pearleus

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

บทบรรณาธการ



บทบรรณาธิการ
นโยบายขึ้นค่าแรง น่ากลัวจริงหรือ
หลังจากการเลือกตั้งพร้อมประกาศรับรอง สส. เสร็จก็ข่าวเชิงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลใหม่แต่ละนโยบายให้ได้ยินเกือบทุกๆวัน เรื่องที่ยอดฮิตและติดกระแสคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทขนาดยังไม่รู้ว่าวิธีการปรับขึ้นค่าแรงของรัฐบาลจะออกมาในรูปแบบใด  แต่กระแสตอบรับดีมาก โดยเฉพาะในเชิงข่าวที่ผู้คนให้ความสนใจติดตามข่าวนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมไหนของบุคคลใดในสังคมที่เกี่ยวกับระบบนายจ้าง ลูกจ้าง หรือแม้แต่แวดวงวิชาการ วิจารณ์เมื่อไรก็จะได้รับความสนใจอยู่เสมอ ประเด็นก็คือ การขึ้นค้าแรงขั้นต่ำเลวร้ายและมีผลกระทบมากมายมหาศาลจริงหรือ ?
วัดจากกระแสข่าว โดยเฉพาะจากภาคเอกชน ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่รวมตัวกันแล้วให้ข่าวในนาม สมาคม ทั้งภาคอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือในนามคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน ( กกร. ) ที่หลังๆ กระแสข่าวเรื่องการขึ้นค้าแรงออกมาในแนวผลกระทบที่น่ากลัวสำหรับการประกอบธุรกิจไปแล้วถึงขั้นว่าต้นทุนจะเพิ่มกำไรหดหายถามพ่วงลามไปถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะต้องมีราคาเพิ่มขึ้นทันทีหากค่าแรงขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนของผู้ประกอบการที่สูงขึ้น บอกตรงๆนะครับได้ยินแล้วนึกหมั่นไส้เหมือนกันที่หมั่นไส้คงเป็นเรื่องที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาองค์กรผู้ประกอบการธุรกิจโหมโรง ปลุกระดม ให้ความสำคัญกับการประกอยธุรกิจแบบ ซีเอสอาร์ หรือความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นการลุกขึ้นมาทำโครงการต่อต้านการคอรัปชั่น โครงการประหยัดพลังงานรักษาสิ่งแวดล้อมหรือจะลามไปถึงการช่วยเหลือเกษตรกร โดยภาคธุรกิจจัดทำโครงการและลงทุนลงขันเพื่อช่วยกันทำโครงการเหล่านั้นออกหน้าออกตา
ผมว่าเราลองไปดูผลสำรวจทางวิชารการเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงกันบ้าง มหาวิยาลัยหอการค้าไทยระบุผลสำรวจทัศนะของผู้ประกอบการต่อโยบายและผลกระทบจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท จำนวน 800 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 16-18 ก.ค. 54 ว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 39.4 % ไม่เห็นด้วยเลย 47.2 % เห็นด้วยน้อย 11.9 % เห็นด้วยปานกลาง และ 1.5 % เห็นด้วยมาก
โดยผลกระทบต่อธุรกิจนั้น กลุ่มตัวอย่าง 53.4 % ระบุว่ากระทบต่อต้นทุนเพิ่มมากขึ้น 43.3 % ระบุว่ากระทบต่อการจ้างงานให้ลดลงมาก 65.8 % ระบุว่ามีผลต่อการปลดคนงานเพิ่มมากขึ้น 66.3%  ระบุว่าให้กำไรลดลงมาก 78.4 % กระทบทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเพิ่มมากขึ้น และ 64.6 %  กระทบในเรื่องการปิดกิจการเพิ่มมากขึ้นและกลุ่มตัวอย่าง 53.4 % มองว่าการขึ้นค่าแรงควรปรับไปตามกลไกตลาด และ 46.6 % มองว่าดำเนินการได้แต่ต้องมีการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าระบุว่า รัฐบาลจะต้องใช้เงินอุดหนุนจำนวน 1.4 แสนล้านบาท หาดรับบาลมีการชดเชยเงินเต็มจำนวนให้ผู้ประกอบการผ่านการลดภาษีและการอุดหนุนอื่นๆ จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 1-1.3 % เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.8-1.0 % แต่หากรัฐบาลไม่มีการชดเชยให้ผู้ประกอบการเลย จะทำให้ จีดีพี ลดลง 0.2-0.4 % และเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1.1-1.3 %
เป็นไงครับเห็นการให้สัมภาษณ์ของผู้ประกอบการธุรกิจอีกทั้งผลการสำรวจผู้ประกอบการเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้ว รู้สึกอย่างไร ทุกคนคงวิเคราะห์กันได้ว่ามันจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน หรือไม่ควรมีนโยบายนี้เลย

ประชาชนที่ยังขาดวิสัยทัศน์...
ผลการเลือกตั้งซ่อมที่สกลและศรีสะเกษว่าเงินและอำนาจเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะทำให้ใครชนะการเลือกตั้งได้ปัจจัยชี้ขาดกลับไปอยู่ที่     กระแส    คำนี้แปลว่าอะไรไม่สู้จะชัดนักส่วนหนึ่งคงหมายถึงความนิยมชมชอบคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีมาแต่เดิม อีกส่วนหนึ่งน่าจะหมายถึงการตอบโต้     กระแส    ของรัฐ ที่พยายามจะปลุกเร้าให้เกิดความเกลียดชังคุณทักษิณ ชินวัตร
( แปลว่าฝ่ายรัฐบาล โดนเฉพาะโฆษกส่วนตัวของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนช่วยให้ความนิยมคุณทักษิณ ชินวัตร ยิ่งมีพลังไม่เสื่อมคลายไปตามการเวลา )  ความนิยมชมชอบคุณทักษิณในหมู่ประชาชนภาคอีสานมาจากอะไร คำตอบที่มักจะพูดเสมอก็คือ นโยบายประชานิยมของพรรค ทรท. ว่ากันว่า  เมื่อตอนที่คุณ อภิสิทธิ์และคุณเนวินกอดกันนั้น  คุณเนวินปลอบประโลมคุณอภิสิทธิ์ว่าไม่ต้องกลัว   กระแส    คุณทักษิณ อัดงบประมาณไปที่ภาคอีสานสัก 2-3 แสนล้านบาท ทำนโยบายประชานิยมบ้าง สักพักเดียวคนอีสานก็จะลืมคุณทักษิณไปเองผมคิดว่าคุณเนวินพูดถูก อย่างน้อยก็ถูกครึ่งหนึ่ง กล่าวคือ คนอีสานไม่ได้นิยมบุคคลที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เท่ากับสิ่งที่คุณทักษิณหยิบยื่นให้นี้ เรียกกันว่านโยบายประชานิยม แต่อีกครั้งหนึ่งที่คุณเนวินและคงรวมคุณอภิสิทธิ์ไม่เข้าใจคือ ประชานิยม”  นี่เอง ประชานิยม” ในความหมายที่ไม่ดี พบได้มากในบรรดารัฐบาลของละตินอเมริกา สมัยก่อน ในท่ามกลางโครงสร้างการถือครองที่ดินที่ไม่เป็นธรรม สภาพการทำงานของแรงงานที่เลวร้าย ราคาแรงงานที่ถูกกดอย่างหนักเพราะผู้อพยพเข้าจากต่างจังหวัด ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง ฯลฯ  รัฐบาลได้แต่ แจก นับตั้งแต่อาหาร , ค่าขึ้นรถเมล์ฟรี ใช้น้ำประปาฟรี (แต่คนจนเข้าไม่ถึงน้ำประปาเป็นส่วนใหญ่)  ฯลฯ โดยรัฐบาลไม่ต้องแตะปัญหาโครงสร้างเลย ทั้งหมดนี้เพื่อแลกกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ตั้งแต่ ประชานิยม”  ในละตินอเมริกาได้เปลี่ยนไปแล้ว มีนโยบายของรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ได้รับความนิยมหลายรัฐบาลด้วยกัน เข้าไปปรับปรุงแก้ไขเชิงโครงสร้าง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชั้นล่างสุดเข้าถึงทรัพยากรได้มากขึ้น และก่อให้เกดความตรึงเครียดในสังคมอย่างสูง ระหว่างรัฐบาลที่มีเสียงสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ และคนชั้นกลางในเมืองถ้าจะพูดถึง ประชานิยมของคุณทักษิณเป็นถึงขนาดละตินอเมริกาสมัยก่อนหรือไม่ ? ผมคิดว่าตอบอบากมาก ในขณะที่ ประชานิยม ของรัฐบาล อภิสิทธิ์นั้นเป็นแน่ว่าเป็นเครื่องมือการ แจกที่ล้มเหลวตลอดมา ผมขอยกตัวอย่างประชานิยมของคุณทักษิณ ให้เห็นเป็นตัวอย่างสักสองโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคนั้น คือการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศไทยอย่างใหญ่ และคงไม่มีใครปฏิเสธว่าก่อให้เกิดความมั่นคงด้านสุขภาพในระยะยาวของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งไม่เคยเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้ถึงขนาดนี้มาก่อน ลองหันกลับมาดูประชานิยม ประชานิยมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตามคำแนะนำของคุณเนวิน (อย่างที่เขาลือกัน) เป็นแต่เพียงการ แจก  เฉยๆ เกือบไม่ต่างอะไรจากการ ซื้อ และคิดได้ไม่ไกลไปถึงโครงสร้าง เช่นที่กำลังเป็นปัญหาอยู่แล้วเวลานี้ คือจะเพิ่มค่าครองชีพให้พนักงานรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ที่เถียงกันอยู่ก็คือเพิ่มเป็นบางเดือนของผู้บริหารและพนักงานต่างกันมากเกินไป ทั้งในรัฐวิสาหกิจ , ราชการ และเอกชน ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่สัดส่วนความแตกต่างนี้สูงอย่างน่าตกใจ   

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

เทศกาลกินเจ เชิยชวนกินเจได้บุญ













ประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร ประจำปี 2554
           
          ณ บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร และศาลเจ้าทั้ง 9 แห่ง ระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2554 ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ เนื่องจากในอดีตพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองท่าที่มีชาวจีนอพยพมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน อีกทั้งยังได้สร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตามความเชื่อมากมายหลายศาล  ในปัจจุบันจึงมีชาวไทยเชื้อสายจีนที่ยังคงอนุรักษ์ประเพณีที่ดีงามนี้และสืบทอดต่อมาอยู่เป็นจำนวนมาก

ด้านนายกุลวัชร หงส์คู นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร ได้กล่าวว่า ในปีนี้ ประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร ได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบโดยจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ , เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมบริจาคสร้างบุญสมทบ 84 กองทุน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ และจัดจำหน่ายสินค้าราคาถูกเพื่อนำรายได้ทั้งหมดสมทบเข้า 84 กองทุน อีกด้วย นอกจากนี้บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ริมแม่น้ำท่าจีน ยังมีการจำหน่ายอาหารเจจากร้านค้ามากกว่า 50 ร้าน ที่มีการควบคุมคุณภาพ ความสะอาดปลอดภัย และรสชาติของอาหาร มีการจัดนิทรรศการความเป็นมาของประเพณีถือศีลกินเจ และอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กิจกรรมไหว้เจ้า 9 ศาล ตามเส้นทางใน  Passport  ไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร” โดยเมื่อประทับตราศาลเจ้าครบทั้ง 9 ศาลแล้ว สามารถนำไปขอรับเหรียญ “เทพเจ้าไช้ซิ้งเอี้ย” เทพเจ้าแห่งโชคลาภและเงินทองได้ฟรี ที่อุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม ตำบลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้สามารถขอรับ Passport ได้ที่เทศบาลนครสมุทรสาคร ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม และ ศาลเจ้าทั้ง 9 แห่ง
ผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  เทศบาลนครสมุทรสาคร  โทร. 0 3441 1028 หรือ  ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม โทร. 0 3475 2847-8   E-mail : tatsmsk@tat.or.th  

ร้องทุกข์, มุทิตาคาระวะ





ร้องเรียน นายทนงศักดิ์ (จ่าตุ๊) ธีรรังสี อดีตสมาชิก อบต.หมู่ 1 ตำบลบางโทรัด อ.เมืองสมุทรสาคร ยื่นหนังสือร้องเรียนแก่ นายเมธา จันทร์สอาด ประธานชมรมเพื่อนสื่อจังหวัดสมุทรสาคร ให้ช่วยตรวจสอบผู้บริหารของ อบต.บางโทรัด บางคน เอื้อประโยชน์ให้แก่ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบต.บางโทรัด ในกรณีกล่าวหาบุกรุกพื้นที่แพรกสาธารณะ ทั้งนี้ ใกล้ที่จะมีการเลือกตั้งนายกฯ และสมาชิก อบต.เกรงว่าจะโดนกลั่นแกล้งทางการเมือง.....



รองนายกฯโวยโดนปลดไม่เป็นธรรม ชาวบ้านท่าทรายรวมตัวค้านคำสั่ง
            เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 กันยายน 2554 ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายสิริบูรณ์ ทองบางเกาะ อดีตรองนายก อบต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมชาวบ้านตำบลท่าทรายประมาณ 100 คน ได้มารวมตัวเพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เรื่องอุทธรณ์คำสั่งปลดนายสิริบูรณ์ออกจากรองนายก อบต.ท่าทราย โดยมี นายอิศเรศ ฐิติมานะกุล ท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสาคร ลงมารับหนังสือและรับฟังคำชี้แจงจากชาวบ้าน
            ทั้งนี้ นายสิริบูรณ์ ทองบางเกาะ  เปิดเผยว่า ที่มารวมตัวกันในวันนี้ เพราะจะมายื่นเอกสารหลักฐานพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงรวมทั้งนำพยานเข้านำสืบการอุทธรณ์คำสั่งที่นายเรืองฤทธิ์ อุบลไทร นายก อบต.ท่าทราย ปลดตนออกจากตำแหน่งรองนายกฯ ในข้อหาที่ไร้สาระ ทำตัวเป็นผู้นำประชาชนมาประท้วงนายก อบต.ท่าทรายกรณีคัดค้านการสร้างปั๊มน้ำมัน ปากทางเข้าซอยหมู่บ้านร่วมใจ หมู่ 8 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวตนเองไม่ได้นำคนมาประท้วงนายก แต่เป็นชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง จึงรวมตัวกันคัดค้านการสร้างปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่พวกเขาเหล่านั้นกระทำได้ แต่กลับมากล่าวหาว่าตนพาคนมาประท้วงคัดค้าน ซึ่งก็เป็นที่มาของการสั่งปลดตนออกจากตำแหน่งรองนายก จึงได้ทำหนังสือชี้แจงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่านายก อบต.ท่าทราย ใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรม สั่งให้ตนพ้นจากตำแหน่งรองนายกฯ เพราะเป็นผู้นำประชาชนมาประท้วงนายกนั้น ไม่เป็นความจริงดังที่กล่าวหา
            ทางด้าน นายเรืองฤทธิ์ อุบลไทร นายก อบต.ท่าทราย กล่าวเพียงสั้นๆว่า การปลด นายสิริบูรณ์ ทองบางเกาะ  ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ เป็นคำสั่งทางปกครองของตนและได้บอกเหตุแห่งการปลดออกในหนังสือแล้ว ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่นายสิริบูรณ์จะอุทธรณ์คำสั่งได้





แสดงมุทิตาจิต - พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และ  นายเมธา จันทร์สอาด ประธานชมรมเพื่อสื่อจังหวัดสมุทรสาคร  ร่วมงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดครบ 6 รอบ 72 ปี (พรรษา 46) พระครูอุทัย ธรรมสาคร หรือหลวงพ่อมาลัย เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันวาน....

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554