pearleus

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

รู้ไว้ใช่ว่า โรคไข้หวัดนก (Avian Influenza) ในคน


ดร.นพ.อนุพงค์ สุจริยากุล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดราชบุรี กล่าวถึง  สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในต่างประเทศที่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นควรมีการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบและค้นหาการระบาดเป็นกลุ่มก้อนของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบ รวมทั้งเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบเฉียบพลันรุนแรงหรือปอดอักเสบเสียชีวิตแบบเฉียบพลันในโรง พยาบาล เก็บตัวอย่างส่งตรวจเพื่อหาเชื้อสาเหตุ ตลอดจนเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ประวัติสัตว์ปีกป่วย/ตายในพื้นที่ ประวัติการเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค เช่น ประเทศ จีน และกัมพูชา ประเทศในแถบคาบสมุทรอาระเบียนและอาฟริกาเหนือ เพื่อค้นหาโรคไข้หวัดนกและโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจเกิดขึ้นได้  (ที่มา สานักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค) และจากสถานการณ์ในประเทศ (สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์กรมปศุสัตว์ ถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. จากสถานการณ์ ประจำวันที่ 16 เม.ย. 2556 ณ เวลา 16.00 น.) 1.ไม่มีพื้นที่พบโรคไข้หวัดนกในวันนี้ 2. ไม่มีรายงานการเกิดโรค 4 ปี 5 เดือน 3 วัน (นับจากวันที่ทำลายสัตว์ป่วยรายสุดท้าย วันที่ 12 พ.ย. 2551) 3. ไม่มีสถาณการณ์สัตว์ปีกป่วยตายประจำวัน    ดร.นพ.อนุพงค์ สุจริยากุล กล่าวอีกว่า จากข่าวการระบาดในประเทศจีน และกัมภูชา ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านเรามากและการแพร่ระบาดของโรคสามารถติดมาจากการเดินทางติดต่อค้าขายสินค้าที่ประเทศเหล่านั้นนำเขามาค้าขายกับเรา โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเกิดขึ้นเป็นประจำในทุกประเทศทั่วโลก โดยจะเกิดระบาดใหญ่ทั่วโลกและสร้างความสูญเสียอย่างมหาศาลเป็นระยะๆ ทุกรอบ 10 – 30 ปี ในภาวการณ์ปัจจุบันหากเกิดการระบาดใหญ่ขึ้น เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีโอกาสแพร่ระบาดไปทั่วโลกได้ในเวลาอันรวดเร็วตามการขยายตัวของการสื่อสารคมนาคม ซึ่งจะทำให้ประชาชนทั่วโลกเจ็บป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่สามารถทำนายได้อย่างแน่นอนว่าการระบาดใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อใด องค์การอนามัยโลกจึงได้แจ้งเตือนประเทศสมาชิกให้เร่งเตรียมความพร้อมรับมือกับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากเชื้อที่เป็นสาเหตุของการระบาดใหญ่แต่ละครั้ง เชื่อว่าเป็นเชื้อที่กลายพันธุ์จากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ เช่นเชื้อไข้หวัดนก ในขณะเดียวกันกับที่ประเทศไทยประสบปัญหาการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (โรคซาร์ส) ในปี พ.ศ. 2546 ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ก็พบการระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธ์ H5N1 ในสัตว์ปีก ทั้งยังติดต่อมาสู่คน ทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ อาจกล่าวได้ว่าสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน จัดอยู่ในระยะก่อนการระบาดใหญ่ (Inter-pandemic) ซึ่งเป็นสภาวะที่มีความเสี่ยงต่อการพัฒนาไปสู่ระยะการระบาดใหญ่  เนื่องจากเป็นโรคใหม่ได้มีการปรับเปลี่ยนนิยามหลายครั้งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา จึงขอกำหนด นิยามแบ่งเป็น 3 ระดับ ผู้ป่วยที่สงสัย (Suspect) ได้แก่ ผู้ที่มีอาการหรืออาการแสดงต่อไปนี้  ไข้ (อุณหภูมิกายมากกว่า 38 องศาเซลเซียส) ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่งอันได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ , ไอ , หายใจผิดปกติ (หอบ, ลำบาก) ,หรือ แพทย์วินิจฉัยสงสัยว่าเป็นปอดบวม หรือไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับ มีประวัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ 1. อาศัยอยู่ในบ้านหรือหมู่บ้านที่มีสัตว์ปีกป่วยตาย ในระยะ 14 วัน ก่อนวันที่เริ่มป่วย หรือ 2. สัมผัสโดยตรงหรือทางอ้อม กับอุจจาระหรือสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ปีกที่ป่วยตาย ในระยะ 7 วัน ก่อนวันที่เริ่มป่วย หรือ 3. สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดบวมรายอื่น ในระยะ 10 วัน ก่อนวันที่เริ่มป่วย ผู้ป่วยที่น่าจะเป็น (Probable) ได้แก่ ผู้ป่วยที่สงสัยตามนิยามข้างต้น ร่วมกับผลการตรวจเบื้องต้นพบว่ามีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่กลุ่ม A แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเชื้อสายพันธ์ของคนหรือของสัตว์ปีก หรือมีอาการระบบหายใจล้มเหลว หรือเสียชีวิต แนวปฏิบัติการเฝ้าระวังสอบสวนโรค เฝ้าระวังการป่วยด้วยโรคปอดบวมและไข้หวัดใหญ่อย่างเต็มที่ โดยผู้ป่วยทุกรายที่สงสัยว่ามี อาการปอดบวม หรือไข้หวัดใหญ่ ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ขอให้ซักถามประวัติการอาศัยอยู่ในบ้านหรือหมู่บ้านที่มีสัตว์ปีกป่วยตายในรอบ 14 วัน ก่อนเริ่มป่วย การสัมผัสโดยตรงหรือทางอ้อมกับอุจจาระหรือสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ปีกที่ป่วยตาย ในรอบ 7 วัน ก่อนเริ่มป่วย  การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดบวมรายอื่น ในรอบ 10 วัน ก่อนเริ่มป่วย หากมีประวัติดังกล่าวเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ให้รายงาน และทำการสอบสวนโรค และควบคุมโรคในชุมชนทันที โดยไม่ต้องรอผลทางห้องปฏิบัติการ และให้การดูแลรักษาตามแนวทางที่กระทรวงกำหนดไว้ ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากปอดบวมทุกราย ให้เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาการติดเชื้อไข้หวัดนกด้วยเมื่อมีผู้ป่วยสงสัย ให้ทำการสอบสวนโรค และควบคุมโรคในชุมชน ซึ่งประกอบด้วย ตรวจสอบ และประสาน องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ว่ามีการตายของสัตว์ปีกมากน้อยเพียงใด มีผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่ชวนให้สงสัยว่าเป็นไข้หวัดนก ดร.นพ.อนุพงค์ สุจริยากุล กล่าวเพิ่มติมอีกว่า ดังนั้น การเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวังป้องกันและแก้ปัญหาการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวัง รู้ก่อน รู้ทัน ป้องกันได้  ที่สิ่งสำคัญ คือ ประชาชนต้องไม่ตระหนก แต่ ต้องตระหนัก และพร้อมใจกันในการให้ความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนกไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศไทย โดยปฏิบัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศอย่าเคร่งครัดแล้วทุกท่านจะปลอดภัยจาก โรคไข้หวัดใหญ่ ด้วยความห่วงใย อยากเห็น คนไทยมีสุขภาพดี ขอให้ปลอดโรค ปลอดภัยกันทุกคนครับ.  สอบถามรายละเอียดได้ที่ 1422 กรมควบคุมโรค 
รายงานข่าวโดย วิจิตรา ฤทธิ์ประภา กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดราชบุรี กรมควบคุมโรค   

สะพายกล้องพาท้องไปอิ่ม

อย่าลืมแวะถ้าเห็นป้ายนี้....ของเขาอร่อยจริงครับ

โอโถงโล่งสบาย

เส้นเล็กต้มยำโบราณ
ฉบับนี้ “ทีมงานสะพายกล้องพาท้องไปอิ่ม” ขอพาแฟนๆนักชิมอาหารนอกบ้านหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงกันออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์แถวชานเมืองกันบ้าง แถวๆ จังหวัดนครปฐมนี่เอง “ทีมงานสะพายกล้องพาท้องไปอิ่ม ” ขับรถผ่านมาถนนพุทธมณฑลสาย 5 สายตาเหลือบไปเห็นข้างทางรถจอดเต็มสองข้างถนนจนล้นออกมา สงสัยรถทำไมจอดกันเยอะขนาดนี้ สัญชาติญาณของ  “ชุดทีมงาน” ไม่รอช้ารีบจอดรถดิ่งลงไปดูพบว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณร้านเป็นร้านโล่งๆทั้งสองด้านลมโชยเบาๆบรรยากาศโดยรอบยังคงเป็นแบบธรรมชาติ ๆ นามว่า “ร้านยกซด ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณ” ก้าวเท้าเข้าไปในร้านก็รู้สึกได้ทันทีได้กลิ่นของก๋วยเตี๋ยวลอยมาแตะจมูก และยังได้พบกับ คุณอริญชย์ (โม) คุณนวรัตน์(อุ้ม) สัมมาสถียร สองสามีภรรยา ยืนคอยต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น น้องอุ้ม เปิดเผยว่า เมื่อก่อนเรียนหนังสืออยู่ที่ ม ธุรกิจบัณฑิตย์  เรียนห้องเดียวกัน สาขาการโฆษณาเดียวกัน หลังจากเรียนจบก็ไม่เคยสมัครงานที่ไหน จึงตกลงปลงใจแต่งงานครองรักกันซะเลยแล้วก็มีลูกเลย ตนเองไม่อยากทำงานอยากเลี้ยงลูกเองประกอบกับสามีเป็นคนชอบทานก๋วยเตี๋ยวจึงตัดสินใจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ได้สูตรก๋วยเตี๋ยวมาจาก คุณภูว์สมิง ดวงเกิด ซึ่งเป็นพี่เขยที่หล่อและแสนใจดีของอุ้มเองคอยช่วยสอนวิธีทำต่างๆจนหมดซึ่งเป็นทั้งพี่เขยเป็นทั้งครู เมื่อทราบประวัติกันพอสมควรเรามาเริ่มลิ้มลองก๋วยเตี๋ยวชามแรกกันดีกว่า
เส้นหมี่ต้มส้ม
ก๋วยเตี๋ยวชามแรก คือ “เส้นเล็กต้มยำสูตรโบราณ” ทางร้านใช้เส้นเล็กชั้นดีลวกให้สะเด็ดน้ำ เส้นเหนียวนุ่ม ส่วนเครื่องปรุงปรุงต่างหากปรุงทีละชาม มีทั้งหมูบด หมูชิ้น เครื่องใน กุ้งแห้ง ลูกชิ้นหมู คลุกเคล้าเติมน้ำซุปคนให้เข้ากัน บีบมะนาวตามเข้าไปอีก แล้วราดลงไปในชามเส้นก๋วยเตี๋ยวโรยด้วยหอมผักชีเพิ่มความหอมเข้าไปอีกยังไม่พอตบท้ายด้วยเกี้ยวทอด ซดเข้าปากถึงกับอึ้งไปด้วยรสชาติที่กลมกล่อมเข้มข้นครบทุกรสที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน
ก๋วยเตี๋ยวชามต่อมา “เส้นหมี่ขาวต้มส้ม”หมี่ขาวที่นี่ไม่มีที่ไหนเหมือนแน่นอน เส้นทั้งขาวทั้งอวบ ทั้งนิ่มลิ้นไม่แข็ง เครื่องปรุงไม่แตกต่างจากเส้นเล็กต้มยำมากนักแต่จุดเด่นอยู่ที่รสชาติเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดจัดจ้านครบทั้ง 3 รส เหมาะสำหรับผู้หญิงๆ ที่กำลังตั้งท้องอ่อนๆ
ก๋วยเตี๋ยวแนะนำ “เส้นเล็กแห้ง” เส้นเล็กเหนียวนุ่มคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง มีทั้งหมูบด หมูชิ้น เครื่องใน กุ้งแห้ง ลูกชิ้นหมู โรยด้วยถั่วป่น ที่คั่วตำเองใหม่ทุกวัน รสชาติออกหวานนำเปรี้ยวตาม อร่อยจึงต้องสั่งจานที่สองโดยไม่รู้ตัว
ก๋วยเตี๋ยวต้องชามนี้ “บะหมี่เกี้ยว” บะหมี่เหนียวนุ่มกับเกี้ยวรสชาติดี ทางร้านใช้หมูช่วงสันในบดให้ละเอียดแล้วนำมาปรุงกับเครื่องปรุงคลุกเคล้าให้เข้ากันให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมแล้วนำหมูบดที่หมักเสร็จนำมาห่อกับเกี้ยว ลวกบะหมี่และเกี้ยวใส่ชามตามด้วยน้ำซุปกลมกล่อม มีทั้งหมูบด หมูชิ้น ตับหมูลวก กุ้งแห้ง ลูกชิ้นหมู โรยด้วยหอมผักชีตบท้ายด้วยเกี้ยวทอดอีกครั้ง ไม่ต้องบอกคุณภาพล้นถ้วย
ก๋วยเตี๋ยวชามนี้สั่งกันทุกโต๊ะ “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง” ใช้มะพร้าวคั้นเอาแต่หัวกระทิ ใช้มะนาวสดไม่ใช้น้ำมะนาวขวด รสชาติสุดยอดจริงๆเหมือนต้มยำกุ้งที่ชาวต่างชาติ นิยมสั่งกัน ทางร้านใช้กุ้งแม่น้ำสดๆตัวโตๆที่ชาวบ้านหาได้นำมาขาย ส่วนน้ำซุปเข้มข้นครบทุกรสชาติ นำน้ำซุปที่ปรุงได้ครบทุกรส ราดลงบนเส้นก๋วยเตี๋ยวรสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว รสชาติไม่ขอบอกต้องมาลองด้วยตัวเอง
ทางร้าน “ยกซด ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณ” ยังมีเมนูอีกหลายรายการที่ไว้คอยต้อนรับลูกค้าที่ต้องการอาหารแบบหนักท้อง อย่างเมนูแรก “ขาไก่ซุปเปอร์” ตีนไก่เกรดเอโดยเฉพาะ ตีนใหญ่ๆเนื้อแน่นๆเต็มๆปาก ต้มในน้ำร้อนที่ร้อนจัด เคี้ยวทิ้งไว้ เปิดไฟอ่อนๆเคี้ยวไปเรื่อยๆ แล้วนำตีนไก่มาปรุงกับน้ำซุป ซอยตระไคร้ ซอยพริกขี้หนูสวน ซอยหอมผักชี ซอยผักชีฝรั่ง ซอยใบมะกรูดอ่อน บีบน้ำมะนาวสดเข้าไปเคี่ยวให้เข้ากัน ตักใส่ปากถึงกับสะดุ้งลิ้นกระดูกไปทางเนื้อไปทางขอบอกคำเดียวว่ารสชาติไม่มีวันลืม ทางร้านจะปรุงชามต่อชามเท่านั้น
เมนูหนักท้องที่สั่งกันทุกโต๊ะ “ข้าวคอหมูย่าง” ใช้คอหมูแท้ติดมันนิดๆหมักกับเครื่องเทศอย่างดีถึง 10 ชนิด หมักทิ้งไว้ 1 วันเต็มๆเพื่อให้เครื่องเทศซึมซับซาบซ่านเข้าไปในเนื้อหมู ทำให้เนื้อหมูออกมาทั้งนุ่มและมีรสชาติที่กลมกล่อม ย่างไฟอ่อนๆให้สุกนอกนุ่มในจิ้มกับน้ำจิ้มน้ำมะขามเปียกทานกับข้าวสวยร้อนๆเข้ากันได้ดีนักแล
นอกจากนี้ยังมีอาหารเป็นชุดมินิ “ไข่เจียว ต้มยำกุ้งน้ำข้น ข้าวสวยร้อนๆ” เรียกว่าอาหารชุดมินิอิ่มสบายท้อง ไข่เจียวทอดกรอบ ต้มยำกุ้งแม่น้ำ น้ำข้นถึงใจทานกับข้าวสวยเข้ากันได้อย่างลงตัวเป็นเมนูที่ประหยัดและไม่เอาเปรียบลูกค้าแถมราคาไม่ต้องพูดถึง ชุดละ 60 บาท เท่านั้น ไอเดียนี้น้องอุ้มบอกว่าอยากให้ลูกค้าทานแล้วรู้สึกคุ้มค่าอยากกับมาทานใหม่
ส่วนใหญ่ลูกค้าขาประจำที่ร้านส่วนมากจะเป็น ข้าราชการ หมอ พยาบาล เภสัชกร ครู พนักงานออฟฟิตและครอบครัวใหญ่มาทั้งเด็กผู้สูงอายุ แฟนๆสยามรัฐอ่านแล้วอยากมาสัมผัสในรสชาติเชิญได้ที่ “ร้านยกซด ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณ” ขับรถมาเส้นถนนบรมราชชนนี ปิ่นเกล้าขาออก เลี้ยวซ้ายถนนพุทธมณฑลสาย 5 ประมาณ 100 เมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้ามาทางตลาดดอนหวายประมาณ 800 เมตร ร้านอยู่ทางขวามือถ้ามาไม่ถูกสอบถามทางได้ที่เบอร์ 081-8075777 , 080 -3084448 น้องอุ้มยืนคอยต้อนรับแฟนๆหนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึก อย่างเต็มใจ



เส้นเล็กแห้งต้มยำ
เส้นเล็กต้มยำกุ้งสด
หมี่เหลืองเกี๋ยวต้มยำ



 ข้าวไข่เจียวทอดกรอ

ข้าวคอหมูย่าง
ขาไก่ซุปเปอร์

 อาหารเป็นชุด 60 บาท


มือปรุงก๋วยเตี๊ยว

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

แอ๊ดคาราบาวเยี่ยม สภ.สระยายโสม


 พ.ต.อ.ชาติชาย  นาคะสุวรรณ ผกก.สภ.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อมข้าราชการตำรวจ ให้การต้อนรับ นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง ในโอกาสที่ให้เกียรติ มาเยี่ยมชม สภ.สระยายโสม เนื่องจากทราบว่า กำลังมีการปรับปรุงที่ทำการชั่วคราวขนานใหญ่  หลังจากที่รื้อที่ทำการไปแล้วและยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และได้ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกแล้ว จากนั้นได้พากันไปทานอาหารร้านข้าวแกงร้านชื่อดัง ของสระยายโสม จึงออกเดินทางไปทำการแสดงคอนเสริตร์ ยัง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
ด.ต.เชาวลิต ทองน้อย รายงาน

สุพรรณบุรี ไฟฟ้าจัดโครงการปรับภูมิทัศน์ระบบไฟฟ้าและสายสื่อสารป้องกันไฟตกไฟดับการสื่อสารขัดข้อง


นายสรชัด สุจิตต์ สส.สุพรรณบุรี นายวัชรินทร์ กบิลพัฒน์ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันเปิดโครงการ ปรับภูมิทัศน์ระบบไฟฟ้าและสายสื่อสารของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสุพรรณบุรี ประจำปี 2556 ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านดอนกำยาน อ.เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งการจัดทำโครงการ  “ปรับภูมิทัศน์ระบบไฟฟ้าและสายสื่อสารในครั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลดอนกำยาน อ.มืองสุพรรณบุรี แขวงการทาง จ.สุพรรณบุรี บริษัททีโอทีคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) และทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งประชาชนบ้านดอนกำยาน เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ตามบริเวณเส้นทางสายต่าง ๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ของระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสาร เป็นการป้องกันทั้งไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ และระบบการสื่อสารขัดข้อง นอกกจากนี้จะเป็นการดูแลสภาพแวดล้อม ให้มีความมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความปลอดภัยทำให้ชุมชนน่าอยู่ น่าชื่นชมแก่ผู้พบเห็น และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่สังคมและจังหวัดสุพรรณบุรี

มงคล สว่างศรี นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์ สุพรรณบุรี    

สุพรรณบุรี แถลงข่าว รวมพลังเลือดสุพรรณ สร้างสรรค์พัฒนาชุมชน


ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี นายเสน่ห์ บุญสุข พัฒนาการจังหวัดสุพรรณบุรี นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี นายพงษ์เทพ รุ่งเรือง หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์การพัมนาชุมชน ร่วมกันแถลงข่าว ในการขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์กรมพัฒนาชุมชน พ.ศ.2556 ตามโครงการ รวมพลังเลือดสุพรรณ สร้างสรรค์งานพัฒนาชุมชนเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง วัตถุประสงค์เพื่อให้มีการพัฒนาศักยภาพ (พลัง) ของเครือข่ายองค์กรในการพัฒนาชุมชน ให้เกิดกิจกรรมที่เป็นการแสดงออกของพลังเครือข่ายองค์กรในงานพัฒนาชุมชน และส่งเสริมให้เครือข่ายองค์กรพัฒนาชุมชน ได้ใช้ศักยภาพของตนเองในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กรมพัฒนาชุมชน กิจกรรมความร่วมมือ สร้างสรรค์ชุมชนอยู่เย็นเป็นสุข เสริมสร้างขีดความสามารถการบริหารงานชุมชน ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เสริมสร้างธรรมาภิบาลและความมั่นคงของกองทุนชุมชนโดยมีพลังเครือข่ายพัฒนาชุมชน 7 องค์กร ประกอบด้วย 1.เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองฯ 2.เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน 3.เครือข่ายอาสาพัฒนาชุมชน 4.เครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 5.เครือข่ายการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) 6.เครือข่ายสตรี และ 7.เครือข่าย โอทอป  พร้อมกันนี้ได้แถลงข่าวเตรียมจัดงานเทิดพระเกียรติ สัปดาห์รำลึกวันคล้ายวันสวรรคต ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งงานมีขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 เม.ย.2556 ณ พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี  เนื่องในโอกาสวันที่ระลึกวันคล้ายวันเสด็จสวรรคต 25 เมษายน เพื่อนอมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงกอบกู้เอกราชของชาติให้ดำรงเป็นปึกแผ่นถึงปัจจุบัน  สำหรับพระบรมราชานุสรณ์ เป็นพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประทับบนคอช้างที่สร้างเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในการกระทำยุทธหัตถีกับข้าศึกเมื่อปี  2135  ในงานมีมหรสพสมโภชน์ ชมคอนเสิร์ตดาราสัญจร มีศิลปินนักร้องชื่อดังมากมาย ภาพยนตร์ รำวงย้อนยุค ประกวดธิดาทราวดี ประกวดธิดาชรารักษ์ การประกวดสาวประเภทสอง  ประกวด COPY ดาวรุ่งลูกทุ่งเมืองสุพรรณ การแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป ระดับภาค  การสาธิตและฝึกอบรมอาชีพ โอทอป  

มงคล สว่างศรี นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์ สุพรรณบุรี

สุพรรณบุรี งานบวชดีเจชื่อดังรายได้ถวายวัดใช้รถเครื่องเสียงแห่เสียงดังกระหึ่มตลอดทาง

ฮือฮาบวช ดีเจชื่อดัง จองโต๊ะร่วมอนุโมทนาบุญทางวิทยุชุมชน โซเชียล เน็ตเวิร์ค จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ รายได้กว่า 1 แสนบาท ถวายวัด  ใช้ขบวนรถยนต์แต่งเครื่องเสียง แห่นาคเสียงดังกระหึ่มกว่า 100 คัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บ้านเลขที่ 11/3 หมู่ 4 ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี นายบุญลือ เอี่ยมแสง อายุ 40 ปี เจ้าของเต๊นรถยนต์และเครื่องเสียงชั้นนำบุญลือออโต้คาร์ เจ้าของบ้าน เป็นเจ้าภาพจัดงานอุปสมบทให้ นาคอลงกรณ์ โพธิ์ชัยเลิศ อายุ 26 ปี หรือที่รู้จักกันในวงการเครื่องเสียงประดังยนต์ว่า ดีเจ อ๊อฟ แอบจิตร ดีเจชื่อดังระดับประเทศ ณ วัดโพธิ์นฤมิตร ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี นายบุญลือ กล่าวว่าสาเหตุที่ตนเป็นเจ้าภาพบวชนาคอลงกรณ์ โพธิ์ชัยเลิศ หรือ ดีเจออฟ เนื่องจาก ดีเจออฟ เป็นลูกน้องฝีมือดีคนหนึ่ง ซึ่งทำงานร่วมกันมานาน จนเรียกได้ว่าเป็นดีเจ คู่บุญ ที่ทำงานร่วมกันมาจนทำให้ตนมีฐานะดีขึ้น และ ดีเจ ออฟ ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการเป็น ดีเจงานตามโชว์เครื่องเสียงประดับยนต์ต่าง ๆ ระดับประเทศ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนในวงการเครื่องเสียงติดรถยนต์ งานโชว์เครื่องเสียงต่าง ๆ ทั่วประเทศในการจัดงานครั้งนี้ช่วงกลางคืนมีจัดงานเลี้ยงฉลองโต๊ะจีนกว่า 100 โต๊ะ ซึ่งตนไม่ได้แจกการ์ดบัตรเชิญ แต่มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนออกอากาศทางสถานีวิทยุชุมชน ให้กระจายเสียงตามคลื่นวิทยุต่าง ๆ ใน จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งประชาสัมพันธ์ทางโซเชียล เน็ตเวิร์ค ซึ่งมีทั้งลูกค้าและ เพื่อน ๆ ของตนและเพื่อนของนาค มาที่ร่วมงานจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนที่ชอบเสียงเพลง โดยนำรถยนต์ส่วนตัวที่ติดตั้งเครื่องเสียงคันละ 2-4 แสนบาท ขับมาร่วมงาน จากทั่วประเทศกว่า 300 คน และนำเงินรายได้จากค่าโต๊ะจีน มาร่วมอนุโมทนาบุญ โดยเงินที่ได้จากงานเลี้ยงนั้น หักค่าใช้จ่ายแล้ว ตนจะได้นำไปถวายให้กับทางวัดโพธิ์นฤมิตร เพื่อร่วมบูระณะปฎิสังขรณ์วัดด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศ ช่วงที่แห่นาคจากบ้านเจ้าภาพ ไปอุปสมบทที่วัดโพธินฤมิตร นั้นมีกลุ่มเพื่อนในวงการเครื่องเสียงประดับยนต์ ได้นำรถยนต์ติดเครื่องเสียงกว่า 100 คัน เปิดเพลงเสียงดังกระหึ่มตลอดทาง มาร่วมขบวนแห่นาค โดยมีดีเจ นำอุปกรณ์ถ่ายทอดผ่านสัญญาณเสียงออกอากาศ เปิดเพลงจังหวะมันส์ ๆ ผ่านความถี่วิทยุกระจายเสียงเป็นเพลงเดียวกันเพื่อเป็นการสร้างสีสัน โดยมีคณะนางรำและแดนซ์เซอร์เต้นกันอย่างสนุกสนาน สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านที่มาร่วมงานและชาวบ้านตลอดเส้นทางเป็นอย่างมาก

สุพรรณบุรี ธารน้ำใจหลั่งไหล ช่วยครอบครัวเด็ก ปากแห่วง เพดานโหว่ฐานะยากจน

นายทนงค์  ฉิมพันธุ์ ประธานมูลนิธิบ้านพักเด็กและครอบครัวสุพรรณบุรี  ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี นายพรสันต์ อยู่เย็น นายก อบต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ นำคณะเดินทางไปมอบสิ่งของทั้งข้าวสาร ถุงยังชีพ ช่วยเหลือครอบครัว นายมังกรศักดิ์ ไชยสงค์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่เลข 316 หมู่ที่ 2 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน ต้องอุปการะเลี้ยงครอบครัว ซึ่งมีประกอบด้วยภรรยา ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ลูกสาวฝาแฝด ลูกสาว พิการปากแหว่ง เพดานโหว่ และพ่อตา แม่ยายที่ป่วยเป็นอัมพาต  ขณะนี้กำลังปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ เนื่องจากบ้านหลังเก่าสภาพผุพังไม่พออยู่ โดยก่อนหน้านี้มีหน่วยงานที่ร่วมให้การช่วยเหลือในการปลูกสร้างบ้านประกอบด้วย  น.ส.พัชรี โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่  65 จังหวัดสุพรรณบุรี บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองสาหร่ายและชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลหนองสาหร่าย ในการช่วยเหลือนมผง สำหรับเด็กเดือนละ 3,000 และ มูลนิธิบ้านพักเด็กและครอบครัวสุพรรณบุรี ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี ได้มอบเงินสมทบเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกสร้างบ้านพร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อีกจำนวน 3 กระสอบ นายมังกร เปิดเผยว่าตนเป็นหัวหน้าครอบครัว ประกอบอาชีพรับจ้างก่อสร้างและนางลูกจันทร์ สังข์ดี อายุ 39 ปี ภรรยานายมังกร รับจ้างเย็บผ้าโหลช่วยกันหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งมีลูกด้วยกัน 4 คน และ ด.ญ.จุฬาภรณ์  หรือน้องต้า ไชยสงค์ บุตรสาว อายุ 12 ปี ก็พิการเนื่องจากปากแหว่งและเพดานโหว่ นอกจากนี้ยังมีลูกสาวฝาแฝดอายุ 1 ขวบเศษ แล้วยังมีภาระต้องเลี้ยงดู พ่อตา แม่ยาย ที่ป่วยเป็นอัมพาตอีก 2 คน ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนลำบาก ต่อมานางลูกจันทร์  ประสบอุบัติเหตุหกล้มจนกลายเป็นอัมพฤกษ์ ยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะ ต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีหน่วยงานของราชการ เข้ามาให้ความช่วยเหลือแต่ความเป็นอยู่ก็ยังลำบากและตนอยากอยากวิงวอนขอความเมตตา จากผู้ใจบุญช่วยเหลือครอบครัวรักษาอาการปากแหว่ง เพดานโหว่ของลูกสาวให้หายด้วย สามารถติดต่อให้ความช่วยเหลือได้ที่ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี 035-525224-5 นายพรสันต์ อยู่เย็น นายก อบต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี 081-8583441

สุพรรณบุรี รวบแก๊งยาบ้าเครือข่าย"เชษฐ์ เรือนจำเขาบิน"


วันที่ 17 เม.ย. พ.ต.ท.สุภาพ วัยนิพิฐพงษ์ รอง ผกก.ป.สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พ.ต.ท.สุกฤษ วิศิษฐ์ชนะชัย สวป. ร.ต.ท.สุพัฒน์ชัย ขานไข รอง สวป. สายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจรถยนต์ ร่วมกันตั้งจุดตรวจเพื่อสกัดกั้นกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด อยู่ที่บริเวณสี่แยกบางสาม ถนนสายสองพี่น้อง-ลาดบัวหลวง หมู่ 5 ต.บางเลน อ.สองพี่น้อง พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อดัสสัน สีฟ้า ทะเบียน บ-8892 สุพรรณบุรี ขับผ่านมา จึงส่งสัญญาณให้หยุดเพื่อตรวจค้น แต่คนขับกลับเร่งความเร็วเพื่อหลบหนี ตำรวจจึงไล่ติดตาม จนรถยนต์คันดังกล่าว เสียหลักชนต้นไม้ข้างทางพังเสียหาย จึงได้จับกุมตัว นายชาญยุทธ สังข์เสียงสูง อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ อยู่บ้านเลขที่ 133/3 หมู่ 4 ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ตรวจค้นภายในรถยนต์พบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้า รวม 10 ถุง จำนวน 1,370 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ที่ด้านหน้าข้างคนขับ
สอบสวนนายชาญยุทธ ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ร่วมกันกับ นางประภาพร สังข์เสียงสูง อายุ 48 ปี ภรรยา ลักลอบขายยาบ้ามานานแล้ว แต่ นางประภาพร เสียท่าถูกตำรวจจับได้ ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 6 เดือน ส่วนยาบ้าดังกล่าวตนสั่งมาจาก นายเชษฐ์ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นผู้ต้องขังอยู่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่จึงใช้มาตรการยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ พร้อมแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวพร้อมของกลางส่ง ร.ต.ท.สมบัติ สำเรียนรัมย์ พนักงานสอบสวน สภ.สองพี่น้อง ดำเนินคดี

มงคล สว่างศรี นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์ สุพรรณบุรี 

สุพรรณบุรี ฮือฮาชาวบ้านแห่ขุดพระเกจิชื่อดังกรุแตก


พระเครื่องกรุหลวงพ่อเนียม อายุ กว่า 200 ปี แตก ชาวบ้านฮือฮาแห่ขุดหา เซียนพระมารอรับเช่าถึงที่ให้ราคาสูง หลักหมื่นถึงหลักแสน ตามสภาพของพระ ชาวบ้านรวยกันถ้วนหน้า  วันที่ 21 เม.ย. 56 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีว่ามีชาวบ้านจำนวนมากแห่ไปขุดหาพระหลวงพ่อเนียม เกจิชื่อดังเมืองสุพรรณ บริเวณที่ถมดินหน้าวัดบ้านสูตร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบชาวบ้านกว่า 100 คน กำลังขมักเขม่นใช้จอบเสียมขุดหาพระหลวงพ่อเนียมที่อยู่ใต้ดินที่ถมแล้ว ได้พระไปคนละหลายองค์ ซึ่งมีเซียนพระต่างมารอเช่าซื้อให้ราคาสูงทำให้ชาวบ้านแถวนั้นมีรายได้นับแสนบาท  นายเศรษฐนันท์ ศรีบุศยดี ชาว ตำบลมะขามล้ม อ.บางปลาม้า กล่าวว่าหลังทราบข่าวว่าพบพระเครื่อง จึงได้มาขุดหา ได้พระหลวงพ่อเนียม พิมพ์พระประธานองค์เล็ก 3 องค์ มีเซียนพระมาขอเช่าในราคาแล้วแต่สภาพของพระ เริ่มต้นที่องค์ละ 3-9 หมื่น  แต่ตนไม่ขายเนื่องจากจะเก็บไว้บูชา เพราะเป็นพระที่หายาก ทราบว่ามีอายุราว 200 ปี  นายไพบูลย์ แก้ววิชิต  สมาชอกสภาเทศบาลตำบลบางปลาม้า และเป็นไวยาวัจกร วัดบ้านสูตร กล่าวว่า สาเหตุที่ค้นพบพระหลวงพ่อเนียม เนื่องจากทางวัดได้มีการรื้อเจดีย์เก่าที่อยู่ติดกับโบสถ์ไม่สักหลังวัด สร้างเมื่อ พ.ศ.2355 หรือราว 200 ปี เมื่อใช้รถแบคโฮขุดไปใต้ฐานเจดีย์และได้นำดินขึ้นมา ได้พบไหขนาดย่อมขึ้นติดมา จึงเปิดดูพบพระเครื่องหลวงพ่อเนียมพิมพ์พระประธานเนื้อตะกั่ว นับได้จำนวน 141 องค์ จึงนำไปให้เจ้าอาวาสเก็บรักษา จากนั้นได้นำดินที่ขุดไปถมที่บริเวณหน้าวัด ที่เป็นบ่อลึกเพื่อจะถมดินให้เสมอกัน ปรากฏว่ามีชาวบ้านไปพบพระหลวงพ่อเนียมพิมพ์พระประธานเล็ก ใหญ่ เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปทำให้ชาวบ้านแห่กันมาขุดหากันทั้งวันทั้งคืน ทราบว่าชาวบ้านหลายรายได้พระไปคนละหลายองค์ โดยได้มีเซียนพระทั้งในจังหวัดสุพรรณบุรีและต่างจังหวัด มารับเช่าอยู่ที่หน้าวัดให้ราคาสูงถึงหลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนบาท แล้วแต่สภาพความสวยของพระ ซึ่งทางวัดไม่ได้ปิดกั้นชาวบ้านในการขุดค้นหา เพราะเจ้าอาวาสท่านบอกว่าเป็นเพราะบารมีหลวง
พ่อเนียม จึงทำให้ขุดค้นพบพระเครื่อง ต้องการให้ชาวบ้านได้เก็บไว้บูชา ซึ่งชาวบ้านบางส่วนก็จะจำหน่ายให้กับเซียน บางส่วนก็เก็บไว้บูชา คาดว่าพระเครื่องที่ชาวบ้านขุดพบแล้วนั้น มีไม่ต่ำกว่า 3-4 ร้อยองค์ นายสมภพ แสนสว่าง หรือวงการพระเครื่องรู้จักในนาม ผู้ใหญ่จ๊อดเซียนพระชื่อดังของชมพระเครื่องเมืองสุพรรณ กล่าวว่าที่ผ่านมามีข่าวกรุพระแตกหลายที่ ส่วนใหญ่เป็นของปลอม แต่ที่วัดบ้านสูตรนี้ เมื่อตนเดินทางมาดูพบว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่ของจริง ตนไม่ค่อยได้พบกรุพระเก่าแก่มานานแล้ว ถึงกับขนลุกเพราะตนได้สะสมพระเครื่องสายของหลวงพ่อเนียมมานานแล้วด้วย นับว่าเป็นบุญบารมีของชาวบ้านที่ได้ขุดค้นและได้เก็บไปบูชา ในส่วนของตนมารอเช่าบูชากับชาวบ้านหมดเงินไปกว่า 3 ล้านบาทแล้ว และยังได้เช่าพระกับทางวัดไปอีก 3 แสนบาท ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญร่วมบูรณะโบสถ์ไม่สักวัดบ้านสูตรไปด้วย ด้านพระครูวิบูลย์สุวรรณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านสูตร เจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า กล่าวว่าทางวัดกำลังดำเนินการสร้างโบสถ์ไม้สัก แต่เจดีย์ที่เป็นเจดีย์ทรงดอกบัวดังกล่าว ซึ่งอยู่ติดกับโบสถ์ตามประวัติเจดีย์ ดังกล่าวมีการก่อสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2355 บูรณะครั้งแรก พ.ศ. 2474 ครั้งที่สอง พ.ศ. 2518 ทางวัดจึงได้มีการขุดเพื่อย้ายออกมาบูรณะใหม่ จึงได้พบกับพระหลวงพ่อเนียมพิมพ์พระประธานดังกล่าว ซึ่งจริง ๆ แล้วหลวงพ่อเนียมพระเกจิชื่อดังท่านอยู่ที่วัดน้อย ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดบ้านสูตรนี้ โดยมีแม่น้ำท่าจีนขวางกั้น จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นพระที่หลวงพ่อเนียมสร้างแล้วมาฝากที่กรุใต้ฐานเจดีย์ของวัดบ้านสูตร นอกจากนี้ทางวัดจะได้มีการทำพิธีขอขมาหลวงพ่อเนียมที่ขุดค้นพบที่ใต้ฐานเจดีย์ด้วย  และการขุดค้นพบครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อเนียม ที่ต้องการให้ชาวบ้านได้นำไปบูชา เพราะอยู่ใต้ดินมานานกว่า 200 ปี สำหรับ หลวงพ่อเนียม ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดของมหาเกจิ-เถราจารย์ของเมืองสุพรรณบุรีและสุดยอดของภาคตะวันตก เชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระและทรงวิทยาคม สำเร็จวาโยกสิณ มีอภิญญาแก่กล้า หยั่งรู้เหตุการณ์ในอดีตและอนาคต ที่หลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดัน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระอาจารย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ดั้นด้นมาขอฝากตัวเป็นศิษย์ ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้สร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไว้ให้แก่ศิษย์หลายอย่างเป็นพระพิมพ์เนื้อตะกั่วผสมปรอท พิมพ์ทรงต่างๆ เช่นพิมพ์เศียรโล้น พิมพ์เศียรแหลม พิมพ์งบน้ำอ้อย พิมพ์ปรุหนัง พิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์ พิมพ์กริ่งคลองตะเคียน พิมพ์นาคปรก พิมพ์พระประธานใหญ่-เล็ก พิมพ์ถ้ำเสือ ฯลฯ และยังมีตะกรุดและลูกอมเป็นต้น พระเครื่องของท่านนั้นล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ต่างๆ มาก มาย เด่นทางด้านแคล้วคลาดและอยู่ยงคงกระพัน
                                                                                      มงคล สว่างศรี นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์  สุพรรณบุรี
 

สุพรรณบุรี แก้บนวิทยุทรานซิสเตอร์หลวงพ่อดำจนวิทยุล้นวัดทางวัดจะแจกวิทยุให้ผู้สูงอายุและแจกผ้ายันต์วิทยุช่วงเทศกาลสงกรานต์


ชาวบ้านแห่แก้บนวิทยุทรานซิสเตอร์หลวงพ่อดำจนวิทยุล้นวัด ทางวัดจะแจกวิทยุให้ผู้สูงอายุและแจกผ้ายันต์วิทยุช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเป็นการให้ทานและจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการฟังธรรมะหรือข่าวสารบ้านเมือง ส่วนผ้ายันต์วิทยุก็จะได้เก็บไว้เป็นสิริมงคลและระลึกถึงหลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์  
วันที่ 9 เม.ย. 56  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดหนองเพียร ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาบนบาน กราบไหว้หลวงดำศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นข่าวฮือฮาด้วยการแก้บนด้วยวิทยุทรานซิสเตอร์ กันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหลวงพ่อดำชอบเสียงดัง ผู้ที่บนบานศาลกล่าวแล้วประสบผลสำเร็จ จึงนำวิทยุทรานซิสเตอร์ มาแก้บนกันจำนวนมาก จนกระทั่งขณะนี้วิทยุทรานซิสเตอร์เต็มวิหารหลวงพ่อดำแล้ว ทางวัดจึงเอาวิทยุมาแจกให้กับผู้สูงอายุ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จนถึงวันที่ 15 เม.ย. 56 นอกจากนี้ทางวัดยังได้จัดทำผ้ายันต์รุ่นเสียงธรรมะ ขนาด 25x30 เซนติเมตร เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไว้ให้เป็นสิริมงคล และเป็นที่ระลึกนึกถึงหลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์
 เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ที่ระลึกนึกถึงหลวงพ่อดำ แม้จะไม่ได้มากราบไหว้ขอพรด้วยตัวเอง ก็สามารถอธิฐานขอพรหลวงพ่อดำ จนประสบความสำเร็จตามความต้องการมาแล้วจำนวนมาก  จากนั้นก็จะเดินทางมาแก้บนด้วยวิทยุทรานซิสเตอร์ ซึ่งล่าสุดมีชาวบ้านต่างพาบุตรหลานมาบนบานขอพรไม่ให้ถูกเกณฑ์ทหารประสบผลสำเร็จกันเป็นจำนวนมาก สำหรับผ้ายันต์รุ่นเสียงธรรมะ ประกอบด้วยรูปหลวงพ่อดำ ยันต์ปลาตะเพียน ยันต์โภคทรัพย์ ยันต์หนุมารเชิญธง และที่ฮือฮาก็คือรูปวิทยุทรานซิสเตอร์ทั้งสองข้าง เพราะหลวงพ่อดำชอบเสียงดัง พร้อมกับมีคำสอนเป็นคติธรรมไว้เตือนสติด้วย
ด้านพระครูพิพัฒน์สุวรรณนากรณ์ เจ้าอาวาสวัดหนองเพียร รองเจ้าคณะอำเภอศรีประจันต์ กล่าวว่าหลังจากที่ประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาบนบานขอพรกับ หลวงพ่อดำ และนำเอาวิทยุทรานซิสเตอร์มาแก้บนกันจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้ทางวัดมีวิทยุทรานซิสเตอร์ จำนวนมากกว่า 1 พันเครื่อง ซึ่งทางวัดจะเก็บไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงคิดว่าตั้งแต่บัดนี้จนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 15 เม.ย. ทางวัดจะแจกวิทยุทรานซิสเตอร์ ทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อให้ชาวบ้าน นำวิทยุหลวงพ่อดำไปใช้ประโยชน์ฟังธรรมะหรือฟังข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ หากถ้าวิทยุหมด ก็จะแจกผ้ายันต์วิทยุให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรกับหลวงพ่อดำ สำหรับการแจกวิทยุ จะแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากแม้ว่าจะมีกว่าพันเครื่องถ้าแจกฟรีให้กับทุกคนคงไม่พออย่างแน่นอน ขณะนี้ทางวัดกำลังพัฒนาวัด ซึ่งกำลังปลูกต้นไม้ ทั้งต้นเล็กและต้นใหญ่ ในบริเวณวัดให้ร่มรื่นเป็นสวนป่า เพื่อลดภาวะโลกร้อนและไว้ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อดำได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้กด้วย
 มงคล สว่างศรี นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์ สุพรรณบุรี 

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

สงกรานต์เอาไม่อยู่...


 นายแพทย์แท้จริง  ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้แถลงสรุปยอดสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิต 321 ราย เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว 1 รายบาดเจ็บสาหัสอีก 3,040 ราย แต่มีสถิติตัวเลขของหน่วยงานอื่นที่ได้รับรายงานมาว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิต 370 ราย บาดเจ็บสาหัสกว่า 4,000 ราย ซึ่งไม่ว่าจะตัวเลขไหนก็ตามแสดงให้เห็นว่า “เอาไม่อยู่” โดยส่วนตัวถือว่าเป็นไปตามคาด แต่อยากจะตั้งคำถามว่าใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ 321 ชีวิตที่ดับไปหรือจะบอกเพียงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากสาเหตุเพราะความประมาทจึงไม่สามารถแก้ไขหรือทำอะไรได้อีกแล้ว ส่วนข้อมูลตัวเลขสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตและจำนวนผู้บาดเจ็บจาก 2 แหล่งไม่เท่ากันนั้น ไม่แปลกใจเนื่องจากใช้คำนิยามในการเก็บข้อมูลต่างกัน แต่เพราะเหตุนี้หรือไม่ที่องค์การอนามัยโลกไม่เชื่อรายงานของประเทศไทยที่รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนว่าเสียชีวิตประมาณ 13,000 รายต่อปี จึงได้มีการคำนวณตัวเลขใหม่และเชื่อว่าประเทศไทยน่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึงปีละ 26,000 ราย และถูกจัดลำดับให้เป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นลำดับที่ 3 ของโลก  หากจะลองเปรียบเทียบแนวนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกับปัญหาอุบัติเหตุทางถนนแล้วจะเห็นว่า ปัญหาน้ำท่วมมีการตั้งเป้าไม่ให้เกิดน้ำท่วม มีการจัดสรรงบประมาณในการบริหารจัดการ 3.5 แสนล้านบาท มีแนวความคิดในการจัดตั้งกระทรวงน้ำเป็นหน่วยงานหลักให้รับผิดชอบโดยตรง มีรัฐมนตรีในการกำกับดูแลชัดเจน ส่วนปัญหาอุบัติเหตุทางถนนซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประมาณ 26,000 คนต่อปี สูญเสียทรัพย์สินและมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศชาติอย่างมหาศาลปีละกว่า 2 แสนล้านบาท กลับไม่มีการกำหนดแนวนโยบายในการหยุดความตายบนถนนในแบบเดียวกัน เท่าที่เห็นมีเพียงแผนการดำเนินงานเน้นมาตรการรณรงค์ปีละ 2 ครั้ง คือ ช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ และไม่มีแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องทั้งปี  มูลนิธิเมาไม่ขับ จึงขอเสนอไปยังผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้อง สังคยนาแนวทางการดำเนินงานใหม่เพื่อยุติหรือหยุดความตายบนถนนเสียที โดยต้องวางแผนให้มีระบบฐานข้อมูลใหม่ ระบบการบังคับใช้กฎหมายใหม่ มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักโดยตรงที่จะมาต่อสู้ด้วยทัศนคติใหม่ๆ เป้าหมายใหม่ๆ และวิธีการแนวทางใหม่ๆ แต่หากทุกฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบยังคิดว่าการดำเนินงานแบบเดิมนี้ดีที่สุดแล้ว และจะดำเนินการแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ  ก็สามารถฟันธงได้เลยว่าเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงจะต้องมีคนไทยเสียชีวิตอีก 300 กว่าราย บาดเจ็บอีกหลายพันราย และพิการอีกไม่รู้เท่าไร “ถึงเวลาหยุดความตายบนท้องถนนได้แล้ว ก่อนที่ความตายบนท้องถนนจะมาหยุดชีวิต    ของเรา” นายแพทย์แท้จริง กล่าวตอนท้าย

ทลายแหล่งผลิตยาอี ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งจำหน่าย


ชาวจีน สัญชาติฮ่องกง ใช้ห้องหรูกบดานเป็นแหล่งจำหน่ายยาอี ลักลอบจำหน่ายนักเสพคนไทย ตำรวจใช้แผนล่อซื้อจากนกต่อ สุดท้ายติดกับเข้าทางตำรวจ บุกจับได้พร้อมของกลางจำนวนมาก
             กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์  บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รอง ผบก.น.1  พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม ผกก.สน.ห้วยขวาง  พ.ต.ท.กฤษณ์พนธ์ เพ็ชร์สดศิลป์ สว.สส.สน.ห้วยขวาง  และพวก ร่วมกันจับกุม นาย ทิวากร ด้วงชาวนา อายุ 30 ปี สัญชาติไทย และ นาย อลัน อายุ 52 ปี สัญชาติฮ่องกง ทั้งนี้จากการสืบสวน ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ของ สน.ห้วยขวาง  ทราบว่า นาย ท็อฟฟิ่ มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ในย่านถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่จึงวางแผนล่อซื้อ ยาเสพติด ยาไอซ์ 3 กรัม เป็นเงิน 6 พันบาท ซึ่งได้นัดรับของที่ห้องพักเลขที่ 3/346 ศุภาลัยเพลส ถนนพหลโยธิน กทม. จากนั้นซุ่ม เพื่อจับกุม นาย ท็อฟฟิ่ และตรวจค้นภายในห้องพักจึงทราบชื่อจริงว่านาย ท็อฟฟิ่ คือนาย ทิวากร ด้วงชาวนา นอกจากนี้ ยังพบยาเสพติด ชนิดยาไอซ์ 30 กรัม ยาบ้า 41 เม็ด และยาไฟว์ ไฟว์ 5 แผง กับอีก 9 เม็ด ต่อมาได้สอบสวนขยายผล โดย นาย ทิวากร ซัดทอดไปถึง นาย อลัน ชาวฮ่องกง จากนั้นได้ติดต่อขอซื้อยาเสพติด 100 เม็ด เป็นเงิน 25,000 บาท จึงวางแผนจับกุมและเข้าตรวจค้นอาคารเลขที่ 769/8-9 ถนนพระราม 9  ซอย 15 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จนพบของกลางที่เป็นอุปกรณ์ ผลิตยาเสพติด และอาวุธปืน ขนาด 11 มม. กระสุน 14 นัด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแจ้งข้อหา นาย ทิวากร ผู้ต้องหาที่ 1 มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาไฟว์ ไฟว์ โดยไม่ได้รับอนุญาต          นาย อลัน ชาวฮ่องกง ผู้ต้องหาที่ 2 ผลิตและมีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
                                                                       โปร่ง  พญาไม้


ม่วนชื่น สะ บายดี


เมื่อ 21 เมษายน พ.ศ.2556  ดร.สุนทร วัฒนาพร ได้จัดงาน ม่วนชื่น สะ บายดี ณ ลานหน้าวัดอ้อมน้อย ถนนเพชรเกษม จังหวัดสมุทรสาคร  โดยนำ ปริศนา วงศ์ศิริ สุดยอดศิลปิน หมอลำพันล้าน มาให้ความบันเทิงกับประชาชนคนอ้อมน้อย งานนี้ชาวบ้านได้นำดอกไม้มาขอบคุณและให้กำลังใจ ดร.สุนทร วัฒนาพร กันเป็นจำนวนมาก ทางหนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึกจึงเก็บภาพมาฝาก
วีระเดช เกิงฝาก 

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

จังหวัดสมุทรสาครมอบโล่สดุดีครอบครัวร่มเย็นในงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ปี 2556


เมื่อ 10 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว จังหวัดสมุทรสาคร ประจำปี 2556 ที่ตลาดทะเลไทย อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจัดโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายผู้สูงอายุจังหวัดสมุทรสาคร กิจกรรมเริ่มด้วยพิธีสงฆ์ในช่วงเช้า โดยมีผู้สูงอายุจากชมรมผู้สูงอายุอำเภอเมืองฯ อำเภอกระทุ่มแบน และอำเภอบ้านแพ้ว พร้อมเครือข่ายครอบครัว มาร่วมกิจกรรมกันอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้แนวคิด "ผู้สูงวัย ใส่ใจสุขภาพเพื่อเตรียมพร้อมรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจากข้อมูลในปี 2553 มีร้อยละประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่ากับ 10.90 โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมอบโล่สดุดีครอบครัวร่มเย็น 3 ครอบครัว ประกอบด้วย ครอบครัวทั่วไป ได้แก่ ครอบครัวนางคมขำ เยี่ยมสวัสดิ์ ครอบครัวนางขวัญดาว สุมนัส และครอบครัวในพื้นที่เสด็จติดตามเยี่ยมสมาชิกโครงการสายใยรักฯ ได้แก่ ครอบครัวนายสมควร เชียงเพี้ยน มอบเกียรติบัตร หน่วยงาน องค์กรที่ทำประโยชน์ด้านผู้สูงอายุดีเด่น ได้แก่ ชมรมผู้สูงอายุตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน ชมรมผู้สูงอายุ สอ.เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองฯ โครงงาน กิจกรรมที่สร้างความตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญต่อผู้สูงอายุดีเด่น ได้แก่ โครงการสานสายใยรักแห่งครอบครัว อำแพง ณ ศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว อำแพง จังหวัดสมุทรสาคร ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ประจำปีงบประมาณ 2556 โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร มอบประกาศสดุดีเกียรติคุณ ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่เป็นจิตอาสาดีเด่น และดีมาก ครอบครัวตัวอย่างที่เลี้ยงลูกประสบความสำเร็จ เสนอโดยชมรมผู้สูงอายุ 3 อำเภอ และกลุ่มพลังสตรีท่าฉลอม และมอบเกียรติบัตรบุคคลและหน่วยงานผู้สนับสนุนการจัดงาน ทั้งนี้ ยังจัดให้มีพิธีรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ การแสดงของชมรมผู้สูงอายุ ภายในงานมีนิทรรศการ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ การให้บริการของหน่วยงานต่าง ๆ และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดสมุทรสาครมาร่วมรณรงค์ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ด้วย

ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ...


เมื่อ 1 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา นายแก่นเพชร ช่วงรังษี อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้บริหาร พร้อมด้วยชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เข้าร่วมพิธีถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และพิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2556 ณ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย

ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก) ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ บางแสน 2


 นายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก ผู้ช่วยเลขานุการัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประชา ประสพดี) ได้มอบหมายให้ตนเองลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน บริเวณบางแสน 2 เทศบาลเมืองบางปู อำเภอเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ในวันพฤหัสบดี ที่ 11 เมษายน 2556 เวลา 13.00 น. ณ เทศบาลเมืองบางปู ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อ ปี พ.ศ.2542 ทางราชการได้ตรวจพบปัญหาการบุกบุกที่ดินสาธารณประโยชน์บริเวณชายทะเล หมู่ที่ 2 ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ โดยพบว่ามีการบุกรุกเข้าไปดำเนินการปลูกสร้างอาคารเป็นร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้กับนักท่องเที่ยวที่ไปพักผ่อนบริเวณริมชายทะเล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในหมู่ผู้ใช้บริการและสื่อมวลชนในชื่อ บางแสน 2” โดยที่ผ่านมา จังหวัดสมุทรปราการได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2542 เพื่อทำหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะกรรมการฯ ที่ได้รับแต่งตั้ง ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว รวม 6 ครั้ง ได้ข้อสรุปให้ดำเนินการกับผู้บุกรุก โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่สาธารณประโยชน์ จำนวน 7 ราย และมีการขอรังวัดตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์บริเวณ บางแสน 2” ด้วย ซึ่งปัญหาการบุกรุกที่ดินดังกล่าวนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนตามกระบวนการของกฎหมายมาอย่างยาวนาน ดังนั้น จึงต้องลงไปติดตามการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง นำไปสู่การหาข้อยุติหรือคลี่คลายปัญหาดังกล่าว
โดยเร็ว