pearleus

วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สืบปส.2 ไล่ล่าเครือข่ายยาเสพติดพื้นที่โคกขาม

เมื่อ 29 ก.พ. 59 เวลาประมาณ 16.45 น.ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ชมชวิณ  ปุระธนานนท์ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.นนท์  ภักดีพันธ์  รอง ผกก.สส.ฯ, พ.ต.ท.รณกรประคองศรี รองผกก.สส.ฯ
สั่งการให้  พ.ต.ต.ไชยภูมิ  ฉลองภูมิ  สว.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร/เจ้าพนักงาน ปปส. หมายเลขประจำตัว 532405, ร.ต.ท.ธานินทร์  นุชเจริญ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. หมายเลขประจำตัว  563177, ร.ต.ต.ณรงค์  หอมเย็น,ร.ต.ต.โชติ  แสนชัย, ร.ต.ต.วินัย   พวงทองคำ, ร.ต.ต.อรัณย์  ทาเกตุ, ด.ต.ณัฐนนท์  เติมยศด.ต.สันติ  เรืองฤทธิ์ , จ.ส.ต.ธนเดช  โพธิ์งาม, จ.ส.ต.นที   บุญทาน  ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายธีรยุทธ  หรือต้น  นิลเขตร์ อายุ 24 ปี  พร้อมของกลาง"ยาไอซ์ 15.4 กรัม และยาบ้า จำนวน 400 เม็ด"
โดยกล่าวหาว่า "มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ( ยาไอซ์และยาบ้า ) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สายลับโทรสั่งซื้อยาไอซ์ จากผู้ต้องหาจำนวน 10 กรัม หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้มาส่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ต้องหาพร้อมของกลาง โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนเส้นทางเจษฎา สาริน  หมู่ 7 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลตรวจค้นห้องเช่าของผู้ต้องหาที่บริเวณ ห้องเช่าเลขที่ 106 ห้องเช่า S C C เรสซิเดนส์ หมู่ 2 ต.โคกขาม  อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร  ซึ่งตรวจพบของกลางเพิ่มเติมยาไอซ์จำนวน 5.4 กรัม และยาบ้าจำนวน 400 เม็ด
 จากการขยายผลผู้ต้องหารับยาบ้ามาจากนายโต้  ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง  พักอาศัยอยู่ที่  จ.นครปฐม ไม่สามารถขยายผลได้เนื่องจากนายโต้  รู้ตัว จึงไม่สามารถขยายผลต่อได้ หลังจากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง พงส.สภ.โคกขาม เพื่อดำเนินคดีต่อไป

 เงาพญาราหู รายงาน



วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รับโล่ห์สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติระดับภาค

นายกำจัด เบี้ยวบังเกิด ประธานกรรมการสหกรณ์เดินรถกระทุ่มแบน จำกัด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เข้ารับโล่สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติระดับภาค จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการยกย่องประกาศเกียรติคุณและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของสหกรณ์ อันเป็นแบบอย่างต่อการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน ในงาน 100 ปี สหกรณ์ไทย ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าสมุทรสาคร เจรจาหาข้อยุติปัญหานายจ้างกับแรงงานปลากระป๋อง

 ตามที่พลตรีสรรเสริญ  แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งของบริษัท  บริษัท โกลเด้นไพร้ซ์ แคนนิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปลากระป๋องส่งออก  ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร นัดหยุดงานเพื่อเรียกร้องเรื่องค่าจ้างแรงงานและสวัสดิการในการทำงาน  โดยต้องการให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง ให้ถูกต้องตามประกาศอัตราค่าจ้างขั้นต่ำย้อนหลัง และค่าล่วงเวลา  ( ปี 2556 และปี 2557 ) ซึ่งได้มีการสั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล และร่วมหาทางออกระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนมากเพราะแรงงานที่มีอยู่กว่า 1,400 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวนั้น
 ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ที่บริษัท บริษัท โกลเด้นไพร้ซ์ แคนนิ่ง จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 55/4 หมู่ที่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จังหวัดสมุทรสาคร นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน ผู้ตรวจกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายสมบูรณ์ ตรัยศิลานันท์ ผู้อำนวยการสำนักศูนย์คุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร บุญลือ ศาตรเพ็ชร สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ก็ได้เข้าเจรจากับ นางวาสนา โคลงเซ็น และ นางสาวกิติยากร คุณแสง ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของสถานประกอบการ ให้มาหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในการหาทางออกร่วมกันระหว่างนายจ้างกับ ลูกจ้าง พร้อมกันนี้ก็ยังมีตัวแทนของลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว 16 คน เข้าร่วมรับฟังด้วย
 โดยการเจรจาหารือใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง สุดท้ายได้ข้อยุติที่การทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน 3 ข้อว่า
1.ฝ่ายนายจ้างตกลงจะแจ้งยอดเงินค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาค้างจ่าย ตามระยะเวลาข้างต้นและประกาศให้ลูกจ้างได้ทราบภายในวันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 17.00 น. โดยทั้งสองฝ่ายจะมาตรวจสอบและเจรจาร่วมกันอีกครั้ง
2.ผู้แทนลูกจ้างตกลงเข้าทำงานตามปกติโดยเริ่มตั้งแต่กะดึกหรือเวลา 18.00 น. ของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป  
3.หากลูกจ้างผละงานไม่เข้าทำงานตั้งแต่กะดึกและกะต่อไปตามปกติตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ตามข้อบังคับของบริษัทฯ ทางบริษัทฯขอสงวนที่จะพิจารณาลงโทษลูกจ้างที่ผละงานตามข้อบังคับของบริษัท
 ทั้งนี้หลังจากที่ผู้แทนนายจ้าง และผู้แทนจากทางฝ่ายลูกจ้างได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบันทึกข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ก็ได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างผู้แทนนายจ้าง 2 คน กับ ผู้แทนลูกจ้าง 16 คน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ตรวจราชการกรมฯ ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองแรงงาน และ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ลงนามรับรองไว้เป็นพยานหลักฐานด้วย

 นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างนายจ้าง กับ ลูกจ้างหรือผู้ใช้แรงงานของบริษัท โกลเด้นไพร้ซ์ แคนนิ่ง จำกัด มีสาเหตุอันเนื่องมาจากทางลูกจ้างได้ยื่นคำร้องเรียกค่าจ้าง ค่าทำงานล่วงเวลา ที่บริษัทฯ ยังจ่ายไม่ครบ ตั้งแต่งวดการจ่ายค่าจ้างเดือนมกราคม 2557 ถึง งวดการจ่ายค่าจ้างเดือนธันวาคม 2558 โดยก่อนหน้านี้มีตัวแทนลูกจ้างประมาณ 213 คน พร้อมกับ ตัวแทนจากเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) ได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนไว้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร และเพื่อเป็นการยุติปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดความรุนแรงจนถึงขั้นประท้วงหยุดงานของลูกจ้างกว่า 1,100 คนนั้น จึงได้นำเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาเจรจาหารือเพื่อหาข้อยุติหรือทางออกที่ดีที่สุดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างจำนวน 16 แผนก ซึ่งเบื้องต้นขณะนี้ก็ได้ข้อสรุปแล้ว โดยในวันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 17.00 น. ตนเองจะเข้ามาดูว่านายจ้างมีการติดประกาศแจ้งยอดเงินค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาค้างจ่าย ตามระยะเวลาข้างต้น และตามข้อตกลงที่ลงนามไว้หรือไม่ จากนั้นก็จะมีการประชุมหารือร่วมกันอีกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งจากข้อสรุปที่ได้ในวันนี้ก็สร้างความพึงพอใจให้แก่ทั้งสองฝ่ายระหว่างนายจ้าง กับ ลูกจ้างที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว











วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การประชุมว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งเอเชีย ประจำปี 2559

รมช.มท. เป็นประธานเปิดการประชุมว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งเอเชีย ประจำปี 2559 ย้ำประเทศไทยให้ความสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน พร้อมร่วมมือกับนานาชาติเพื่อรับมือภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          เมื่อ 25 ก.พ. 59 นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งเอเชีย ประจำปี 2559 (Asian Conference on Disaster Reduction  : ADRC 2016) จัดขึ้น ณ ดวงจิต รีสอร์ท แอนด์สปา ป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 25 - 26 กุมภาพันธ์ 2559 โดยมี ศูนย์ลดภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADRC) ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจาก UNISDR มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติให้แก่ประเทศสมาชิก ADRC องค์กรระหว่างประเทศให้มีความเข้มแข็ง มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจากประเทศสมาชิก ADRC องค์กรระหว่างประเทศด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ผู้แทนหน่วยงานในประเทศไทยทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวนประมาณ 100 คน
      โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมที่สำคัญในการสร้างการรับรู้ ปรับตัว ฟื้นคืนกลับได้อย่างรวดเร็วจากภัยพิบัติในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างมากในการสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน  ดังจะเห็นได้จากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ณ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 มีผลทำให้ประเทศไทย มีพันธกิจที่นำกรอบ เซนไดไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม และตนในฐานะของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ได้เข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติที่ประเทศเนการาบรูไนดารุสซาลาม และราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความก้าวหน้าความร่วมมือในการลดความเสี่ยง จากภัยพิบัติในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งพบว่าผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจ 
    สำหรับประเทศไทยได้นำ"กรอบเซนได" เข้ามากำหนดเป็นยุทธศาสตร์การลดความเสี่ยงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 และขณะนี้อยู่ในช่วงของการนำแผนฉบับดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติในระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่นทั่วประเทศ
    รวมทั้งได้มีการดำเนินงานด้านการจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากภัยพิบัติและ     การลดผลกระทบจากภัยพิบัติอย่างจริงจังมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการลดความเสี่ยงทั้งของภาคประชาชนและ ภาคธุรกิจต่อผลกระทบจากภัยพิบัติ แม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมภัยธรรมชาติได้และเป็นที่ทราบกันดีว่าภูมิภาคเอเชียนั้นเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากภัยพิบัติมากที่สุดในโลก ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการ ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ การให้ความช่วยเหลือตอบโต้ภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที และถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศสมาชิกจะได้ร่วมหารือเพื่อสร้างความร่วมมือ และรวบรวมผลงานของการดำเนินงานด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศสมาชิกในภูมิภาคนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างโอกาสในการช่วยเหลือ เสริมสร้างศักยภาพทั้งในระดับประชาชนและเจ้าหน้าที่ในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ รวมถึง การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเตือนภัยล่วงหน้า จึงขอให้ทุกประเทศได้ร่วมมือกันเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคไปด้วยกันและร่วมกันสร้างภูมิภาคเอเซียที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติ
          
   สำหรับหัวข้อในการประชุมครั้งนี้มีในหลายประเด็นสำคัญ อาทิ หัวข้อเรื่อง มาตรการด้านนโยบายเพื่อการ   มีชีวิตรอดจากภัยพิบัติขนาดใหญ่ : สึนามิ โดยมีการถอดบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติขนาดใหญ่ แนวทางปฏิบัติ  ที่ประสบผลสำเร็จในการอพยพคนขนาดใหญ่ การถ่ายทอดบทเรียนสู่คนรุ่นต่อไป เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวและ สึนามิในญี่ปุ่น พ.ศ.2554 บทเรียนจากภัยพิบัติสึนามิปาปัวนิวกินี เป็นต้น หัวข้อเรื่อง การเสริมสร้างศักยภาพด้านการ      ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยการพัฒนาด้านการฝึกอบรมและการศึกษา และหัวข้อเรื่อง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สนับสนุนการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน ซึ่งทุกประเด็นผู้เข้าร่วมประชุมฯจะได้หารือร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมทั้งการป้องกัน การลดผลกระทบ และการเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นครปฐม เลขาธิการ ป.ป.ส. ลงพื้นที่ ชุมชนทางหลวง อำเภอเมืองนครปฐม

เลขาธิการ ป.ป.ส. ลงพื้นที่ ชุมชนทางหลวง อำเภอเมืองนครปฐมเพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจชุมชน ในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
 เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2559 นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วยนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์  ชูนาค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นางนฤมล ช่วงรังษี  รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายสิทธิศักดิ์ วัจนะรัตน์ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 และคณะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นตรวจเยี่ยมการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดของชุมชนทางหลวง ตามปฏิบัติการ “ประชารัฐร่วมใจ ปลอดภัยยาเสพติด” และให้กำลังใจครอบครัวรวมทั้งติดตามผู้ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติด ณ ชุมชนทางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
                สำหรับชุมชนทางหลวง จังหวัดนครปฐม มักถูกกล่าวขานว่าเป็นแหล่งพักยาเสพติดและมีการจำหน่ายยาเสพติด  รายย่อยมาเป็นเวลานานหลายปี แม้ว่าเจ้าหน้าที่และหน่วยงานภาครัฐจะระดมกำลังเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ภาพลักษณ์เดิมหายไปจากความรู้สึกของประชาชน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ขาดความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับเป็นลักษณะของชุมชนเมืองที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติด   สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครปฐม จึงได้สนธิกำลังบูรณาการในการวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง  โดยเสนอแผนให้เป็น ชุมชนทางหลวงโมเดล
                หลังจากที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้าดำเนินการตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ   ด้วยการเชิญผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้ารายย่อยและผู้เสพยาเสพติดมาปรับทัศนคติและให้หยุดพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด สำหรับผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำนวน 31 คน ได้นำเข้าค่ายตาม โครงการปรับเจตคติ คืนคนดีสู่สังคม จำนวน 5 วัน และติดตามให้ความช่วยเหลือด้านอาชีพ การศึกษา ปัญหาสุขภาพ และเพื่อให้เกิด  ความยั่งยืนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด หน่วยงานภาครัฐได้ร่วมบูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของชุมชน ซึ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยจัดกิจกรรมเพื่อให้ชุมชน มีส่วนร่วม เช่น การจัดประชุมประชาคม การปรับปรุงภูมิทัศน์ในชุมชน ทำบุญเลี้ยงพระ และเทศบาลนครนครปฐมสนับสนุนการติดตั้งไฟส่องสว่าง และติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV เพื่อลดพื้นที่เสี่ยง      
                ผลจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชนทางหลวง ทำให้ปัญหาผู้ค้าผู้เสพยาเสพติดลดลง จากพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดรุนแรง จนสามารถพัฒนาและยกระดับชุมชนให้เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีการยอมรับปัญหา และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จึงทำให้ชุมชนทางหลวงได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดหมู่บ้าน/ชุมชน เข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด ประเภทหมู่บ้าน/ชุมชน ที่มีปัญหาระดับมาก ปี 2558 ระดับภาค ของกระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
                ทางด้านนางอรชร ประทุม ประธานชุมชนทางหลวง กล่าวว่า ต่อจากนี้ไปทางชุมชนทางหลวงจะช่วยกันเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปต้องตกไปเป็นทาสของยาเสพติด และประชาชนต้องมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เพื่อเป็นกลไกหลักในการเฝ้าระวังยาเสพติด ตามแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด ของรัฐบาลต่อไป โอกาสนี้ นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้มอบอุปกรณ์กีฬาและสื่อประชาสัมพันธ์ให้กับประธานชุมชนทางหลวง รวมทั้งมอบชุดของขวัญให้กับครัวเรือนที่เยี่ยมเยียนจำนวน 3 หลัง ตลอดจนมอบเงินทุนให้กับประธานชุมชน และผู้ที่ผ่านค่ายปรับเจตคติในการนำไปประกอบอาชีพเพื่อกลับตัวเป็นคนดีของสังคมต่อไป
                                                               *****************************************************

                        ปัญจะ  เอี่ยมประสบชัย/ภาพ  -  ชุติมา ลีนุกูล/ข่าว      











วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ปส.สมุทรสาครล่อซื้อยาบ้าล็อตใหญ่เครือข่ายภาคเหนือ‏


วางแผนส่งสายติดต่อสั่งซื้อ ยาบ้า มัดตกลงราคามัด 80,000 บาท หลงกล ให้ลูกน้องขับรถจักรยานยนต์นำ ยาบ้า ไปส่งแต่เกิดเฉลียวใจเปลี่ยนจุดนัดถึง ครั้ง จนมาข้าง ปั้มปตท. พระราม ขาออกพื้นที่ บางโทรัด ขณะจอดรถเทียบรับของเกิดไหวตัวทิ้งรถกระโจนเข้าป่าท่ามกลางความมืด ต้องกระจายกำลังปิดล้อมนานกว่า ชม. ไร้วี่แววตรวจภายในรถจักรยานยนต์พบ ถุงพลาสติก สีดำ ภายในมียาบ้า มัดๆละ 2,000 เม็ด รวม 18,000 เม็ด ราคากว่า ล้าน ห่อหุ้มด้วยกระดาษเคลือบเทียนไขกันน้ำมีอักษรตัวหนังสือ สีแดง ภาษาจีน ตัว เลข 999 น่าจะเป็นของเครือข่ายนายทหารรอยตะเข็มทางภาคเหนือ ตรวจสอบทะเบียนพบเป็นของเครือข่ายแก้งค์ค้ายาเสพติดโรงเข้ เตรียมเสนอออกหมายจับแล้ว..
                เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 59 เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การควบคุมของ พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร หลังได้รับรายงานจากชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติดว่าได้มีสายลับเข้าให้ข้อมูลและสามารถสั่งซื้อยาเสพติดจากเครือข่ายรายใหญ่ จึงได้ร่วมกันวางแผนโดยใช้วิธีล่อซื้อก่อนสั่งการให้ พ.ต.ท.นนท์ ภักดีพันธ์ รอง ผกก.สส. เป็นหัวหน้าชุดร่วมด้วย พ.ต.ท.พีระ อัศวพิบูลย์ผล สว.สส. พ.ต.ต.ไชยภูมิ ฉลองภูมิ สว.สส.ปส.ร.ต.ท.ธานินทร์ นุชเจริญ รอง สว.กก.สส.ปส.2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กลุ่มงานสืบสวนปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.สมุทรสาคร ให้สายลับติดต่อล่อซื้อ ยาบ้า จากนายเอช ไม่ทราบนามสกุล จำนวน 20,000 เม็ด โดยนัดหมายส่งมอบกันบริเวณตลาดนัดต้นสนเวลา 20.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดวางกำลังแต่เมื่อใกล้เวลา นายเอชฯได้ติดต่อทางโทรศัพท์มาหาสายบอกว่าเปลี่ยนจุดเป็นบริเวณห้างโลตัสมหาชัย ถ.พระราม หมู่ที่ ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสับกำลังจากจุดไปรอ เพียงคู่เดียวนายเอชฯได้ติดต่อขอเปลี่ยนสถานที่ส่งของเป็นครั้งที่ โดยให้มารับของบริเวณใกล้ปั้มน้ำมัน ปตท. ถ.พระราม ขาออก ต.บางโทรัดฯ ขณะนั้นเป็นเวลา 20.30 น. ระหว่างนั้นได้มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อ สีชมพู เบอร์ 14 ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กฉ1876 นครปฐม จอรออยู่ริมถนนทางสายพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับรถยนต์เข้าไปหาพร้อมกระพริบไฟหน้าเป็นสัญญาณขณะเทียบประชิดชายคนดังกล่าวที่นั่งค่อมในท่าขับรถเกิดไหวตัวแต่ไม่กล้าขับสวนทางจึงได้ทิ้งรถกระโดนเข้า
ไปในป่าข้างทางทำให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไล่ติดตามกระจายปิดล้อมแต่ก็ไม่พบตัวมีแต่รอยเท้าที่ติดดินบริเวณปั้มน้ำมันจึงได้ถอนกำลังเมื่อตรวจภายในรถจักรยานยนต์ พบถุงพลาสติก สีดำ ภายในมียาเสพติด( ยาบ้า) จำนวน มัดๆละ 2,000 เม็ด รวม 18,000 เม็ด ถูกห่อหุ้ม ด้วยกระดาษเคลือบเทียนไขกันน้ำ สีขาวขุ่น มีตัวเลข 999 และตัวหนังสือภาษาจีน ตัว สีแดงอักษรตัวบนอ่านว่า "ลู่ "แปลว่าทางหรือถนน อักษรตัวล่างอ่านว่า "เอี่ยว" แปลว่าเพื่อน ถ้ารวมกันอ่านว่า " เพื่อนเดินทาง" เป็นของนายทหารที่อยู่แนวตะเข็บชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก
                  จากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ ทราบว่าเป็นของคนที่อยู่ในเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ ต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนทำบันทึกพร้อมของกลางที่ตรวจยึดมาจากที่เกิดเหตุ ยาบ้าจำนวน มัดๆละ 2,000 เม็ด รวม 18,000 เม็ด และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กฉ1876 นครปฐม จำนวน คัน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางโทรัด เพื่อทำการสอบสวนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

                                                 "เงาพญาราหู  รายงาน"





เปิดโครงการฝึกอบรม การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(CPR)

เมื่อ 24 ก.พ. 59 เวลาประมาณ 09.00 น.  พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป 2) เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิพน เจริญผล รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.5 และคณะผู้แทนในนามห้างสรพพสินค้า ดิ เอมควอเทียร์ เปิดโครงการฝึกอบรม การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(CPR)  ณ ห้องควอเทียร์ ฮอลล์ ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
     เนื่องจาก สถานการณ์ปัจจุบันมีประชาชนเสียชีวิตจากภาวะการหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้นกระทันหันเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับหัวใจหยุดเต้นกระทันหันมักเกิดขึ้นนอกโรงพยาบาล ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 จึงได้จัดการฝึกอบรม การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(CPR) โดยเป็นการได้ให้ความรู้ในเรื่อง การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน การประเมินสถานการณ์ วิธีช่วยเหลือที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสาธิตวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง จากทีมวิทยากรซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลต่างๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชน และมักเป็นผู้เผชิญเหตุเป็นคนแรก เพื่อให้ตำรวจจราจรช่วยชีวิตประชาชนที่เกิดภาวะหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ได้อย่างทันท่วงที และทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ







วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐมร่วมทำบุญตักบาตรเนื่องในวันมาฆบูชา

พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐมเป็นจำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 1,250 รูป ณ พุทธมณฑล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในวันมาฆบูชา

เมื่อ  22 กุมภาพันธ์ 2559 ที่บริเวณลานหน้าพระประธานพุทธมณฑล อำเภอพุทธจังหวัดนครปฐม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 1,250 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในวันมาฆะบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวจังหวัดนครปฐมและกรุงเทพมหานคร ร่วมทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมาก
วันมาฆบูชานับเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ท่ามกลางพระอรหันต์1,250 องค์ ที่มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงได้กำหนดจัดงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ บริเวณพุทธมนฑล ระหว่างวันที่ 18-22 กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมบำเพ็ญกุศลด้วยการทำบุญตักบาตร เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล ละเว้นอบายมุข ทั้งปวง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยในวันนี้เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอำพล  เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ประกอบพิธีเวียนเทียนที่ลานองค์พระประธานพุทธมณฑล เวลา 18.30 น. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แสดงพระธรรมเทศนา 1กัณฑ์ เวลา 19.30 น. พระรัตนสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง บรรยายธรรม และในเวลา21.00 น. พระมหาชาญชัย ชยาภิภู วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร สนทนาธรรม ทั้งนี้พุทธศาสนิกชนสามารถเวียนเทียนในยามค่ำคืน ณ บริเวณองค์พระประธานพุทธมณฑลได้ถึงเวลา 23.00 








วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สืบสวนมหาชัย จับเครือข่าย"ยาบ้า" พม่า ตลาดกุ้ง


 เมื่อ 18  ก.พ. 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ชัยยุทธ ถมยา ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และ พ.ต.ท. มาโนช จันทร์เที่ยง รอง ผกก.สส.ฯ สั่งการให้  พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก สว.สส ฯ. พ.ต.ท. มนูญ แก้วก่ำ สว.สสฯ.ร.ต.ท.สมศักดิ์ กิตติวัชรานนท์  และเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ร่วมกันจับกุมตัว ผู้ต้องหา พรบ.ยาเสพติด จำนวน 6  ราย  จำนวน  6 คนดังนี้ คือ
1. นายประเพ็ญ หรือเพ็ญ  แวงวรรณ  อายุ  33  ปี ที่อยู่  5  ม.16  ต.โพนทอง  อ.โพธิ์ทอง  จ.ร้อยเอ็ด 
2. นายยอดชาย หรือยอด  ชำนิงาน อายุ  34 ปี ที่อยู่ 294  ม.10  ต.ขามป้อม  อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 
3. นายรุ่งโรจน์ หรือโรจน์  บันลือทรัพย์  อายุ 34  ปี ที่อยู่ 141  ม.9  ต.ตาเมียง  อ.พนมดงรัก  จ.สุรินทร์ 
4. นายเพี้ยน  เมตตา  อายุ  49  ปี  ที่อยู่  200  ม.11  ต.ปากน้ำ  อ.สวรรคโลก  จ.สุโขทัย 
5. นายอดิสร หรือราม  บุญมั่น  อายุ 20 ปี ที่อยู่  221/4  ต.กุดตุ้ม  อ.เมือง  จ.ชัยภูมิ 
โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) มีไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายพร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ด สีส้ม กลมแบน มีอักษร WY กำกับอยู่ด้านหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส แบบมีผนึกเปิด-ปิดได้  จำนวน 5  ถุง จำนวน 5  เม็ด ( รายละ 1  เม็ด )  ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ทำการขยายผลตามคำซัดทอด  ก่อนไปจับกุมตัว ผู้ต้องหาที่
6.นายรัฐพล หรือหนึ่ง  พรสยม  อายุ 24 ปี ที่อยู่  28  ม.6 ต.กร่ำ  อ.แกลง  จ.ระยอง 
โดยกล่าวหาว่า  “ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย ” พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ด สีส้ม กลมแบน มีอักษร WY กำกับอยู่ด้านหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส แบบมีผนึกเปิด-ปิดได้  จำนวน 1  ถุง จำนวน 30  เม็ด  ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าของกลางเป็นของตนจริงโดยซื้อมาจาก นายหนึ่ง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ซื้อมาในราคาถุงละ  16,500  บาท (ใน 1 ถุง มีจำนวน  200 เม็ด)จำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป..รายที่สอง
สืบสวนเมืองมหาชัยวางสายล่อซื้อยาบ้าชาวพม่าในตลาดกุ้ง
เมื่อ 19 ก.พ. 59  ได้ร่วมกันจับกุมตัว 1.นายมิด อายุ 45 บุคคลสัญชาติพม่า พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 300 เม็ดโดยกล่าวหาว่า"มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย" สถานที่จับกุมบริเวณ ตลาดกลางค้ากุ้ง ห้องเลขที่ เอ 54  ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
จึงนำตัวพร้อมของกลางส่ง พงส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 เงาพญาราหู รายงาน