pearleus

วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

เกียรติประวัติวงศ์ตระกูล

เมื่อเวลา 15.00 น.วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2560 พ.ต.อ.ธงชัย เนตรสขาวัฒน์ ผกก.สส.ภ.จวสมุทรสาคร (สันติ1) นรต.รุ่นที่ 47 ได้รับประกาศรางวัลเกียรติคุณ ในโครงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพข้าราชการไทยที่ดี รางวัล ข้าราชการไทยตัวอย่าง ประจำปี พ.ศ.2560 จาก พลเอก พิจิตร  กุลละวณิชย์  องคมนตรี ในรัชกาลที่ 9 ประธานในพิธี  ณ ศูนย์ประชุม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถ.วิภาวดี-รังสิต เขตหลักสี่  กรุงเทพมหาคร.

เงาพญาราหู รายงาน


วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

มหาดไทยกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่...

มหาดไทยกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เน้นย้ำต้องทำงานเชิงรุกเข้าถึงพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างความรับรู้กับประชาชนให้เข้าใจถึงการทำงานของภาครัฐ เพื่อลดช่องว่างการสร้างความเข้าใจผิดหรือบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

     วันนี้ (29 เม.ย.60) ที่กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการบริหารงานในระดับพื้นที่ (Area-based) โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การร้องเรียนเรื่องทุจริต ตลอดจนปัญหาที่มีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อน  
     เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการร้องเรียนเข้ามาที่ส่วนกลาง กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการกำชับให้ทุกจังหวัด เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการบริหารงานในระดับพื้นที่ (Area-based) ด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน  ดังนี้
     1. เรื่องการบริหารงบประมาณในพื้นที่ เน้นย้ำต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของพื้นที่ (Area-based) เป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน  โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการบริหารงบประมาณตาม "แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด" งบประมาณพัฒนาพื้นที่ภูมิภาค งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และงบประมาณส่วนราชการ (function) โดยยึด "แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด" และยุทธศาสตร์ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 เป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน 
     2. ด้านการดูแลพี่น้องประชาชน ได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในฐานะผู้รับผิดชอบประจำพื้นที่ หมั่นตรวจเยี่ยมดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิดเป็นประจำ เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนปัญหาจากประชาชนโดยตรง เพี่อให้พี่น้องประชาชนมีความอุ่นใจเมื่อได้ทราบว่าส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐให้ความเอาใจใส่ต่อสภาพปัญหา 
     และเพื่อเป็นการเตรียมการในเชิงป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาจเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ต้องวางแผน/คาดการณ์หรือประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ อาทิ ปัญหาสาธารณภัย และราคาผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลตกต่ำ เป็นต้น
     3. ให้ใช้กลไก "ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด" และ "ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ" เป็นหน่วยบูรณาการกับส่วนราชการทุกหน่วยในพื้นที่ โดยมอบหมายรองผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบงานของศูนย์ดำรงธรรมโดยตรง เพื่ออำนวยการและติดตามการดำเนินงานแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ของศูนย์ดำรงธรรมอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 7 วัน 
     ในกรณีที่มีเรื่องร้องเรียนหรือเกิดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในระดับพื้นที่ เนื่องจากไม่มีหน่วยงานรองรับในจังหวัดและอำเภอ หรือเกินอำนาจหน้าที่ภารกิจของหน่วยงานในพื้นที่ ให้รวบรวมเรื่องดังกล่าวเสนอมายังกระทรวงมหาดไทย และกระทรวง หรือหน่วยอื่นๆ ในส่วนกลางที่มีอำนาจหน้าที่และภารกิจเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาการร้องเรียนหรือความเดือดร้อนนั้น เป็นผู้พิจารณาดำเนินการแก้ไขต่อไป ทั้งนี้ จังหวัดต้องทำหลักฐานแจ้งประชาชน ผู้ร้องเรียนทราบถึงผลการดำเนินการในระดับจังหวัดด้วยว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือข้อร้องเรียนนั้นไปแล้วอย่างไรบ้าง
     นอกจากนี้ ให้จังหวัดสร้างการรับรู้ (Perception) ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบถึงผลการดำเนินงานของรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐที่ได้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ทุกช่องทางอย่างกว้างขวาง เช่น การออกรายการวิทยุ โทรทัศน์ภูมิภาคหรือท้องถิ่น การแจ้งข่าวสารผ่านเสียงตามสายในหมู่บ้าน ชุมชน และสื่อสังคม - โซเชียลมีเดีย เพื่อชี้แจงประชาสัมพันธ์เรื่องราวข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่ทราบ และป้องกันการบิดเบือน หรือขยายความข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง
     4. ด้านการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำชับ ตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติงานตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหาทางป้องกันแก้ไขมิให้เกิดการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ปัญหาร้องเรียนเรื่องที่ดิน การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินประเภทต่างๆ การบุกรุกที่สาธารณะ และการเรียกรับผลประโยชน์จากการอนุมัติ อนุญาต รวมทั้งการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบจากธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นต้น
     ซึ่งในเรื่องดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญและถือเป็นนโยบายเน้นหนักในการป้องกันและต่อต้านการทุจริต ภายใต้แนวคิด “มหาดไทยใสสะอาด” จึงได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำชับ และตรวจสอบติดตามการปฏิบัติงานตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหาทางป้องกันแก้ไขมิให้เกิดการทุจริตหรือประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด ด้วยการสร้างจิตสำนึกของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ ให้ยึดมั่นในแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และโปร่งใส โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมหรือมีบทบาทในการทำงานร่วมกับภาครัฐด้วยการแต่งตั้งตัวแทนประชาชนในพื้นที่เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานตามโครงการในพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน รวมทั้งการจัดทำป้ายแสดงรายละเอียดของโครงการให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ และประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจังหวัด (ป.ป.ช.จังหวัด) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค (สตง.ภูมิภาค) หรือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าติดตามการดำเนินงานโครงการในพื้นที่เป็นประจำด้วยฯ และย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานจะต้องแสดงภาวะผู้นำและวางตนอย่างมุ่งมั่น แข็งขันและชัดเจนในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่กระทำการที่อาจเป็นช่องทางให้ถูกกล่าวหาว่าประพฤติมิชอบได้
     สุดท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการบริหารงานในระดับพื้นที่ เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่มากที่สุด และมุ่งมั่นปรับปรุงการบริหารงานของภาครัฐให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริงต่อไป

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

จ.นครปฐมมอบโล่เกียรติคุณ ให้แก่ผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลต้นแบบตามคุณธรรม 9 ประการ

เมื่อ 28 เมษายน 2560 ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานมอบโล่เกียรติคุณ ให้แก่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลต้นแบบตามคุณธรรม 9 ประการ ตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดย นางฐิติรัตน์ เค้าภูไทย วัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กำหนดให้สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐมบูรณาการทำงานร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม จัดกิจกรรมคัดเลือกบุคคลต้นแบบตามคุณธรรม 9 ประการ ตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้แก่ ความพากเพียรอดทน การเสริมสร้างคนดี การรู้รักสามัคคี การมีน้ำใจ การใฝ่ประหยัด ความซื่อสัตว์สุจริต เศรษฐกิจพอเพียง การเรียงร้อยไมตรี และความหวังดีมีเมตตา ในโครงการตามรอยคุณธรรม รัชกาลที่ 9 และเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 10 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามหลักคุณธรรม 9 ประการ ให้มีขวัญ กำลังใจ ความภาคภูมิใจ และเป็นต้นแบบให้แก่บุคคลกลุ่มต่างๆ ในสังคม การคัดเลือกบุคคลต้นแบบตามคุณธรรม 9 ประการ ได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลต้นแบบตามคุณธรรม 9 ประการ จำนวน 4 คน ซึ่งบุคคลทั้ง 4 นับเป็นต้นแบบที่ดีในการปฏิบัติตามหลักคุณธรรม เป็นผู้เสียสละ ทุ่มเท อุทิศเวลา แรงกายแรงใจ พากเพียร มีจิตอาสา และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม ได้แก่ 1.นางสาวจิตกวี กระจ่างเมฆ ตำบลด้วน   อำเภอดอนตูม 2.นายสมศักดิ์ อยู่มาก ตำบลบางหลวง   อำเภอบางเลน 3.นางณภัทร เล็กแดงอยู่ ตำบลวังตะกู   อำเภอเมืองนครปฐม 4.นายปรีชา ใหญ่สิมา   ตำบลบางระกำ  อำเภอบางเลน
...................................................

ชุติมา ลีนุกูล สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.นครปฐม/ข่าว  











หนุ่มบ้านแพ้ว พกยาบ้า เจอด่านสายตรวจชุด 4 จับ

 

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 60 เวลาประมาณ 03.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจประกอบด้วยภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สุระพรรณ นาทวรทัต ผกก.สภ.เมืองฯ ,พ.ต.ท.สถิตย์  คงเนียม  รอง ผกก.(ป.) สภ.เมืองฯ, พ.ต.ท.สุทธิพงษ์   อ่อนละออ สวป.สภ.เมืองฯ, พ.ต.ต.อนุชา  จิตนิยม  สวป.สภ.เมืองฯ,พ.ต.ต.เอกราช  มาละวรรณโณ  สวป.สภ.เมืองฯ, พ.ต.ต.ศุภฤกษ์  ตรีเจตน์ สวป.สภ.เมืองฯ  ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.กฤษดา พูลมาก  รอง สวป.ฯ พร้อมกำลังสายตรวจ จยย.ชุด 4 ตั้งจุดตรวจป้องกันการโจรกรรม อาชญากรรม บริเวณทางแยกต่างระดับหน้าค่ายลูกเสือได้พบวัยรุ่นต้องสงสัยท่าทางมีพิรุทขับ จยย.ผ่านมาจึงเรียกตรวจค้นพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ก่อนนำตัวมาสอบสวน
ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นาย บุรินทร์ บุญนิ่ม อายุ 23 ปี ที่อยู่  46/2 ม.6 ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
พร้อมด้วยของกลาง  1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เม็ดสีส้ม  ลักษณะกลมแบนด้านหนึ่งมีอักษรคล้าย  WY กำกับอยู่ จำนวน 50 เม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบมีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 1 ถุง และ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เม็ดสีส้ม ลักษณะกลมแบนด้านหนึ่งมีอักษรคล้าย WY กำกับอยู่ ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบมีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 80 เม็ด จำนวน 1 ถุง ซึ่งทั้งสองถุงบรรจุรวมอยู่ในขวดพลาสติกสีขาว รวมทั้งหมดจำนวน 130 เม็ด
โดยกล่าวหาว่า   มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดี.
สถานที่จับกุม  บริเวณ หน้าค่ายลูกเสือ    ถ.เศรษฐกิจ   ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร.

เงาพญาราหู รายงาน

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

เพลิงไหม้ห้องเก็บสีขณะเชื่อมอุปกรณ์..

เมื่อวันที่ 26 เ.มย. 60 เวลา ประมาณ 09.30 น. ร.ต.ต.อดิศัย อังศุถวิล รอง สวป.หน.สายตรวจ สภ.ย่อยบางน้ำจืด  พร้อมกำลังลงพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ด้านหลังอาคารพาณิชย์  เลขที่  20/16   ม.6  ต.คอกกระบือ  อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร  (แฟกตอรี่เฮ้าส์)  ต่อเติมด้านหลังอาคาร  ทำเป็นห้องพ่นสี และเก็บอุปกรณ์รถ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากการ สอบถามได้ความว่าสาหตุเกิดจาก การซ่อมบำรุง เชื่อมอาคารต่อเติมด้านหลัง  แล้วสะเก็ดไฟ  ตกลงมาถูกอุปกรณ์พ่นสี  เกิดเพลิงลุกไหม้  เจ้าของ  นายอนุสรณ์   พรประภา 63  ม.5  ต.กุดชุมแสง  อ.หนองบัวแดง  จ.ชัยภูมิ   ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.จำนงค์  เนยขำ ร้อยเวร สภ.ย่อยบางน้ำจืด ได้เข้าสอบสวนที่เกิดเหตุประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ

เงาพญารา รายงาน





กิจกรรมโครงการ Big Cl eaning Day


กิจกรรมโครงการ Big Cl eaning Day

เมื่อ 26 เม.ย.60 เวลา13.30 น. นายประภัสสร์  มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายอำพล  อังคภากรณ์กุลรอง ผวจ. นายประสิทธ์ วงษ์ท่าเรือ รอง ผวจ. พ..อ.เกรียงชัย  สุวรรณทัต รอง ผอ.รมน.จังหวัดสมุทรสาคร(ท.) พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น  ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ จังหวัดสมุทรสาคร เปิดกิจกรรมโครงการ Big Cl eaning Day ณ ลานจอดรถ ห้างเทสโก้โลตัส สาขาถนนพระราม 2 โดยมีการปล่อยแถวขบวนรถทำความสะอาดถนนพระราม 2 ตลอดระยะทาง 50 กม.ในเส้นทางที่ผ่านพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 200 คน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคมและกิจการพหุวัฒนธรรม เครือรัฐออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมคารวะ..

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคมและกิจการพหุวัฒนธรรม เครือรัฐออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก อนุพงษ์  เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมหารือร่วมกันด้านความช่วยเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบจากเมียนมา
  26 เม.ย.60  เวลา 14.00 น. ที่ห้องรับรองกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้การต้อนรับ นายเซด เซเซลจา (Senator the Hon Zed Seselja) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคมและกิจการพหุวัฒนธรรม เครือรัฐออสเตรเลีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และหารือในประเด็นความร่วมมือด้านการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบจากเมียนมา ระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียและรัฐบาลไทย
     โอกาสนี้ นายเซด เซเซลจา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคมและกิจการพหุวัฒนธรรม เครือรัฐออสเตรเลีย ได้ชื่นชมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความช่วยเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบจากเมียนมา จะเห็นได้จากการที่ประเทศไทยร่วมมือกับข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) รวมทั้ง 15 องค์การกุศลเอกชน (NGOs) และหน่วยงานไทย ในการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบฯ ด้วยการจัดระเบียบ ควบคุมดูแลผู้หนีภัยจากการสู้รบ และควบคุมดูแล NGOs ในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือทั้งด้านการแจกจ่ายเครื่องอุปโภค-บริโภค การศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ การแพทย์/การสาธารณสุข และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการเตรียมความพร้อม และเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้หนีภัยจากการสู้รบฯด้วยการเสริมสร้างทักษะความชำนาญในด้านต่างๆ ตามความถนัด เสริมสร้างความรู้ทางวิชาชีพให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้หนีภัยจากการสู้รบ มีความรู้ ความสามารถพิเศษติดตัวเมื่อเดินทางกลับมาตุภูมิ หรือไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สาม ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยร่วมกับ UNHCR และ IOM จัดส่งผู้หนีภัยจากการสู้รบฯ เดินทางไปตั้งถิ่นฐานในเครือรัฐออสเตรเลียแล้วส่วนหนึ่ง พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณกระทรวงมหาดไทยที่ได้ให้การสนับสนุนผู้แทนรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียในการลงตรวจเยี่ยมพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
     ด้านพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ นายเซด เซเซลจา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคมและกิจการพหุวัฒนธรรม เครือรัฐออสเตรเลียที่ได้มาเยือนกระทรวงมหาดไทย และกล่าวว่า ประเทศไทยมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศิลปวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียม ประเพณี เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่มีคนอยู่รวมกันในหลายเชื้อชาติที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความรักและสามัคคี ดังจะเห็นได้จากเนื้อร้องเพลงชาติไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องบุคคลไร้สัญชาติ ซึ่งได้มีการปรับปรุงกฎหมายสัญชาติ และให้สัญชาติแก่บุคคลที่มีสิทธิในสัญชาติไทย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นการดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม และสามารถเป็นแบบอย่างให้กับนานาประเทศได้
     สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีของทั้งสองประเทศที่มีต่อกัน และพร้อมสนับสนุนให้มีการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยจากการสู้รบในอนาคตต่อไป 


ตร.ปส.รวบยกแก๊ง เอริ๊กหรือจ่าปู บ้านลาดพร้อมของกลางยาบ้า 60,000 เม็ด

 ตร.ปส.รวบยกแก๊ง เอริ๊กหรือจ่าปู บ้านลาดพร้อมของกลางยาบ้า 60,000 เม็ด
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 26 เม.ย.60 พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ปส.4 พ.ต.อ.วัชระ ทิพย์มงคล พ.ต.อ.อานันทพงศ์ เชิดเกียรติกุล รอง ผบก.ปส.4 พ.ต.อ.ยุทธนา พฤกษารุ่งเรือง ผกก.1 บก.ปส.4 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 คน นายอภิวัฒน์ หรือเอริ๊ก ชะเอมน้อย อายุ 34 ปีอยู่บ้านเลขที่ 105 ม.4 ต.ถ้ำรงค์ อ.บ้านลาด จว.เพชรบุรี นายบรรพจน์ หรือพจน์ ศรีจันทร์ อายุ 41 ปีอยู่บ้านเลขที่ 131/1 ม.3 ต.ปึกเตียน อ.ท่ายาง จว.เพชรบุรี นายมานะ หรือนะ บัวสุวรรณ อายุ 40 ปีอยู่บ้านเลขที่ 146 หมู่ 12  ต.ดอนยาง อ.เมืองเพชรบุรี จว.เพชรบุรีพร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 30 มัดรวมประมาณ 60,000 เม็ดโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่องรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าสีแดงหมายเลขทะเบียน ขงธ 553  เพชบุรีจำนวน 1 คัน อาวุธปืน Remington ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอกหมายเลขทะเบียน อ.บ.1/10508 เครื่องกระสุนปืนขนาด.45 มม.จำนวน 7 นัดบรรจุอยู่ในซองบรรจุกระสุนปืนจำนวน 1 ซอง ซองพกอ่อน จำนวน 1 ซองรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้าสีขาวหมายเลขทะเบียน กฉ 8184 เพชรบุรี จำนวน 1 คัน
       พ.ต.อ.วัชระ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดของนายอภิวัฒน์ต้องการจำหน่ายยาบ้าจำนวน 30 มัด (รวม 60,000 เม็ด)ในราคามัดละ100,000 บาทรวมทั้งหมดเป็นเงิน 3,00,000 บาทจึงได้ให้สายลับพร้อมเจ้าหน้าที่อำพรางทำการติดต่อล่อซื้อและนัดดูเงินส่งมอบกันในพื้นที่ จว.เพชรบุรีโดยนายอภิวัฒน์ได้นัดหมายให้สายลับมาพบที่บริเวณร้านกาแฟแบล็คแคนย่อนภายในปั้มน้ำมัน ปตท.บางเค็ม ต.ห้วยโรง อ.เขาย้อย จว.เพชรบุรีจึงวางแผนพร้อมวางกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอำพรางตัวอยู่ภายในบริเวณใกล้เคียงจุดนัดหมายจนกระทั่งถึงเวลานัดนายอภิวัฒน์ ได้เดินเข้ามาพบสายลับและและเจ้าหน้าที่อำพรางได้พานายอภิวัฒน์ ไปดูเงินที่รถซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถบริเวณหน้าร้านแบล็คแคนย่อนเมื่อดูเงินเป็นที่พอใจแล้วนายอภิวัฒน์ได้แจ้งให้ขับรถยนต์ไปจอดคอยที่บริเวณริมถนนตรงสะพานยกระดับสาย 2 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จว.เพชรบุรีเมื่อเดินทางไปถึงจุดนัดหมายนายบรรพจน์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาพร้อมกับนายมานะได้เปิดประตูรถของเจ้าหน้าที่อำพรางและเข้ามานั่งและได้พาไปจุดที่ได้วางยาบ้าไว้ซึ่งอยู่ตรงที่ถังขยะใกล้สะพานยกระดับสาย 2 โดยนายบรรพจน์ ได้ขับรถจักรยานยนต์นำหน้าเจ้าหน้าที่อำพรางไปเมื่อถึงจุดที่วางยาบ้าได้เปิดประตูรถยน์เดินลงไปหยิบยาบ้าจำนวน 30 มัดตามที่นายมานะบอกตรวจสอบพบว่าเป็นยาบ้า เจ้าหน้าที่อำพรางจึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมนายมานะและนายบรรพจน์ ได้พยายามต่อสู้ขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บขณะเข้าจับกุมจำนวน 3 นาย(ด.ต.สหัส เกี้ยงบางยาง,ส.ต.ท.ณัฐวุฒิ จันทะวงศ์และส.ต.ท.นุวัต เขียนโกลา)  จากการสอบสวนนายอภิวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าเป็นของนายกิตติ ได้ให้ตนเองมาดูเงินโดยตนเองจะได้ค่าจ้างเป็นเงิน 60,000 – 70,000 บาท เมื่อทำงานเสร็จแล้วส่วนนายบรรพจน์และนายมานะจะทำหน้าที่ไปรับของ-ส่งของ

พ.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่าขณะนี้ได้ทำการสืบสวนขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการพร้อมตรวจสอบยึดอายัดทรัพย์สินตามพรบ.มาตรการของกลุ่มนายอภิวัฒน์ในเบื้องต้น มีฟาร์มวัวชน วัวชนจำนวน 3 ตัว สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆทองรูปพรรณอื่นอีกหลายรายการมูลค่ากว่า 2 ล้าน โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา 2 เพิ่มเติมว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในทางไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทาง สาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็น และไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาที่ 2 และ3 ว่าต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ ”  จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง  พนักงานสอบสวน.บก.ปส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สืบโคกขามเปิดยุทธการ"ล่อปลาเข้าไซ" จับเครือข่ายยาบ้านไร่.

สืบโคกขามเปิดยุทธการ"ล่อปลาเข้าไซ" จับเครือข่ายยาบ้านไร่.
. เมื่อวันที่ 26 เม.ย.60 เวลาประมาณ 02.50น. ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.พงศธร ศรีเปลี่ยนจันทร์ ผกก.สภ.โคกขาม,พ.ต.ท.สมชาย ขอค้า รอง ผกก.สส.สภ.โคกขาม ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.เฉลิม บุญชู,พ.ต.ตบุญเสริม สีสุข,ร.ต.อ.อานนท์ ทิพย์วรรณ์,ร.ต.ท.สุนันท์ เรืองเที่ยง,ด.ต.ราชันย์ โสบุญมา,ด.ต.ขวัญชัย อยู่เป็นสุข,ด.ต.ธนาชัย พาธรรม,จ.ส.ต.สุชาติ เบ็ญพาด,จ.ส.ต.สุรจิตร์ ตู้แก้ว จ.ส.ต.ยุทธิชัย ปานดอนลาน,ส.ต.ท.วัฒนา บริบูรณ์สามัคคี ส.ต.ต.เจตนิพัทธ์ วิเวกวรรณ์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายไชยราชหรือโอเล่ ภาแกดำ อายุ 33ปี บ้านเลขที่ 88 ม.5 ต.แกดำ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) จำนวน 20เม็ด โดยกล่าวหาว่า"มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย"เหตุเกิดบริเวณริมถนนวัดพันท้ายฯ-วัดบ้านไร่ ม.5 ต.พันท้ายฯ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร.... รายที่สองเมื่อเวลา 03.00 น.ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายธีรภาพหรือหนุ่ม  อายุ 36ปี บ้านเลขที่ 111/168 ม.6 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) จำนวน 50 เม็ด โดยกล่าวหาว่า"มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย"เหตุเกิดบริเวณตลาดป้าคี ม.6 ต.พันท้ายฯ อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร.... รายที่สาม..เมื่อเวลา 04.00 น. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายกฤษติกร หรือเป็ดหรือปอนด์ อายุ 21 ปี พร้อมด้วยของกลาง  1.ยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)จำนวน 240เม็ด      2.ยาไอซ์ 44.80 กรัม(น้ำหนักรวมถุง)  3.จยย.ฮอนด้า สกู๊ปปี้-ไอ ทะเบียน สขง 951 กทม. จำนวน1คัน          4.โทรศัพท์มือถือซัมซุง รุ่น เจ1 จำนวน1เครื่องโดยกล่าวหาว่า"มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้าและยาไอซ์)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย"เหตุเกิดบริเวณสวนสาธารณะหมู่บ้านวิเศษสุข เฟส1    ม.6 ต.พ้นท้ายฯ อ.เมือง จ.สมุทรสาครนำส่ง พงส.สภ.โคกขาม เพื่อดำเนินคดี.

เงาพญาราหู รายงาน

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560

พิธีเททอง วัดป้อมวิเชียรโชติการาม พระอารามหลวง

พิธีเททอง วัดป้อมวิเชียรโชติการาม พระอารามหลวง


วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560

รัว 9 มม.ยิงคู่อริดับขณะขับจยย.เข้าบ้าน หน้าจิตรจ๋า รถยก

..เมื่อเวลา 03.20 น.วันที่ 15 เม.ย.60 เจ้าหน้าที่ ศูนย์วิทยุนรสิงห์ รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุและเสียชีวิตบนถนนคู่ขนานพระราม 2 ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ใก้ลทางเข้า "จิตรจ๋า" รถยก จึงวิทยุแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจชุด 2 ไปตรวจสอบพบผู้เสียชิวิตถูกยิงจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบต่อมา ร.ต.อ.เลิศชาย ขำพิทักษ์ ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจิตรภณ หรือเต้ย นิลเภตรา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 948/13 ถ.ธนบุรี-ปากท่อ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้น คอกลม สีดำ สวมกางเกงขายาว ผ้ายืดรัดข้อเท้า สีน้ำตาล เมื่อพลิกดูพบว่าผู้ตายถูกยิงที่หน้าท้อง 2 นัด สะบักขวา 1นัด ใต้ท้องแขนขวาอีก 1 นัด รวม 4 นัด ใก้ลกันมีรถจักรยานยนต์ HONDA รุ่น SCOOPY สีขาว หมายเลขทะเบียน 1กก 4382 สมุทรสาคร  ใก้ลจุดที่รถจักรยานยนต์ ล้มคว่ำพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 2 ปลอก และห่างออกไปพบอีก 2 ปลอก  จึงลงทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาประกอบด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบก.พ.ต.อ.ธงชัย เนตรสขาวัฒน์ ผกก.สส.พ.ต.ท.พีระ อัศวพิบูลย์ผล สว.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.สุรพรรณ นาทวรทัต ผกก.พ.ต.ท.สถิตย์ คงเนียม รอง ผกก.ป.พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก รอง ผกก.สส. และพ.ต.ท.สุทธิพงษ์ อ่อนละออ สวป. สภ.เมืองสมุทรสาคร ทราบก่อนมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร รับไปดำเนินการ
    หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก รอง ผกก.สส.ได้ทำการสอบถาม นายชุติพงศ์ หุ่นนอก อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184/3 หมู่ที่ 4 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อนของผู้ตายที่มาด้วยกันได้ความว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปเที่ยวงานสงกรานต์ดูคอนเสริท์ตที่ ปอโต้ชิโน่ ก่อนกลับมาตอน 23.30 น.วันที่ 14 เม.ย.60 แล้วมานั่งเล่นกับเพื่อน 5-6 คน หน้าเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ก่อนแยกย้ายตอน 03.00 น. โดยผู้ตายได้ขับรถจักรยานยนต์ชวนตนนั่งซ้อนไปนอนที่บ้านในซอย จิตรจ๋า รถยก แล้วผู้ตายได้ขับรถออกจากบ้านมาเพียงไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงปืนดัง 4-5 นัด จึงวิ่งออกมาดูก็พบ นายจิตรภณ หรือเต้ย เพื่อนถูกยิงตายนอยู่บนถนนปากทางออก จิตรจ๋า และเห็นรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขับไปทางตลาดกุ้ง ขาเข้ากรุงเทพฯ
    เบื้องต้นทราบว่า นายจิตรภณ หรือเต้ย นิลเภตรา ผู้ตายทำงานที่ แพกุ้งเจ้เฮียง ตลาดทะเลไทย เก็บตัวเงียบชอบเล่นเฟรส ชอบแซวหญิง โพสต์รูปโปรไฟล์ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 เม.ย.60 เวลา20.53 น.
  ส่วนสาเหตุคาดว่าผู้ตายอาจเขม่นกับวัยรุ่นที่เป็นคู่อริกันมาก่อนระหว่างเที่ยวงานที่ ปอโต้ชิโน หรือในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ก่อนตามมายิงจนเสียชีวิตซึ่งทางฝ่ายสืบสวนจะได้ตรวจสอบตามเส้นทางจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป.

 เงาพญาราหู รายงาน



วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560

สมาคมท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน เปิดงานเทศกาลสงกรานต์ สืบสานประเพณีไทย เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของประเพณีสงกรานต์

 สมาคมท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน เปิดงานเทศกาลสงกรานต์ สืบสานประเพณีไทย เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของประเพณีสงกรานต์
วันที่ 12 เมษายน 2560 ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นชี้ผึ้งไทย อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงานเทศกาลสงกรานต์สืบสานประเพณีไทย โดยมีนายสุธี ศรีเบญจโชติ ประธานกรรมการพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินอาวุโส สื่อมวลชน และประชาชนร่วมพิธีเปิดงาน
ดร.สุธีรา ศรีเบญจโชติ นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า สมาคมท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐม เป็นสมาคมที่ตั้งอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ซึ่งเป็นสถาบันส่งเสริมศิลปะที่สร้างสรรค์งานประติมากรรมระดับโลก จึงได้ร่วมกับวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุพรรณบุรี สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครปฐม สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกันจัดงานเทศกาลสงกรานต์สืบสานประเพณีไทย ระหว่างวันที่ 12-17 เมษายน 2560 ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นคุณค่า ความสำคัญและเข้าใจถึงประเพณีไทยที่ถูกต้อง รวมทั้งร่วมใจกันอนุรักษ์และสืบสานประเพณีสงกรานต์ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชน อันเกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การสาธิตศิลปวัฒนธรรมไทย อาหารและขนมไทย การประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากภูมิปัญญาท้องถิ่น การบรรเลงดนตรีไทย การแสดงดนตรีพื้นบ้านอีสานโปงลาง ดนตรีลูกทุ่ง ดนตรีลูกกรุงเริงสงกรานต์ กิจกรรมเพลงดนตรีกวีศิลป์ การสรงน้ำพระพุทธรูป การรดน้ำขอพรศิลปินแห่งชาติสาขาต่างๆ และศิลปินอาวุโส ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิม และร่วมสนับสนุนงานของชุมชน อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ที่ดีงามและได้รับสิ่งที่มีคุณค่าจากการเข้าชมงานมากที่สุด รวมทั้งได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนที่จัดขึ้นภายในบริเวณงานอีกด้วย


รดน้ำขอพรผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร



 งานรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ไทยแด่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดขึ้นจวนผู้ว่า หลังสนามกีฬาจังหวัด โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วน มาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งก่อนจะเริ่มพิธีการก็มีการเลี้ยงอาหาร โดยมีหลายหน่วยงานนำอาหารทั้งคาวหวานมาร่วมเลี้ยงให้กับแขกทุกคนที่มา 
  เมื่อ 12 เมษยน เวลา 13.00 น. นายอำพล อังคภากรณ์กุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นตัวแทนกล่าว  ขอบคุณท่านผู้ว่าที่ได้ทำงานบริหารจังหวัดให้เกิดความสงบสุข โครงการต่างๆบรรลุผลตามเป้าหมาย และพูดถึงความสำคัญของงานในวันนี้ ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีที่ดีงาม และการรดน้ำขอพรก็เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
   ซึ่งทางนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมาพร้อมกับนางรวงทอง มาลากาญจน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ อวยพรให้ทุกคนมีแต่ความสุข และขอให้ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามนี้เอาไว้    หลังจากนั้นทุกคนก็ได้ขึ้นสรงน้ำแด่พระพุทธรูป และรดน้ำขอพรให้กับผู้ว่าและนายกเหล่ากาชาด หลังจากนั้นหลายๆคนก็ไปขอรดน้ำจากหัวหน้าส่วนและผู้ที่เคารพนับถือ ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างชื่นมื่น สนุกสนาน เป็นโอกาสที่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานได้มาพบปะ พูดคุย และอวยพรให้แก่กันและกัน





วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2560

การประชุมคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง

การประชุมคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง
    ด้วยคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองได้เรียนเชิญอธิบดีกรมการปกครองเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลและความเห็นเกี่ยวกับบทบัญญัติของกฎหมายในเรื่องการเข้าสู่ตำแหน่งและระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของกำนันผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่อดีตจน ถึงปัจจุบันในประเด็นต่างๆเพื่อพิจารณาข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พุทธศักราช ๒๔๕๗ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในวันอังคารที่แปดพฤศจิกายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๓.๓๐น. ณห้องประชุมคณะกรรมาธิการหมายเลข ๒๒๐ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๒ ในการนี้กรรมการปกครองได้มอบให้นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองอธิบดีกรมปกครองเข้าร่วมประชุมแทน ในที่ประชุมโดยนายเสรีสุวรรณภานนท์ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ได้ให้กรมการปกครองร่วมให้ข้อมูลและความเห็นในประเด็นดังนี้
๑.ประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งกำนันผู้ใหญ่บ้านจนครบอายุ ๖๐ปี
     นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองอธิบดีกรมการปกครองได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่พุทธศักราช ๒๔๕๗ ได้กำหนดให้กำนันผู้ใหญ่บ้านมีวาระดำรงตำแหน่ง๖๐ ปีมาโดยตลอดและได้เปลี่ยนเป็นวาระ ๕ ปีเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อมาปีพ.ศ. ๒๕๕๑ ได้มีการแก้ไขวาระเป็น ๖๐ ปีเช่นเดิมเนื่องจากการปกครองท้องที่ออกแบบให้ หมู่บ้านตำบลเป็นกลไกของรัฐที่ทุกกระทรวงทบวงกรมสามารถมาใช้กำนันผู้ใหญ่บ้านจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีหน้าที่หลักคือเป็นผู้ช่วยเหลือนายอำเภอและรักษาความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งแตกต่างจากการปกครองท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่ในการ พัฒนาและจัดหาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทั้งได้มีการแก้ไขบทบาทอำนาจหน้าที่ของกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ชัดเจนขึ้นและแตกต่างจากท้องถิ่น    จากข้อเท็จจริงในอำเภอเกาะสมุยในขณะนี้ไม่มีกำนันผู้ใหญ่บ้านปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือในอำเภอซึ่งเป็นผลมาจากกฎหมายว่าด้วยเทศบาลทำให้เกิดปัญหาเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และในการทำประชามติที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้กำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญดังนั้นการที่จะแก้ไขกฎหมายให้กำนันผู้ใหญ่บ้านมีวาระ ๕ ปีเห็นว่ายังไม่เหมาะสมเพราะกำนันผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอยู่มากมายอาทิ หน้าที่เกี่ยวกับด้านความอาญา
การไกลเกียร์ข้อพิพาท การทำหน้าที่แทนกระทรวงทบวงกรมต่างๆในพื้นที่ตำบลหมู่บ้าน กำนันผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจหน้าที่เหมือนนายอำเภอเนื่องจากกฎหมายบัญญัติให้ทำหน้าที่ช่วยเหลือในอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้านจะไม่มีBlack Office คือไม่มีงบประมาณไม่มีสำนักงานไม่มีผู้ช่วยปฏิบัติหน้าที่เหมือนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากให้มีวาร๕ ปีจะไปยุ่งเกี่ยวกับการหาเสียงไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาไม่เกิดการสังคมประสบการณ์และความชำนาญ  ผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานคณะกรรมการหมู่บ้านโดยตำแหน่งที่สามารถจะแต่งตั้ง คณะทำงานด้านต่างๆเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลเช่นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ(หมู่บ้านละ สองแสน) และการ จัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้านจากภาระหน้าที่ที่มีอยู่มากมายจึงมีความเห็นว่าควรให้กำนันผู้ใหญ่บ้านมีวาระดำรงตำแหน่ง ๖๐ ปีเพื่อให้เกิดประสบการณ์และทักษะทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาการอยู่นานซึ่งทำให้เกิดการสร้างสมอิทธิพลกระทรวงมหาดไทยจึงได้กำหนดมาตรการในการควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของ กำนันผู้ใหญ่บ้านไว้อย่างเคร่งครัดเช่นการดำเนินการทางวินัยกับกำนันผู้ใหญ่บ้านเหมือนเช่นข้าราชการการถอดถอนออกจากตำแหน่งหากประพฤติตนไม่เหมาะสมหรือบกพร่องในหน้าที่นอกจากนี้กำนันผู้ใหญ่บ้านจะถูกประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ทุก ๔ ปีหากไม่ผ่านการประเมินจะต้องถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งในทันที

   ๒.ประเด็นวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน กรมการปกครองเห็นด้วยกับการให้ประชาชนมีส่วนในการเป็นผู้เลือกกำนันโดยตรง เพื่อให้การพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่พุทธศักราช ๒๔๕๗ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวาระดำรงตำแหน่งของกำนันผู้ใหญ่บ้านและวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งกำนันของสภาขับเพื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นไปอย่างเหมาะสมกับข้อเท็จจริงและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดกรมการปกครองขอยืนยันว่า กำนันผู้ใหญ่บ้านควรมีวาระการดำรงตำแหน่งจน อายุครบ๖๐ ปีเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของกำนันผู้ใหญ่บ้านเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดโดยให้ประชาชนมีส่วนในการเลือกกำนันโดยตรง

รดน้ำขอพรผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เนื่องในประเพณีวันสงกรานต์ปี 2560




     รดน้ำขอพรผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เนื่องในประเพณีวันสงกรานต์ปี 2560
ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ พร้อมด้วยประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม ร่วมรดน้ำขอพรผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเหล่ากาชาดจังหวัด เนื่องในประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2560
วันที่ 11 เมษายน 2560 ที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้มีการจัดกิจกรรมรดน้ำขอพรนายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และนางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม เนื่องในประเพณีวันสงกรานต์ประจำปี 2560 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐภาคเอกชน และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม ร่วมสรงน้ำพระ พร้อมรดน้ำขอพรผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐมเป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนานรื่นเริง
          นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่มาร่วมรดน้ำขอพรในครั้งนี้ รวมทั้งขอให้ร่วมกันรณรงค์และอนุรักษ์การเล่นน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามประเพณีของไทย พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในจังหวัดนครปฐมคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำหรับผู้ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ขอให้ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ เป็นเทศกาลแห่งความสุขของชาวจังหวัดนครปฐม และชาวไทยทุกคน