pearleus

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

"แอมเวย์"ทุ่มทุนทำวิจัยรับการเติบโต ใช้ High-tech-High-touch อำนวยความสะดวกธุรกิจง่ายขึ้น

(จากซ้าย) ชุมพฤนท์ ยุระยง กิจธวัช ฤทธีราวี รศ.ดร. ธนพล วีราสา

 แอมเวย์ยืนยันธุรกิจแอมเวย์อนาคตสดใส ลงทุนทำวิจัยทั่วโลกเพื่อค้นหาแนวโน้มความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจของผู้คน 45 ประเทศ ย้ำแนวคิดธุรกิจแอมเวย์สอดรับกับแนวโน้มของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะคนไทยที่มีศักยภาพสูงที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง เตรียมแผนรุกหนัก หวังเพิ่มจำนวนนักธุรกิจแอมเวย์ที่ประสบความสำเร็จให้โตเป็นสองเท่าใน 7 ปีข้างหน้า เดินไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อประสานความไฮเทค (High-tech) กับไฮทัช (High-touch) ในการอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกิจแอมเวย์ง่ายขึ้น

คุณกิจธวัช ฤทธีราวี บจก.แอมเวย์
 นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง ซึ่งสอดรับกับแนวคิดธุรกิจแอมเวย์ในการสร้างอาชีพให้ผู้คนได้มีธุรกิจเป็นของตนเอง ด้วยการลงทุนต่ำ ความเสี่ยงน้อย และมีการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง แอมเวย์จึงมั่นใจในอนาคตของธุรกิจแอมเวย์ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมสามารถผลักดันให้คนไทยที่ยึด ‘นักธุรกิจแอมเวย์’ เป็นอาชีพ ไม่ว่าจะอาชีพหลักหรือเพียงรายได้เสริม ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและเพิ่มจำนวนผู้ประสบความสำเร็จเป็น
สองเท่าใน 7 ปีข้างหน้านี้

 โดยระบุว่า แอมเวย์ยังได้ลงทุนครั้งใหญ่ทำวิจัยใน 45 ประเทศทั่วโลก เพื่อค้นหา ‘ความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs’ ซึ่งผลสำรวจนี้สนับสนุนความคิดของเราได้เป็นอย่างดีว่า คนไทยมีทัศนคติที่ดีต่อการเป็นเจ้าของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าตนเองมีศักยภาพมากพอที่จะเริ่มต้นธุรกิจ SMEs ได้สูงถึง 77% การวัดความพร้อมในการเริ่มต้นธุรกิจนั้น เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะที่แอมเวย์ได้พัฒนาขึ้นมา มีข้อกำหนด 3 มิติ ได้แก่ 1) ความต้องการที่จะเริ่มธุรกิจอย่างจริงจัง 2) ความพร้อมที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ และ 3) ความอดทนต่อแรงกดดันในการเริ่มธุรกิจ

 นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เอื้อต่อการเริ่มต้นธุรกิจ รวมทั้งแนวโน้มมุมมองที่มีต่อการใช้ชีวิตและวิถีการทำงาน ทำให้ผู้คนมีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพื่อได้ใช้ชีวิตในรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่ตนเองต้องการ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำให้ธุรกิจเครือข่ายเป็นอาชีพทางเลือกที่มีโอกาสเติบโตสูงมาก     แอมเวย์จึงได้นำจุดเด่นนี้มาประกอบกับเทคโนโลยีที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเดินไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อประสานความไฮเทค (High-tech) กับไฮทัช (High-touch) ในการอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกิจแอมเวย์ง่ายขึ้น และทำได้ทุกที่ทุกเวลา จึงเชื่อมั่นว่า ด้วยแนวทางนี้จะทำให้ธุรกิจแอมเวย์เติบโตตามที่ตั้งเป้าไว้

 ผศ.ดร. ธนพล วีราสา อาจารย์ประจำสาขาภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “คนไทยและคนเอเชียมีความต้องการที่จะเริ่มทำธุรกิจสูงกว่านานาชาติ โดยมองว่าทัศนคติเชิงบวกในการเริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจของคนไทยที่อายุน้อยกว่า 35 ปีหรือคนรุ่นใหม่นั้น น่าจะเกิดจากการยอมรับและปรับใช้นโยบายของรัฐบาล หรือไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งรัฐบาลต้องการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม โดยเน้นการลงทุนที่จะทำให้องค์กรมีการเติบโต สามารถสร้างประโยชน์ได้สูง ทั้งรัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมอีกมาก เช่น เงินทุนสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพโดยธนาคารของรัฐ มีการให้ทุนจากองค์กรเอกชนต่างชาติ สิทธิประโยชน์ด้านภาษีกลุ่ม SMEs และโครงการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพประเทศไทย เป็นต้น”

 “ผมว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าจับตามองเช่นกัน เนื่องจากผลวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าคนไทยมีความเชื่อในศักยภาพการเป็นเจ้าของธุรกิจค่อนข้างสูงกว่านานาชาติแล้ว คนไทยยังมีการนำโซเชียลเน็ทเวิร์คมาใช้ในชีวิต ประจำวันค่อนข้างมาก จึงทำให้ธุรกิจเครือข่ายที่อาศัยการติดต่อพุดคุยสามารถทำได้ในกลุ่มที่กว้างขวางยิ่งขึ้นและเร็วขึ้น รวมทั้งมีโอกาสเติบโตสูงตามแนวโน้มในอนาคต” ผศ.ดร. ธนพล กล่าว

หลังทดลองเปิดศูนย์บริการ8จว.ภาคเหนือเวิร์ค ซัมมิท แคปปิตอล เดินหน้ากลยุทธ์ Becoming Number 1 มั่นใจตลาดรถจักรยานยนต์เติบโตสูง

นายวิชิต พยุหนาวีชัย 
 บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ BECOMING Number 1 ก้าวสู่ผู้นำตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยภายในปี 2561 ล่าสุดขยายธุรกิจสู่ภาคเหนือด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดรถจักรยานยนต์ในภูมิภาค หลังจากเปิดศูนย์บริการอย่างไม่เป็นทางการใน 8 จังหวัด พิษณุโลก นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และเพชรบูรณ์ มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 แล้วได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้าและพันธมิตร ดีลเลอร์ ตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในภาคเหนืออย่างน้อย 230 ล้านบาทภายในปี 2560

 นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ณ เดือนธันวาคม 2559 พบว่าจำนวนรถจักรยานยนต์ใหม่ที่จดทะเบียนในภาคเหนือปี 2559 เทียบกับปี 2558 สูงขึ้นร้อยละ 1.5 บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการขยายพื้นที่ให้บริการในภาคเหนือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Becoming number 1 ที่มีเป้าหมายเป็นผู้นำอันดับ 1 สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในปี 2561 ด้วยการขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยตั้งเป้า 65 จังหวัด  ในปี 2560
  พร้อมระบุว่า เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการอย่างไม่เป็นทางการใน 8 จังหวัดภาคเหนือดังกล่าว และได้รับการตอบรับที่ดีจากร้านค้าพันธมิตรดีลเลอร์มากถึง 150 ร้านค้า ปัจจุบันบริษัทฯ อนุมัติสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มากกว่า 1,270 สัญญา ด้วยยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่มากกว่า 64 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 9 เดือน  
   ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซัมมิทฯ กล่าวด้วยว่า  จากการให้บริการที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าในภาคเหนือของบริษัทส่วนใหญ่เป็นพนักงานประจำในโรงงานอุตสาหกรรม และข้าราชการร้อยละ40 พ่อค้าแม่ค้าร้อยละ40 และเกษตรกรร้อยละ 20 รถจักรยานยนต์ที่ลูกค้านิยมมีขนาดไม่เกิน 300 ซีซี เนื่องจากใช้ในการเดินทางและประกอบอาชีพเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 12,000 บาท  "สำหรับสาเหตุที่การตอบรับดี ผมว่าคงมาจากข้อเสนออัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงมากคือประมาณ 1.59% - 1.99% ต่อเดือนระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 36 งวด และอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่สามารถผลักดันให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จคือ ความรวดเร็ว และประสิทธิภาพทำให้เราได้รับความไว้วางใจ" นายวิชิต กล่าวและว่าแนวโน้มความต้องการที่สูงขึ้นในภาคเหนือ ภายในสิ้นปี 2560 นี้บริษัทฯจึงตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในภาคเหนืออย่างน้อย 230 ล้านบาท หรือเฉลี่ยยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ 50,000-55,000 บาทต่อสัญญา เพิ่มจำนวนสัญญาอีกร้อยละ 150 วางแผนมีจำนวนร้านค้าพันธมิตรดีลเลอร์รวมอย่างน้อย 190 ราย ขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในภาคเหนือ พร้อมเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการในภาคเหนืออีก 35-40 คน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในภาคเหนือที่สูงขึ้น
  ทั้งนี้ยังเชื่อว่าเกิดจากนโยบาย “เข้าถึงและเข้าใจ” ตระหนักและให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตในพื้นที่นั้นๆ ด้วย เช่น การสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อร่วมรักษาโบราณสถานเก่าแก่ล้านนา พร้อมร่วมเดินตามรอยพระราชาด้วยการปลูกจิตสำนึกในการรักษาผืนป่าผ่านประเพณีบวชป่า ซึ่งเป็นประเพณีโบราณที่ทำสืบต่อกันมายาวนาน พร้อมร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มปริมาณผืนป่าที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้อีกด้วย







ซัมมิท แคปปิตอล เดินหน้ากลยุทธ์ BECOMING NUMBER 1 เปิดประตูสู่ตลาดภาคเหนือ


 วิชิต  พยุหนาวีชัย (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ร่วมด้วย มานิตย์  เกียรติวิทยาธร (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานขายและช่องทางการขายพร้อมทีมงานขายเขตภาคเหนือ แถลงข่าวเดินหน้ากลยุทธ์ BECOMING NUMBER 1  ขยายธุรกิจสู่ภาคเหนือ ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์   ในภูมิภาค หลังทดลองเปิดให้บริการแล้ว 8 จังหวัด ในภาคเหนือปรากฏได้ผลตอบรับดีเยี่ยม พร้อมตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในภาคเหนืออย่างน้อย 230 ล้านบาท ภายในปี 2560 ณ เวียงกุมกาม จ.เชียงใหม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ปราบปรามนอกเครื่องแบบเมืองมหาชัย จับสาวขายบริการ


ปราบปรามนอกเครื่องแบบเมืองมหาชัย จับสาวขายบริการ..นโยบายเร่งด่วน และสำคัญของรัฐบาลในการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจังในพื้นที่  จว.สมุทรสาคร ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภ7, พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.60 เวลา 13.00น. ภายใต้อำนวยการของ พ.ต.อ.สุระพรรณ นาทวรทัต ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.สถิตย์ คงเนียม รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร,พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ อ่อนละออ สวป.สภ.เมืองสมุทรสาคร

ได้สั่งการให้  ร.ต.อ.สมชาย จงใจรัก รองสวป.ฯ,ร.ต.อ.โสภาส ถนนทิพย์ รอง สวปฯ,ร.ต.ท.ธีระพจน์ ทองพูลดี รอง สวป.ฯ,ร.ต.ท.อาริทย์ วิวัฒน์อารีย์ รอง สว.(ป)ฯ,ร.ต.ต.ชาตรี กอบจิตติ รอง สว.(ป)ฯ
พร้อมด้วยชุดปราบปรามการค้ามนุษย์ สภ.เมืองสมุทรสาคร
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี จำนวน 1 ราย 3 คนดังนี้
1)น.ส.ศิริกัญญา เอี่ยะประเสร็ฐ อายุ 16ปี
2)นายนพดล เล็กประเสริฐ อายุ 54 ปี อาชีพ ขับจยย.รับจ้าง
โดยกล่าวหาว่า "เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อการอนาจาร หรือเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี(ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา9)"
3)น.ส.กาญจนา หงษ์จ้อน อายุ 32 ปี
โดยกล่าวว่า "เข้าไปมั่วสุมในสถานค้าประเวณีเพื่อประโยชน์ในการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น"
พร้อมด้วยของกลาง
1)โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง
2)รถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน
3)ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ1,000บาท 1ฉบับ ฉบับละ500บาท 5ฉบับ
เหตุเกิดโรงแรมนิวเฟรนด์ ถ.เอกชัย หมู่ที่1 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

เงาพญาราหู รายงาน





วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พิธีเปิดงานจุดชมวิวเขาแดง

เมื่อ  ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นายธีรพันธ์ นันทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดตัว แหล่งท่องเที่ยว จุดชมวิวเขาแดงจุดชมวิวเขาแดง ล่องเรือคลองเขาแดง หาดสามพระยา ณ.บ้านเขาแดง ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรี พร้อมด้วย นางอรสา อาวุธคม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  นายวารวิทย์ อุ่นจิตร พนักงานการตลาด 5 และ​สื่อมวลชนอีกมากมายร่วมพิชิตเขาแดงในครั้งนี้ด้วย

พิธีเปิดงาน“สร้างจิตสำนึกรักสามัคคี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์”

เมื่อ  23 กุมภาพันธ์ 2560 ที่อุทยานราชภักดิ์ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ และ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดงาน “สร้างจิตสำนึกรักสามัคคี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมาก เพื่อให้ข้าราชการ และประชาชนนักท่องเที่ยว ได้ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงมีต่อพสกนิกรและประเทศชาติ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีการแสดงเสียง สี เสียง การบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ประกอบจินตลีลาของเด็กนักเรียนและเสียงขลุ่ย จาก อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2559 สาขา ศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล) การแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต เอกลักษณ์ของชาวประจวบฯ งานเริ่มต้งแต่ 08.00 น. เข้าชมการแสดงได้ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป





โจรกรรมรถยนต์ " พ่อค้าป๊อบคอน" ตลาดนัดต้นสนมหาชัย..

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 25 ก.พ.60 นายจิรายุ  เสรีสำราญ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 488/84 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พ่อค้าขายข้าวโพด "ป๊อบคอน" ตลาดนัดต้นสนมหาชัย รถไฟอินเทรน ได้โทรศัพย์ 191 ศูนย์วิทยุสาคร แจ้งว่า รถยนต์ปิคอัพนิสสัน นาวาร่า ติดแก๊ส NGV สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ฒง 3002 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่หลังตู้คอนเทรนเน่อร์ โซนสุดท้าย ลานรับฝากในพื้นที่เอกชนโดยเสียเงิน 20 บาท (ไม่มีตั๋ว) ถ.คู่ขนานพระราม 2 ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไป
 ต่อมา พ.ต.ท.กิฤชัย อาชวสกุล สารวัตเวร  สภ.เมืองสมุทรสาครพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ อ่อนละออ สวป. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปจร.และสายตรวจหน่วยบริการประชาชนคลองครุ ได้เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุพบว่าบริเวณดังกล่าวไม่มีแสงไฟเป็นลานจอดรับฝากรถมีเอกชนเป็นเจ้าของจากการสอบถาม นายจิรายุฯผู้เสียหายให้การว่าตนและภรรยาได้ขับรถเข้ามาจอดตั้งแต่เวลา 12.00 น.เพื่อจัดร้านคั่วข้าวโพด"ป๊อบคอน"ขายจนกระทั่งเวลา 22.30 น.ได้เก็บร้านเพื่อกลับบ้านพบว่ารถถูกคนร้ายโจรกรรมไปแล้วโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปจร.จะได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่และตามเส้นทางเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
   อนึ่งภายในบริเวณตลาดนัดแห่งนี้มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของพ่อค้า แม่ค้าและคนที่มาเดินซื้อของหายเป็นประจำทั้งๆที่มีการรับฝากเก็บเงินแต่ไม่มีการฉีกบัตรอ้างว่าคนขายของไม่ต้องเวลารถหายจึงไม่มีการรับผิดชอบอะไรนี่คือปัญหาทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยาก.
  เงาพญาราหู รายงาน





วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กระทรวงมหาดไทยห่วงประชาชน หวั่นพายุฤดูร้อนสร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินสั่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบสภาพความมั่นคงแข็งแรง ของป้ายและอาคารบ้านเรือนทั่วประเทศ

        เมื่อ 25 ก.พ. 60 นายชยพล ธิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากในขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูร้อน มักจะเกิดพายุฤดูร้อนและพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ซึ่งอาจทำให้อาคารบ้านเรือน และป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ก่อสร้างโดยฝ่าฝืนกฎหมายหรือที่มีสภาพชำรุดล้มลงมาทำให้พี่น้องประชาชนได้รับบาดเจ็บ สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินได้
      เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ตรวจสอบความปลอดภัยของป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบและเข้มงวดในการพิจารณาอนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลงป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารอย่างเคร่งครัด เช่น ในกรณีที่ป้ายมีความสูงจากระดับฐานตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป นอกจากมีวิศวกรเป็นผู้คำนวณและรับรองความมั่นคงแข็งแรงแล้ว ยังต้องมีการตรวจสอบงานโดยวุฒิวิศวกรสาขาวิศวกรรมโยธาด้วย และหากพบป้ายที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงซึ่งฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ดำเนินการออกคำสั่งให้เจ้าของป้ายระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง และสั่งห้ามใช้ป้ายดังกล่าว  ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ต้องสั่งให้รื้อถอนทันที และสำหรับป้ายที่ได้รับอนุญาตแล้วแต่มีสภาพเก่า ชำรุด บกพร่องและไม่ปลอดภัย ต้องแจ้งเจ้าของป้ายดำเนินการแก้ไข หากไม่แก้ไขให้รื้อถอนป้ายดังกล่าวเช่นกัน
      สำหรับป้ายที่มีการติดตั้งบนพื้นดินที่มีความสูง 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป และป้ายที่ติดตั้งบนหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป เข้าข่ายเป็นอาคารที่ต้องตรวจสอบตามกฎหมาย หากป้ายดังกล่าวได้ก่อสร้างมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี เจ้าของป้ายต้องจัดหาผู้ตรวจสอบที่ขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการควบคุมอาคารมาตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและระบบอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วต้องส่งรายงานผลการตรวจสอบให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นพิจารณาออกใบรับรองการตรวจสอบ
      รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า และจากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2560 บริเวณประเทศไทยจะมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส
       เพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของอาคารและบ้านเรือนที่พักอาศัย กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัคร ร่วมกันแจ้งเตือนประชาชนให้ช่วยกันสอดส่องดูแลให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง และสำรวจตรวจสอบบริเวณโดยรอบบ้านที่อาจมีต้นไม้หรือวัสดุอุปกรณ์หักโค่นลงมาทับบ้านเรือนได้รับความเสียหายได้ รวมทั้งตัดแต่งกิ่งไม้บริเวณริมถนนในชุมชน และหากพบว่าตัวบ้านและบริเวณโดยรอบมีความเสี่ยงจะหักโค่นล้มทับลงมา ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบทันที

     และให้จังหวัดกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ประสานหน่วยงานทหารในพื้นที่ เครือข่ายอาสาสมัครทุกภาคส่วน พร้อมทั้งจัดชุดเฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่เผชิญเหตุ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และทีมกู้ชีพกู้ภัยให้พร้อมเข้าให้การช่วยเหลือหากเกิดเหตุ ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ภารกิจแรกของนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย "กนกวลี พจนปกรณ์"


 เมื่อวันที่ 10-12 ก.พ.60 ที่ผ่านมา กนกวลี พจนปกรณ์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยคนใหม่พร้อมคณะ เริ่มต้นภารกิจแรกกับการเดินทางไปร่วมงานรำลึก11ปีกนกพงศ์ สงสมพันธุ์  จัดโดย กองทุนกนกพงศ์ สงสมพันธุ์  และสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ร่วมกับโรงเรียนพัทลุง  บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มูลนิธิเอสซีจี บริษัท เคล็ดไทย จำกัด ณ บ้านนักเขียน ห้องเรียนสีสันศิลปะ (หลาดใต้โหนด บ้านนักเขียน) ตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง





"นู สกิน" ปฏิวัติวงการตลาดชะลอวัย เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำ “เอจล็อค มี” สกินแคร์สูตรเฉพาะบุคคล-หวังขึ้นแท่นบิวตี้แกตเจ็ทส์แห่งปี




 นู สกิน ประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคดิจิตัล สร้างปรากฏการณ์เหนือคู่แข่ง เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสุดล้ำ “ageLOC Me” ภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อค เพื่อการบำรุงผิวด้วยสูตรเฉพาะบุคคลที่ถือเป็นผู้นำของโลก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถออกแบบสูตรสกินแคร์ได้ด้วยตัวเอง จากสูตรบำรุงกว่า 2,000 สูตร เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความสะดวกสบาย พร้อมวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้เป็น Digital Customized Anti-Aging Skin Care สร้างแบรนด์ลอยัลตี้สู่ผู้บริโภค คาดว่าหลังจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% ของยอดขายรวมตั้งเป้าขึ้นแท่นเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของ นู สกิน ภายในสิ้นปี 2560

 นางวิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงในปี 2560 และแข่งขันในตลาดจะเป็นไปอย่างเข้มข้น เนื่องจากเป็นปีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการขับเคลื่อนธุรกิจเข้าสู่ยุคของดิจิตัลแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งการแข่งขันของธุรกิจขายตรงไม่ใช่เป็นเพียงการแข่งในตลาดเดียวกันอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นการลงไปแข่งกับทุกตลาด ซึ่งเป็นโจทย์ท้าทายให้กับธุรกิจขายตรง
 "เราพร้อมปรับองค์กรตามโลก และนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาเป็นเครื่องมือที่ทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ จุดแข็งของเรายังคงเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอจล็อคในหมวดแอนไท-เอจจิ้ง"ผจก.ทั่วไปนูสกิน กล่าวและว่า นอกจากนนั้นยังเล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดความงามในประเทศไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาทและเติบโตอย่างต่อเนื่อง 8-10% ทุกปี อีกทั้งตลาดนำเข้าเครื่องสำอางในประเทศไทยมีการเติบโตอยู่ที่ 16.1% หรือคิดเป็นมูลค่า 51,487 ล้านบาท
 โดยระบุว่า ประเทศสหรัฐอเมริกามีการนำเข้าเครื่องสำอางสูงเป็นอันดับ 3  ทั้งนี้ปัจจัยการเติบโตมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปการเติบโตของสังคมเมืองและสังคมออนไลน์ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ผู้บริโภคหันมาใส่ใจความเป็นเฉพาะบุคคลมากขึ้น นู สกิน จึงมองเห็นศักยภาพขององค์กรและความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางการค้าในตลาดกลุ่มสกินแคร์ ที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก
 อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 บริษัท มีการวางกลยุทธ์และปรับแผนธุรกิจให้ทันกับสถานการณ์และความต้องการของตลาด โดยมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ตามคอนเซ็ปต์การเป็นบริษัทผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชรา
 ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “เอจล็อค มี” (ageLOC Me) นวัตกรรมของการบำรุงผิวยุคดิจิตัลที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ดีไซน์สูตรสกินแคร์เฉพาะบุคคล ที่ตรงเข้าจัดการสัญญาณริ้วรอยแห่งวัยพร้อมบำรุงผิว โดยสามารถให้ผู้ใช้มีอิสระในการกำหนดสูตรตามความต้องการและเหมาะสมกับผิวเฉพาะบุคคล สามารถตั้งค่าความเข้มข้นของเนื้อครีม น้ำหอม ระดับสารกันแดด ที่มีให้เลือกมากกว่า 2,000 สูตร ด้วยการดีไซน์สูตรบำรุงผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที
 อีกหนึ่งไฮไลท์ของผลิตภัณฑ์ “เอจล็อค มี” คือชุดเครื่องมือผสมครีมและเซรั่มที่มีดีไซน์สวยงามและกลไกอัจฉริยะเพื่อให้ผู้ใช้ตั้งค่าการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น การปรับปริมาณของครีมที่ถูกปล่อยออกมาในแต่ละครั้ง โดยเครื่องจะตั้งค่าอัตโนมัติเพื่อเลือกครีมบำรุงได้ถูกประเภทไม่ว่าจะเป็นการบำรุงในตอนเช้า หรือการบำรุงในตอนกลางคืน และยังมีการแจ้งเตือนเมื่อปริมาณใกล้หมดเพื่อให้ผู้ใช้ได้ทำการเตรียมผลิตภัณฑ์ชุดต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงช่วยในเรื่องการใช้งานที่สะดวกสบาย แต่ยังผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้วยเทคโนโลยีการผสมเนื้อครีม ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะที่เรียกว่า “ไมโครเลเยอริ่ง” (MicroLayering) เพื่อความแม่นยำในการจ่ายครีมและผสมเนื้อครีมที่มีขั้นตอนซับซ้อนกว่า 40 ชั้น พิสูจน์ทางคลินิกแล้วว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าการทาครีมลงบนผิวหน้าแบบปกติถึง 3 เท่า
 โดยชุดเครื่องมือผสมครีมและเซรั่มกลไกอัจฉริยะนี้ถูกพัฒนาและรองรับด้วย 27 สิทธิบัตร ได้รับการยอมรับระดับโลกทั้งในเรื่องของงานดีไซน์ คอนเซ็ปต์ผลิตภัณฑ์และคุณภาพในการเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงทรงประสิทธิภาพ นับเป็นนวัตกรรมการดูแลผิวภายใต้เทคโนโลยีเอจล็อค เพื่อต่อต้านความเสื่อมชราในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยเงินลงทุนในการพัฒนาและวิจัยกว่า 1,300 ล้านบาท
 “นู สกิน เราร่วมกับ 8 พันธมิตรระดับโลกในการออกแบบและวิจัยผลิตภัณฑ์ระดับนวัตกรรมจากความเชี่ยวชาญกว่า 35 ปี สู่การพัฒนาเพื่อให้ได้สูตรบำรุงผิวเฉพาะบุคคลที่ดีที่สุดนี้เป็น รายแรกในไทย และเป็น Beauty Gadget ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมโดดเด่นมาแรงที่สุดในปีนี้ เราคิดว่าจะขึ้นแท่นเป็นผลิตภัณฑ์เรือธง สร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 10% ของยอดขายรวมในปีนี้” นางวิภาดา กล่าว
 ผลิตภัณฑ์ “เอจล็อค มี” (ageLOC Me) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ชุดมาตรฐาน ได้แก่ “เอจล็อค มี เดย์” ครีมบำรุงกลางวันที่ดูแลปกป้องผิวให้ความชุ่มชื้น พร้อมอิสระในการเลือกชนิดครีมบำรุง ส่วนผสมของน้ำหอมและสารป้องกันแสงแดด “เอจล็อค มี เซรั่ม” ผสานประสิทธิภาพทรีตเมนต์ต่อต้านความเสื่อมชรา ด้วยเซรั่มเข้มข้น 3 ชนิด เพื่อปกป้องฟื้นบำรุงผิวจากสัญญาณร่วงโรยแห่งวัย ลดเลือนริ้วรอย คืนความกระจ่างใส เพื่อผิวที่ดูเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์ และ “เอจล็อค มี ไนท์” ซ่อมแซมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงในตอนกลางคืน สามารถเลือกเนื้อครีมบำรุงได้ตามความต้องการ มาพร้อมกับเครื่อง “เอจล็อค มี” จำนวน 1 เครื่อง และ “เอจล็อค มี ทราเวลเลอร์ คิต” สำหรับพกพาเพื่อการเดินทาง ในราคาเซ็ตละ 21,400 บาท พร้อมโหลดแอพลิเคชั่น “ageLOC ME SEA” ผ่านอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ เริ่มต้นการออกแบบสูตรสกินแคร์เพื่อให้ได้โค้ดเฉพาะ โดยสามารถส่งรหัสสั่งซื้อสินค้าผ่านนักธุรกิจ นู สกิน ทั่วประเทศ หลังจากทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ชุดมาตรฐานเป็นเวลา 2 สัปดาห์
 สำหรับสัดส่วนยอดขาย ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอจล็อคทั้งผลิตภัณฑ์ สกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 70% ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 30% โดยในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ด้านสัดส่วนการเติบโตของผู้แทนจำหน่ายในปี 2560 จำแนกเป็นสมาชิกทำเนียบ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ 3 บัญชีรายชื่อ สมาชิกทำเนียบ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ 1 บัญชีรายชื่อ สมาชิกทำเนียบ 100 ล้านบาท 5 บัญชีรายชื่อ สมาชิกทำเนียบ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ 21 บัญชีรายชื่อ และสมาชิกทำเนียบ 1 ล้านบาท จำนวน 927 บัญชีรายชื่อ
 ทั้งนี้ปัจจัยความสำเร็จของ นู สกิน มาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในแบรนด์และสินค้า เมื่อใช้แล้วมีการซื้อซ้ำและบอกต่อ ตลอดจน บริษัทมีทิศทางการขยายเครือข่ายเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และฐานสมาชิกในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อให้เพิ่มมากขึ้น มีการปรับกลยุทธ์เน้นทำการตลาดผ่านออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ รวมถึงการกระตุ้นยอดสมาชิกและสร้างโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งเชื่อมั่นว่าปัจจัยบวกในปีนี้จะทำให้ นู สกิน ประเทศไทย สามารถสานต่อความสำเร็จในการพิชิตยอดขายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน

เปิดศูนย์ความงาม


ศ.ดร.นพ.สมศักดิ์  โล่ห์เลขา  ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน)เป็นประธานเปิดศูนย์ความงามและเลเซอร์ลาดพร้าว และเสวนา หัวข้อ"เนรมิตความงามและรักษาโรคผิวหนัง ด้วยนวัตกรรมเลเซอร์ "โดยมี นพ.นิวัติ  พลนิกร ,นพ.อุดมศักดิ์ วงศ์ปารมี ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย ณ ศูนย์ความงามและเลเซอร์ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มอบขาเทียมพระราชทานแก่ผู้พิการ ที่จังหวัดนครปฐม


เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ที่บริเวณกองอำนวยการองค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานมอบขาเทียมพระราชทาน ของมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แก่ผู้พิการที่ด้อยโอกาสในจังหวัดนครปฐม และจังหวัดต่างๆ โดยมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ร่วมกับ สโมสรโรตารี่พระปฐมเจดีย์ สำนักงานสาธารณสุข ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผู้มีจิตกุศลบริจาคเงินสมทบทุนจัดทำขาเทียม ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อสนองพระราชดำริสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2560 อีกทั้งเพื่อให้ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณค่าและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
 สำหรับการมอบขาเทียมพระราชทานฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 140 มีผู้พิการในจังหวัดนครปฐม และจังหวัดต่างๆ เข้ารับบริการทั้งสิ้น 137 คน แบ่งเป็นเพศชาย 108 คน เพศหญิง 29 คน สาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุจราจร 59 คน สาเหตุทางการแพทย์ 30 คน พิการตั้งแต่กำเนิด 6 คน เหยียบกับระเบิดและภัยสงคราม 4 คน และสาเหตุอื่นๆ 54 คน จากการประเมินของแพทย์ พบว่า มีผู้พิการพร้อมทำขาเทียมได้ 94 คน โดยมูลนิธิขาเทียมฯ ได้จัดทำขาเทียม จำนวนทั้งสิ้น 97 ขา และซ่อมแซมขาเทียมเดิมที่ชำรุด จำนวน 8 ขา รวมทั้งสิ้น 105 ขา ซึ่งผู้พิการที่ไม่สามารถทำขาเทียมได้ เกิดจากอาการขาบวม แผลติดเชื้อ คนไข้สูงอายุที่มีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคไต และคนไข้ที่เป็นอัมพฤกต์ ต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรง หากผู้พิการมีความพร้อม สามารถไปรับบริการทำขาเทียมได้ที่โรงพยาบาลดอนตูม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย














DPU เปิดหลักสูตรสื่อสารการตลาดดิจิทัล เน้นผลิตบัณฑิตรองรับThailand 4.0


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดตัวหลักสูตรการสื่อสารการตลาดดิจิทัล(DigiC) ในปีการศึกษา 2560 นี้ โดยเป็นการเปิดตัวสาขาผ่านการ Live สด ทางแฟนเพจ “เฟื่องลดา –Faunglada” และ แฟนเพจมหาวิทยาลัย /คณะวิชาต่างๆ โดยรับเกียรติจาก ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  อ.กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมวิทยากรชั้นนำ อาทิ  คุณเฟื่องลดา สรานี สงวนเรือง เซเลบริตี้ด้านดิจิทัลโปรเชน คุณสหรัฐ มานิตยกุล ผู้ผลิตเนื้อหาคลิปวีดีโอชื่อดังหวาย  คุณจักรพงศ์ สนธิสุวรรณ์ นักการตลาดดิจิทัล และปอ ภากร กัทชลี  จากแฟนเพจอ้ายจง
ทั้งนี้วิทยากรแสดงความเห็นตรงกันว่า การมุ่งเน้นสร้างผู้ประกอบการดิจิทัลตั้งแต่ก่อนเรียนจบรองรับยุคดิจิทัล  เพื่อเตรียมพร้อมสนองนโยบาย Thailand 4.0 นั้นเป็นพันธกิจหลักของสถาบันการศึกษา
อ.กอบกิจ กล่าวว่า ปี 2560 จะมีการเปิดหลักสูตรสื่อสารการตลาดดิจิทัล (DigiC)  โดยมุ่งพัฒนานักศึกษาให้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการทำการสื่อสารการตลาดบนโลกออนไลน์   และสามารถเป็นผู้ประกอบการที่แสวงหาโอกาสจากการสร้างสื่อของตนเอง เน้นเรียนรู้การสร้างเนื้อหา ผลิตสื่อ และสร้างชุมชนของตัวเองในโลกออนไลน์และมีทักษะการวางกลยุทธ์การสื่อสารผ่านเครือข่ายเพิ่มขีดความสามารถเท่าทันยุค Thailand4.0
ผศ.ดร.พนารัตน์ ลิ้ม หัวหน้าหลักสูตรการสื่อสารการตลาดดิจิทัลกล่าวถึงเนื้อหาการศึกษาในหลักสูตรว่าจะเน้นการศึกษาด้านเครื่องมือสื่อสารที่ใช้กันประจำอยู่ในเชิงลึก เช่น วิชาการสื่อสารผ่านไลน์  วิชาเฟซบุ๊คศึกษาเพื่อเข้าใจการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล  ซึ่งคาดว่าหลักสูตรDigiCนี้ จะสามารถพัฒนาคนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญการสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัลและมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีความพร้อมตั้งแต่ในชั้นเรียน
อ.ธวัชชัย สุขสีดา ประธานโครงการจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลศึกษา กล่าวเพิ่มเติมว่าการเรียนด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัลเป็นสาขาแห่งการสร้างอนาคต เพราะคนยุคนี้ใช้เวลาและความสนใจต่อดิจิทัลอย่างมาก  โดยเฉพาะการใช้มือถือเพื่อการรับรู้ข่าวสารผ่านสังคมเครือข่าย แม้แต่ผู้ประกอบการก็ต้องใช้ทักษะการสื่อสารการตลาดดิจิทัลเพื่อพัฒนาธุรกิจออนไลน์
ดังนั้นการจะก้าวสู่อนาคตดิจิทัลอย่างมั่นใจ  จะต้องสร้างคุณภาพผู้เรียนด้านดิจิทัลทั้งรู้จัก คิดเป็น และเท่าทันโลกดิจิทัล