสารเคมีที่เป็นสาเหตุการตายของปลาและหอยทะเลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์น่าจะคลี่คลายลงได้ หากพายุดีเปรสชันพัดเข้ามาใน 1 – 2 วันนี้ เพราะจะทำให้เกิดการไหลเวียนของน้ำทะเล จนเหตุการณ์ปกติ สภาพปัญหาที่ผ่านมาเกิดจากน้ำทะเลนิ่ง คลื่นลมสงบ จนเป็นปัจจัยให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว

ศว. สค. จัด“เทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 8”

Logo Science Film Festival RGB          พิธีเปิด 27 พ.ย. 2555 โดย ผช. รมต. แรงงาน ....พบกับความรู้คู่ความบันเทิงเร็วๆ นี้

นางขวัญใจ ปัญญชุณห์ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาคร (ศว. สค.) เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้ร่วมจัดฉายภาพยนตร์ในเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 8 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 โดยได้หยิบยกประเด็น“น้ำ” ขึ้นมาเป็นหัวข้อสำคัญ ถือเป็นการสนองรับมติและนโยบายขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยทศวรรษ “น้ำเพื่อชีวิต พ.ศ. 2548 - 2558” เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนในสังคมใส่ใจร่วมกันบริหารจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืนของชีวิต โดยศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาครจะจัดพิธีเปิดเทศกาล ฯ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10.30 น. ณ อาคารวิทยาศาสตร์การกีฬา ของ ศว. สค. โดยมีนายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิด ภายในงานนอกจากจะมีการจัดฉายภาพยนตร์ในเทศกาล ฯ แล้ว ได้มีการจัดกิจกรรมวิชาการต่างๆ เช่น ห้องสมุดเคลื่อนที่ รถนิทรรศการเคลื่อนที่เกี่ยวกับพลังงาน นิทรรศการดาราศาสตร์เคลื่อนที่ ของเล่นวิทยาศาสตร์ จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

WaterForLife_engทั้งนี้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมกับสถาบันเกอเธ่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) พร้อมทั้งหน่วยงานต่างๆ จัดเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพฯ และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 15 แห่งทั่วภูมิภาค คือ จังหวัดกาญจนบุรี ขอนแก่น ตรัง นครราชสีมา นครสวรรค์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา ยะลา ร้อยเอ็ด ลำปาง สมุทรสาคร สระแก้ว อุบลราชธานี และนครศรีธรรมราช

ส่วนศูนย์จัดฉายแห่งอื่นๆ ได้แก่ นานมีบุ๊ค เลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ชั้น 4 อุทยานการเรียนรู้ TK Park และอุทยานการเรียนรู้เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมภาพยนตร์ที่จัดฉายในเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 8 ได้ฟรี ณ ทุกศูนย์จัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www3.ipst.ac.th/sciencefilm/

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมสั่งดูแลประปาไฟฟ้าในช่วงชุมนุมทางการเมือง

DSC_0292          นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม สั่งการให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครปฐม และการประปาจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดูแลสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้าและประปาให้อยู่ในสถานที่มีความปลอดภัย เรียบร้อย สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องระมัดระวังในเรื่องของการก่อวินาศกรรมต่างๆ เพื่อความไม่ประมาทจะต้องดูแลในช่วงระหว่างวันที่ 24-30 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองขององค์การพิทักษ์สยาม ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งอาจส่งผลมาถึงจังหวัดปริมณฑล ในส่วนของจังหวัดนครปฐม ได้มีการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณถนนเพชรเกษม จำนวน 2 จุด เพื่อเป็นการตรวจตราในเรื่องของอาวุธและยาเสพติดโดยจุดที่ 1 อยู่บริเวณบึงลาดโพธิ์ และจุดที่ 2 อยู่บริเวณวัดพระประโทนเจดีย์ สำหรับด่านตรวจที่ อส.และ อพปร. รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอเมืองไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณถนนมาลัยแมน หน้าวัดใหม่ปิ่นเกลียว จะมีการตั้งด่านตรวจ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครปฐมไม่มีการสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชนแต่อย่างใด เพราะในส่วนของปฐมอโศกได้เข้าไปร่วมชุมนุมในช่วงวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2555 อยู่แล้ว

DSC_0296DSC_0303

ความผิดพลาดล้มเหลวของบุคคลหรือภารกิจต่างๆ นั้น ส่วนมากเกิดจากมูลเหตุข้อใหญ่คือความหลอกตัวเอง หลอกกันและกัน

9999"...ความผิดพลาดล้มเหลวของบุคคลหรือภารกิจต่างๆ นั้น ส่วนมากเกิดจากมูลเหตุข้อใหญ่คือความหลอกตัวเอง หลอกกันและกัน. และเมื่อทำการงานโดยไม่อาศัยความจริงเป็นหลัก การดำเนินงานและการปรับปรุงแก้ไขก็ผิดพลาด ไม่อาจทำให้งาน ให้ตนเอง ประสบผลสำเร็จที่ดีได้. นักปฏิบัติงานเพื่อความสำเร็จและความเจริญจึงต้องยอมรับความจริง และยึดมั่นในความจริง มีความจริงใจต่อตัวเองและต่อกันและกันอย่างมั่นคงตลอดเวลา. แต่ละคนจึงจะปฏิบัติตัวปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกใจมั่นใจ ถูกต้องเที่ยงตรง ตามเป้าหมาย และพอเหมาะพอดี แก่ฐานะ แก่หน้าที่ แก่โอกาส พร้อมทุกอย่างได้ ยังผลให้การสร้างสรรค์ความดีความเจริญบรรลุศุภผลอันพึงประสงค์..."
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๖

999 พระองค์ทรงงานตลอดพระชนม์ชีพ โดยมิทรงเรียกร้องไดๆทั้งสิ้นจากประชาชนของพระองค์ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้อง ถวายความจงรักภักดี ต่อพระองค์อย่างจริงจัง มิใช่แค่พูดว่าจงรักภักดี

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กรมเจ้าท่าเตรียมพร้อมรับลอยกระทง


    เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา นายพงษ์วรรณ จารุเดชา รองอธิบดีกรมเจ้าท่า รักษาการอธิบดี กรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง กรมเจ้าท่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบท่าเรือ โป๊ะเรือ และ เรือโดยสาร ในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองสำคัญ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมความพร้อมรับเทศกาลวันลอยกระทง นอกจากนี้กรมเจ้าท่าได้ออกประกาศเรื่อง กำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเขตควบคุมการเดินเรือชั่วคราว ระหว่างสะพานพระราม 7 ถึงสะพานพระราม 9 ในช่วงวันลอยกระทง โดยห้ามไม่ให้เรือบรรทุกวัตถุอันตราย และเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ผ่านในเขตควบคุมการเดินเรือเพื่อไม่ให้มีคลื่นน้ำไปกระทบกับท่าเทียบเรือ และโป๊ะเรือ เพื่อความปลอดภัย เนื่องในโครงการ สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทงประจำปี 2555 เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ความเป็นระเบียบในการจราจรทางน้ำ พร้อมทั้งจัดเรือรักษาการณ์ 10 ลำ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการโทรทัศน์วงจรปิดทางน้ำ (CCTV) จำนวน 5 นาย และเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือ จำนวน 60 นาย ปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ต่อประชาชนและขบวนเรือประดับไฟฟ้า ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์เทศกาลลอยกระทง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการ สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทงประจำปี 2555 ในระหว่างวันที่ 23-28 พฤศจิกายน 2555 โดยมีการตกแต่งขบวนเรือประดับไฟฟ้าล่องแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 11 ลำ เพื่อร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูประเพณีอันดีงามของประเทศไทยและสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางมาร่วมกิจกรรม 

รถไฟลุก

                     เมื่อ  26 พ.ย. 55ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เกิดไฟลุกท่วม เหตุเกิดบนถนนคู่ขนานพระราม2 ขาเข้าหลักกิโลเมตรที่30 หมู่ที่1 ต.ท่าจีน อ.เมือง สมุทรสาคร หลังรับแจ้งจังพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร และรถดับเพลิง รุดไปยังที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุกพ่วง18ล้อยี่ห้อ Hino ส่วนหัว หมายเลขทะเบียน 70-1442 นครราชสีมา พ่วงท้ายมีตู้คอนเทรนเนอร์ บรรทุกกล่องกระดาษ หมายเลขทะเบียน 70-4099 นครราชสีมา มี นาย สมภาร ทับแก้ว อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 5 ต.บึงโขง อ.บึงโขง จ.บึงกาญ เป็นคนขับ ได้ให้การด้วยความตื่นตระหนกว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขับรถ คันดังกล่าว ข้ามสะพานแม่น้ำท่าจีน เพื่อจะเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างที่รถลงมาถึงปลายสะพาน อยู่ๆ ก็มีเปลวไฟ ลุกไหม้บริเวนหัวรถ จึงพยายามบัฝคับรถเข้าข้างทาง แต่เนื่องจากมีลมกรรโชกแรง ทำให้ไฟลุกไปติดสายที่ต่อถังแก๊ซ NGV ซึ่งอยู่ด้านหลังจำนวน 8 ถัง ได้โพยพุงออกมาติดไฟอย่างรวดเร็ว ตนจึงได้เปิดประตู และวิ่งลงจากรถ โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะเกิดเหตุ รถดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำเป็นเวลา 20 นาที เพลิงจึงสงบ ในที่เกิด พ.ต.ท.จารึก อยู่บำรุง สว.จร.ได้นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร มาอำนวยความสะดวกและเปิดช่องทางจราจร หลังมีรถติดยาวกว่า 1 กิโล ส่วนรถบรรทุก 18 ล้อคันดังกล่าว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้ให้รถยกมาดำเนินการนำไปเก็บยังอู่ของกลาง และจะได้ทำการสอบสวนคนขับ เพื่อดำเนินการต่อไป

น้ำตานองเวที เมื่อเสือต้องถอยเพื่อชาติ


                                
                  น่าจะเป็นควันหลง แต่ไม่ต้องการตอกย้ำกับใครทั้งสิ้น ทุกคนมีหน้าที่ทำไปตามหน้าที่ของตนดีที่สุด แต่การใช้กฎหมู่ในยุคปัจจุบัน ไม่สมเหตุสมผล ประการสำคัญ การข่มขู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มันกระไรอยู่ เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางแห่งประชาธิปไตย  เป็นการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ดังนั้นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจึงมีความจำเป็นใช้มาตรการป้องกันทรัพย์สินของประชาชน ไม่ให้เกิดความเสียหายจากการบุกรุกทำลาย โดยใช่เหตุอันควร จะกระทำตามหน้าที่ของตัวบทกฎหมายที่ให้อำนาจจากพรบ.ความมั่นคง ไม่มีกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นแก่ผู้กระทำความผิด ที่มีเจตนา พยายามสร้างเงื่อนไข ให้บ้านเมืองที่กำลังเดินหน้าด้วยดี ต้องเข้าสู่วงจรอุบาทว์ มันหมดสมัยไปแล้ว กรณีตัวอย่างกลุ่มพิทักษ์สยามนั้น ข้อเท็จจริงมีความผิดตามกฎหมายบ้านเมือง แต่รัฐบาลปัจจุบันมีเมตตา ให้อภัยกันได้สำหรับคนไทยที่สำนึกผิด จึงไม่มีใครแพ้ ใครชนะในคาบนี้.....!   จากนี้เป็นต้นไป จงจดจำใส่สมอง จงอย่าลุอำนาจมากเกินควร ชาติบ้านเมือง กำลังเดินไปข้างหน้าด้วยการพัฒนาไปตามขั้นตอนของมัน ถ้ามีความพยายามยุยงส่งเสริมให้คนไทยฆ่ากันเองเช่นนี้ ถือว่าบุคคลผู้นั้นไม่ใช่คน ไทยแท้ ทุกคนมีความผิดได้เพราะรู้น้อย หรือรู้ไม่จริง แต่ไม่ใช่พวกโง่เขลาเบาปัญญา พากันออกมาเรียกร้องอะไรกันนักหนา สมควรหยุดได้แล้วหากยังมีสมอง คิดการสร้างกระแสข่าวลือ มันง่าย ถามว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ มันก็มีกันทุกรัฐบาลนั่นแหละ ไม่มีใครดี ใครชั่ว ส่วนคนชั่ว เมื่อรู้ว่าตนชั่วแล้ว แต่ยังกระทำความผิดซ้ำซาก นั่นเขาเรียกว่าเลวทราม หาสัตว์ชนิดใดมาเปรียบเทียบมิได้    การชุมนุมเรียกร้องที่ผ่านมา มันแสดงถึงความไม่เอาไหน ของผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้พิทักษ์สยาม มันคงเป็นความสะใจ ที่เห็นคนไทยรบราฆ่ากันเอง ประชาชนส่วนใหญ่รู้ความจริง ใครคือผุ้บงการ ให้เสธอ้าย ออกมาปลุกระดม แต่คนไม่เอารัฐบาลชุดนี้ แต่ปรากฏมันน้อยเกินไป  เพราะมีแต่พวกสมุนรับใช้ กลุ่มพันธมิตรเท่านั้นที่ออกมาชวนทะเลาะ กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ประชาชนออกมาร่วม แต่ก็มีพวกเศษสวะ เท่านั้น ดาหน้าด่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทำตามหน้าที่ ด้วยการขว้างปา สิ่งของ เท่าที่ หาได้ในขณะนั้น แม้กระทั่งแก๊สน้ำตา ก็เตรียมการมาเอง เพื่อสร้างสถานการณ์  อัยเป็นเงื่อนหนึ่งที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต แต่ลายเสือของเสธอ้ายหมด เมื่อได้เดินเข้าไปใน กองพลที่ 1 รอ.1 เพื่อขอกำลังพลมาช่วย แต่ไม่มีใครให้ความร่วมมือ เพราะหมดบารมีไปนานแล้ว ในขณะที่สมุนพันธมิตรกลุ่มไม่ละความพยายาม กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงใช้ปากสวะ ด่าเจ้าหน้าที่อย่างเสียหาย แต่เจ้าหน้าที่ทุกนายอดทนได้ เพราะคนพวกนั้นคือคนไทยด้วยกัน ทำไปตายเปล่า พวกญาติพี่น้องต้องเผาผี นั่นไม่ใช่วีรชนหรือ มหาบุรุษ แต่อย่างไรไม่ เพียงเป็นพวกสมองเสื่อมเท่านั้น เชื่อคนง่าย  ด้วยความเป็นคนแก่ ควรอยู่บ้านเลี้ยงลูกหลาน....
              ที่ผ่านมา เสธอ้ายควรพินิจ พิเคราะห์  ให้จงหนัก อย่าเชื่อใครง่ายๆมากเกินไป มันเจ็บตัวไม่เท่าไหร่ เจ็บทั้งตัว ทั้งใจนี่ซิ เสธอ้ายอายุกว่า 60 ปี แล้ว ควรอยู่บ้านดูแลลูกหลาน ดีกว่ามาเล่นกับการเมืองครับ เพราะตามไม่ทัน สายไปแล้วสำหรับยุคของเสธอ้าย

                                                                                                                                                                โปร่ง   พญาไม้

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เคล็ดลับเลิกบุหรี่ ก้าวสู่ชีวิตใหม่ไปด้วยกัน

เลิกบุหรี่         ใคร ๆ ก็รู้ว่า “บุหรี่” ทุกชนิด คือ ยาเสพติดแต่ความคิดที่จะเลิกบุหรี่ สามารถปฏิบัติให้เป็นจริงได้

ต่อไปนี้คือ เคล็ดลับเพื่อเลิกบุหรี่ 10 ข้อ “3 หา + 7 ไม่”ที่ขอให้ช่วยกันบอกต่อทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

เพื่อช่วยให้คนรอบข้างและคุณเอง “ปอดสะอาด” ไม่ปนเปื้อนพิษสารเคมีที่มากับควันบุหรี่

“3 หา”

หนึ่ง หาที่ปรึกษา พยายามขอคำปรึกษาจากคนที่คุณรู้จัก ที่สามารถเลิกสูบบุหรี่สำเร็จมาแล้ว หรือโทรศัพท์ขอคำแนะนำในการเลิกบุหรี่ได้ที่ โทร. 1600

สอง หากำลังใจ ควรบอกให้คนใกล้ชิดทราบถึงความตั้งใจที่จะเลิกบุหรี่ เพราะกำลังใจจากคนรอบข้างจะช่วยให้คุณมีความพยายามที่จะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้

สาม หาเป้าหมาย วางแผนการปฏิบัติตัว โดยกำหนดวันที่จะลงมือเลิกสูบบุหรี่ อาจเลือกวันสำคัญต่าง ๆ ของครอบครัว เช่น วันเกิดตัวเอง วันเกิดลูก วันครบรอบแต่งงาน เคล็ดลับสำคัญคือ อย่ากำหนดวันที่อยู่ไกลเกินไป เดี๋ยวจะล้มเลิกความตั้งใจไปซะก่อน

“7 ไม่”

สี่ ไม่รอช้า เตรียมตัวให้พร้อมด้วยการทิ้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ให้หมด เตรียมผลไม้เปรี้ยว ๆ หรือของขบเคี้ยว เพื่อหยิบใส่ปากลดความอยากสูบบุหรี่ได้ทันท่วงที รวมทั้งปรับเปลี่ยนกิจกรรมที่คุณมักทำร่วมกันกับการสูบบุหรี่

ห้า ไม่หวั่นไหว เมื่อถึงวันลงมือ ขอให้ตื่นนอนด้วยความสดชื่น บอกตนเองว่าคุณกำลังจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเองและคนใกล้ชิด ทบทวนถึงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเลิกบุหรี่ ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ และพาตัวไปใกล้ชิดกับคนที่ไม่สูบ

หก ไม่กระตุ้น ช่วงนี้ขอให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้อยากสูบบุหรี่

เจ็ด ไม่หมกมุ่น เมื่อรู้สึกเครียด ให้หยุดพักสมองชั่วครู่เพื่อผ่อนคลาย อาจด้วยการพูดคุยกับคนอื่น ๆ หรือหาหนังสือขำขันมาไว้อ่านบ้างก็ได้ พร้อมกับเตือนตัวเองว่า มีคนมากมายที่เครียดเหมือนเรา และคนเหล่านั้นคลายเครียดได้โดยไม่ต้องสูบบุหรี่

แปด ไม่นิ่งเฉย อย่าอยู่ว่าง ๆ เฉย ๆ กิจกรรมที่ขอแนะนำคือ จัดเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 15 – 20 นาที เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักไปในตัว ยังทำให้สมองปลอดโปร่ง และเพิ่มประสิทธิภาพของหัวใจและปอดที่เคยทนรับพิษจากควันบุหรี่ที่สูบเข้าไปมานานสองนานแล้ว

เก้า ไม่ท้าทาย อย่าคิดว่ากลับไปลองสูบบ้างเป็นครั้งคราวคงไม่เป็นไร เพราะการลองสูบบุหรี่เพียงมวนเดียวอาจหมายถึงการหวนคืนไปสู่ความเคยชินเก่า ๆ อีก อย่าลืมว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่าย และคุณมาได้ไกลมากแล้ว

สิบ ไม่ท้อแท้ หากต้องหันกลับไปสูบอีก ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นคนล้มเหลว อย่างน้อยก็คิดที่จะปรับปรุงตนเอง

งานไมโครคาร์พาเหรดเฉลิมพระเกียรติฯ 5 ธันวามหาราช ครั้งที่ 2

22222          5 ธันวามหาราช เจษฎาเทคนิคมิวเซียม นำขบวนรถไมโครคาร์ร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ น.ส.อังคณา พุ่มผกา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงครามร่วมกับ นายจเด็จ อินสว่าง รองประธานมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม และนายภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ รองประธานมูลนิธิฯ จัดแถลงข่าว “ไมโครคาร์พาเหรดเฉลิมพระเกียรติฯ 5 ธันวามหาราช” ครั้งที่ 2 ขึ้นเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษาจำนวน 99 คัน เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยขบวนรถ จะเคลื่อนจากพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก ในเวลาประมาณ 10.00 น. ไปตามถนนราชดำเนินนอก มุ่งหน้าสนามหลวง พร้อมบริการขบวนรถบัสโบราณ 12 คันบริการประชาชนเที่ยวชมความสวยงามของไฟประดับประดารอบเกาะรัตนโกสินทร์ และบริเวณรอบถนนราชดำเนิน

********************

ภาคตะวันออกผนึกกำลัง จัดทำข้อมูลพืช 12 สินค้า สนองนโยบาย กษ.

ภาพข่าวภาคตะวันออก         20 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา นายพลเชษฐ์ ตราโช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 6 ชลบุรี (สศข.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านพืชภาคตะวันออก ครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม สศข.6 เพื่อพิจารณาการดำเนินการจัดทำข้อมูลการเกษตรด้านพืชให้เป็นไปอย่างมีระบบ ถูกต้อง น่าเชื่อถือ และมีความต่อเนื่อง มีความเป็นเอกภาพทั้งในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับภาค โดยคณะทำงานฯ ชุดดังกล่าว ต้องดำเนินการสำรวจและวิเคราะห์ผลข้อมูลด้านพืชภาคตะวันออกตามเป้าหมายงานปี 2555 จำนวน 12 ชนิด คือ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง มันสำปะหลังโรงงาน สับปะรดโรงงาน เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา

สำหรับการดำเนินงานในช่วงแรกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วจำนวนพืช 5 ชนิด คือ ข้าวนาปี เงาะ ทุเรียน มังคุด และลองกอง และส่งให้คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านการเกษตรด้านพืชแล้ว ส่วนการดำเนินการในช่วงที่ 2 ขณะนี้ได้ดำเนินการวิเคราะห์เพิ่มอีก 3 ชนิด คือ ข้าวนาปรัง มันสำปะหลังโรงงาน ปี 2555 และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2554/55 ของภาคตะวันออก ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ให้ความเห็นชอบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ดังต่อไปนี้

ข้าวนาปรัง มีจำนวนเนื้อที่เพาะปลูก 1,020,333 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 982,230 ไร่ ผลผลิตรวม 622,756 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 675 กิโลกรัม (ณ ความชื้น 15%)

มันสำปะหลังโรงงาน ปี 2555 มีจำนวนเนื้อที่เพาะปลูก 1,501,370 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 1,447,679 ไร่ ผลผลิตรวม 5,158,116 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 3,563 กิโลกรัม

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2554/55 มีจำนวนเนื้อที่เพาะปลูก 186,994 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 183,388 ไร่ ผลผลิตรวม 127,344 ตัน ผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 694 กิโลกรัม (ณ ความชื้น 14.5%)

อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าปี 2555 ที่เหลืออีก 4 ชนิด คือ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ลำไย และสับปะรดนั้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 นอกจากนี้ คณะทำงานฯ ยังได้เห็นชอบแผนการจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพด้านพืชภาคตะวันออกปี 2556 ของพืช 12 ชนิดสินค้าเช่นเดิม โดยจะเริ่มสำรวจข้อมูลและร่วมกันลงพื้นที่ปลูกข้าวนาปีก่อนเป็นพืชแรก ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกร ในการให้ข้อมูลการผลิตพืชดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ สศข.6 และเจ้าหน้าที่เกษตรตำบล เพื่อพัฒนาคุณภาพข้อมูลให้ดียิ่งขึ้นต่อไป นายพลเชษฐ์ กล่าว

ผู้บังคับการตำรวจจราจรตรวจพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดทางพิเศษบางพลี-สุขสวัสดิ์

IMG_1829          เมื่อ14พ.ย. 2555 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร ได้ไปตรวจดูสถานที่บริเวณหน้าด่านเก็บเงินทางพิเศษบางขุนเทียน ตามที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบำบัดทุกข์บำรุงสุข ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ตามที่ ผบ.ตร. ได้กำชับ เนื่องจาก บก.จร. ได้รับมอบเส้นทางจาก บก.ทล. ให้รับผิดชอบการจราจรบนเส้นทางพิเศษกาญจนาภิเษก ช่วงถนนพระราม 2 ถึง ถนนสุขสวัสดิ์ จ.สมุทรปราการ เป็นระยะทาง 13 กม. ปัจจุบันมีปัญหาปริมาณรถหนาแน่นเนื่องจากเป็นเส้นทางลัดจาก ถนนพระราม 2 และถนนกาญจนาภิเษก ไปถนนบางนาตราด ด้านจังหวัดสมุทรปราการ โดยเฉพาะทางขึ้นลง ถนนสุขสวัสดิ์ และพื้นที่จ.สมุทรปราการเป็นแหล่งอุตสหกรรมที่สำคัญ ดังนั้นด่านบางขุนเทียนจึงมีรถบรรทุกขนาดใหญ่จำนวนมาก นอกจากนี้กรณีเกิดอุบัติเหตุด้านการจราจรประชาชนต้องเดินทางมาแจ้งความถึง กก.8 บก.ทล. ซึ่งตั้งอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอแลนด์ เป็นระยะทางไกลไม่สะดวก แม้จะเดินทางมาที่ สน.ทางด่วน 1 บก.จร. ที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือคลองเตยก็ยังไม่สะดวกรวดเร็วดังนั้นพ.ต.ท.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผกก.หน.สน.ทางด่วน 1 บก.จร. จึงได้ขยายจุดให้บริการอำนวยความสะดวกต่อประชาชนที่บริเวณด่านทุ่งครุ และด่านบางขุนเทียนโดยจัดพนักงานสอบสวนระดับ รอง ผกก. – สว. ช่วยอำนวยความสะดวกกรณีประชาชนประสบอุบัติเหตุหรือมีปัญหาจราจรรวมถึงการสอบสวนและเปรียบเทียบปรับคดีจราจรและ รอง สว.พร้อมกำลังตำรวจจราจร จำนวน 12 นาย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยแบ่งเป็นบริเวณ ด่านบางขุนเทียนจำนวน 6 นาย ด่านทุ่งครุจำนวน 6 นาย โดยปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของการทางพิเศษฯ อีกจำนวน 10 นาย ทั้งนี้สน.ทางด่วน 1 ได้จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงเขตอำนาจความรับผิดชอบของ สน.ทางด่วน 1 บก.จร. ไว้ตลอดเส้นทาง เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไป กก.8 บก.ทล.(ตั้งอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอแลนด์) หรือ สน.ทางด่วน 1 บก.จร. (ตั้งอยู่ที่ ท่าเรือคลองเตย) เหมือนเช่นที่ผ่านมา

“จับกุมน้ำมันเตาเถื่อน”

444          ตำรวจชุดปฏิบัติการงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าจับกุมห้างหุ้นส่วนจำกัดแก้วพิทักษ์ ที่ลักลอบเก็บน้ำมันเตาเถื่อนกว่า 1 แสนลิตร พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผู้บัญชาการ ปส. ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พัฒนา ปรีชานันท์ รองผู้กำกับการ สืบสวนฯ ดำเนินการสั่งการให้ พ.ต.ต.ศักดิธัช วันจันทึก สารวัตรสืบสวนฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 เข้าตรวจค้นที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด แก้วพิทักษ์ ปิโตรเลี่ยม ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 10/29 หมู่ที่ 4 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่า ที่บ้านหลังดังกล่าวมีการรับซื้อน้ำมันเตามาจากเรือสินค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นน้ำมันที่ยังไม่ได้มีการเสียภาษีอากร ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 โดยเมื่อรับซื้อมาแล้วก็จะนำมาเก็บไว้เพื่อรอส่งขายต่อไป ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้พบนางสาวทิพวรรณ สาแก้ว อายุ 25 ปี รับเป็นเจ้าของบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้สอบสวน และจากการตรวจสอบรอบบริเวณบ้านพบว่ามีถังบรรจุน้ำมันเตาขนาดบรรจุ 10,000 – 20,000 ลิตร ตั้งอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 ถัง ภายในถังทั้งหมดมีน้ำมันเตาเหลืออยู่รวมปริมาณได้ 129,000 ลิตร จึงยึดไว้เป็นของกลางจากการสอบสวนนางสาวทิพวรรณ สาแก้ว ซึ่งรับเป็นเจ้าของบ้านได้ให้การรับสารภาพในเบื้องต้นว่า น้ำมันเตาที่พบทั้งหมดนั้น เป็นน้ำมันเตาที่ยังไม่ได้เสียภาษีอากรอย่างถูกต้องตามกฎหมายจริง โดยได้รับซื้อมาจากเรือสินค้าต่างประเทศ ที่มีเรือประมงดัดแปลงไปรับมาอีกต่อหนึ่ง แล้วนำมาขึ้นฝั่งที่อำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาคร จากนั้นก็สูบถ่ายขึ้นสู่รถบรรทุกน้ำมันแล้วก็นำมากักเก็บไว้ที่บ้านหลังนี้ เพื่อรอการจำหน่ายให้กับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมอีกต่อหนึ่ง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยไม่รูว่าเป็นสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน (น้ำมันเตา ชนิดเอ) ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 161 (1) พร้อมกันนี้ก็ได้นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายและอายัดของกลางได้อายัดไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป

ตร.กระทุ่มแบนนำตัวพ่อโหด ทำร้ายลูกจนช้ำในตาย‏

DSC_0207         เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.ของวันที่ 23 พฤศจิกายน 2555ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.ท.รัฐพัส ยางงาม รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.นิยม สุ่ยวงษ์ สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน ร.ต.อ.รณเดช บุตรศรี สารวัตรเวรฯ เจ้าของคดี และตำรวจชุดสืบสวนอีกจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันนำตัวนายสาคร คำภาชาติ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน คำพาที อายุ 2 ขวบเศษ ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมาในลักษณะผิดปกติ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องเช่าของอาคารมันทนา ห้องที่ 11 เลขที่ 98/12 หมู่ที่ 11 ตำบลอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและเค้นสอบปากคำนายสาคร กับ นางสาวมณีนุช มณีรัตน์ แม่แท้ๆของน้องปลายฝน จนได้หลักฐานเป็นที่แน่ชัดแล้วว่านายสาครฯ เป็นคนที่ทำให้น้องปลายฝนถึงแก่ความตายซึ่งในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ภาพที่ออกมาทำให้เห็นได้ชัดเจนว่านายสาครเป็นผู้ลงมือทำร้ายลูกด้วยวิธีการต่างๆ จนทำให้ร่างกายของเด็กเกิดอาการบอบช้ำสะสมจนถึงขั้นรุนแรง โดยมีทั้งเตะ จับหัวโขกกับหม้อข้าว หรือแม้แต่ก่อนหน้าที่เด็กหญิงปนัดดาหรือน้องปลายฝนจะเสียชีวิตเพียง 1 วันนั้น ก็ถูกนายสาครใช้เท้าเตะที่ก้นขณะกำลังนั่งดูโทรทัศน์ ส่วนในวันเกิดเหตุน้องปลายฝนได้นอนไม่สบายเพราะสภาพร่างกายที่บอบช้ำมานาน เมื่อนายสาครกลับมาจากทำงานด้วยการมึนเมาเห็นลูกนอนอยู่ก็เข้ามาเขย่าตัวลูกสาวแรง อีกทั้งยังมีการกระแทกตัวลงกับพื้นเนื่องจากเห็นว่าลูกไม่ขับถ่าย จากนั้นก็จับลูกเอาไปใส่ในถังน้ำที่ใช้สำหรับราดสิ่งปฏิกูลในห้องส้วมแล้วก็เขย่าอย่างแรง ก่อนที่จะยกตัวออกมาเตะที่ก้นลูกอีก 1 ที แล้วก็ส่งตัวเด็กหญิงปลายฝนไปให้กับนางมณีรัตน์เอาไปเลี้ยงดู ซึ่งเมื่อเด็กที่ร่างกายบอบช้ำภายในอยู่แล้วได้รับการกระทบกระเทือนซ้ำอีก จึงทำให้เกิดอาการชักเกร็ง เลือดออกในช่องท้อง และลำไส้เล็กฉีกขาด (ตามใบชันสูตรของแพทย์นิติเวช) จึงเสียชีวิตลงก่อนที่จะถึงมือแพทย์ของโรงพยาบาลกระทุ่มแบนในคืนวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 ตามที่ได้เคยเสนอข่าวไปแล้ว ส่วนในเรื่องของร่องรอยต้องสงสัยที่เกิดตรงอวัยวะเพศของเด็กหญิงปนัดดานั้น ทางการแพทย์ก็ระบุว่า เด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน ไม่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ลักษณะผิดปกติที่พบเห็นว่าเกิดขึ้นตรงอวัยวะเพศของเด็ก ก็มาจากการที่เด็กเสียชีวิตลงแล้วทำให้รูทวารในร่างกายเปิดออก ซึ่งเป็นลักษณะปกติของผู้ที่เสียชีวิตทั่วไปขณะที่ทางด้านของนางสาวมณีนุช มณีรัตน์ ภรรยาของนายสาคร คำภาชาติ ผู้ต้องหา และเป็นแม่แท้ๆของเด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน คำภาชาติ ก็บอกว่า ตนเองเป็นคนคอยเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนอยู่กับห้อง ส่วนนายสาครจะเป็นคนที่หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว โดยนายสาครนั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์และชอบทำร้ายเมียกับลูก ยิ่งถ้าดื่มสุราเข้าไปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้นายสาครมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งทุกสิ่งที่นายสาครทำกับลูกสาวหรือน้องปลายฝนนั้น ตนก็เห็นตลอดไม่ว่าจะตี - เตะลูก จับลูกกระแทกกับพื้น กับถังน้ำ หรือจับหัวลูกโขกกับหม้อข้าว ซึ่งก็ได้พยายามเข้าไปห้ามทุกครั้งจนมีปากเสียงกันและตนเองก็จะถูกทำร้ายร่างกายไปด้วย โดยทั้งนี้หลังจากที่เกิดเหตุจนลูกสาวเสียชีวิตลงนั้น เมื่อทางตำรวจสอบปากคำในครั้งแรก ตนเองไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าเมื่อกลับมาถึงห้องพักก็จะถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงอีก ส่วนทางด้านของน้องโบตั๋นอายุ 3 ขวบเศษ พี่สาวของน้องปลายฝนนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเคยเห็นพ่อทำร้ายน้องบ้างไหม น้องโบตั๋นก็บอกว่าเคย แล้วเมื่อถามว่าพ่อใช้อะไรทำร้ายน้องปลายฝน ทางด้านของน้องโบตั๋นก็พูดตามประสาเด็กว่า “ตีน” และเมื่อถามอีกว่าน้องโบตั๋นเคยถูกพ่อทำร้ายหรือไม่ น้องโบตั๋นก็พยักหน้าแต่ไม่ยอมพูดต่อว่าถูกทำร้ายด้วยอะไรทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสาคร คำภาชาติ ผู้ต้องหารายนี้ไปดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ขณะที่ตัวนายสาครเอง ก็พยายามที่จะให้ภรรยาติดต่อทางพ่อและแม่ของนายสาคร เพื่อหาทนายมาสู้คดีสำหรับในส่วนของศพเด็กหญิงปนัดดา คำภาชาติ หรือน้องปลายฝนนั้น ทางครอบครัวได้รับกลับมาจากสถาบันนิติเวชแล้ว พร้อมกับใบชันสูตรจากแพทย์ว่า สาเหตุที่ทำให้น้องปลายฝนเสียชีวิต ก็เนื่องจากมีเลือดออกในช่องท้อง ลำไส้เล็กเป็นแผลฉีกขาดออกจากกัน โดยทางแม่ของน้องปลายฝนคือ นางสาวมณีนุช มณีรัตน์ ก็จะได้นำศพน้องปลายฝนกลับไปสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดในจังหวัดศรีษะเกษ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของครอบครัวนางสาวมณีนุชฯ และจะทำพิธีฌาปนกิจต่อไปและก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายสาคร คำภาชาติ ขึ้นรถเพื่อกลับไปคุมขังที่โรงพัก และฝากขังยังศาลจังหวัดสมุทรสาครต่อไปนั้น นายสาคร คำภาชาติ พ่อของเด็กหญิงปนัดดา หรือน้องปลายฝน ก็ได้พูดทิ้งท้ายสั้นๆว่า หากการที่ลูกตายเป็นเพราะพ่อ พ่อก็ขอโทษลูกด้วย

ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมตำรวจบาดเจ็บจากกลุ่มชุมนุม

IMG_8119          เมื่อ 24 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร., พล.ต.อ.เอก อังศนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางตรวจเยี่ยมตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากการชุมนุมกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม ณ อาคาร เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลตำรวจ

IMG_8194IMG_8152

นายกแม่บ้านตำรวจเยี่ยมตำรวจบาดเจ็บจากเหตุชุมนุม

นายกแม่บ้านตำรวจตรวจเยี่ยมตำรวจบาดเจ็บจากเหตุชุมนุม

IMG_9938          คุณอรัญญา แสงสิงแก้ว นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ นำคณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบเงินบำรุงขวัญแก่ข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากกลุ่มผู้ชุมนุมองค์กรพิทักษ์สยาม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา

IMG_9838IMG_9864

ศอ.รส.แถลงยิงแก๊สทำตามหลักสากล



พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวนการรักษาความสงบ หรือ ศอ.รส. กล่าวถึงกรณีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรร และแยกสวนมิสกวันกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม จนมีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมมวลชน  ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากมวลชนกลุ่มดังกล่าวพยายามฝ่าแนวกั้น ของเจ้าหน้าที่ และยังใช้คีมเหล็กตัดรั้วลวดหนามที่เป็นแนวกั้น จนมาถึงแนวของตำรวจ อีกทั้งยังใช้อาวุธและรถหกล้อผลักดัน จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5นาย สาหัส 2นาย
พล.ต.ต.ปิยะ ยืนยันว่าการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม เป็นการทำตามขั้นตอน หลักสากล เบื้องต้นสามารถควบคุมผู้ชุมนุมได้100คน ยึดกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 30 นัด อาวุธมีด จำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่การชุมนุม และความอดทนเป็นพิเศษ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามยั่วยุ ให้ตำรวจใช้ความรุนแรง เพื่อยกระดับการชุมนุม ทั้งนี้ได้จัดเสริมกำลังสนับสนุนพร้อมปฎิบัติ 38 กองร้อย หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จับปู่-พ่อตระกูลดังร่วมข่มขืนลูกวัย 14 ปี

03          เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2555 ที่ผ่านมา ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ นำกำลังพร้อมหมายศาลเข้าจับกุมชายวัย 38 ปีที่บริเวณตลาดหลักสาม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ก่อเหตุข่มขืนลูกสาวแท้ๆวัย 14 ปี ก่อนหน้านี้ตำรวจ ปคม. ได้รับการประสานงานจากมูลนิธิ ปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่ามีผู้เป็นแม่ได้พาลูกสาววัย 14 ปี มาขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกพ่อแท้ๆและปู่ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดสมุทรสาคร ก่อเหตุอานาจารและข่มขืนอย่างต่อเนื่อง

01          ทีมข่าวได้สอบถามกับแม่เด็กผู้เสียหาย ได้บอกว่าลูกตนได้โทรมาบอกตนว่า ปู่เป็นคนเริ่มก่อน ปู่ลูบคำ ตั้งแต่ให้ลูกไปอยู่บ้านพ่อเขาเพราะเป็นบ้านของปู่ เด็กเห็นว่าเป็นปู่ เลยไม่กล้าทำอะไร ปู่ทำหนูพ่อก็ไปเจอแต่พ่อก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะพ่อก็ทำหนูด้วย

โดยทางฝ่ายพ่อของเด็กที่ถูกกว่าว่าเป็นผู้ต้องยังไม่ได้ให้การใดๆ แก่ตำรวจทั้งสิ้นทั้งนี้ผู้ที่ถูกกว่าหาเคยต้องโทษคดีจำหน่ายยาเสพติดมาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อพ้นโทษก็มาก่อเหตุ ข่มขืนลูกสาวตนเอง จากนั้นตำรวจจึงแจ้งข้อหากระทำชำเราผู้สืบสันดารซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ส่วนปู่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวมาสอบสวนหากหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีจะถูกออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป

แหล่งข่าวเชิงลึกได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบว่าบุคคลที่เป็นปู่ทั้งยังเป็นนักการเมืองท้องถิ่นนั้นมีนามสกุลที่โด่งดังและเป็นที่ยำเกรงของข้าราชการทั่วไป ยิ่งโดยเฉพาะในเขตอำเภอบ้านแพ้วแล้วด้วยไม่มีใครกล้าแตะนามสกุลนี้ ถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขว้างในเขตอำเภอบ้านแพ้ว แหล่งข่าวเชิงลึกยังได้บอกอีกว่าหากกฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์จริงคงไม่เป็นมวยล้ม ต้มคนดู อย่างแน่นอน

02

ต้นกำเนิดยาบ้า...ของประเทศไทย

003         ก่อนที่ยาบ้าจะระบาดเหมือนทุกวันนี้จุดกำเนิดของยาบ้ามาจากผู้หญิงไทยคนหนึ่งส่งลูกไปเรียนวิชาเคมีที่ประเทศไต้หวัน เพื่อกลับมา ผลิตยาบ้ารายแรกของเมืองไทย ผู้หญิงคนนี้ ปัจจุบันถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำลาดยาว.....ชื่อของเธอ นางกัลยาณี อร่ามเวชอนันต์กลายเป็นประวัติศาสตร์วงการค้ายาบ้า เมื่อครั้งยังใช้ชื่อว่า “ยาม้า” ชื่อของเธอถูกบันทึกไว้ในฐานะผู้ผลิตยาม้ารายแรกของเมืองไทย เธอถูกจับพร้อมสามีและลูกชาย 2 คน ที่เรียนจบด้านเคมีจากไต้หวัน ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งครอบครัวของเธอเช่าไว้ผลิตยาม้า เธอถูกจับในเดือนพฤศจิกายน 2530 เพียงไม่กี่วันหลังจากยาม้าถูกประกาศให้เป็นยาต้องห้าม ซึ่งก่อนหน้านั้นยาม้าสามารถนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อใช้กับม้าแข่งได้ แม้ กัลยาณีและครอบครัวจะถูกคุมขังแต่การผลิตยาม้าไม่ได้หยุดไปด้วย คนงานที่ช่วยผลิตในโรงงานของกัลยาณีได้เรียนรู้สูตรจากลูกชาย 2 คน ของเธอที่เรียนรูดด้านเคมีจากไต้หวันได้ขยายธุรกิจต่อ บางคนแยกไปทำเอง จนสูตรยาม้าที่กัลยาณี เคยใช้ยี่ห้อ “เปาบุ้นจิ้น” ในครั้งแรกได้ขยายเป็นยี่ห้อต่างๆ มามาย แหล่งผลิตที่เคยกระจุกตัวอยู่รอบๆ กรุงเทพฯ ถูกตำรวจตามทลายจนต้องกระจายไปสู่ภูมิภาค กระทั่งสุดท้ายประมาณกลางปี 2538 คนงานของกัลยาณี บางคนที่แยกมาผลิตเองได้ขยายสู่ชายแดนในเขตพม่า ด้วยการจ่ายค่าคุ้มครองให้ชนกลุ่มน้อยและทหารพม่าบางกลุ่ม โรงงานของคนไทยได้ขยาย0001มากในพื้นที่พม่า จนในที่สุดชนกลุ่มน้อย ที่แตกตัวออกมาจากขุนส่า และกลุ่มว้า เริ่มสนใจธุรกิจยาม้าจึงทั้งขอและบังคับให้เจ้าของคนไทยยอมบอกสูตรให้ และสุดท้ายธุรกิจยาม้าได้ตกอยู่ในมือของชนกลุ่มน้อยต่างๆ ของพม่าทั้งหมด การผลิตและทำการตลาดของชนกลุ่มน้อยใชประสบการณ์จากการค้าเฮโลอีนทำให้ยาม้าได้แพร่ระบาดในประเทศไทยอย่างรวดเร็วจนน่าเป็นห่วง ไม่น่าที่จะเชื่อว่าโรงงานผลิตยาม้าที่เกิดขึ้นมากมายในประเทศพม่าบริเวณชายแดนภาคเหนือของประเทศไทยที่แท้ก็มีต้นกำเนิดมาจากคนไทยเรานั่นเอง สถานการณ์การผลิตยาบ้าในพื้นที่ชายแดน ปฏิบัติการของตำรวจภาคเหนือทำได้เพียงการตรวจค้นและจับยาม้าที่นำมาซ้อนตามหมู่บ้านคนไทยตามชายแดนเพื่อรอส่งให้ลูกค้าในไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีข้อมูลระบุว่า หลายครั้งที่พวกนี้นำยาบ้าที่ผลิตแล้วมาซุกซ่อนไว้ที่หมู่บ้านอีก้อ ผาฮี้ อ.แม่สาย มีชาวเขาหลายหลังที่มีพฤติกรรมรวยผิดปกติแต่ผู้ใหญ่บ้านที่นี่ยืนยันว่า รวยเพราะทำไร่กาแฟ เพียงไม่กี่ปีผู้ผลิตยาบ้าชาวไทยถ่ายทอดสูตรให้กับชนกลุ่มน้อยและชาวเขารวมกันผลิตยาบ้าขึ้นมาอย่างมากมายพร้อมที่จะทลักเข้าสู่ประเทศไทยตลอดเวลาท่าหากเจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลยไม่ใส่ใจอย่างจริงจัง นี่คือเหตุการณ์ที่มียาบ้ามากมายเฉกเช่นทุกวันนี้
002

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ยอดฮิต...ปิดถนนอีกแล้ว

ชาวประมงกว่า 300 คนรวมตัวปิดถนนหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงครามเรียกร้องรัฐบาลให้การเยียวยากรณีน้ำทะเลเสียเนื่องจากภัยธรรมชาติเพลงก์ตอนบูม

DSC_0447          เมื่อ 21 พ.ย.55 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม นายมงคล เจริญสุขคณา ประธานประมงแม่กลอง กำจัด นำผู้ประสบปัญหาเลี้ยงกุ้ง ,หอยแมลงภู่,หอยแครง และปลากระชัง กว่า 30 คน พร้อมซากหอยแครง 4 คันรถกระบะ ยื่นหนังสือต่อ นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กรณีน้ำทะเลเสียเนื่องจากภัยธรรมชาติแพลงก์ตอนบูล ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 40 ปี สร้างความเสียหายให้กับชาวประมงเป็นจำนวนกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งประสบปัญหามาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2555 ต้องการให้จังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินร้ายแรงอย่างเร่งด่วน และหากไม่สามารถดำเนินการได้ในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้จะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้กล่าวกับชาวประมงพื้นบ้าน ว่า จังหวัดได้จัดทำหนังสือหารือไปยังกรมบัญชีกลาง ผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแล้วว่าสามารถประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินและพิจารณาให้ความช่วยเหลือจากเงินทดรองราชการจังหวัดในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ได้หรือไม่ หากกรมบัญชีกลางพิจารณาแล้วว่าเป็นภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จังหวัดสมุทรสงครามจะรีบดำเนินการประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินและพิจารณาให้ความช่วยเหลือจากเงินทดรองราชการจังหวัดในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป