pearleus

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561

รัฐ-เอกชน-ประชาสังคม นัดถกสิทธิแรงงานประมงล่าสุด พบก้าวหน้าหลายด้าน-มีอุปสรรคอีกมากที่ต้องร่วมกันแก้

ตัวแทนภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์สิทธิแรงงานประมงในไทยล่าสุด พบมีทั้งความก้าวหน้าและความท้าทาย โดยเห็นตรงกันว่าโครงการริเริ่มต่างๆ ต้องเป็นรูปธรรมและวัดผลได้จริง โดยปัจจัยสำคัญคือการมีกลไกที่สร้างความร่วม แลกเปลี่ยนและช่วยตรวจวัดผลองค์การอ็อกแฟมในประเทศไทยร่วมกับหลักสูตรการพัฒนาระหว่างประเทศและศูนย์ศึกษาการพัฒนาสังคม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน‘Human of Seafood: ทางออกและความท้าทายของผู้คนบนเส้นทางอาหารทะเล’ เสวนาแลกเปลี่ยนความคืบหน้าการปฎิบัติงาน นโยบายและแนวทางการส่งเสริมสิทธิแรงงานล่าสุด ลดการละเมิดสิทธิมนุษยชน แรงงานบังคับ และเพื่อสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทยอย่างยั่งยืน โดยมีตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วม ซึ่งมีการพูดถึงทั้งความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรค ไปจนถึงแนวทางปรับปรุงและพัฒนาร่วมกันในอนาคต โดยมี นางสาวสุนทรี แรงกุศล  ผู้อำนวยการองค์การอ็อกแฟมประเทศไทย เป็นประธานเปิดเวทีเสาวนา

นายปราชญ์ เกิดไพโรจน์ ผู้จัดการด้านสิทธิมนุษยชน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความก้าวหน้าล่าสุดว่าปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนได้ดำเนินการส่งเสริมกลไกคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน (คกส.) โดยมีระบบการสรรหาตัวแทนแรงงานที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานในกฎหมายไทยและอนุสัญญาระหว่างประเทศ โดยในปีนี้จะขยายเพิ่มอีกสี่โรงงานจากหนึ่งโรงที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดไว้ในมาตรา 96 ให้นายจ้างของสถาน
ประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปต้องจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานในสถานประกอบกิจการ

นางสาวสุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงานองค์กรสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) กล่าวเสริมว่าหวังว่าการจัดตั้ง คกส. ที่สามารถทำงานได้จริงจะขยายไปมากกว่าในปัจจุบันและการขยายไปทะเงอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ควรผลักดัน ทั้งนี้ คกส. ที่ทำงานได้จริงนั้นควรมีการประชุมอย่างสม่ำเสมอและมีผู้มีอำนาจตัดสินใจเข้าร่วมประชุม รวมทั้งผู้แทนตามสัดส่วนแรงงานที่มีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และสิทธิตามกลไกนี้

นอกจากเรื่องการคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการแล้ว งานวิจัยล่าสุดยังระบุว่าการที่แรงงานไม่รู้สิทธิพื้นฐานและเงื่อนไขการจ้างงานของตัวเองเป็นประเด็นสำคัญหนึ่ง โดยงานวิจัย ‘ชีวิตติดร่างแห’ของภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่ออาหารทะเลที่เป็นธรรมและยั่งยืนที่เพิ่งเผยแพร่ไปเมื่อเดือน พ.ค. 2561 ที่ผ่านมาพบว่าแรงงานประมงเพียง 42% บอกว่าไม่มีใครอธิบายเงื่อนไขการทำงานให้ฟัง  และเพียง 43 % จำได้ว่าตัวเองเคยเซ็นสัญญาจ้าง และมากถึง 95% ระบุว่าพวกเขาไม่ได้รับหนังสือสัญญาจ้างแม้ว่ากฎหมายจะกำหนดว่านายจ้างต้องมีให้ก็ตาม

นางสาวมนัสนันท์ พรหมกิตติโชติ ผู้จัดการส่วนสรรหาบุคลากรและแรงงานสัมพันธ์ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)โรงงานผลิตและส่งออกกุ้งแช่แข็งที่มีแรงงานกว่า 3,000 คน ได้เสนอแนวทางปรับปรุงด้านนี้ที่อาจเป็นตัวอย่างที่บริษัทอื่นๆที่สามารถนำไปทำตามได้ โดยทางซีเฟรชอินดัสตรีใช้วิธีการจัดข้อมูลต่างๆ ให้แรงงานในประเทศต้นทางทราบก่อนที่จะตัดสินใจสมัครเข้ามาทำงาน เช่น เรื่องชั่วโมงการทำงาน ประเภทของงาน เงื่อนไขการทำงาน ในภาษาที่แรงงานเข้าใจ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาหลังจ้างงานแล้ว ยังส่งผลดีในเชิงธุรกิจต่อตัวนายจ้างเองด้วย

“ในแง่ของนายจ้างเองก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้เหมือนกัน เพราะถ้าเราได้คนที่ใช่มาทำงาน มันก็จะส่งผลให้เขาทำงานได้ดี เขาอยู่กับเราแล้วเขารู้สึกปลอดภัย เขามั่นใจ ไม่รู้สึกผิดหวังเหมือนคาดหวังมาอีกอย่างหนึ่งแล้วผิดหวัง เพราะฉะนั้น ถ้ามันถูกตั้งแต่กระบวนการสรรหาตั้งแต่ต้น มันก็จะส่งผลดีมาเรื่อยๆ จนสุดท้าย อัตราการลาออกของพนักงานก็จะต่ำลงด้วย บริษัทเองก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการสรรหาพนักงานเพิ่มเติมหรือการพัฒนาทักษะพนักงานใหม่” ตัวแทนจากซีเฟรชอินดัสตรีกล่าว

ด้านนายปภพ เสียมหาญ จากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) ยืนยันเช่นกันว่าแรงงานควรรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับงานและสิทธิของตนเองก่อนเข้าทำงาน โดยนอกจากการให้ข้อมูลแรงงานก่อนรับเช้าทำงานแล้ว ควรจะต้องมีการประกันว่าสภาพการทำงานและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามสัญญาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งรัฐและเอกชนควรจัดให้มีช่องทางการร้องเรียนที่แรงงานสามารถเข้าถึงได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม เวทีเสวนาเห็นตรงกันว่าการทำงานของภาคเอกชนและภาคประชาสังคมต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐด้วย โดยนาวาเอกดรณ์ ทิพนันท์ รองหัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศูนย์การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ยืนยันว่าภาครัฐให้ความสำคัญกับการปฏิรูปภาคประมง และมีพัฒนาการขึ้นจากปี 2558 ที่เปรียบเหมือนฝันร้ายของภาคประมงไทย ปัจจุบัน มีการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า–ออกเรือประมง (PIPO) มีการสัมภาษณ์แรงงานว่าถูกละเมิดสิทธิหรือไม่ มีฐานข้อมูลแรงงานประมาณ 100,000 คน ซึ่งจากการสกรีนไม่มีการรายงานการละเมิดสิทธิ มีระบบติดตามเรือและประเมินพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าตรวจสอบ

นาวาเอกดรณ์ ยอมรับด้วยว่าความท้าทายของภาครัฐคือจำนวนเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับจำนวนเรือเข้าออกปีละกว่า 200,000 เที่ยว ทำให้ตรวจสอบได้ไม่ทั่วถึง ต้องใช้วิธีการเลือกตรวจสอบเรือที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษแทน ขณะที่แรงงานเองก็อาจจะเชื่อใจเจ้าหน้าที่รัฐน้อยกว่าภาคประชาสังคม ทำให้หลายครั้ง กระบวนการตรวจสอบของภาครัฐไม่ได้ข้อมูลเท่ากับภาคประชาสังคม

ด้าน ผศ.ดร.นฤมล ทับจุมพล ศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวปิดท้ายว่าการพูดคุยระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมถือเป็นการริเริ่มที่ดี สิ่งที่ควรมีการพูดคุยกันในอนาคตมากขึ้นก็คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัย การมีให้แรงจูงใจร่วม และสร้างการมีส่วนร่วมของฝ่ายอื่นๆ มากขึ้น ซึ่งรวมถึงตัวแรงงานเองและทั้งผู้บริโภค
ด้วย นอกจากนี้ ทุกฝ่ายยังเห็นร่วมกันถึงความสำคัญของบทบาทผู้ซื้อต่างประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหาในประเทศไทย  และร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาประมงอย่างยั่งยืน.


*******************

"ไทย ฟินเทค" ขอใช้สิทธิ์เรียกร้องชื่อเสียง ลบข้อกล่าวหา แอบอ้างใช้ภาพ"นาย-ณภัทร"

ไทย ฟินเทค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ภายใต้เว็บไซต์ “www.thishop.com” (ดิสช็อป ดอทคอม)  เปิดแถลงการณ์เรียกร้องชื่อเสียงที่เสียหายกลับคืนมา จากกรณีถูกพาดพิงใน IG ของ หมู-พิมพ์ผกา และ นาย-ณภัทร ในข้อกล่าวหาว่า บริษัทฯ แอบอ้างใช้ภาพ นาย-ณภัทร หากิน และโจมตีว่าเป็นเว็บไซต์ที่ทำการตลาดผิดศีลธรรม!!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 61  เวลา 11.00 น. ที่ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ   บริษัท  ไทย ฟินเทค จำกัด  นำโดย มิสเตอร์ จอห์นสัน วู รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ แถลงการณ์ โดยมี นายปิยะ บุญชู ทนายความร่วมให้ข้อมูล เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีถูกพาดพิงจากไอจีของคุณแม่นักแสดงชื่อดัง  หมู-พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ  และ นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ จนกลายเป็นกระแสในโลกโซเชียล และข้อความนั้นถูกนำเผยแพร่ต่อสู่สาธารณชน  สร้างความเสียหายทางธุรกิจมูลค่ามหาศาล 

มิสเตอร์ จอห์นสัน  วู  กล่าวว่า ตามที่ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 61  นางสาวภรผกา เสียงสมบุญ (ชื่อตามบัตรประชาชนของ หมู-พิมพ์ผกา) และนายณภัทร เสียงสมบุญ ได้ลงเผยแพร่ข้อความผ่านทาง social media จนมีสำนักข่าวหลายสำนักฯ นำไปเผยแพร่ต่อ  โดยมีข้อความบางส่วนระบุว่า  “ เขารับปากจะเลิกนำภาพไปใช้ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.61 มาวันนี้หนักกว่าเดิม ขึ้นป้ายใหญขนาดนี้เลย….. #จึงอยากรีบลงประกาศเพื่อที่ เช้าวันนี้นักศึกษา ตามสถาบันต่างๆ จะได้รับทราบโดยทั่วกันว่า #นายณภัทร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์นี้ #ถ้าไม่เลิกนำชื่อและภาพณภัทร..#ไปทำให้นักศึกษาหลงเชื่อ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็ปไซด์.……จึงอยาก รบกวนว่านักศึกษา อย่าหลงเชื่อ และน้องๆคนใดมีหลักฐานมีภาพถ่าย หรือโบชัวร์ ที่เว็ปไซด์ #thishop นี้ นำไปแอบอ้าง??ทำการตลาดกับนักศึกษา?? #โดยให้ซื้อของผ่อนชำระสินค้าราคาแพง?? รบกวนส่งหลักฐานมากันเยอะเยอะทาง inbox จะนำไปแจ้งความเพื่อดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายครับ #www.thishop.com …..”
ทั้งนี้  ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงทุกประการ   บริษัทฯ จึงขอชี้แจงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนและนักศึกษาตลอดจนลูกค้าทั่วไป ได้ทราบรายละเอียด ดังต่อไปนี้
“เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 บริษัท ไทย ฟินเทคฯ เจ้าของเว็บไซต์ www.thishop.com  ได้ทำการเซ็นสัญญาว่าจ้างกับ บริษัท เก้าโมงเช้า จำกัด โดยมี นางสาวภรผกา เสียงสมบุญ กรรมการผู้มีอำนาจ เป็นคู่สัญญา เพื่อว่าจ้างให้จัดหา นายณภัทร เสียงสมบุญ  มาเป็นนายแบบโฆษณาประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ www.thishop.com  ของบริษัทฯ    ในเงื่อนไขการถ่ายภาพยนตร์โฆษณา,  การถ่ายภาพนิ่งเพื่อประชาสัมพันธ์ผ่าน สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อ Out Of Home และ บันทึกเสียงประชาสัมพันธ์ เป็นต้น  โดยมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่  9 เมษายน 2561   ในราคา รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม  6,900,000 บาท และบริษัทฯ ได้ชำระเงินครบทั้งหมดไปแล้ว  เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561  แต่เนื่องจากนายณภัทร ไม่สามารถมีคิวว่างที่จะถ่ายทำภาพนิ่งหรือภาพยนตร์โฆษณาได้เลย จนกว่าจะถึงเดือนมิถุนายน   นางสาวภรผกา จึงได้มอบภาพถ่ายของนายณภัทร ให้แก่บริษัทนำมาใช้ทำป้ายโฆษณาดังกล่าว”  บริษัทฯ จึงดำเนินการตามขั้นตอนในการผลิตป้ายโฆษณาและสื่อแผ่นพับ  โดยเริ่มติดตั้งป้ายโฆษณาบิลบอร์ด เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 
ต่อมาช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2561 ได้มีการเจรจายกเลิกสัญญา  เนื่องจากสาเหตุบางประการเกี่ยวกับการทำงานที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เช่น การไม่ยินยอมให้บริษัทฯ ใช้รูปสินค้าหรือโลโก้สินค้า อยู่ในภาพเดียวกับนายณภัทร ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผลในการจ้างมาเป็นนายแบบโฆษณา อีกทั้งในสัญญาก็ไม่มีเงื่อนไขระบุห้ามไว้, การกำหนดให้บริษัทต้องใช้ทีมบริษัทโฆษณาที่ทางคุณภรผกาแนะนำมาเท่านั้น  ซึ่งตรวจสอบ พบว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าที่เราจัดเตรียมทีมงานที่มีประสบการณ์การทำงานที่ดีไว้หลายเท่า จึงมีความเห็นร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ในการทำหนังสือยกเลิกสัญญา  ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2561
อย่างไรก็ตาม การยกเลิกสัญญาก็ตกลงจบกันด้วยดี  บริษัท เก้าโมงเช้า จำกัด ได้คืนเงินให้แก่บริษัท ไทยฟินเทค จำนวน 5.8 ล้านบาท โดยหักเงินจำนวน 5 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายจากการใช้รูปภาพนายณภัทรไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งบริษัทฯ ก็ยินยอมให้หักเงินแต่โดยดี ทั้งนี้ ในระหว่างขั้นตอนการเจรจายกเลิกสัญญา บริษัทฯ ได้ดำเนินการปลดป้ายโฆษณาออกทันที
ต่อมา ในวันที่ 14  มิถุนายน 2561 นางสาวภรผกา  เสียงสมบุญ  ได้เผยแพร่ข้อความในลักษณะให้บุคคลอื่นทั่วไปหลงเชื่อว่า www.thishop.com. แอบอ้างนำภาพนายณภัทร ไปทำการตลาดกับนักศึกษา ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะบริษัทฯ เคยมีการทำสัญญาว่าจ้างกันมาก่อน  จึงไม่ใช่เป็นการแอบอ้างตามที่กล่าวหา
ประเด็นสำคัญที่สุด  คือ วันที่ 14  มิถุนายน 2561 ป้ายโฆษณาดังกล่าว  ตามที่นางสาวภรผกา และนายณภัทร ลงข้อความกล่าวหาในอินสตาแกรมว่า #thishop นี้ นำไปแอบอ้าง?? ทำการตลาดกับนักศึกษา??  #โดยให้ซื้อของผ่อนชำระสินค้าราคาแพง??  ในความเป็นจริง ไม่มีภาพบิลบอร์ดปรากฎสู่สายตาสาธารณะชนแล้ว    เพราะได้มีการดำเนินการถอดป้ายบิลบอร์ดลงเป็นเวลานานแล้ว   จึงถือว่า เป็นการลงข้อความเท็จ  และทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก  จนไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ เพราะถูกลดความน่าเชื่อถือลง  www.Thishop .com มีหลักฐานชัดเจนว่า ผู้รับเหมาที่รับจ้างถอดป้ายโฆษณา ได้ถอนป้ายโฆษณานั้นแล้วจริงๆ โดยได้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน  และยังได้ส่งภาพถ่ายผ่านไลน์มาให้บริษัทฯ ยืนยันด้วยว่า  ได้ดำเนินการปลดป้ายโฆษณาเรียบร้อยแล้วอย่างเป็นทางการแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ว่าในวันที่ 14 มิถุนายน 2561 ที่มีการลงข้อความในโซเชียลมีเดียนั้นจะยังมีป้ายดังกล่าวอยู่ ดังนั้น การลงข้อความในโซเชียลมีเดีย ดังกล่าว  จึงไม่เป็นความจริงทั้งหมด
“บริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับประเด็นที่เกิดขึ้น ได้พยายามติดต่อขอพูดคุยกับนางสาวภรผกา เพื่อหาทางออกร่วมกัน เกี่ยวกับข้อความที่เผยแพร่ทางโซเชี่ยล เบื้องต้นบริษัทฯ ไม่ได้ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ   แต่ต้องการให้นางสาวภรผกาชี้แจงแก้ไขข้อเท็จจริงให้ถูกต้องว่า บริษัทไม่ได้แอบอ้างใดๆ  รวมถึงข้อกล่าวหาจากบาง Comment ใน IG ของ นางสาวภรผกา ที่ว่าบริษัทฯทำธุรกิจในลักษณะการตลาดที่ผิดศีลธรรม มีแผนการตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายกับนักศึกษา โดยให้ซื้อขายผ่อนชำระสินค้าในราคาที่สูงกว่าเซ็บไซต์อื่น ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นความจริง   แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใดจากนางสาวภรผกา ”
“ผมในฐานะตัวแทน บริษัท ไทย ฟินเทค จำกัด  ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ของเราเป็นบริษัทที่ร่วมทุนระหว่างไทยกับฮ่องกง มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ทุนจดทะเบียนสองร้อยล้านบาท ดำเนินธุรกิจ E-commerce รวมถึง การขนส่ง อุปกรณ์ส่งเสริมระบบการขนส่ง การชำระเงินอิเลคทรอนิกส์  ผ่านเว็บไซต์ thishop.com หรือ application ที่ชื่อ thishop  อันเป็นแพลทฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ของบริษัทอย่างถูกต้อง  เว็บไซต์นี้จำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม และเป็นเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยสูง ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากหน่วยงานระดับนานาชาติ และได้รับลิขสิทธิ์เกี่ยวกับการเป็นเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยสูงอย่างเป็นทางการ
ขอยืนยันด้วยเกียรติว่า บริษัทฯ ไม่เคยมีเจตนาในการแอบอ้างใช้สิทธิ์ใดใดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และบริษัทฯ มีความโปร่งใส ซื่อตรง ยุติธรรม มีจริยธรรมและศีลธรรม ในการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์สื่อมวลชนในการเผยแพร่ข้อความอันเป็นข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ประชาชนได้รับทราบ ขอขอบพระคุณทุกท่าน ณ โอกาสนี้”  มิสเตอร์ จอห์นสัน  วู  กล่าวในท้ายที่สุด
****************

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561

หนุ่มไปรษณีย์ชะตาขาด หลบด่านจราจร เจอรถบรรทุกทับดับสยอง..


หนุ่มไปรษณีย์ชะตาขาด หลบด่านจราจร เจอรถบรรทุกทับดับสยอง..
เมื่อวันที่ 29 มิ.ยน.61 เวลา 10.15 น. พ.ต.ท.สมรภูมิ สุโพธิ์ สาวรวัตเวรจราจร สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งอุบัติเหตุและมีผู้เสีชีวิตจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิตบนถนนช่องทางด่วนใก้ลทางแยกจุดตัดคู่ขนานพระราม หมู่ที่ 1 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร ขาเข้ากรุงเทพฯ ก่อนถึงตลาดทะเลไทย
ที่เกิดเหตุพบ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก สีแดง หมายเลขทะเบียน ขจษ 113 สมุทรสาคร ล้มอยุ่บริเวณจุดตัดเข้าถนนคู่ขนาน มีจดหมายและเอกสารต่างๆกระจัดกระจายออกมาจากใต้เบาะรถและมีหมวกกันน็อคสีแดงตกอยู่หนึ่งใบ ใกล้กันพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชายทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายวชิราวุธ ศรีภาค์ อายุ 27 ปี ที่อยู่ 33/1137 ม.4 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร  อาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ส่งพัสดุไปรษณีย์ สภาพศพศรีษะถูกล้อรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทับจนกระโหลกแตกสมองกระจายเสียชีวิต ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ สีขาว ยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 72-3816 สมุทรปรากการ จอดอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร มี นาย สุรัตน์ จันทฤาชา อายุ 39 ปี ที่อยู่ 42 ม.7 ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เป็นคนขับและยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามนายสุรัตน์ เล่าว่า ตนขับรถมาจากแยกวังมะนาว ถ.พระรามสองช่องด่วนจะนำมะพร้าวกระป๋องไปส่งที่ลาดกระบัง กทม.พอมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นจุดตัดเข้าทางคู่ขนานแต่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมองเห็นด่านตำรวจกวดขันวินัยจราจรข้างหน้าจึงขับฉีกออกเลนซ์ช่องด่วน!โดยไม่ทันมองรถวิ่งมาทางตรงบีบแตรก็หันมามองรถผมแล้วก็ร้องโอ๊ะ!แต่ผมเบรกไม่ทันแล้วเพราะรถมหนักจึงเฉี่ยวรถจักรยานยนต์ล้มลงทับศรีษะที่สวมหมวกกันน็อคกระโหลกแตกมันสมองกระจายเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุและเชิญตัวคนขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ไปสอบสวนที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการ ก่อนมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสครนำส่งสถาบันนิติเวชชันสูตรต่อไป.

 เงาพญาราหู รายงาน










วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2561

สหรัฐ ฯ ประกาศยกไทยปราบค้ามนุษย์ดีขึ้น ยกชั้นขึ้นเทียร์ 2


การประกาศรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ หรือทิป รีพอร์ต ประจำปี พ.ศ. 2561 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เมื่อวันพฤหัสบดี ปรากฎว่า ไทยได้รับการเลื่อนอันดับดีขึ้น ขึ้นสู่เทียร์ 2 จากผลงานโดดเด่นในการปราบปรามการค้ามนุษย์ ในรอบปีที่ผ่านมา ขึ้นดีขึ้นจาก 2 ปีที่ผ่านมาที่ไทยอยู่ในระดับเทียร์ 2 เฝ้าระวัง หรือ
ประเทศที่ควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ว่า การประกาศรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ทั่วโลก หรือทิป รีพอร์ต 2018 ของรัฐบาลสหรัฐ โดยนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางอิวังกา ทรัมป์ บุตรสาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ในฐานะที่ปรึกษาอาวุโสประจำทำเนียบขาว ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในกรุงวอชิงตัน

รายงานเป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ใน 187 ประเทศและเขตดินแดนทั่วโลก แล้วจัดอันดับเป็น 4 ชั้นหรือเทียร์ โดยเทียร์ 1 ดีที่สุด และเทียร์ 3 แย่ที่สุด  
ปีนี้มีประเทศที่ได้รับการเลื่อนอันดับดีขึ้น 29 ประเทศ และลดอันดับ 20 ประเทศ
ในกลุ่มประเทศที่อันดับดีขึ้นในปีนี้รวมถึงไทยและปากีสถาน เลื่อนขึ้นสู่เทียร์ 2 จากผลงานโดดเด่นในความพยายามปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์  








เปอร์เซ็นต์ใบสั่ง กม.รังแกประชาชน


เปอร์เซ็นต์ใบสั่ง
กม.รังแกประชาชน
             ประเด็นร้อนที่กำลังได้รับความสนใจขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ก็คือ การเสนอให้ยกเลิกเปอร์เซ็นต์ใบสั่งจราจร ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ขยันขันแข็งตรวจจับรถราของประชาชนนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะด้วยแรงขยันอย่างเดียว  หากแต่มีสิ่งล่อใจ นั้นก็คือ เปอร์เซ็นต์ที่ได้จากยอดใบเสร็จ ที่มากเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 
            หลายคนอาจไม่รู้ว่า 200 บาทที่จ่ายค่าปรับ (หรือมากกว่านั้น)  ไม่ว่าจะเรื่องหมวกกันน๊อคหรืออะไรก็แล้วแต่นั้น มีเงินบางส่วนเข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่ที่ตรวจจับด้วย (มีกฎหมายรับรองเสียด้วย) อธิบายง่าย ๆ ดังนี้  เงินค่าปรับ 200 จะถูกแบ่งออกไป 100 บาท มอบให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ด่านนั้น ๆ ตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เทศบาล หรือ อบต.
            ต่อมาเหลืออีก 100 บาท จะแบ่งออกมา 5 บาท เอาเข้ารัฐ (แค่ 5 บาทเท่านั้น ) เหลืออีก 95 บาท แบ่งให้ตำรวจผู้จับกุม 60 % หรือ 57 บาท อีก  40 % หรือ 38 บาท กฎหมายให้นำส่งเข้างานจราจรของสถานีตำรวจ
            แทงทะลุกันรึยังพี่น้อง  นี่แค่ จับ 1 คัน ก็ได้เข้ากระเป๋าแล้ว 50 กว่าบาท ลองคิดดูว่า ตั้งด่านทีเอาแบบเต็มคราบทั้งเช้าเย็น คันละ 200 บาท (บางคันก็มีข้อหาเพิ่ม ก็ปรับหนักเข้าไปอีก)  รวยกันทั้งงานจราจรเลยครับพี่น้อง
            อย่างที่รู้กันสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ อย่าว่าแต่พวกหาเข้ากินเช้า ประเภทมีมอเตอร์ไซด์คันเดียว ต้องเกี่ยวไปทั้งครอบครัวเลย แม้แต่พวกเงินถุงเงินถุงทุกวันนี้ยังร้องเลยว่าทำมาหากินลำบาก  อำนาจซื้อมีน้อย แต่อำนาจที่ทำให้ต้องเสียเงินนั้น รุนแรงเหลือเกิน
             คิดดูเอาว่าพวกได้ค่าแรงรายวัน 200 – 300 บาท ถูกจับขึ้นมา วันนี้จะเอาอะไรเลี้ยงลูกเมียที่บ้าน เจ้าหน้าที่ก็ดีแต่อ้างว่าเป็นกฎหมาย เพื่อป้องปรามอุบัติภัยหรืออาชญากรรม ว่าไปโน้น อะลุ่มอร่ายกันหน่อยนายท่าน เข้าใจว่าประชาชนทำผิดกฎหมาย แต่ก็อย่าเคร่งครัดมานักเลย แค่ตักเตือนก็เพียงพอ ประชาชนไม่มีจะรับประทานแล้ว ยังจะมาจับปรับทำยอดเอาเปอร์เซ็นต์ค่าปรับกันแบบไม่อายฟ้าดิน หรือสายตาประชาชน  (ลืมไปว่าปิดปาก คาดแว่นหนีสายตาชาวบ้านไว้นี้เอง)
            ตำรวจต้องกินต้องใช้ ก็ไม่ต่างกับประชาชนที่ต้องหาเลี้ยงชีพและครอบครัวเหมือนกัน ผิดก็แต่ประชาชนหาช่องทางทำกินยาก แต่พวกท่านตำรวจจราจรมีช่องทำกินเยอะเลย รึจะเถียง
            การแก้กฎระเบียบจะสำเร็จหรือป่าว ก็ไม่รู้   และว่ากันตรง ๆ แล้ว ต่อให้แก้กฎหมายลดเปอร์เซ็นต์ใบสั่ง พวกท่านก็เก่งในการหาช่องอยู่แล้ว ง่าย ๆ ก็แค่เพิ่มข้อหา  หนักเข้าก็อย่าให้พูดเลย รู้ ๆ กันอยู่ในวงการสีกากี  ….สังคมมันถึงแย่อยู่นี่ไง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐ (บางคน) มีช่องทางทำมาหากินเหลือเฟือ  ไม่เป็นธรรม ทำไมม่ายยย



           


พระกริ่งหน้าอินเดีย-พระปิดตาพ่อท่านเส้งวัดแหลมทราย ตอนที่ 1


พระกริ่งหน้าอินเดีย-พระปิดตาพ่อท่านเส้งวัดแหลมทราย ตอนที่ 1

พระพุทธโสฬสธาตุมงคล (พระกริ่งหน้าอินเดีย นะ โภคทรัพย์ วัดแหลมทราย รุ่น 1) พระกริ่งรุ่นนี้สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 แต่ได้นำมาแจกเพื่อเป็นที่ระลึกในงานฉลองพระอุโบสถและฝังลูกนิมิตวัดแหลมทรายในปี พ.ศ. 2492 ในการหล่อได้ทำการเททองในวัดแหลมทราย โดยคณะนายช่างอินทร์ (นายช่างใหญ่ซึ่งอยู่ข้างวัดคอกหมู กรุงเทพฯ) ผู้ซึ่งเป็นช่างเททองหล่อพระกริ่งประจำของวัดสุทัศน์มาเป็นผู้ประกอบพิธีเททองหล่อองค์พระ แล้วจัดพิธีปลุกเสกใหญ่โดยนิมนต์สุดยอดพระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นมาร่วมปลุกเสกด้วยโดยเฉพาะสายเขาอ้อ เช่น พ่อท่านศรีแก้ว วัดไทรใหญ่ ,พ่อท่านยอด วัดอ่าวบัว , พ่อท่านจันทร์ วัดแหลมวัง , พ่อท่านภัทร วัดโคกสูง, พ่อท่านวัน วัดประสิทธิชัย จ.ตรัง , พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก , พระอาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ , พระอาจารย์เซ็น วัดท่ามิหรำ , พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา (สมัยเป็นฆราวาส) รวมทั้งตัวพ่อท่านเส้งก็เป็นหนึ่งในศิษย์สายเขาอ้อด้วยเช่นกันพระกริ่งรุ่นนี้น่าจะผ่านการปลุกเสกเดี่ยวโดยพ่อท่านเส้งอีกประมาณ 1 ปี พระรุ่นนี้ดีในทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยมและโภคทรัพย์สร้างประมาณ 5,000 องค์ ลักษณะ เป็นพระกริ่งปางนั่งสมาธิ ในมือมีขันน้ำพระพุทธมนต์ องค์พระประทับนั่งบนฐานบัวคว่ำบัวหงายเจ็ดกลีบ เนื้อโลหะที่นำมาสร้างส่วนหนึ่งเป็นยอดพระเจดีย์ และเหล็กยอดพระปรางค์จากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ถึง 16 แห่ง อันเป็นที่มาของคำว่า โสฬสมงคลรวมถึงพ่อท่านเส้งได้ลงอักขระในแผ่นยันต์ เป็นยันต์ โสฬสมงคลอันเป็นยันต์ที่ขลังและยอดเยี่ยมยันต์หนึ่งมาแต่โบราณ แม้แต่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ซึ่งเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งของพ่อท่านเส้งก็ยังใช้ยันต์นี้ในการจัดสร้างพระกริ่งที่ลือชื่อของวัดสุทัศน์ด้วย อันพระพุทธโสฬสธาตุมงคลนี้ ก็ได้ถอดแบบมาจากพระกริ่งหน้าอินเดียของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) อาจารย์ของท่าน แต่องค์พระของพ่อท่านเส้งจะมีขนาดย่อมกว่าเล็กน้อยการสร้างเป็นการหล่อแบบโบราณบรรจุกริ่ง โดยอุดไว้ด้านใต้ฐาน แล้วลงอักขระขอมตัว นะไว้ทุกองค์ เนื้อของออกพระจะออกไปทางทองผสม วรรณะออกเหลืองอมเขียว หรืออมน้ำตาล มีรอยตะไบแต่งบางแห่ง สำหรับพระพุทธโสฬสธาตุมงคล(พระกริ่งหน้าอินเดีย) นี้ ได้แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1. แบบฐานสูง แบบนี้จะใช้ผ่านการตะไบตกแต่งโลหะใต้ฐานขององค์พระเพียงเล็กน้อย จึงมีเนื้อเกินใต้ฐานบัว นอกจากนี้ยังสังเกตได้จากพระหัตถ์ขององค์พระที่ประกบเข้าหากัน จะเห็นลักษณะของมือทั้งสองข้างมาชนกันได้อย่างชัดเจน และมีขนาดที่สูงกว่าอีกแบบ พิมพ์ ฐานสูง(ตามภาพ)สำหรับแบบฐานต่ำ แบบนี้จะเกิดจากการตะไบตกแต่งโลหะใต้ฐานพระออกมากจนทำให้ฐานเสมอกับขอบบัว และองค์พระมีขนาดเตี้ยกว่าแบบฐานสูง นอกจากนี้ ยังมีแบบที่เรียกว่า แขนทะลุ คือ ตรงช่วงแขนตรงระหว่างข้อศอกกับลำตัวขององค์พระด้านขวา จะมีช่องว่างอยู่ เรียกว่า แขนทะลุซึ่งจะหายากกว่าแบบอื่น ๆ โดยพี่แหลม สงขลาคาถากำกับพระโสฬสมงคล(พระกริ่งหน้าอินเดีย) ก่อนแต่ท่านจะนอนไหว้พระประจำวันแล้ว ยกมือทั้งสองขึ้นพนมเสมออก เปล่งวาจาอาราธนาพระ ดังนี้ พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานังแล้วจับพระไหว้ในมือทั้งสอง ตั้งใจทำจิตให้เป็นสมาธิ เชื่อในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งจริง แล้วนึกในใจของเราเองว่า เราปรารถนาให้พระช่วยอะไรบ้างขอในสิ่งที่ถูกที่ควรหมั่นทำบุญใส่บาตรเป็นประจำขอพรให้ตนเองและครอบครัวมีความสุขความเจริญนะครับท่าน
ถ้าต้องการมิให้ศัตรูมาทำร้าย ภาวนาด้วยพระคาถานี้ ภะชิงคะเยนะ สัทธัมมา ภัคคะปาเปนะ ตาหินตาภะเย สัเตปะหาเสนโต ภะยะสันตังนะมามิหังถ้าต้องการให้ศัตรูที่คิดทำร้ายเรา ให้กลับมาเป็นมิตร และมีเมตตาต่อเรา ภาวนาพระคาถานี้ วิเวเจติอะสัจธัมมา วิจิตตะวาธัมเทสะนัง วิเวเกฐิตะจิตโตโย วิทิตันตังนะมามิหังถ้าเราทำการค้าขาย ปรารถนาให้คนมาซื้อของ หรือคนมาชมสินค้าของเรา ภาวนาพระคาถานี้ คัจฉันโตโลกิยังธัมมัง คัจฉันโตอะมะตังปะธัง คะโตโสสัตตะโมเจตุง คะตันยานังนะมามิหังถ้าท่านต้องการให้มีคนเมตตาต่อท่าน ภาวนาคาถานี้ สัพเพชนา พะหูชนา เมตตาการุณามุธิตา จิตตัง อะระหังจิตตัง เมตตาจิตตัง อะระหังจิตตัง การุณาจิตตัง อะระหังจิตตัง มุธิตาจิตตัง อะระหังจิตตัง
ผู้เขียนขอบอกว่าเรื่องความเชื่อความศักดิ์สิทธิ์พบได้เฉพาะตนไม่เขื่ออย่าลบหรู่นะครับเนื้อที่คอลัมส์หมดลงแล้วพบกับเรื่องน่ารู้พระปิดตาพ่อท่านเส้งได้ในฉบับหน้า..โชคดีมีความสุขนะครับ









สมุทรสาคร เนเชอรัล คลีนเอนเนอร์จี รับมาตรฐาน ISO 9001 และ 14001


           เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 บริษัท สมุทรสาคร เนเชอรัล คลีนเอนเนอร์จี จำกัด ได้รับการรับรองจากหน่วยงานรับรอง (Certification Body) หรือ CB คือหน่วยงานหรือบุคคลที่สามที่ให้บริการการตรวจประเมินและรับรองระบบโดยต้องผ่านการตรวจสอบรับรองระบบตามเงื่อนไขข้อกำหนด Requirements for Bodies Providing Audit and Certification of Management System : หรือ ISO/IEC17021 ซึ่งทางบริษัท สมุทรสาคร เนเชอรัล คลีนเอนเนอร์จี จำกัด ก็สามารถผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์และได้รับมาตรฐาน ISO 9001 และ 14001 ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีว่าทางบริษัทฯมีมาตรฐานระดับสากลในเรื่องของการจัดการในด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารงานในส่วนขององค์กรที่มีประสิทธิภาพครบถ้วนและสมบูรณ์ตามมาตรฐานของหลักสากล



ชี้ชัด ตามฟัดทุกเรื่อง โดย..นกวายุภักตร์



 
ฝ่าสายฝนสาดซัดจัดหนักครบเครื่อง..ดงขมิ้นร้อนเงินทอนพ่นพิษ พ่อเลี้ยงเดนนรกลวงลูกเลี้ยงวัยเยาว์ข่มขืน ปปป.ลุยล้างความบัดซบ อบต.จัดซื้อรถ ท้องถิ่นยังมึน!ปล่อยให้ปลูกสร้างในที่สาธารณะ รง.ผลิตเครื่องสำอางเครือข่าย เมจิกกรีน กับขยะอิเลคโทนิคเป็นพิษ ล้วนอยู่ในพื้นที่..เราพร้อมที่ตีแผ่เผื่อสังคม..

อยากบวชก็แวะมา..วัดป้อมวิเชียรโชฎิการาม พระอารมหลวง จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทเข้าพรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระยะเวลา 3 เดือน บวชฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย.

ล้วงลึกเรื่องจริง..โด่งดังไปทั่วโลกผ่าดงขมิ้นตามล่าขบวนการสงฆ์ 'เงินทอนวัด"มองต่างมุม สังคยานาครั้งใหญ่ เปิดโปรงขบวนการยักย้ายถ่ายโอน จับสึกปราชิกหนีเที่ยวอโคจรเสพเมถุนส่งเสีย ลี้ภัยขอไปนิพพานต่างแดน.
🦍 ระวัง!จะโดน..หลังแหล่งข่าวบอกยังมีวัดดังพระระดับเจ้าคณะ เลขากำความลับ..ให้วัดในสังกัดส่งเงินเข้ากองทุนวัดช่วยวัดแต่ปัจจุบันมันกำลังกลายเป็นวัดช่วยบ้านหรือที่เรียกกันชัดๆว่า "ปล่อยกู้" ต่อไปคงต้องเลิกบิณฑบาตกันแล้วแย่มั้ย.

 เรื่องจริงเตือนภัย..วางขายกันเกลื่อนตาม ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด เครื่องสำอางค์ ครีมทาผิวผสมสารปรอต ในโลชั่น ขาวทันตาโฆษณาเกินจริง เขียนข้างกล่อง "ขาวโบ๊ะ" ตรวจสอบกัรหน่อย.

 ถามกันมาก..รถโดยสารสองแถวที่จอดแช่รอรับหน้าศาลจังหวัด ถ.เศรษฐกิจ ตีเส้นขาว แดง ใครอนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจราจรเคยมาดูบ้างหรือป่าว นี่ก็อีกที่ปล่อยให้จอดสร้างปัญหารถติดชาวบ้านใช้เส้นทางสะพานต่างระดับเพื่อกลับรถเอื้อธุรกิจระวัง! 157 นะครับ.

 เงียบกริบ..พื้นที่สาธารณะ ถ.นรราชอุทิศ ต.มหาชัยฯกำลังเป็นแหล่งธุรกิจ ตั้งเต้นท์ออกบูธขายสินค้าบนฟุตบาธเคยมาดูกันหรือป่าว ขณะที่คำสั่งจากสำนักนายก รื้อถอนร้านค้าที่บุกรุกแพรก ถมคลอง จนป่านนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น..อยากหัวเราะจนฟันโยก ฮ่า ฮ่า.


 ซวยสองขั้น..สาวใหญ่ขายน้ำใบบัวบกเข้าแจ้งความหลัง เจอวายร้ายขับรถจยย. PCX สีบรอน สวมหมวกกันน็อค เข้ามาซื้อน้ำพูดคุยขณะสาวใหญ่กำลังเอาข้าวไปส่งออกอุบายเป็นหลานทำทีคุยโทรศัพย์บอกป้าให้เอาเงินจ่ายค่าไฟหลอกยืมเงิน พอไปเก็บเงินกับถูกไล่เหมือน หมู หมา เรื่องอย่างนี้ต้องระวัง.

 เล่มพ่นพิษ..มีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการระดับ 6 ส่งกลับ 3 เจ๊ จัดหางานจังหวัด ไปมีนบุรี 1 เข้ากรม 2 หลังเบิกแบ่งสมุดแรงงานต่างด้าวนับหมื่นเรียกเก็บเงินไม่รอดสาย ส่วนเจ้าหน้าที่ทำเอกสาร ศูนย์ 1-2 เรียกขายใบละ 2,000 ระวัง!นะจ๊ะ.
🦌 ส่วนรายนี้โคตรโกง..แรงงานต่างด้าวโวยหลังถูกน.ส.ฐานิกา หรือยุ้ย หมื่นโฮ้ง นายหน้าทำเอกสาร ชาวสุพรรณ เรียกเก็บเงินคนละหมื่นกว่านำมาทำที่ศูนย์ ci สมุทรสาครแล้วเบี้ยวเผ่นหนี ล่าสุดถูกตำรวจ สภ.ปลวกแดง ระยอง ออกหมายจับแล้ว.

 เหมือกันเลย..รายนี้ช้าเขาว่าชัวร์หรือชั่ว ผู้รับเหมาร้องต่อเติมบ้านพัก รอง ผวจ.หลายตังค์หลังถูกผู้บริหารท้องถิ่นชักดาบแสนกว่าจ่าย 50,000 แล้วทำมึน! ขณะที่ ปปป.ลงตรวจทุจริตโครงการเก็บเอกสารเรื่องยังเงียบ..ตรวจกันจริงหรือป่าวอะรัยมันบังตาครับ.

         ก่อนทำต้องคิด แล้วชีวิตจะราบรื่น