pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ตร.ชุดสืบสวนอาชญากรรมสมุทรสาคร สนธิกำลังเข้าจับ ยาเสพติดบางหญ้าแพรก..



เมื่อวันนี้ 28 ก.พ. 62  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดกลุ่มงานสืบสวนอาชญากรรมภายใต้การควบคุมอำนวยการของ พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.พ.ต.อ.ธงชัย เนตรสขาวัฒน์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอาชญากรรม ภ.จว.สมุทรสาคร
ได้ร่วมกันจับกุมตัว
นายชนกฤต หรือทิง จรดล อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.5 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ไอซ์) เกล็ดผงสีขาวขุ่น บรรจุไว้ในถุงพลาสติกใสมีผนึกเปิด-ปิด ด้านบน จำนวน 3  ถุงๆที่ 1 น้ำหนัก 108.10 กรัม ถุงที่ 2 น้ำหนัก 101.50 กรัม ถุงที่ 3 น้ำหนัก 36.63 กรัม รวมน้ำหนัก 3 ถุง 244.23 กรัม (ชั่งรวมถุง)
ใส่อยู่ในถุงพลาสติกสีขาวแบบหูหิ้ว ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนที่นายชนกฤดิ หรือ เทิง ฯ นอนอยู่ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) มีลักษณะเป็นเม็ดสีส้มกลมแบนมีอักษร WY อยู่ด้านหนึ่งอีกด้านหนึ่งเรียบ บรรจุไว้ในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน มีผนึกเปิด-ปิด ด้านบน จำนวน 5 ถุง โดยแบ่งเป็นถุงละ 200 เม็ด 4 ถุง ถุงละ 140 เม็ด 1 ถุง
รวมทั้งสิ้น 940 เม็ด  ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนที่ของ นายชนกฤดิ หรือ เทิง ฯ นอนอยู่เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง ใส่รวมกับของกลางลำดับที่ 1 ถุงแบ่งพลาสติกใสมีผนึกเปิด-ปิด ด้านบน จำนวน 30 ถุง ใส่รวมกับของกลาง โดยกล่าวหาว่า "มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
เหตุเกิดและจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 65 หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
นำตัวผู้ต้องหานำส่ง สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สืบสวนกระทุ่มแบน จับเครือยาเสพติดในพื้นที่


เมื่อวันที่ 28 ก.พ.62พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี  แก้วเอี่ยม  ผกก.สภ.กระทุ่มแบน  พ.ต.ท.ภาคิน แสนพุฒิ รอง ผกก.สส.  ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศุกลฐวิญญ์  พรสิริวัฒก์ สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน พร้อมกำลัง ได้ร่วมกันจับกุม นายพิสิษฐ์ หรือโด่ง พงษ์ไพร  อายุ 20 ปี  พร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ 0.72 กรัม ยาบ้า 1 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
จับกุมตัว นายคนัง หรือบอย เนตรสิงห์ อายุ 35 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ 0.69 กรัม ยาบ้า 1 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
จับกุมนายอรรถพล หรืออาร์ม กิจรักษา  พร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ 1.35 กรัม โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
จับกุมผู้ต้องหาที่ 1-3  ได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 16/1 ม.4  ต.ดอนไก่ดี  อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เวลาประมาณ 07.30 น.
จับกุม น.ส.ธัญธิตา หรือฝ้าย ชลออนันต์ อายุ 29 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 6 เม็ด
โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง
จับกุมนายชายวิชญ์ หรือขวัญ ธัญสิประเสริฐ อายุ 38 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 12 เม็ดโดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง
จับกุมผู้ต้อหาที่ 4-5 ได้ที่หน้าห้องเช่าเลขที่ 60/4  หมู่ 4  ต.ดอนไก่ดี  อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เวลา 08.00 น.

 เวลา 18.30 น.จับกุมนายชูเกียรติ  หรือ โอ   ทิพย์ศรี  อายุ 40 ปี  พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 1,000 เม็ด ยาไอซ์ 53.77 กรัมโดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวไปตรวจค้นเพื่อขยายผลจากพื้นที่ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร  และบริเวณริมถนนจอมทองบูรณะ ใต้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร แขวงบางมด  เขตจอมทอง  กรุงเทพมหานคร และห้องพักเลขที่ 51/1  ห้องที่ 2 หอพักไม่มีชื่อ แขวงบางมด  เขตจอมทอง  กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องกันไม่สามารถขยายผลได้   พร้อมทั้งได้ตรวจยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป



บช.น. จัดพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ครั้งที่ 8


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ.62 เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รอง ผบช.น. เป็นประธานแถลงข่าวศูนย์ป้องกันปราบปราม การฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปฉช.น.) จัดพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ครั้งที่ 8 โดยมี ผบก.น. 1 - 9 , สส. , สปพ. , ผกก.สน.ในสังกัด บช.น. , ผกก.ดส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี      ณ ห้องประชุมใหญ่ บช.น./ 







รอง ผบช.น. มอบประกาศนียบัตร ให้ตำรวจในสังกัดที่สำเร็จการอบรมหลักสูตรป้องกันยาเสพติด


เมื่อวันที่พฤหัสบดีที่ 28 ก.พ.62 เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบช.น. เป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตร ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.น.ที่ได้สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรป้องกันยาเสพติด ซึ่งสอนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ (ครูตำรวจ D.A.R.E.) รุ่นที่ 228 เพื่อให้เด็กนักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการต่อต้านการใช้ ยาเสพ พร้อมทั้งให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จการอบรม และกล่าวปิดการฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าว ณ โรงแรม แจ๊สโซเทล กรุงเทพฯ/















อ.บ้านแพ้วเปิดปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่



 
ศูนย์ปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอบ้านแพ้ว  ได้ดำเนินการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง  ตามข้อร้องเรียนของประชาชนและตามเป้าหมาย  เพื่อเป็นลดการลดจำนวนผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่  เพื่อนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรูปแบบสมัครใจ ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  ผลการปฎิบัติ  การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย










วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

BMAM Expo Asia 2019 ผุดคอนเซ็ปต์ใหม่ รับตลาดอาคารอัจฉริยะโต รวมที่สุดเเห่งนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการอาคาร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด จัดงาน BMAM Expo Asia 2019 งานแสดงสินค้าและการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร โรงงาน และอสังหาริมทรัพย์แห่งเอเชีย ครั้งที่ 12 ชูคอนเซ็ปต์The  Building and FM Expo โดยรวบรวมสินค้าและเทคโนโลยีกว่า 150 แบรนด์จากกลุ่มบริหารทรัพยากรอาคาร อาคารเขียว และระบบอาคารอัจฉริยะ มาจัดแสดงในระหว่างวันที่ 27 – 29 มิถุนายน 2562 ณ อาคาร 6อิมแพ็คเมืองทองธานีคาดมีผู้เชี่ยวชาญด้านการ


บริหารจัดการอาคาร และผู้ซื้อจากทั่วภูมิภาคเข้าชมงานกว่า 4,000 รายตลอด 3 วันจัดงาน


โดยได้ประกาศความร่วมมือร่วมจัดงานกับงาน K-Fire & Safety Bangkok 2019 BMAM Expo Asia 2019 ประกาศความร่วมมือกับงาน K-Fire and Safety Bangkok 2019 (“K-Fire”) งานแสดงสินค้าระดับนานาชาติด้านอัคคีภัยและความปลอดภัยจากประเทศเกาหลีใต้ ที่จะนำทัพผู้ประกอบการกว่า 30 บริษัทมาจัดแสดงสินค้าร่วมกันในงาน BMAM Expo เสริมให้งานดังกล่าวเป็นเวทีรวบรวมโซลูชั่นด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร, การป้องกันอัคคีภัย และ ความปลอดภัย ที่ครบวงจรที่สุด พร้อมทั้งสำนักงานส่งเสริมการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศของเกาหลี (KOTRA) ได้นำผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจซื้อกว่า 100 รายจาก 10 ประเทศ มาร่วมเจรจาธุรกิจภายในงาน 





ทั้งนี้อัตราการเติบโตในอุตสาหกรรมธุรกิจด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารอัตโนมัติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก โดยคาดว่าในระหว่างปี พ.ศ. 2560 – 2565 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 4.7% คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* การนำระบบการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารอัตโนมัติมาใช้ในส่วนงานการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ถือได้ว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเพิ่มศักยภาพให้ตลาดการบริหารทรัพยากรอาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

นายอยุธพร บูรณกุล นายกสมาคมวิชาชีพการบริหารจัดการอาคาร กล่าวว่า “งาน Facility Management (FM) ไม่ใด้เป็นเพียงแค่งานหลังบ้าน หากแต่เป็นงานที่สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ให้กับองค์กรผ่านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและคุณภาพชีวิตแก่ผู้ใช้งาน ยิ่งเมื่อมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาคารด้วยแล้วยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพและบริหารต้นทุนได้ง่ายขึ้น”

มร.ลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัดกล่าวว่า “ในยุคปัจจุบัน อาคารอัจริยะเป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริหารจัดการทรัพยากรอาคารทั่วโลก ซึ่งการนำโซลูชั่นการบริหารจัดการทรัพยากรอาคารอัติโนมัติเข้ามาใช้ เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย, ระบบปรับอากาศ, ระบบควบคุมไฟ และระบบเตือนอัคคีภัย จะช่วย ยกระดับให้การบริหารจัดการทรัพยากรอาคารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการควบคุมระบบต่างๆ ในจุดเดียว ซึ่งงานBMAM Expo เป็นอีกช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน FM ได้สัมผัสเทคโนโลยีและโซลูชั่นใหม่ๆ ที่จะมาผลิกโฉมอุตสาหกรรมการบริหารจัดการอาคารในอนาคต

สำหรับ  BMAMExpo Asia 2019ได้รวบรวมผู้ประกอบการจากกว่า 150 บริษัทและแบรนด์จากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย มาจัดแสดงสินค้าครอบคลุม 3 กลุ่มคือ  1.Facility  managementproducts and servicesระบบและเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร วัดสุก่อสร้าง การทำความสะอาด ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบการเตือนภัย ระบบปรับอากาศ และการบำรุงรักษาอาคาร  2. Green FMระบบจัดการของเสีย ระบบจัดการน้ำ และพลังงานทดแทน 3. Smart building solutionsระบบบริหารจัดการและควบคุมอาคารอัตโนมัติ ระบบควบคุม การเฝ้าระวังภัย ระบบการจัดการพลังงาน อุปกรณ์อัจฉริยะและไอโอที ระบบบริหารงานสำหรับนิติบุคคลอาคารชุด 

โดยภายในงานยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจด้านการบริหารจัดการอาคาร อาทิ Business Matching โปรแกรมการจับคู่เจรจาธุรกิจที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าสามารถเข้าสู่ระบบการจับคู่นัดหมายเจรจากับผู้ซื้อที่ทางผู้จัดงานได้เรียนเชิญมาร่วมชมงาน และยังมี Building & FM Conference อัพเดทความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ จากเหล่ากูรูด้านการบริหารจัดการอาคาร วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ และ การบริหารจัดการทรัพยากรอาคารและเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการก่อนถึงงาน BMAM Expo Asia 2019 ในเดือน มิถุนายน ผู้จัดงานฯจึงได้จัดให้มีงาน “Technological Revolution for Smart  buildings and Facilities Management” เพื่ออัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ ตลอดจนกลยุทธพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และการนำนวัตกรรม IoT มาเพิ่มศักยภาพ ให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจากสำนักงานส่งเสริมเศรษกิจดิจิทัล, กรมโยธาธิการและผังเมือง, สมาคมอสังหาริมทรัพแห่งประเทศไทย และสมาคมวิชาชีพการบริหารทรัพยากรอาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงแนวโน้มอุตสาหกรรม และเตรียมรับมือกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ณ โรงแรม เอส31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bmamexpoasia.com


พส. ยกระดับผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการฯในสังกัดอปท. ร่วมขับเคลื่อนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.62  น. เวลา 15.00 น. ที่โรงแรม เดอะทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ นางจินตนา จันทร์บำรุง  รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นางจินตนา กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานภาครัฐ ที่มีบทบาทในการมุ่งเน้น ส่งเสริม พัฒนาคุณภาพและความมั่นคงในชีวิตสถาบันครอบครัวและชุมชนซึ่งมีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในการขับเคลื่อนการจัดสวัสดิการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ในการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย กระทรวงฯ จึงไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้โดยลำพัง แต่จำเป็นต้องบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่สำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนในสังคมมากที่สุด


ทั้งนี้การอบรมผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดมาปีนี เป็นปีที่ 2 ผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วยผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล ตำบล รวมจำนวนทั้งสิ้น 83  คน ดำเนินการระหว่าง วันที่ 27 ก.พ.- 1 มี.ค.2562  เนื้อหาการอบรมประกอบด้วยเรื่อง แนวคิดและทฤษฎีการปฏิบัติงานด้านสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ เทคนิคการทำงานสังคมสงเคราะห์กับกลุ่มเป้าหมาย เรื่ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับงานสวัสดิการสังคม




นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ และการบูรณาการกับภาคีเครือข่าย และที่สำคัญที่สุดได้จัดให้มีการประชุมกลุ่มย่อยในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเกี่ยวกับบทบาท อปท. ในงานสวัสดิการสังคม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ ที่ไม่มีวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ศาสตร์โดยตรง ได้มีโอกาสสร้างเสริมองค์ความรู้พื้นฐาน และองค์ความรู้ใหม่ที่เท่าทันสถานการณ์ทางสังคมตลอดจนเสริมสร้างเทคนิคในการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์รวมทั้งได้เรียนรู้กฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน

รองอธิบดีพส.กล่าวในตอนท้ายว่า อย่างไรก็ตามกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมขับเคลื่อนงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ช่วยให้ประชาชนก้าวผ่านสภาวะวิกฤติและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

เสวนา “2 ปี คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ: สังคมเท่า เทียมแค่ไหน?”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562  เวลา 08.30 น. ณ ห้องบงกชรัตน์ บี โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ นางถิรวดี พุ่มนิคม ผู้เชี่ยวชาญด้านสตรี กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานเปิดการเสวนา “2 ปี คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ: สังคมเท่าเทียมแค่ไหน?” ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง สค. กับ มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน โครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ อินเตอร์เนชั่นแนลทรานส์ฟัน และภาคีเครือข่ายฯ จัดขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจผลการดำเนินงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการดำเนินงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) เพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ของกฎหมาย อีกทั้งสร้างภาคีเครือข่ายการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาควิชาการในการการดำเนินงานตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 
       
นางถิรวดี กล่าวว่า ประเทศไทยตระหนักถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติ จึงได้ร่วมกับทุกภาคส่วนผลักดันและแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ และได้มีการตราพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558  โดยมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองและป้องกันมิให้เกิดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทางสังคมและหลักการสิทธิมนุษยชนสากล ซึ่งการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติฉบับนี้ ดำเนินการควบคู่กันไปทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติเพื่อคุ้มครองผู้ถูกเลือกปฏิบัติ โดยกลไกคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (สทพ.) คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) และคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการ วลพ. ที่ทำหน้าที่ในการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ โดยได้มีการออกคำสั่งเพื่อระงับ ยับยั้ง และแก้ไขการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศไปแล้วหลายเรื่อง




นางถิรวดี กล่าวต่ออีกว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมา คณะกรรมการ วลพ. ยังประสบปัญหาหลายประการทั้งจากตัวบทกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ เจตคติของสังคม รวมทั้งขาดความตระหนักรับรู้จากภาคประชาชนในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนั้น กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และภาคีเครือข่ายฯ จึงเห็นความสำคัญที่จะมีการทบทวนการดำเนินงานของคณะกรรมการ วลพ. เพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงร่วมกันจัดงานในวันนี้ขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิด
การรับรู้และเข้าใจกระบวนการดำเนินงานของคณะกรรมการ วลพ. และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการดำเนินงานของคณะกรรมการ วลพ. รวมทั้งเกิดภาคีเครือข่ายการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และภาคประชาชน ในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

สำหรับการเสวนาในวันนี้ เป็นการเสวนา เรื่อง “การนำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” ศ. มาลี พฤกษ์พงศาวลี ประธานกรรมการ วลพ. คุณสิริวรรณ เย็นตั้ง ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเลขานุการคณะกรรมการ วลพ. ที่ร่วมฉายภาพถึงความสำเร็จ และความท้าทายในการดำเนินงานตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ศาสตราจารย์กิตติคุณวิทิต มันตาภรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความเสมอภาคระหว่างเพศ คุณเรืองรวี พิชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนา ร่วมแลกเปลี่ยนผ่านการเสวนาเรื่อง “ข้อท้าทายกลไกคุ้มครองสิทธิความเสมอภาคระหว่างเพศ” ซึ่งดำเนินรายการโดย ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ กรรมการ วลพ.

“จากบรรยายกาศภายในงานและการแลกเปลี่ยนจากผู้เข้าร่วมงานกว่า 80 คน ได้สะท้อนความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกันว่า แม้จะมีกฎหมายห้ามหากเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศ แต่ปรากฎการณ์การเลือกปฏิบัติก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ถูกเลือกปฏิบัติหลายคนยังไม่รู้จักกฎหมายนี้ ในขณะที่บางคนแม้จะรู้จักแต่ก็ยังไม่สามารถใช้กลไกดังกล่าวได้ เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงเสียดทานและกดดันต่างๆ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพวกเราทุกคนที่ต้องร่วมกันสื่อสารและลุกขึ้นมาส่งเสียง และไม่สยบยอมต่อความไม่เป็นธรรมทางเพศ” นางถิรวดีกล่าวในตอนท้าย