pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

**ปล้น**



วันที่ 31 ก.ค. 57 เวลา09.50 น. รับแจ้งเหตุปล้นรถขนเงินเขตเมืองชลบุรี เป็นรถกระบะวีโก้4ประตู สีดำ ทะเบียน 2 กภ 4579 กทม. คนร้าย 4 คน มุ่งหน้า ถนนสาย 344 บ้านบึงแกลง คนร้ายมีอาวุธ กระจายด้วยครับ
         แจ้งในข่าย ภ 2 เบื้องต้นเหตุ 141 รถ ขนเงินแซมโก้ เขต สภ เมืองชลบุรี สังเกต toyota วีโก้ สีดำ แบบแค็บ คนร้าย 4 คน แต่งตัวพรางมีหมวกปิดบังใบหน้า มีอาวุธปืนลูกซอง 1 ที่เหลือ อาวุธปืนสั้น ก่อเหตุแล้วออกเส้นทางบายพาสมุ่งหน้าพัทยา ออกได้หลายทาง ย้านบึงออกได้ แจ้งในข่ายสังเกตุด้วย
ทะเบียนเบื้องต้น2กภ4579กทม
คนร้าน4 คนร้านพร้อมอาวุธปืนขับรถกระบะวีโก้สีดำหมายเลขทะเบียน กภ 4579 กทม เข้าปล้นรถขนเงินบริษัท สยาม แอดมินนิสเทรทีฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้ถุงบรรจุเงินไป2 ถุง ประมาณ5 ล้านบาท แล้วหลบหนี โดนมีการโปล่ยตระปูเรือใบ ไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามมี

คนต่างด้าวต้องโทษ หลบเข้ามากบดานในประเทศ



 
30 ก.ค.57 เวลา 11.๐๐ น. พล.ต.อ.วุฒิ  ลิปตพัลลภ  ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) และ พล.ต.ท.ศักดา  ชื่นภักดี  จตร.รรท.ผบช.สตม. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคนต่างด้าวกระทำความผิดจากต่างประเทศ หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย จำนวน 4 คดี  ดังนี้
       1. นายโจนาทาน แปลง (Mr.Jornatan PlANT) สัญชาติฝรั่งเศส อายุ 40 ปี กระทำผิดข้อหาปล้นธนาคารโดยใช้อาวุธ,ปล้นอาคารบ้านเรือน,ปล้นสะดม,ลักทรัพย์,ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ,ทำร้ายร่างกาย, ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธและใช้ความรุนแรง ในประเทศฝรั่งเศส
       2. นายอัลทาล เรซ (Antal RACZ) สัญชาติฮังการี อายุ 40 ปี กระทำผิดข้อหาฆ่าคนตายและใช้อาวุธสงคราม(ระเบิด) และอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ในประเทศประเทศฮังการี
       3. นายปราน เชสโก กัลป์เดลลี่ (Mr.Francesco GALDELL) สัญชาติอิตาลี อายุ 52 ปี กระทำความผิดฐานฉ้อโกง,รับของโจร,แสดงตัวเป็นบุคคลอื่น,จำหน่ายสินค้าที่เครื่องหมายการค้าปลอม,ละเมิดลิขสิทธิ์ ในประเทศอิตาลี
       4. แก๊งค์คอลเซ็นต์ สัญชาติไต้หวัน
           4.1 นายจาง เจีย เว่ย (Mr.CHANG CHIA WEI) อายุ 18 ปี
           4.2 นายหวัง อี้ เฉิน (Mr.WANG YI CHIEH) อายุ 35 ปี
           4.3 นายอู๋ ยวู โซว (Mr.WU YU SHUO) อายุ 33 ปี
           4.4 น.ส.เฉิน ลี่ ยิน (Mrs.CHEN LI YEN) อายุ 42 ปี
        คนต่างด้าวทั้งหมด สตม.ดำเนินการเพิกถอนและผลักดันส่งกลับตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  โดยแถลงข่าว  ณ ห้องแถลงข่าวอาคาร 1 ชั้น 1 สตม. (สวนพลู)




ปส.จับยาบ้า 3รายของกลางจำนวนมาก

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ/วันที่ 28 ก.ค 57 เวลา 11.00 น.พล.ต.อ.ดร.วัชรพล ประสานราชกิจ รรท.ผบ.ตร.พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.( ปส ) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร.( มค.1 )พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส,พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส.พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องค้ายาเสพติดจำนวน 3 คดี ได้ผู้ต้องหาจำนวน 8 คนพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1 ล้าน 4 หมื่นเม็ดและโคเคนจำนวน 2 กิโลกัมรถยนต์จำนวน 4 คันและอื่นๆ อีกหลายรายการ คดีแรก จับกุม 1. นายอนุรักษ์ เล่าดีเจริญ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 3 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จว.ตาก 2. นายประเสริฐ เล่าเจริญกุล อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 3 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จว.ตาก 3. ว่าที่ ร.ต.สมศักดิ์ สุรดีคณยศ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 49 หมู่ 6 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จว.ตาก 4. นายชาติชาย เกิดมณีกุล อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 73 หมู่ 3 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จว.ตาก 5. นายวิเชียร จันทร์จงเจริญ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 76 หมู่ 3 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จว.ตาก 6. นายสาธิต แซ่เฮ่อ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 175 หมู่ 10 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จว.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลางยาบ้าบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 4 กระสอบ รวมจำนวน 500 มัดรวมเป็นยาบ้าทั้งสิ้นประมาณ 1,000,000 เม็ด รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็ค สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ฒฆ 7488 กทม.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น วีโก้ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 1ฒง 6508 กทม.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บฉ 3792 ตาก รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่น ฟรอนด์เทีย สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 6058 สุโขทัย.รวมรถยนต์จำนวน 4 คันโทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง จับกุมได้ที่ บริเวณป่าละเมาะ พื้นที่หมู่บ้านกุดตาเรือ หมู่ 14 ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย คดี สองจับกุมตัวนาย ณัฐพงษ์ โสภนราพงษ์อายุ 33 ปีอยู่บ้านเลขที่ 46 ม.12 ต.สุขเดือนห้าอ.เนินขาม จว.ชัยนาทพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 4 หมื่นเม็ด คดี สาม จำกุม MISS.SITI KHOERIYAH อายุ 29 ปี สัญชาติ INDONESIA ผู้ต้องหาพร้อมของกลางโคเคนจำนวน 2 กิโลกรัม ชาวอินโดนิเซีย นำตัวผู้ต้องทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จากหมายเปิดผนึก จากนสพ.ชี้ชัดเจาะลึก ถึง นายสิทธิ์ชัย (ตี๋) แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

ด้วยเนื่องเกิดความเข้าใจไม่ตรงกันอันเนื่องมาจากคอลัมน์พาลทะเล ทางกองบรรณาธิการได้นำมาลงไว้เพื่อประกอบการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งรายละเอียดของความไม่เข้าใจกันเป็นอย่างไรนั้น จะได้กล่าวในรายละเอียดข้างล่างนี้ ก่อนอื่นกระผมนายมานพเทียนมณี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึกต้องขอขอบคุณทั้งขอบใจนายสิทธิ์ชัย (ตี๋) แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ที่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2557 ตอนประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.บ้านแพ้ว ช่วงเช้า นายสิทธิ์ชัย ได้กล่าวขอบคุณสื่อที่มาร่วมทำข่าวให้กับอำเภอบ้านแพ้ว พร้อมพูดออกไมล์ว่าตนเองให้เกียรติ์ผู้สื่อข่าวเสมอ เมื่อผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าวประชุมซักพักได้แยกย้ายกันไปหาข่าวต่อที่อื่น ซึ่งเรื่องมันน่าจะจบและไม่มีอะไรมากไปกว่าการประชุมกำนันผู้ให้บ้านแบบทั่วไป..แต่ก็ปรากฏว่านายสิทธิ์ชัย ได้กลับขึ้นไปคว้าไมล์พร้อมพูดกล่าวร้ายผมมานพ เทียนมณี บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึกด้วยหลายเรื่อง แต่ผมไม่ขอเอ่ยถึงว่าเรื่องอะไรบ้างนั้นมันสุดแท้แต่สติปัญญา และมันสมองของนายสิทธิ์ชัยผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.หลักสองที่จะกล่าวว่าร้ายผม พร้อมกับแสดงความไม่พอใจในเนื้อหาคอลัมน์ที่ระบุให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมของบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก่อนที่จะมีการรับมอบหรือขอใบอนุญาตพกอาวุธปืน ผมจึงจำเป็นต้องอาศัยพื้นที่ตรงนี้ชี้แจงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนี้ จากการที่ คอลัมน์ตบกะโหลกเขาเขียนกระตุกหนวดกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งทำให้นายสิทธิ์ชัย คิดว่าเป็นการพาดพิงถึงตัวเอง ทางกองบรรณาธิการจึงขอแนะนำให้ทางนายสิทธิ์ชัย กลับไปอ่านอีกครั้งว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นหมายถึงตัวเองหรืออย่างไร โปรดใช้ตามองใช้สมองคิดแล้วอ่านใหม่อีกรอบ กล่าวทวนอีกครั้งก็ได้ว่า เนื้อหาระบุว่า ..........สมุทรสาครบ้านเรามีเรื่องราวให้เขียนถึงมากมาย ดีก็ต้องเขียนชื่นชม แต่ถ้าแย่ก็ต้องติติง กระตุกกันบ้าง ซึ่งล่าสุดมีเรื่องที่อยากตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม เรื่องมันเริ่มอย่างนี้ครับ คือ เมื่อครั้งการประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอบ้านแพ้ว วันหนึ่งซึ่ง ได้จัดขึ้นที่ศาลาประชาคมอำเภอบ้านแพ้ว การประชุมครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากมาย ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญที่ประธานในที่ประชุมแจ้งกับบรรดากำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งหลาย ว่าการอนุญาตพาและใช้อาวุธปืนของพนักงานฝ่ายปกครองนั้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีนโยบายออกหนังสือใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนให้แก่กำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อปฏิบัติหน้าที่และช่วยเหลืองานราชการ หากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่มีความประสงค์ขอพาและใช้อาวุธปืนในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ยื่นคำขอมีหนังสือรับรองการพาและใช้อาวุธปืน ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจะพิจารณา ใบอนุญาตภายในเขตจังหวัด แบบ ป.12 ให้กับผู้ขอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กำนันผู้ใหญ่บ้านที่ขออนุญาตพกพาอาวุธปืนแล้วจะต้องนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง หากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็สามารถโดนระงับทันทีเรื่องนี้ต้องมองให้ลึกและแยบยลเสียหน่อย ประเด็นแรกคือ เหมาะสมขนาดไหนที่จะแจกใบอนุญาตพกปืนกับกำนันผู้ใหญ่บ้านกันง่าย ๆ โดยไม่มีการสืบประวัติ อุปนิสัย รวมไปถึงสันดาน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดของผมคงไม่รู้ว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านบางคน ของสมุทรสาครนั้นแสบสันต์ แพรวพราวเพียงใด หลายคนเป็นนักเลงเก่า ในขณะที่บางคนก็ยังคงเป็นนักเลงอยู่ ไม่เถียงครับว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งหลายต้องมีอาวุธในการป้องปรามและปราบปรามคนร้ายในหมู่บ้าน แต่ถ้าพิจารณาคิดว่าน่าจะเป็นราย ๆ ไป แล้วอีกอย่างว่ากันตรง ๆ แต่ละคนก็มีปืนกันอยู่คนละหลายกระบอกแล้ว เถื่อนบ้าง ถูกกฎหมายบ้าง คงไม่มีความจำเป็นต้องให้ใบอนุญาตอะไรกันอีกแล้ว ไป ๆ มา ๆ กลับจะเป็นเรื่องส่งเสริมให้มีการใช้อาวุธปืนในการแก้ปัญหาเสียด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่างยุคสมัยนี้เขาก็มีฝ่ายตำรวจดูแลเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เผลอ ๆ อนุญาตไปแล้ว ปืนไปอยู่ในมือลูกหลาน แอบเอาไปยิงฉลองงานบวชหรือวันเกิด หนักหน่อยก็เอาไปยิงคู่อริ เสียเลือดเสียเนื้อกันเข้าไปใหญ่ โปรดเข้าใจให้ตรงประเด็นด้วยว่าที่ติติงไม่ใช่ห้ามปราม แต่ควรละเอียดละออในการอนุญาต ตรวจสอบประวัติให้ละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงมาตรการลงโทษอย่างหนักในกรณีที่ใช้ปืนผิดวัตถุประสงค์อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ตรงไหนครับที่ระบุว่าผู้ใหญ่บ้านคนนั้นคือ นายสิทธิ์ชัย ถ้าอ่านให้ละเอียดและมีสติปัญญาพอก็จะรู้ได้ทันทีคือการเขียนท้วงติงให้มีความละเอียดในการพิจารณาการอนุญาตพกพาอาวุธ และที่นายสิทธิ์ชัย อ้างว่าสื่อมวลชนใหญ่มาจากไหนถึงมาสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นผู้บังคับบัญชาของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผมก็จะขอชี้แจงว่า ที่นายสิทธิ์ชัย เข้าใจว่าสื่อมวลชนสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เป็นความเข้าใจผิด เพราะนี้คือ การเขียนชี้แนะการทำงาน ในฐานะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานในทางสาธารณะ ซึ่งต้องฟังเสียงสะท้อนของทุกฝ่าย ซึ่งก็รวมถึงสื่อมวลชนด้วย ดังนั้นแล้ว การที่บอกว่าสั่งจึงเป็นการดูถูกสติปัญญาของตนเองที่มองเรื่องนี้ไม่ออก........อีกเรื่องหนึ่งนายสิทธิ์ชัย ต้องพึงสังวรไว้ด้วยว่า แม้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ก็เป็นในทางนิตินัย หากแต่ในทางพฤตินัยแล้ว บรรดากำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านล้วนเป็นลูกจ้างของประชาชน เพราะต่างก็มีมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งสามารถถูกตรวจสอบการทำงานได้ ตลอดจนพฤติกรรมต่าง ๆ ได้โดยสื่อมวลชนที่เป็นเสมือนตัวแทนจากประชาชน......สำหรับเรื่องต่อมาที่มีการพาดพิงในคอลัมน์ โดยเฉพาะการเมืองช่วงนี้ที่สนุกสนานด้วยฝีมือกำนันสุเทพ แห่งประชาธิปัตย์ โดยเนื้อหาระบุว่า มีผู้ใหญ่บ้าน ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร รายหนึ่งประกาศต่อหน้ากำนันผู้ใหญ่ อ.บ้านแพ้ว ในวันประชุมกำนันผู้ใหญ่ ครั้งหนึ่ง..ว่าถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล กำนันจะได้เงินเดือน 25,000บ. ผู้ใหญ่บ้านได้ 20,000 บ. พูดเล่นหรือจริงไม่รู้ รู้แต่ว่าที่เป็นผู้บังคับบัญชาผู้ใหญ่กร่างคนนี้ คงต้องตักเตือนให้อยู่ในรูปรอย สักหน่อย การออกมาหาเสียงให้ฝ่ายการเมืองล่วงหน้าอย่างนี้ เหมาะสมหรือไม่สำหรับคนที่เป็นฝ่ายราชการ ที่ต้องธำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง การเอาตัวเองไปผูกมัดกับฝ่ายการเมือง ถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องแยกแยะจากผลประโยชน์ของส่วนรวม........นี้คือข้อความจากฉบับที่แล้ว ซึ่งไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านคนไหน แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็จะบอกให้ว่า ผู้ใหญ่บ้านคนนั้น ก็คือ นายสิทธิ์ชัย แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นั่นเอง ซึ่งคำพูดแบบนี้สมควรพูดหรือไม่ในที่ประชุมโดยมีผู้สื่อข่าวรวมฟังอยู่ด้วย...ถ้าคิดว่าเป็นการหมิ่นประมาท ผมแนะนำให้ยื่นฟ้องศาลได้ทันที ซึ่งผมก็จะใช้วิธีทางกฎหมายตอบโต้เช่นกัน ซึ่งก็รวมถึงการตรวจสอบพฤติกรรมในการทำงานของนายสิทธิ์ชัย อย่างเข้มข้นทุกระดับ และที่สำคัญผมจะนำเนื้อหาในคอลัมน์นี้ส่งตรงถึง คสช. เพื่อพิจารณาแนวคิดและการทำหน้าที่ของนาย สิทธิ์ชัย แซ่กอ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งเหมาะสมหรือไม่ในฐานะคนของราชการที่ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง