pearleus

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

เปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ นมัสการหลวงพ่อโตฯ ณ วัดหลักสี่ และงานเกษตรบ้านแพ้ว



เมื่อ 29 มีนาคม 2556 ที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการจัดพิธีเปิดงานนมัสการปิดทองหลวงพ่อโตวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ประจำปี 2556 ขึ้น โดยมีพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร เจ้าคณะภาค14 กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ และมีพลเอกณพล บุญทัพ รองสมุหราชองค์รักษ์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในการนี้พระครูสาครพิพัฒนาภรณ์ รองเจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว ก็ได้นิมนต์พระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พระสังฆาธิการ พระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ มาร่วมสวดเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อเบิกฤกษ์เบิกชัย และเป็นสิริมงคลแก่ผู้มาร่วมในพิธีเปิดงานประจำปี โดยมีนายอมรฤทธิ์ เอมะปาณ นายอำเภอบ้านแพ้ว หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่นและและศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อโต ซึ่งมาร่วมในงานกันอย่างเนืองแน่น

                โดยบรรยากาศในช่วงเช้าของวันเปิดงานนมัสการปิดทองหลวงพ่อโตวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสรนั้น ก็เป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนจำนวนมากได้นำผลไม้ซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของดีของอำเภอบ้านแพ้ว มาถวายแด่องค์หลวงพ่อโตกันอย่างล้นหลาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการแก้บน และเป็นการขอพรจากองค์หลวงพ่อโต ให้ทำมาค้าขายร่ำรวย หรือทำเกษตรกรรมเฟื่องฟู มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังมีการแสดงเชิดสิงโตมังกรทองถวายแด่องค์หลวงพ่อโต ซึ่งก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก ขณะที่ในช่วงสายก็ได้มีการแห่องค์หลวงพ่อโตจำลองทั้งทางบกและทางน้ำอย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีประชาชนตั้งโต๊ะหมู่บูชากันตลอดสองฝั่งคลองและตลอดเส้นทางที่ขบวนหลวงพ่อโตฯ แห่ผ่านไป โดยในปีนี้ได้มีการแห่องค์หลวงพ่อโตปางประจำวันเกิดที่แกะสลักจากไม้มงคล ให้ประชาชนได้สักการะบูชากันอีกด้วย
                ขณะที่ในวันเดียวกัน เวลา 16.00 น. ที่ลานจัดงานเกษตรของดีอำเภอบ้านแพ้ว วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร นายไพศาล สำราญทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดงานเกษตรของดีอำเภอบ้านแพ้ว โดยมีนายสุธี ทองแย้ม ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร นายอมรฤทธิ์ เอมะปาณ นายอำเภอบ้านแพ้ว นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นายนิติรัฐ สุนทรวร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนชาวเกษตรของอำเภอบ้านแพ้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ที่มาเข้าร่วมในพิธีเปิดงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการนี้ก็ได้รับเมตตาคุณจากพระครูสาครพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว รองเจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร มาเป็นผู้มอบรูปหล่อองค์หลวงพ่อโต ให้กับผู้ที่ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นประจำปี 2556 นี้ด้วย
            
    สำหรับงานเกษตรของดีอำเภอบ้านแพ้วนั้น ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นการผลักดันและส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด อีกทั้งยังเพื่อเป็นการโชว์ศักยภาพและความอุดมสมบูรณ์ของผลผลิตทางการเกษตร ทั้งพืช ผัก ผลไม้ กุ้ง ปลาสลิด ที่หลากหลายอันเลื่องชื่อ จนถือเป็นเอกลักษณ์ของดีของเด่นของอำเภอบ้านแพ้ว ที่เป็นที่รู้จักกันมาช้านาน ซึ่งการจัดงานนี้ทางอำเภอบ้านแพ้วได้ร่วมกับวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสรและ ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนประชาชนชาวอำเภอบ้านแพ้ว จัดงานเกษตรของดีอำเภอบ้านแพ้วและงานปิดทองหลวงพ่อโตวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสรขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2556 นี้ ได้กำหนดจัดไปจนถึงวันที่ 8 เมษายน

                ซึ่งกิจกรรมภายในงานจะมีทั้งการจัดแปลงผักเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การประกวดกล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ การประกวดผลไม้ การประกวดปลาสลิด และการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร ตลอดจนสินค้าชุมชนที่น่าเลือกซื้ออย่างหลากหลาย

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

พิธีอัญเชิญพระบรมเกศาธาตุ วัดคลองครุ‏


หนึ่งใจ ให้ธรรมะ มูลนิธิมิราเคิลออฟไลน์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมกับ 26 พุทธศตวรรษ และสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ทรงพระกรุณาโปรดให้ จัดพิธีอัญเชิญ พระบรมเกศาธาตุฯพระทันตธาตุฯ ของสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากประเทศศรีลังกา มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวระหว่าวันที่ 16-28 มีนาคม 2556 ณ วัดคลองครุ หมู่ที่ 8 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อให้ประชาชนได้ทำบุญ กราบไหว้ สักการะบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล..   โดยเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 56  นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายจิตตวีร์ ภูมิวุฒิสาร นายอำเภอเมือง ร่วมเป็นประธานในพิธีอัญเชิญ พระบรมเกศาธาตุฯ พระทันตธาตุฯ ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป โดยมี นายสิริบูรณ์ ทองบางเกาะ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย เป็นผู้กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์ในการจัดงาน พระสงฆ์สมณศักดิ์ พระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมพระพิธีเจริญชัยมงคลคาถาชยันโต ภายในพิธี สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพุทธาจารย์ วัดสระเกศฯ สมเด็จพระมหารัชมังคลานจารย์ วัดปากน้ำฯ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ มอบผ้าไตรจีวร ถวายเป็นพุทธบูชาสักการะ5 พระบรมเกศาธาตุฯ พระทันตธาตุฯ จากประเทศศรีลังกา ซึ่งมีครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ ของชาวจังหวัดสมุทรสาคร 

สักซ้อมพิธีเปิด

27 มีนาคม 56 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. สักซ้อม พิธีเปิดพิพิธภัณท์ตำรวจ ณ วังปารุสกวัน บช.น.

จัดอบรมพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ในหมู่บ้านที่มีผลการปฏิบัติงานในระดับดี (B) ประจำปี ๒๕๕๖


เมื่อ ๒๗ มี.ค.๕๖   ที่โรงเรียนนักปกครองท้องที่ประจำจังหวัดสมุทรสงคราม (ห้องประชุมศูนย์วัฒนธรรมอำเภอเมืองสมุทรสงคราม) จังหวัดสมุทรสงคราม นายธนน เวชกรกานนท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานการอบรมพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ในหมู่บ้านที่มีผลการปฏิบัติงานในระดับดี (B) ประจำปี ๒๕๕๖ เพื่อพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้มีความรู้ ความเข้าใจในบทบาท อำนาจหน้าที่ สามารถปฏิบัติภารกิจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกลุ่มเป้าหมายของผู้เข้ารับการอบรมเป็นคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) จากหมู่บ้านที่มีผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้านในระดับดี หรือระดับ B จำนวน ๒๐ หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น ๑๐๐ คน ใช้เวลาในการอบรม ๒ วัน ระหว่างวันที่ ๒๗ – ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า ทางราชการได้ให้ความสำคัญต่อบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เห็นชอบในหลักการเรื่องแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมการหมู่บ้านให้เป็นรูปธรรม โดยให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐพิจารณามอบหมายภารกิจตามนโยบายของรัฐบาล ให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นองค์กรหลักในการบูรณาการจัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้านและนำแผนพัฒนาหมู่บ้านที่คณะกรรมการหมู่บ้านจัดทำเป็นข้อมูลในการจัดทำคำของบประมาณของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยในส่วนของจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ให้ความสำคัญต่อบทบาทภารกิจของคณะกรรมการหมู่บ้านและสนับสนุนให้ที่ทำการปกครองจังหวัดจัดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการหมู่บ้านขึ้นมา เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำไปใช้ในการปฏิบัติภารกิจ และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการหมู่บ้าน ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการหมู่บ้านทุกคนต่างมุ่งมั่น ทุ่มเทเสียสละ ทำงานด้วยจิตสาธารณะ จนสามารถสร้างความเข้มแข็งให้เกิดแก่หมู่บ้านได้เป็นอย่างมาก

จังหวัดนครปฐมเปิดโครงการวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี 2556


เมื่อ 27  มีนาคม  2556  นางสาวนันทิยา  สว่างวุฒิธรรม  หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม  เป็นประธานเปิดโครงการวันอนุรักษ์มรดกไทย  ประจำปี  2556  ณ  วัดโพธิ์งาม  ตำบลกระตีบ  อำเภอกำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม  โดยนางฐิติรัตน์  เค้าภูไทย  นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ  รักษาราชการแทนวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม  กล่าวว่า  เนื่องจากวันที่  2  เมษายนของทุกปี  เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์  ได้กำหนดจัดกิจกรรมเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทยขึ้น  เพื่อให้เด็ก  เยาวชน  และประชาชน  ได้ตระหนักถึงความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมและร่วมกันอนุรักษ์ให้คงอยู่  นอกจากนี้  หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม  ได้เป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดโพธิ์งาม  ซึ่งพระครูอาทรภัทรกิจ  เป็นเจ้าอาวาส  เป็นผู้รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของทุกคนในชุมชน  และมีผู้นำมาถวาย  ส่วนหนึ่งได้มาจากวัดปทุมทองสุทธาราม  ตำบลห้วยม่วง  อำเภอกำแพงแสน  ซึ่งมีสิ่งของที่เป็นโบราณวัตถุจำนวนมาก  ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม  จึงได้ร่วมกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน  โรงเรียนวัดโพธิ์งาม  องค์การบริหารส่วนตำบลกระตีบ  และประชาชนโดยรอบวัดโพธิ์งาม  ร่วมกันจัดทำทะเบียนวัตถุขึ้น  และจัดสิ่งของให้เป็นระบบ  เมื่อวันที่  14 – 15  มีนาคม ที่ผ่านมา  เพื่อให้หน่วยงานทุกภาคส่วน  รวมถึงประชาชนในพื้นที่  ได้รู้จักวิธีดูแลรักษาโบราณสถาน  โบราณวัตถุ  และศิลปวัตถุอย่างถูกต้อง  เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้  และแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมของชุมชน  นำไปสู่การศึกษาสืบค้นและเผยแพร่สู่สาธารณชนต่อไป
                สำหรับพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดโพธิ์งาม  มีการแสดงโบราณวัตถุต่างๆ  เป็นจำนวนมาก  อาทิ  เครื่องนวดข้าว  เครื่องสีข้าว  เครื่องมือการเกษตร  อุปกรณ์ในการจับสัตว์น้ำชนิดต่างๆ  เครื่องมือช่าง  รถจักรยาน  รถสามล้อ  ถ้วย  ชาม  หม้อ  ไห  โอ่ง  เครื่องโม่  และภาชนะเครื่องจักรสานที่ใช้ในครัวเรือนอีกมากมาย  โดยประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดโพธิ์งาม  เพื่อเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ได้ทุกวัน

ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมกำหนดมาตรการบันได 3 ขั้น เพื่อปลูกฝังวินัยการจราจร และเตรียมความพร้อมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2556


พ.ต.อ.อนุภาพ  ศรีนวล  รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม  กล่าวว่า  จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อปีที่ผ่านมา  จังหวัดนครปฐมมีผู้เสียชีวิต  7  ราย  สาเหตุเกิดจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ขณะเมาสุราและขับขี่ด้วยความประมาท  อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบนถนนสายรอง  แต่จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในภาพรวมเมื่อ  5  ที่ผ่านมา  อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบนถนนสายหลัก  ยานพาหนะที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดยังคงเป็นรถจักรยานยนต์  จากข้อมูลดังกล่าว  ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม  จึงได้หาแนวทางเตรียมการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์  ปี  2556  โดยกำหนดมาตรการบันได  3  ขั้น  คือขั้นที่  1  เริ่มจากเดือนมกราคม  ได้มอบหมายให้สถานีตำรวจภูธรในแต่ละพื้นที่  รณรงค์ปลูกฝังจิตสำนึกแก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา  เกี่ยวกับการรักษาวินัยจราจร  ทุกวันๆละ  5  นาที  ขั้นที่  2  ในเดือนกุมภาพันธ์  โครงการ  1  ถนน  2  ทางแยก  โดยดำเนินการกวดขันวินัยจราจร  เน้นหนักมากที่สุด  คือ  ให้ผู้ขับขี่สวมหมวกนิรภัย  และคาดเข็มขัดนิรภัย  ในส่วนทางแยก  ขณะนี้ปัญหาในจังหวัดนครปฐม  ประชาชนส่วนใหญ่มักขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศร  ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร  ซึ่งได้มอบหมายให้ทุกสถานีกวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด  100  เปอร์เซ็นต์  และขั้นที่  3  ในช่วงเดือนมีนาคม  ได้ดำเนินการจับกุมทุกข้อหา  ตามมาตรการ  3ม 2ข 1ร  เพื่อปลูกฝังวินัยการจราจร  และเตรียมความพร้อมในช่วง  7  วันอันตราย  เทศกาลสงกรานต์  ปี  2556  โดยเริ่มตั้งแต่วันที่  11  -  17  เมษายน  2556

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

โครงการลูกจ้างอยู่ได้ นายจ้างอยู่ดีที่นครปฐม


เมื่อ  26  มีนาคม  2556  นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการ  ร่วมตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ  ตามโครงการนายจ้างอยู่ได้  ลูกจ้างอยู่ดีที่นครปฐม           ณ  บริษัท  โภคาฟีด  จำกัด  หมู่ที่  1  ตำบลดอนยายหอม  อำเภอเมือง  จังหวัดนครปฐม  ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์  โดยนายวิทยา  ศุภศิริโภคา  ประธานบริษัทฯ  กล่าวว่า  ทางบริษัทฯ  มีการจัดการด้านความปลอดภัยในการทำงาน  มีการจัดชุดป้องกัน  เช่น  อุปกรณ์แต่งกาย  หมวก  ถุงมือกันความร้อน  และอื่นๆ  ให้กับพนักงานทุกๆคน  พร้อมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย  อาชีวอนามัย  และสภาพแวดล้อมในการทำงาน  ทั้งระดับพื้นฐาน  ระดับหัวหน้างาน  และระดับบริหาร  เพื่อช่วยในการจัดการด้านความปลอดภัย  และส่งสำเนารายชื่อให้กับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมาโดยตลอด  ด้านอาชีวอนามัย  บริษัทฯ  มุ่งเน้นเรื่องความสะอาดพื้นที่  ทั้งในและนอกบริเวณโรงงาน  รวมทั้งอาหารการกิน  ทางบริษัทฯ  ได้จัดโรงอาหารไว้สำหรับพนักงาน  และน้ำดื่มที่มีคุณภาพ  นอกจากนี้ได้มีการอบรมพนักงาน  และรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด  โดยการติดป้าย  หรือ  โปสเตอร์  ไว้บริเวณโรงงาน  เพื่อปลูกจิตสำนึกและเป็นข้อเตือนใจ  รวมทั้งมีการตรวจสารเสพติดประจำเดือน  และได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมระบบจัดการด้านยาเสพติดในสถานประกอบการอีกด้วย 
                ภายหลังการเยี่ยมชมกระบวนการผลิตในพื้นที่โรงงานดังกล่าว  นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  ได้กล่าวว่า  ภายในโรงงานมีความสะอาดเรียบร้อย  มีการจัดวางอุปกรณ์อย่างเป็นระเบียบ  นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่พนักงานทุกระดับ  รวมทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการ  ขบวนการผลิต  คุณภาพ  รวมไปถึงความเป็นอยู่ของพนักงาน  ซึ่งถือเป็นตัวอย่างให้กับสถานประกอบการอื่นๆ  ได้เป็นอย่างดี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำร่องโครงการบรรยายให้ความรู้กับประชาชนในจังหวัดนครปฐม เพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว การเยียวยาฟื้นฟู การป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินงบประมาณ


เมื่อ 26 มีนาคม 2556   นางศิวาพร  ชื่นจิตต์ศรี  รองอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ เป็นประธานเปิดโครงการบรรยาย ให้องค์ความรู้กับประชาชนฯกิจกรรมที่ 1 จังหวัดนครปฐมโดยศูนย์อำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว การเยียวยาฟื้นฟู และป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำเนินโครงการบรรยายให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว การเยียวยาฟื้นฟู และป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 1 ณ โรงแรมริเวอร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยผู้เข้าร่วมโครงการดังนี้ 1).ประชาชนที่เป็นเกษตรผู้ขึ้นทะเบียนในโครงการรับจำนำข้าว ในอำเภอต่าง ๆ ในพื้นที่ 7 อำเภอของจังหวัดนครปฐม อำเภอละ 30คน รวม 210 คน  2).ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว รวม 40 คน3).แขกผู้มีเกียรติ ผู้ติดตาม ผู้สังเกตการณ์ และเจ้าหน้าที่โครงการ รวม 50คน รวมผู้เขาร่วมโครงการทั้งสิ้น 300 คน เข้ารับฟังการบรรยายในครั้งนี้
การบรรยายให้องค์ความรู้ดังกล่าว มีหัวข้อที่เป็นประโยชน์กับเกษตร อาทิ การบรรยายเรื่อง กระบวนการและขั้นตอนโครงการรับจำนำข้าวโดยวิทยากรจากหน่วยงานในจังหวดนครปฐม การบรรยายเรื่อง การป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการเยียวยาฟื้นฟู และป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยวิทยากรจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และการอภิปรายเรื่อง ข้อควรปฏิบัติของเกษตรกรในโครงการรับจำนำข้าวโดยวิทยากรจากหน่วยงานในจังหวัดนครปฐมและกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ตำรวจภาค7 นครปฐมฝึกซ้อมเเผนควบคุมฝูงชน

 

          วันที่ 21 มีนาคม 2556 ตำรวจภูธรภาค 7 จัดการประกวดผู้บังคับการตำรวจเข้มแข็งในการควบคุมสั่งการทางยุทธวิธีในสถานการณ์ควบคุมฝูงชน โดยมี พลตำรวจเอก วรพงษ์  ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดและเป็นประธานคณะกรรมการตรวจประเมิน โดยมีพลตำรวจโท หาญพล  นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมให้การต้อนรับ สถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่
ตำรวจ จึงจำเป็นจะต้องจัดให้มีระบบการบริหารเหตุการณ์ และการปฏิบัติของกองร้อยควบคุมฝูงชนที่มีมาตรฐาน ทั้งทางด้านยุทโธปกรณ์ ประสิทธิภาพของบุคลากร และยุทธวิธีในการปฏิบัติเพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อยู่ในเขตของกฏหมายและเป็นไปตามหลักสากล จากแนวโน้มสถานการณ์ดังกล่าว สำนักงานตรวจแห่งชาติ จึงจัดให้มีการประกวดผู้บังคับการตำรวจเข้มแข็งในการควบคุมสั่งการทางยุทธวิธีในสถานการณ์ควบคุมฝูงชนขึ้น   โดยมอบหมายให้หน่วยงานระดับกองบัญชาการดำเนินการจัดการประกวดให้กับกองบังคับการในสังกัด โดยแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจประเมินการประกวดจากสักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อคัดเลือกหน่วยที่ได้รับคะแนนสูงสุด และจัดมาตรฐานกองร้อยควบคุมฝูงชนของแต่ละกองบัญชาการ กำหนดรูปแบบการประกวด โดยให้ผู้บังคับการและรองผู้บังคับการที่รับผิดชอบทำหน้าที่ควบคุมสั่งการในการควบคุมฝูงชน และกำหนดโจทย์การประกวด โดยให้คำนึงถึงการพิจารณาในการใช้กองกำลังขนาดต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับผู้ชุมนุม และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น   เพื่อเตรียมความพร้อมของกองร้อยควบคุมฝูงชน เพื่อเพิ่มพูนพัฒนาขีดความสามารถ และประสิทธิภาพในการควบคุมสั่งการของผู้ควบคุมกำลังในสถานการณ์การควบคุมฝูงชน เพื่อคัดเลือกผู้บริหารเหตุการณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของแต่ละหน่วย และเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับผู้ปฏิบัติอื่น ๆ ในการพัฒนาขีดความสามารถของตนเอง

ผู้ว่านำหัวหน้าส่วนราชการออกหน่วยพบประชาชน


เมื่อ 21 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยนางสว่างศรี  วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดนครปฐม ออกเยี่ยมเยียน และพบปะพี่น้องประชาชนตามโครงการจังหวัดนครปฐมพบประชาชน และโครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน ที่วัดเกษมสุริยัมนาจ ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน โดยมีประชาชนประมาณ 800 คน มาใช้บริการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่จัดหน่วยเคลื่อนที่ไปให้บริการ เช่น การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การพาณิชย์ การเกษตร เป็นต้น
          ในโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน ถึงแนวนโยบายว่า ต้องการให้จังหวัดนครปฐมยุคใหม่ มีความสะอาด ปลอดภัย สังคมเป็นสุข โดยขณะนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์ซึ่งจะมีวันหยุดต่อเนื่องกันหลายวัน ดังนั้นในเรื่องของความปลอดภัยขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพ ชีวิตและทรัพย์สินของตนเองด้วย โดยการปฏิบัติตามกฎระเบียบจราจรอย่างเคร่งครัด  และขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจ ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเข้มแข็ง
         ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาด และหัวหน้าส่วนราชการ ได้มอบถุงยังชีพ จำนวน 50 ถุง มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน จำนวน 10 ทุน ๆ ละ 1,000บาท มอบผ้าห่ม จำนวน 180 ผืน และมอบพันธุ์ปลา จำนวน 30,000 ตัว แก่ประชาชนด้วย

ขยะคลองบางน้อย‏


โอ้โฮ...  จะทำอย่างไรดีขยะเต็มคลองอย่างนี้น่าจะช่วยกันเก็บได้น่ะ อยู่ในคลองบางน้อยเขตรับผิดชอบของท่านนายก สมภพ รัตนไพบูลย์ นายกเทศมนตรีตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม  สั่งการลงไปเลยครับ ตอนนี้เราต้องช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติเอาไว้เหลือน้อยเต็มทีแล้วช่วยๆกันหน่อยคนละไม้คนละมือเดียวก็สะอาดไปเอง อย่าปล่อยว่าเป็นหน้าที่คนใดคนหนึ่ง

การประชุมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมพัฒนาเครือข่าย สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร/กลุ่มอาชีพ/เครือข่ายระดับจังหวัดปี ๒๕๕๖


เมื่อ ๒๒  มีนาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา   นายรุ่งโรจน์  ศงสนันทน์  สหกรณ์จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมพัฒนาเครือข่าย สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร/กลุ่มอาชีพ/เครือข่ายระดับจังหวัดปี ๒๕๕๖ เพื่อการพัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้  หาแนวทางร่วมกันในการขยายเครือข่าย ทั้งทางด้านการผลิต การตลาด การเชื่อมโยงสินค้าระหว่างกัน การขยายเครือข่ายให้เกิดประโยชน์ต่อระบบสหกรณ์ และการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ในการประชุมครั้งนี้สหกรณ์การเกษตรคลองหลวง จำกัด จังหวัดปทุมธานี โดยผู้จัดการ คุณพันธุ์ทิพย์  เปอร์เชาว์  ได้นำสินค้าของสหกรณ์มาเจรจาซื้อขายแลกเปลี่ยนกับสินค้าของสหกรณ์ในจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้แทนสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มอาชีพในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่เข้าร่วมประชุมเป็นอย่างมาก 

ประชุมใหญ่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรสมุทรสงคราม จำกัด พร้อมรับเงินปันผลและเฉลี่ยคืนทั่วหน้า


                เมื่อ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา  พ.จ.อ.สมเดช  เกตุแก้ว  ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรสมุทรสงคราม  จำกัด  เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๕๕          เพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปีทางบัญชีสิ้นสุดวันที่  ๓๑ ธันวาคม  ๒๕๕๕ ณ ศาลาริมน้ำวัดคู้ธรรมสถิตติ์  ตำบลบางขันแตก  อำเภอเมือง  จังหวัดสมุทรสงคราม 
                 พ.จ.อ.สมเดช  เกตุแก้ว  กล่าวว่า  สหกรณ์การเกษตรสมุทรสงคราม จำกัด ได้รับการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ เมื่อวันที่ ๒๒  สิงหาคม  ๒๕๓๗ และเริ่มดำเนินธุรกิจนับแต่วันที่จดทะเบียนสหกรณ์  ดำเนินธุรกิจจนถึงปัจจุบัน ๑๙ ปี เมื่อปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ มีสมาชิกทั้งสิ้น ๗๗ คน และมีทุนดำเนินงาน ๔๓๗,๗๑๕.๖๐ บาท สหกรณ์ฯ ดำเนินธุรกิจบริการสมาชิกในด้านต่างๆ ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน  และธุรกิจหาสินค้ามาจำหน่าย โดยมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจทั้งสิ้น ๓๔,๓๒๙.๔๙  บาท มีกำไรสุทธิประจำปี ๒๘,๔๖๑.๖๗ บาท ที่ประชุมได้จัดสรรเป็นเงินปันผลตามหุ้นร้อยละ ๘  และเงินเฉลี่ยคืนตามส่วนธุรกิจ ร้อยละ ๕  ให้แก่สมาชิก
                นายรุ่งโรจน์ ศงสนันทน์  สหกรณ์จังหวัดสมุทรสงคราม ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับอุดมการณ์  หลักการ  และวิธีการสหกรณ์  ซึ่งเป็นหลักสากลที่ใช้กันทั่วโลก  การรวมกลุ่มกันก่อตั้งสหกรณ์  คือ  การรวมทุน  รวมคน  การร่วมแรง  ร่วมใจ  ของสมาชิกทุกคน  ซึ่งการรวมตัวกันแบบสหกรณ์       นั้นจะต้องร่วมกันคิด  ร่วมกันกำหนดกิจกรรม  และร่วมกันดำเนิน
งาน  เพื่อให้การดำเนินงานของสหกรณ์บรรลุวัตถุประสงค์แห่งการจัดตั้งสหกรณ์  ซึ่งจำเป็นต้องมีกฎ  ระเบียบ  กติกา  ข้อบังคับ    มากำหนดให้สามารถดำเนินการต่างๆ  ได้อย่างเป็นระเบียบ  และเป็นกติกาปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียงกัน ภายใต้เงื่อนไขพื้นฐานของการช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ตลอดจนให้ความรู้สมาชิกสหกรณ์ให้ทราบว่า  สมาชิกทุกคนเป็นเจ้าของสหกรณ์  เป็นผู้ให้บริการ  เป็นผู้ควบคุมดำเนินงาน  โดยการเลือกสมาชิกมาเป็นคณะกรรมการบริหารงานของสหกรณ์  และในขณะเดียวกันเมื่อสหกรณ์มีกำไรก็จะคืนกำไรให้กับสมาชิกในรูปเงินปันผลตามหุ้นและเงินเฉลี่ยคืนตามส่วนการทำธุรกิจ  สมาชิกจึงเป็นทั้งเจ้าของ  เป็นผู้บริหาร/ผู้ดำเนินการ   และเป็นผู้รับผลประโยชน์ (กำไร)  ที่เกิดขึ้น  ต่างกับพ่อค้าบริษัท/ธนาคาร  ที่เจ้าของไม่ใช่ผู้ใช้บริการ  ผู้บริหารเป็นผู้ที่ถือหุ้นสูงสุด  กำไรเป็นของเจ้าของผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ใช้บริการ  ดังนั้น  ตราบใดที่สมาชิกยังทำการเกษตรอยู่ระบบสหกรณ์ก็จะช่วยพวกเราได้  เมื่อสมาชิกเดือนร้อนในการทำกิน  เป็นไม่มีเงินทุน  ก็มาขอกู้ยืมเงินจากสหกรณ์  เมื่อครบกำหนดก็นำเงินมาชำระ  ดังนั้น  ก็ขอให้สมาชิกทุก  ได้ปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของการเป็นสมาชิกที่ดี  สมาชิกต้องช่วยเหลือสหกรณ์  ช่วยตนเอง  และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ก็คือ  สมาชิกต้องสนับสนุนการดำเนินงานของสหกรณ์โดยมาทำธุรกิจกับสหกรณ์  ร่วมกิจกรรมกับสหกรณ์  เช่น  การเข้าร่วมประชุมกลุ่มสมาชิก  การประชุมใหญ่ ฯลฯ  และยังแนะนำให้สมาชิกเตรียมตัวรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  ในปี ๒๕๕๘  ที่จะถึงนี้  ซึ่งก็เป็นโอกาส  เป็นช่องทางในการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรจังหวัดสมุทรสงคราม  เช่น  ส้มโอขาวใหญ่  มะพร้าว  และอื่นๆ  ส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้นด้วย

ผู้ว่าสมุทรสงครามร่วมศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสงครามนำกุ้งกุลาดำ 200,000 ตัวปล่อยลงในอ่าวแม่กลองดอนหอยหลอดเพื่อเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ


                     ที่บริเวณริมเขื่อนหน้าศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  นาย ธนน เวชกรกานนท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม  ได้รวมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสงคราม  ชาวบ้านและองค์กรส่วนท้องถิ่นที่ได้ช่วยสนับสนุนงบประมาณบางส่วน ในการจัดหาสัตว์น้ำมาปล่อย ทั้ง ปู  ปลา และในวันนี้ได้มีการปล่อยกุ้งกุลาดำจำนวน 100000 ตัว มีขนาดความยาวของตัวกุ้ง p-15    5-7  เซนติเมตร  นำลงเรือปล่อยหางจากชายฝั่ง ประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อให้กุ้งกุลาดำที่ปล่อยนั้นอยู่รอดได้ร้อยเบอร์เซน  เพื่อเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ   ภายหลังจากที่เกิดภัยพิบัติทางทะเลทำให้สัตว์น้ำทางทะเลเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และขณะนี้ปริมาณสัตว์น้ำในอ่าวแม่กลองเริ่มมีมากขึ้นชาวประมงสามรถจับได้มากขึ้น  ดังนั้นทางจังหวัดฯเห็นว่าการที่จะช่วยให้ธรรมชาติกลับคืนมาสู่เป็นปกติเราต้องช่วยกัน เพื่อความอุดมสมบูรณ์และเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป 
           อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามกล่าว เมื่อเหตุการณ์ทางทะเลเข้าสู่ภาวะปกติแล้วน้ำในทะเลดีขึ้นที่สัตว์น้ำสามารถอยู่ได้แบบปกติก็จะหาพันธุ์สัตว์น้ำมาปล่อยเพื่อให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อความปกติสุขของชาวบ้านหรือชาวประมงชายฝั่งจะได้มีอาชีพทำได้ต่อไป

จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ


เมื่อ  26   เดือน มีนาคม  พ.ศ.2556 ณ  กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตามที่รัฐบาลได้ประกาศปฏิบัติการวาระแห่งชาติ พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กำหนดแนวทางการดำเนินการ ตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด  โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความสงบสุขของประชาชนและสังคมให้ได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และยั่งยืน โดยให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี  ที่ ๑๕๔/๒๕๕๕ เรื่องยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด   ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๕ และกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินการเป็น ๗ แผน ๔ ปรับ ๓ หลัก ๖ เร่ง   เพื่อการขับเคลื่อน และต่อมาได้มีคำสั่งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติที่ ๒๓/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม  ๒๕๕๕ กำหนดปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน ปี ๒๕๕๖ กำหนดกรอบยุทธศาสตร์ในการดำเนินการรวม๓ ประการได้แก่ยุทธศาสตร์ต่อเนื่อง ยุทธศาสตร์ป้อง/ปราบปราม และยุทธศาสตร์เสริมสร้างพัฒนา โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งรับผิดชอบหลักในแผนที่ ๔ : การปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย และแผนที่ ๖ : การสกัดกั้นยาเสพติด รัฐบาลโดย นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี     ได้เป็นประธานเปิดการสัมมนาการมอบนโยบายการบริหารราชการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖ ที่ห้องบุณยะจินดา สโมสรตำรวจ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ ได้กล่าวยืนยันเน้นเรื่องการปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้โทษในหน้าที่ของตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างเต็มที่โดยมอบหมายให้ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดในการดำเนินการดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายและแผนปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกำหนดให้มีการป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น ทั้งผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้จำหน่ายรายใหญ่ กลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด กลุ่มผู้พักและส่งยาเสพติดไปยังผู้ค้าระดับกลาง ผู้ค้ารายย่อยตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์กับผู้เกี่ยวข้องทุกราย  โดยยึดหลักกฎหมายและหลักนิติธรรม ทั้งนี้ได้มอบหมายให้  พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ  รอง ผบ.ตร.(ปส.๑)  พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.(ปส.๒) และ พล.ต.อ.วุฒิ  ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา(ปส.๓) ร่วมรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด เพื่อขับเคลื่อนให้หน่วยงาน ในสังกัดที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเร่งรัดดำเนินการ ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างจริงจัง 
                               เมื่อ วันที่ ๒๔-๒๕ มี.ค.๒๕๕๖  เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด  ภายใต้การอำนวยการโดย ,พล.ต.ท.ชัยวัฒน์  โชติมา ผบช.ปส.,พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง, พล.ต.ต.จิรโรจน์ กี่ศิริ, พล.ต.ต.ชาญเทพ   เสสะเวช, พล.ต.ต. พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ ขันธวิจารณ์ ผบก.ขส.บช.ปส.,พ.ต.อ.ทนงศักดิ์  ทั่งทอง รอง ผบก.ขส.บช.ปส.,,
ศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด    จับกุม จับกุม จำนวน  ๑   คดี   
                เจ้าหน้าที่ตำรวจ   ศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, บช.ปส. ,บก.ปส. ๑,๒,๓, ๔, บก.ตม.๕ นำโดย พล.ต.อ.สมยศ   พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ชัยวัฒน์  โชติมา ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุรพล  ทวนทอง, พล.ต.ต. ทนัย  อภิชาตเสนีย์, พ.ต.อ.ภาณุเดช  บุญเรือง, พ.ต.อ.นพดล   นิลมานนท์,  พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์   มงพลเมือง กับพวกฯ
 ผู้ต้องหา จำนวน ๑๒ คน
๑. นายวิโรจน์  ทิพย์ปิ่นทอง อายุ ๓๗ ปี บ้านเลขที่ ๓๐ หมู่ ๙ ต.โป่งแยง อ.แม่ริม  จ.เชียงใหม่   ผู้ต้องหาที่ ๑
๒.นายอุดมพงษ์ เกษตรกุลทรัพย์ อายุ ๒๙ ปี บ้านเลขที่ ๕๖/๑หมู่ ๘ต.บ่อแก้วอ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาที่ ๒
๓. นายปราโมทย์ ยังชีสุจริต อายุ ๒๒ ปี บ้านเลขที่ ๗๔ หมู่ ๘ ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่    ผู้ต้องหาที่ ๓
๔. นายประพันธ์     เกษตรกุลทรัพย์ อายุ ๒๖ ปี บ้านเลขที่ ๑๐๓/๒ หมู่ที่ ๘ ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาที่ ๔
๕. นายประเสริฐ  แซ่ย่าง อายุ ๒๘ ปี บ้านเลขที่ ๑๕๔ หมู่ที่ ๑๓ ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาที่ ๕
๖. นายธงชาติ พันธุ์ภัครินทร์ อายุ ๔๕ ปี บ้านเลขที่ ๖๓ หมู่ ๑๕ ต.แม่สาว อ.แม่อาจ  จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาที่ ๖
๗. นายจะบ๊ะ จะหวะ อายุ ๓๐ ปี บ้านเลขที่ ๙๙ หมู่ ๑๕ ต.แม่สาว อ.แม่อาจ  จ.เชียงใหม่   ผู้ต้องหาที่ ๗
๘. นายจะจึ  อินตาพรหม อายุ ๒๔ ปี  บ้านเลขที่ ๕๒๖ หมู่ ๑๓ ต.เวียง อ.ฝาง  จ.เชียงใหม่   ผู้ต้องหาที่ ๘
๙. นายจะหา  ไอ่สี อายุ ๔๔ ปี   บ้านเลขที่ ๕๒ หมู่ ๑๕ ต.แม่สาว  อ.แม่อาย  จ.เชียงใหม่    ผู้ต้องหาที่ ๙
๑๐.นายมอลอ ละต่อ อายุ ๒๔ ปี  บ้านเลขที่ ๗๖/ช หมู่ ๑๕ ต.แม่สาว อ.แม่อาย  จ.เชียงใหม่    ผู้ต้องหาที่ ๑๐
๑๑.นายอาสยา  เลาลี อายุ ๔๐ ปี  บ้านเลขที่  ๖๒๑ หมู่  ๘ ต.เวียงใต้ อ.ปาย  จ.แม่ฮ่องสอน    ผู้ต้องหาที่ ๑๑
๑๒.นายนวพล คงธรรมบวร อายุ ๒๕ ปี บ้านเลขที่ ๙๘ หมู่  ๗ ต.ทุ่งยาว  อ.ปาย  จ.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหาที่ ๑๒
                พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
                ๑. ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ชนิด ไอซ์  ประมาณ ๓๘  กิโลกรัม  และ เฮโรอีน จำนวน ๑๒๐ แท่ง บรรจุอยู่ในกระเป๋าเป้สีเขียว จำนวน ๓ ใบ, กระเป๋าเป้สีดำ  จำนวน ๔ ใบ  (มูลค่ายาเสพติด รวมประมาณ  ๖๐๐  ล้านบาท)
                ๒. รถยนต์กระบะบรรทุก  จำนวน  ๔  คัน ประกอบด้วย
                                - รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล  ยี่ห้ออีซูซุ  สีเทา เลขทะเบียน บพ  ๖๙  ลำพูน
                                - รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล  ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว  เลขทะเบียน บท ๖๗๘๙ ลำพูน
                                - รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล  ยี่ห้อเชฟโรเลต  สีดำ ลขทะเบียน ผพ ๕๕๗๗ เชียงใหม่         
                                - รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล  ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา เลขทะเบียน ผท ๗๖๕๙  เชียงใหม่  
 ๓. รถจักรยานยนต์ จำนวน    คัน ประกอบด้วย
                                - รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีเทาดำ         เลขทะเบียน จตษ ๒๖ เชียงใหม่
                                - รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ               เลขทะเบียน งฉข ๔๙๗ เชียงใหม่
               
                - รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ               เลขทะเบียน งรก ๑๗๘ เชียงใหม่
                                - รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีเทาดำ         เลขทะเบียน งคง ๙๗๖ เชียงใหม่
                 ๔. โทรศัพท์มือถือ จำนวน  ๑๒   เครื่อง   และของกลางรายการอื่น ๆ
โดยกล่าวหา  ว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท๑ (เฮโรอีน,ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
สถานที่เกิดเหตุ /จับกุม บริเวณ สามแยกเมืองงาย  เขตหมู่ที่  ๔  ต.เมืองงาย  อ.เชียงดาว  จว.เชียงใหม่ เมื่อวันที่   ๒๕  มีนาคม   ๒๕๕๖  เวลาประมาณ  ๐๑.๓๐ น.
               พฤติการณ์แห่งการการจับกุม   เจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ  พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ชัยวัฒน์  โชติมา ผบช.ปส. ได้รับการประสานงานจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์  ดามาพงศ์  ที่ปรึกษา บช.ปส. ซึ่งได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีขบวนการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนด้านบ้านหนองอุก - อรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ มาส่งให้กลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด ในพื้นที่ อ.สันทราย  - อ.เมือง จว.เชียงใหม่  โดยกลุ่มคนชนเผ่ามูเซอบ้านโป่งไฮ  ต.แม่สาว อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่  จะทำหน้าที่ลำเลียงจากแนวชายแดน เข้ามาส่งให้กับกลุ่มคนชนเผ่าม้ง  ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่  ที่รอรับอยู่บริเวณบ้านหนองอุก - อรุโณทัย และกลุ่มคนชนเผ่าม้ง จะทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดจากบ้านหนองอุก -  เข้ามายังพื้นที่ อ.สันทราย - อ.เมือง จว.เชียงใหม่  เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเพื่อนำเข้าสู่ตอนในของประเทศต่อไป
                พล.ต.ท.ชัยวัฒน์  โชติมา ผบช.ปส. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกสืบสวนจับกุม
                ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันวางแผนจับกุมกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว โดยจัดกำลังสังเกตความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าวในพื้นที่ อ.แม่ริม, แม่แตง, เชียงดาว ไชยปราการ จว.เชียงใหม่  จนกระทั่ง เมื่อวันที่ ๒๔ มี.ค.๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐. น. เป็นต้นมา  พบรถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล  ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว  เลขทะเบียน บท ๖๗๘๙ ลำพูน และ รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล  ยี่ห้ออีซูซุ  สีเทา  เลขทะเบียน บพ  ๖๙  ลำพูน บรรทุกรถจักรยานยนต์ มาคันละ ๒  คัน ซึ่งเป็นกลุ่มคนชนเผ่าม้งโป่งแยง อ.แม่ริม เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.แม่ริม / แม่แตง    ส่วนรถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล  ยี่ห้อ   เชฟโรเลต  สีดำ  เลขทะเบียน ผพ ๕๕๗๗ เชียงใหม่  ซึ่งเป็นกลุ่มคนชนเผ่ามูเซอโป่งไฮ  ต.แม่สาว อ.แม่อาย ได้บรรทุกคนพร้อมคนขับ จำนวน ๕ คน จากพื้นที่ อ.แม่อาย เดินทางมาถึงหมู่บ้าน     หนองอุก - อรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ในเวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น.(๒๔ มี.ค.๒๕๕๖)  เพื่อเตรียมการรับมอบยาเสพติด จึงได้สะกดรอยติดตามอย่างต่อเนื่อง
                จนกระทั่งเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. (๒๕ มี.ค.๒๕๕๖) รถยนต์คันเลขทะเบียน  บพ  ๖๙  ลำพูน ขับมาจากบ้านหนองอุก - อรุโณทัย มุ่งหน้ามา อ.เชียงดาว  โดยมีรถจักรยานยนต์นำทาง จำนวน ๒ คัน   ส่วนรถยนต์คันเลขทะเบียน  ผพ ๕๕๗๗ เชียงใหม่ ได้บรรทุกคนรวมจำนวน ๕  คน ออกจากบ้านหนองอุก - อรุโณทัย มุ่งหน้าไป อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ จึงได้สะกดรอยติดตาม และสามารถจับกุม ผู้ต้องหาที่ ๑ - ๓  พร้อมรถยนต์เลขทะเบียน  บพ  ๖๙  ลำพูน ซึ่งบรรทุกยาเสพติดของกลาง และจับกุมผู้ต้องหาที่ ๔ , ๕  ซึ่งขับรถจักรยานยนต์นำทาง ได้ที่บริเวณสามแยกเมืองงาย  เขตหมู่ที่  ๔  บ้านแม่ข้อน   ต.เมืองงาย  อ.เชียงดาว  จว.เชียงใหม่ / จับกุม ผู้ต้องหาที่ ๕ - ๑๐  พร้อมรถยนต์คันเลขทะเบียน  ผพ ๕๕๗๗ เชียงใหม่  ซึ่งเป็นผู้นำยาเสพติดของกลางมาส่งมอบให้ผู้ต้องหาที่ ๑ - ๕  ได้ที่บริเวณสามแยกโรงเรียนสินชัย       (สามแยกถนนสินชัย - ดอยอ่างขาง)  เขตหมู่ ๖   บ้านสินชัย  ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๕  มี.ค.   ๒๕๕๖  เวลาประมาณ  ๐๒.๐๐ น.
                ต่อมา    ได้ขยายผลการจับกุม ผู้ต้องหาที่ ๑๑ และ ๑๒ ซึ่งเป็นกลุ่มคนชนเผ่าลีซอ อ.ปาย จว.แม่ฮ่องสอน  พร้อมรถยนต์  เลขทะเบียน ผท ๗๖๕๙  เชียงใหม่  ได้ที่บริเวณถนนแม่โจ้ - สันทราย  (ข้างมหาวิทยาลัยแม่โจ้)   หมู่ ๔ บ้านแม่โจ้  ต.หนองหาร  อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ เมื่อวันที่  ๒๕  มีนาคม  ๒๕๕๖  เวลาประมาณ ๐๕.๓๐ น.  และได้ขยายผลตรวจยึดรถยนต์ เลขทะเบียน บท ๖๗๘๙ ลำพูน และรถจักรยานยนต์อีก ๒ คัน ที่ผู้ต้องหาที่ ๑ - ๕  ใช้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ไว้เป็นของกลาง  ส่งพนักงานสอบสวน  บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่    ๒ บก.ปส.๑
นำโดย  พ.ต.อ.ศิวพงษ์  พัฒน์พงศ์พานิช   ผกก.2 บก.ปส.1 พ.ต.ท.ผดุงศิลป์  แห่งหน, พ.ต.ท.ลือชัย  นนท์ปฏิมากุล รอง ผกก.2 บก.ปส.1, พ.ต.ท.โชคชัย  วระศาสตร์ พ.ต.ต.ธิติสรรค์ อุทธนผล  สว. กก.2 บก.ปส.1, ร.ต.อ.สัพพัญญู    สัมฤทธิ์รินทร์ ,  ร.ต.ท.กมลชัย   พิทักษ์-ไพศาลภากร   ร.ต.ต.สุทัศน์  หลิมปิชาติ ,ร.ต.ต.พฤกษ์   ธนรักษ์โยธิน,  ร.ต.ต.ศรัณปกรณ์     หาญยุทธ   ร.ต.ต.สมเกียรติ   เจนชัย, ร.ต.ต.ธนคม   เทียมคลี,ร.ต.ต.สุชาติ    ชูแก้ว , ร.ต.ต.ศุภวัชร์   จอมทอง, ร.ต.ท.วุฒิพงษ์     เกตุมั่งมี    รอง.สว.กก.2บก.ปส., ร่วมกับ  พ.ต.ท.ปฐมพร    ลือเสียง  พงส.ผนพ.บก.ปส.3,  พ.ต.ท.รณกร  ศุภมงคล  สว.กก.1  บก.ปส.3, พ.ต.ท.ธีรยุทธ   อ่ำโพธิ์, พ.ต.ท.หญิงอัญชลี    เนตรมุกดา, พ.ต.ท.หญิงลัดดาวัลย์    ฉินประสิทธิชัย,  พ.ต.ท.หญิงณัฐภาวี   เกตุภู่  สว.กลุ่มงานการข่าว, ร.ต.ท.อรรคพงษ์   จตุพรม ,  ร.ต.ท.เอกพล   ปัญจมานนท์, 
                 ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน   1   คน  คือ
                1.น.ส.พรพิมล  หรือทิพย์     จอดนอก    อายุ   24  ปี    อยู่บ้านเลขที่  224 - 225   ม.4   ต.ภูเวียง    อ.ภูเวียง
 จว.ขอนแก่น  เลขประจำตัวประชาชน 1 1005 00499 19 2  (  รักษาตัว อยู่ รพ.ตำรวจ )
                พร้อมด้วยของกลาง   3  รายการ คือ
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2   (โคเคน )   ชนิดผงสีขาวขุ่นห่อหุ้มด้วยกระดาษพันรอบด้วยเทปใส  เป็นแท่งกลมรี ยาวประมาณ  14  ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ  4  ซม. จำนวน 1  ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ  214.3  กรัม ผู้ต้องหานำออกมาจากอวัยวะเพศ  และห่อหุ้มด้วยกระดาษ พันรอบด้วยเทปใส เป็นก้อนยาวประมาณ  4.5 ซม.  เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ  1.5  ซม.  จำนวน  18  ก้อน  ซึ่งได้จากการขับถ่ายทางทวารหนัก  น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม   ประมาณ  217.49  กรัม  รวมน้ำหนักโคเคนของกลางพร้องสิ่งห่อหุ้มทั้งสิ้น  ประมาณ   428.79  กรัม
2.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ไอโฟน  สีดำ  หมายเลขโทรศัพท์  092 - 0508577
3.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น c 3    สีชมพู    หมายเลขโทรศัพท์  087- 8279597
สถานที่เกิดเหตุ     จับกุมผู้ต้องหา สนามบิน ดอนเมือง แขวง/เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ  ของวันที่   24   มีนาคม   2556   เวลาประมาณ   20.30  น.
โดยกล่าวหาว่า  “ นำเข้าและมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ( โคเคน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย  โดยไม่ได้รับอนุญาต ” 
พฤติการณ์ในการจับกุม     สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ นปส.นิลพัทธ์  กก.2 บก.ปส.1   ได้รับแจ้งจาก บก.ขส. บช.ปส. ว่า สายลับ (ขอปิดนาม)  แจ้งว่า  น.ส.พรพิมล   จอดนอก  อายุ  24  ปี  (ผู้ต้องหา)  มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก   ประเทศสิงคโปร์เข้ามายังประเทศไทยทางเครื่องบิน โดยใช้วิธีการกลืนยาเสพติดลงในร่างกายและซุกซ่อนภายในอวัยวะเพศ  ในวันนี้ ( 24 มี.ค.2556 )   ผู้ต้องหา จะเดินทางจากประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทย  โดยสายการบินแอร์เอเชีย  เที่ยวบินที่    FD 2938  ลงจอดที่ท่าอากาศยานบินดอนเมือง  เวลาประมาณ  16.28  น.  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประชุมวางแผนการสืบสวนจับกุมพร้อมกับมอบภาพถ่ายของผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสังเกตการณ์ และเมื่อใกล้เวลาเครื่องบินลงจอด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังโดยรอบภายในท่าอากาศยานดอนเมืองอาคารผู้โดยสารขาเข้าจนกระทั่งเวลาประมาณ  16.20 น.  เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า เที่ยวบินดังกล่าวลงจอดแล้ว จากนั้นเวลาประมาณ  16.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นผู้ต้องหา   ลักษณะตรงตามภาพถ่าย เดินออกมาจากภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าจึงได้เชิญตัวผู้ต้องหามาสอบถามโดยผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตนได้กลืนยาเสพติดลงไปในร่างกายซึ่งเป็นก้อนเล็กๆ จำนวน  60  ก้อน  และได้ซุกซ่อนไว้ภายในอวัยวะเพศอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากนายเจมส์   เดวิด หรือนายมิ๊กกี้  ชาวต่างชาวผิวดำ ในราคา  30,000  บาท  ให้นำยาเสพติดดังกล่าวจากประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทย เพื่อมาส่งมอบให้กับลูกค้า  และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว นายมิ๊กกี้ จะโทรศัพท์มาแจ้งผู้ต้องหา  ให้ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ระหว่างการดำเนินการนายมิ๊กกี้ได้ทราบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาและเจ้าหน้าที่ ที่ประจำอยู่เวนีเซีย รีสอร์ท  จึงหยุดดำเนินการ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง ร.พ.ตำรวจ เพื่อทำการรักษาตัว และตรวจสอบ ว่ามีก้อนสิ่งของหลงเหลือ ในร่างกายอีกหรือไม่ ในการสืบสวน ได้ขยายผลการสืบสวนสอบสวน ออกหมายจับ น.ส.วิภาวรรณ หรือวิ แสนสีมน ซึ่งเป็น คนที่ไปดำเนินการ กลืนยาเสพติดมาจากประเทศ บราซิล และนำมาส่งต่อให้กับ  น.ส.พรพิมลฯผู้ต้องหาที่ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อนำเข้ามาประเทศไทย
แจ้งเบาะแสยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ๘๘ หมู่ ๓  ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๑๐โทร ๐๒ - ๕๒๑ ๘๒๖๖ – ๗๕ www.thaidrugpolice.com

สมุทรสงคราม การประกวดสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ


เมื่อ 26 มี.ค. 56 ที่วัดดาวโด่งดุสิตดาราม ต.คลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ได้มีการจัดประกวดสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ และบรรยายธรรม ระดับภาคคณะสงฆ์ ภาค 15 ซึ่งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงครามเป็นเจ้าภาพ โดยมี นายธนน  เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธาน โครงการประกวดสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ และบรรยายธรรม เริ่มมีการแข่งขัน ในวันที่ 26 – 27 มีนาคม 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นเยาวชนของชาติ ให้มีจิตใจยึดมั่นอยู่ในหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา จำนวน 8 ทีม และมัธยมศึกษา จำนวน 7 ทีม ในเขตภาคคณะสงฆ์ ภาค 15 ประกอบด้วย จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรสงคราม ทีมที่ชนะจะได้เป็นตัวแทนของระดับภาคคณะสงฆ์ เข้าร่วมประกวดในระดับประเทศต่อไป

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

สรรพสามิตจับ เฟอร์บี้คาสนามบิน‏


จากการสืบทราบของ นายศักดิ์สุขรัฐ เสนะวงศ์ เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญงานพร้อมสายตรวจที่ 1.1และ1.2 สังกัดสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปรามกรมสรรพสามิต ร่วมกับ พ.ต.อ.นิพนธ์ ทองแสงบุญญา ผกก.2 บก.ปอศ.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมพวกได้ร่วมกันจับกุม MR.komai kengi อายุ 58 ปี สัญชาติญี่ปุ่น หมายเลขหนังสือเดินทาง TH 7330377 พร้อมของกลาง ตุ๊กตาเฟอร์บี้ มีที่มาจากต่างประเทศ จำนวน 50 ตัว พร้อมกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ ขณะเข็นสัมภาระกระเป๋าเดินทางออกมาทางประตู 8 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในลักษณะมีพิรุธจึงได้ให้ น.ส.ภิรมย์รัตน์ ดอกรักกลาง เป็นล่ามแปลภาษาก่อนขอตรวจค้นพบ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ จำนวน 50 ตัวอยู่ภายในกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ และเมื่อสอบถามเอกสารการชำระภาษีอากรและเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องปรากฏว่าไม่สามารถนำมาแสดง จึงได้ทำการจับกุมและแจ้งข้อหากล่าวหาว่า ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อรับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือของต้องจำกัด ของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านศุลกากรอย่างถูกต้องโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้ามข้อกำกัด ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อไป.

จับน้ำมันเถื่อน


 เมื่อ 19 มี.ค. 56 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต นำโดย นายศักดิ์สุขรัฐ เสนะวงศ์ เจ้าพนักงานสรรพสามิตนักวิชาการชำนาญงานหัวหน้าสายตรวจ ป.12 พร้อมกำลัง 8 นาย ได้ร่วมกันจับกุมเรือประมงดัดแปลงขนาด 30 วา ชื่อนเรสสมุทร มีนายนิวัฒน์ เป็นเจ้าของ ลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซลที่ขนถ่ายจากกลางทะเล เข้ามาที่ ต.บางประกง อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา จากการตรวจสอบพบน้ำมันดึเซลอยู่ในช่องที่ดัดแปลงมี 4 ช่องจำนวน 60,000 ลิตร จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า นำน้ำมันดีเซลซึ่งไม่ได้เสียกรมสรรพสามิตลักลอบเข้ามาในราชอณาจักรไทยและเปรียบเทียบปรับตามภาษีของกรมสรรพมิต ณ สำนักงานตรวจสอบป้องกันและปราบปรามกรมสรรพสามิต ต่อไป.

ตำรวจร้อนช็อคตายคาป่า


พ.ต.อ.ชลิต เกตุศรีเมฆ ผกก.สภ.บ้านแพ้ว รุดดูศพ ร.ต.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ด้วงพรหม รอง สว.ส.สภ.บ้านแพ้ว เสียชีวิตบริเวณป่าบ้านเลขที่ 5 (บ้านพักตำรวจ) ซ.17 หมู่7 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาครหลังหิ้วยาสมุนไพรเข้าไปนั่งดื่มท่ามกลางอากาศร้อนจัดแถมป่วยเป็นโรคตับร่างกายต้านไม่ไหวเลยช็อคตาย  นางมัญสุชา ด้วงพรหม ภรรยา ผู้พบศพ ร.ต.ต.ศักดิ์สิทธิ์ฯสามีนอนเสียชีวิต ถึงกับช็อคหมดสติเพื่อนต้องเอายามาให้ดมก่อนให้การกับ พ.ต.อ.ชลิต เกตุศรีเมฆ ผกก.สภ,บ้านแพ้ว ผู้บังคัญชา ต่อไป

ประมวลภาพสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมและบำเพ็ญกุศล


 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2556ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมและบำเพ็ญกุศล พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมตำรวจคนที่ 25
โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว  ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร

























ธนาคารกสิกรไทย เปิด “เทศกาลการเงิน เบิกบานใจ” เพื่อส่งมอบความเบิกบานใจให้แก่ พี่ น้อง จ.สมุทรสาคร



นายจตุรงค์  โพยมรัตน์  รองผู้อำนวยการ ฝ่ายเครือข่ายการบริการและการขาย  บมจ.ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าธนาคาร ฯ ได้จัดโครงการ “เทศกาลการเงิน เบิกบานใจ” เพื่อส่งมอบความสุขและความเบิกบานใจให้กับพี่น้องชาวสมุทรสาครอีกครั้ง ผ่านโปรโมชั่นที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ หลังจากปีที่แล้วได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนในสมุทรสาครเป็นอย่างดี โดยมีนายสุธีร์  ทองแย้ม ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร

อ.บ้านแพ้วจัดอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพผู้ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด 25 ตาสับปะรด



นายอมรฤทธิ์ เอมะปาณ นายอำเภอบ้านแพ้ว ได้เป็นประธานเปิดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพผู้ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด 25 ตาสับปะรด โดยมี พ.ต.อ.ชลิต  เกตุศรีเมฆ ผกก.สภ.บ้านแพ้ว , นายชัชวาล สิงบารมี และ นายรัชญพันธ์ คัชมาตย์ ปลัดอำเภอบ้านแพ้ว เป็นผู้บรรยายเสริมสร้างศักยภาพ  บทบาทหน้าที่และความเข้มแข้งผู้ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะ ได้มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.บ้านแพ้ว เข้าร่วมประชุม


ผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครลุกฮือประท้วงเพื่อนตายในคุก


เมื่อ 16 มีนาคม 2556  ที่ผ่านมา นักโทษชายในแดน 4 ประมาณ 50 คน ของเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร รวมตัวประท้วงขว้างปาสิ่งของ ใช้ถังแก๊สทำลายกล้องวงจรปิด และพยายามที่จะลุกฮือกันมาที่ประตูทางเข้าออก เนื่องจากไม่พอใจที่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาเวลาประมาณ 02.00 น. ได้มีนักโทษชาย ชื่อ สมชาย พีรานุวัฒน์ อายุ25 ปี ผู้ต้องขังในคดีพยายามฆ่าและค้ายาเสพติดเสียชีวิตลง โดยที่ทางผู้คุมไม่ไปนำศพออกมาส่งรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการประท้วงไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทางผู้คุมสามารถเข้าควบคุมไว้ได้ จนกระทั่งต่อมาในช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.00 น. นักโทษชายได้รวมตัวกันประท้วงอีกครั้ง คราวนี้สถานการณ์ได้ตรึงเครียดกว่าครั้งแรก เพราะได้มีการขว้างปาสิ่งของและทำลายทรัพย์สินทางราชการ นอกจากนี้จากแหล่งข่าวภายในยังบอกอีกว่ามีนักโทษคนหนึ่งพยายามที่จะปีนรั้วหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนยิงขู่ 3 – 4 นัด ทำให้นักโทษรายนั้นกลับลงมารวมตัวประท้วงกับกลุ่มเพื่อนนักโทษด้วยกัน ซึ่งต่อมาประมาณ 30 นาทีหลังเกิดเหตุ ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หรือผู้คุมที่นักโทษชายให้ความไว้วางใจเข้าไปเจรจาเพื่อยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นใช้เวลาประมาณ 15 นาที กลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุเริ่มรับฟังและยอมหยุดการประท้วง แต่ยังไม่ยอมขึ้นเรือนนอนเพราะเกรงว่าหากขึ้นไปแล้วจะถูกจับแยกขัง ทั้งนี้เพื่อให้สถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายลงแล้ว กลับสู่ภาวะปกติทางผู้คุมจึงได้ปล่อยให้นักโทษทั้งหมดทำกิจกรรมต่างๆ ภายในสนามต่อไป เช่น เล่นกีฬา ทำความสะอาด และกินอาหารกันตามปกติ โดยไม่มีการบังคับให้ขึ้นเรือนนอนแต่อย่างใดทั้งสิ้น เนื่องจากเกรงว่าหากบังคับให้กลับขึ้นเรือนนอนในขณะนี้ ก็จะทำให้นักโทษที่รวมตัวประท้วงกลับมาใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่กลุ่มนักโทษรวมตัวประท้วงก็คือ ต้องการให้มีคำสั่งย้ายนายวิโรจน์ ชุ่มชื่นจิต ทัณฑปฏิบัติ เนื่องจากเป็นผู้คุมที่มีความเข้มงวดมากโดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าตรวจค้นเพื่อหาสิ่งต้องห้ามในเรือนนอน ด้านนายโสภณ ยิ้มปรีชา ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยในเบื้องต้นว่า การประท้วงในครั้งนี้ยังไม่เข้าขั้นรุนแรง เพราะไม่มีการจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ไม่มีผู้บาดเจ็บและไม่มีการแหกคุก ส่วนสาเหตุก็มาจากเมื่อเวลาประมาณ 02.10 น. ของวันที่ 16มีนาคม 2556 ทางผู้คุมเรือนจำได้รับแจ้งว่า มีต้องขังป่วยและถึงแก่ความตายชื่อนายสมชาย พีรานุวัฒน์ อายุ 25 ปี ซึ่งต้องโทษ 4 คดี ได้แก่ คดีที่ 1 ฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ,ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน มีโทษ 7 ปี 15 เดือน,คดีที่ 2 ละเมิดอำนาจศาล ตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา มีโทษ 4 เดือนแต่พ้นกำหนดโทษแล้ว,คดีที่ 3 คดีความผิดต่อชีวิต และ พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยศาลจังหวัดสมุทรสาครมีคำสั่งให้ปล่อยตัว และคดีที่ 4 ความผิดต่อชีวิต และพ.ร.บ.อาวุธปืน ศาลจังหวัดสมุทรสาครได้มีหมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง โดยให้ขังไว้ในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น  ซึ่งเมื่อนักโทษชายรายนี้เสียชีวิตลง ก็ทำให้นักโทษชายที่อยู่ในเรือนนอนเดียวกันไม่พอใจโดยกล่าวหาว่าผู้คุมนั้นไม่ได้ดูแลเพื่อนนักโทษชายที่เสียชีวิตโดยไม่ยอมพาส่งโรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้นักโทษรายดังกล่าวก็มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี เพราะเคยได้ให้แพทย์ตรวจสุขภาพก็ปกติไม่เป็นอะไร โดยเบื้องต้นก็คาดว่าน่าจะมาจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งก็จะได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าชันสูตรพลิกศพก่อน จึงจะนำศพออกมาจากเรือนนอนได้ ส่วนที่ผู้คุมไม่สามารถเข้าไปนำนักโทษชายที่เสียชีวิตออกมาตั้งแต่แรกได้นั้น ก็เพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าวยังถือเป็นยามวิกาลซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้คุมหากจะเข้าไปในเรือนนอนของนักโทษ และกำลังผู้คุมที่เข้าเวร ก็ไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ จึงได้แจ้งให้ผู้ต้องขังที่อยู่เรือนนอนเดียวกันห้ามเคลื่อนย้ายหรือแตะต้องศพอย่างเด็ดขาด กระทั่งต่อมามีนักโทษชายชื่อ กิตติศักดิ์ หรือโจ ยอดวงศ์ กับพวก 50 คน ไม่พอใจจึงได้รวมตัวกันประท้วงขว้างปาสิ่งของและพังประตู 4 บริเวณป้อม 1 เพื่อเข้ามาในที่ทำการควบคุมและทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจำนวนหนึ่ง กระทั่งในที่สุดได้มีการส่งผู้คุมเข้าไปเจรจาและก็สามารถทำให้นักโทษทั้งหมดสงบลงจนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด ส่วนทางด้านบริเวณภายนอกเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครนั้น พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ก็ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 400 นาย มาควบคุมสถานการณ์ภายนอกเรือนจำ หากมีเหตุจำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าช่วย ก็จะสามารถเข้าปฏิบัติการตามคำสั่งได้ทันที ทั้งนี้ต่อมานายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้เดินทางมารับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป