pearleus
ป.ป.ส.
เดินหน้าแผน “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก”
หยุดการแพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 หมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 เวลา 10.00 น. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส.แถลงผลปฏิบัติการ “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 หมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ" จากนั้นเวลา 10.15 น. ตรวจเยี่ยมการคัดกรองผู้เสพเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดจำนวน 72 ราย ซึ่งเป็นผู้เสพที่ตำรวจนครบาลส่งตัวให้สำนักงาน ป.ป.ส. ภายหลังจากการ
ลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นชุมชนในเขต กทม. จำนวน 112 เป้าหมาย เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ อาคารสำนักงาน ป.ป.ส. (ทุ่งสองห้อง) กรุงเทพมหานคร พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ เพื่อลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคม และได้สั่งการสำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ออกแผนปฏิบัติการพร้อมกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม สามารถลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยเร็ว และแม้ว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดจะส่งผลต่อความพึงพอใจของประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลได้สูงถึงร้อยละ 95 โดยใช้มาตรการต่างๆ แต่การแพร่ระบาดของยาเสพติดในระดับหมู่บ้านชุมชนยังคงเป็นปัญหาที่ดำรงอยู่อย่างซ้ำซากในหลายพื้นที่ เนื่องจากยังคงมีนักค้ายาเสพติดส่วนหนึ่งที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ขาดจิตสำนึกและคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อเด็กและเยาวชน ตลอดจนสังคมโดยส่วนรวม หวังแต่เพียงเงิน สำนักงาน ป.ป.ส. จึงบูรณาการการทำงานและระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความรุนแรงของปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในระดับหมู่บ้านชุมชน นับเป็นภารกิจที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดในระยะ 3 เดือนจากนี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการทุกมาตรการทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้เสพผู้ติดยาเสพติด โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลและดำเนินการสำรวจสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในแต่ละอำเภอเพื่อจำแนกเป้าหมายออกเป็นเป้าหมายพื้นที่ ได้แก่ หมู่บ้าน/ชุมชนที่ยังคงมีปัญหาแพร่ระบาดในเกณฑ์สูงหรือปานกลางในพื้นที่รับผิดชอบ เป้าหมายบุคคลได้แก่ ข้อมูลผู้เกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเป็นเป้าหมายปฏิบัติการโดยให้จำแนกเป็นกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ารายย่อย ผู้ค้ารายใหญ่ ผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งเกี่ยวข้องโดยตรง และสนับสนุนผู้ค้า รวมทั้งใช้อิทธิพลช่วยเหลือนักค้ายาเสพติด แล้วนำมาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
การปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ดำเนินการ 90 เป้าหมาย ใน 6 จังหวัด ดังนี้
1.พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 20 เป้าหมาย
2.พื้นที่ ปปส.ภาค 1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 35 เป้าหมาย
3.พื้นที่ ปปส.ภาค 4 จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 6 เป้าหมาย
4.พื้นที่ ปปส.ภาค 5 จังหวัดพะเยา จำนวน 18 เป้าหมาย
5.พื้นที่ ปปส.ภาค 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 เป้าหมาย
6.พื้นที่ ปปส.ภาค 9 จังหวัดพัทลุง จำนวน 8 เป้าหมาย
สามารถดำเนินการได้ 84 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน ยึดของกลางได้เป็นยาบ้า ไอซ์ คีตามีน ต้นและใบกระท่อม รวมทั้งอาวุธปืนจำนวนหนึ่ง และสามารถยึดทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณ และเงินสดมูลค่ารวม 30,000 บาท นอกจากนี้ยังพบผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด 44 คน ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. จะนำตัวเข้ารับการคัดกรอง เพื่อบำบัดรักษา ฟื้นฟูและติดตามช่วยเหลือแบบครบวงจรต่อไป
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำหรับแผน “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก” สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในพื้นที่เป้าหมายที่เป็นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 แห่งทั่วประเทศ โดยการปิดล้อมตรวจค้น ขยายผลจับกุมเป้าหมาย พร้อมทำการยึดอายัดทรัพย์สินฯ โดยเริ่มเปิดยุทธการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 58 สามารถดำเนินการได้กว่า 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา 32 คน ค้นพบผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดจำนวน 87 คน (จากการค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดตามคำสั่ง คสช.ที่ 108/2557 ทั้งหมด 215 คน) และนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยมีการประเมินและคัดกรองผู้เสพผู้ติดยาเสพติด จากศูนย์เพื่อการคัดกรองผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟู เพื่อจำแนกระดับของการเสพติด ในกรณีผู้เสพยาเสพติด ให้นำเข้าสู่การบำบัดรักษาในค่าย “ศูนย์ขวัญแผ่นดิน” ซึ่งเป็นศูนย์ฯที่ดำเนินการด้านการบำบัดรักษาครบวงจร มีหลักสูตรที่มีมาตรฐานเดียวกันทุกแห่งโดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน ป.ป.ส.สำหรับผู้ที่ติดยาเสพติดจะนำเข้าสู่การบำบัดรักษาในโรงพยาบาล และผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่เป็นโรคร้ายแรงจะนำเข้าสู่การบำบัดรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง นอกจากนี้ยังให้การช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด เช่น พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองเป็นผู้ค้าแล้วถูกจับกุม หรือเป็นผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดแล้วเข้ารับการบำบัดรักษา สำหรับปฏิบัติการที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมและยึดของกลางเป็นยาบ้า 3.3 หมื่นเม็ด ไอซ์ อัลปราโซแลม และพืชกระท่อมจำนวนหนึ่ง ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมประมาณ 60 ล้านบาท โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน เพื่อลดระดับปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนให้ปรากฏผลชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญการลดผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ด้วยกระบวนการบำบัดรักษา ฟื้นฟูและการติดตามช่วยเหลือแบบครบวงจรเป็นลำดับแรก และ ทำลายปราบปรามโครงสร้างการค้ายาเสพติด ลดอิทธิพล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนโดยประสานการปฏิบัติร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากเราสามารถลดระดับปัญหาเหล่านี้ลงได้ก็จะส่งผลให้สถานการณ์ปัญหายาเสพติดโดยรวมดีขึ้น สามารถควบคุมได้”
รองวุฒิ ชี้ชัดรายงาน
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 เวลา 10.00 น. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส.แถลงผลปฏิบัติการ “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 หมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ" จากนั้นเวลา 10.15 น. ตรวจเยี่ยมการคัดกรองผู้เสพเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดจำนวน 72 ราย ซึ่งเป็นผู้เสพที่ตำรวจนครบาลส่งตัวให้สำนักงาน ป.ป.ส. ภายหลังจากการ
ลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นชุมชนในเขต กทม. จำนวน 112 เป้าหมาย เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ อาคารสำนักงาน ป.ป.ส. (ทุ่งสองห้อง) กรุงเทพมหานคร พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ เพื่อลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคม และได้สั่งการสำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ออกแผนปฏิบัติการพร้อมกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม สามารถลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยเร็ว และแม้ว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดจะส่งผลต่อความพึงพอใจของประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลได้สูงถึงร้อยละ 95 โดยใช้มาตรการต่างๆ แต่การแพร่ระบาดของยาเสพติดในระดับหมู่บ้านชุมชนยังคงเป็นปัญหาที่ดำรงอยู่อย่างซ้ำซากในหลายพื้นที่ เนื่องจากยังคงมีนักค้ายาเสพติดส่วนหนึ่งที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ขาดจิตสำนึกและคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อเด็กและเยาวชน ตลอดจนสังคมโดยส่วนรวม หวังแต่เพียงเงิน สำนักงาน ป.ป.ส. จึงบูรณาการการทำงานและระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความรุนแรงของปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในระดับหมู่บ้านชุมชน นับเป็นภารกิจที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดในระยะ 3 เดือนจากนี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการทุกมาตรการทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้เสพผู้ติดยาเสพติด โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลและดำเนินการสำรวจสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในแต่ละอำเภอเพื่อจำแนกเป้าหมายออกเป็นเป้าหมายพื้นที่ ได้แก่ หมู่บ้าน/ชุมชนที่ยังคงมีปัญหาแพร่ระบาดในเกณฑ์สูงหรือปานกลางในพื้นที่รับผิดชอบ เป้าหมายบุคคลได้แก่ ข้อมูลผู้เกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเป็นเป้าหมายปฏิบัติการโดยให้จำแนกเป็นกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ารายย่อย ผู้ค้ารายใหญ่ ผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งเกี่ยวข้องโดยตรง และสนับสนุนผู้ค้า รวมทั้งใช้อิทธิพลช่วยเหลือนักค้ายาเสพติด แล้วนำมาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
การปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ดำเนินการ 90 เป้าหมาย ใน 6 จังหวัด ดังนี้
1.พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 20 เป้าหมาย
2.พื้นที่ ปปส.ภาค 1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 35 เป้าหมาย
3.พื้นที่ ปปส.ภาค 4 จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 6 เป้าหมาย
4.พื้นที่ ปปส.ภาค 5 จังหวัดพะเยา จำนวน 18 เป้าหมาย
5.พื้นที่ ปปส.ภาค 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 เป้าหมาย
6.พื้นที่ ปปส.ภาค 9 จังหวัดพัทลุง จำนวน 8 เป้าหมาย
สามารถดำเนินการได้ 84 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน ยึดของกลางได้เป็นยาบ้า ไอซ์ คีตามีน ต้นและใบกระท่อม รวมทั้งอาวุธปืนจำนวนหนึ่ง และสามารถยึดทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณ และเงินสดมูลค่ารวม 30,000 บาท นอกจากนี้ยังพบผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด 44 คน ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. จะนำตัวเข้ารับการคัดกรอง เพื่อบำบัดรักษา ฟื้นฟูและติดตามช่วยเหลือแบบครบวงจรต่อไป
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำหรับแผน “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก” สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในพื้นที่เป้าหมายที่เป็นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 แห่งทั่วประเทศ โดยการปิดล้อมตรวจค้น ขยายผลจับกุมเป้าหมาย พร้อมทำการยึดอายัดทรัพย์สินฯ โดยเริ่มเปิดยุทธการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 58 สามารถดำเนินการได้กว่า 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา 32 คน ค้นพบผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดจำนวน 87 คน (จากการค้นหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดตามคำสั่ง คสช.ที่ 108/2557 ทั้งหมด 215 คน) และนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยมีการประเมินและคัดกรองผู้เสพผู้ติดยาเสพติด จากศูนย์เพื่อการคัดกรองผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟู เพื่อจำแนกระดับของการเสพติด ในกรณีผู้เสพยาเสพติด ให้นำเข้าสู่การบำบัดรักษาในค่าย “ศูนย์ขวัญแผ่นดิน” ซึ่งเป็นศูนย์ฯที่ดำเนินการด้านการบำบัดรักษาครบวงจร มีหลักสูตรที่มีมาตรฐานเดียวกันทุกแห่งโดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน ป.ป.ส.สำหรับผู้ที่ติดยาเสพติดจะนำเข้าสู่การบำบัดรักษาในโรงพยาบาล และผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่เป็นโรคร้ายแรงจะนำเข้าสู่การบำบัดรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง นอกจากนี้ยังให้การช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด เช่น พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองเป็นผู้ค้าแล้วถูกจับกุม หรือเป็นผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดแล้วเข้ารับการบำบัดรักษา สำหรับปฏิบัติการที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมและยึดของกลางเป็นยาบ้า 3.3 หมื่นเม็ด ไอซ์ อัลปราโซแลม และพืชกระท่อมจำนวนหนึ่ง ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมประมาณ 60 ล้านบาท โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน เพื่อลดระดับปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนให้ปรากฏผลชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญการลดผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ด้วยกระบวนการบำบัดรักษา ฟื้นฟูและการติดตามช่วยเหลือแบบครบวงจรเป็นลำดับแรก และ ทำลายปราบปรามโครงสร้างการค้ายาเสพติด ลดอิทธิพล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนโดยประสานการปฏิบัติร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากเราสามารถลดระดับปัญหาเหล่านี้ลงได้ก็จะส่งผลให้สถานการณ์ปัญหายาเสพติดโดยรวมดีขึ้น สามารถควบคุมได้”
รองวุฒิ ชี้ชัดรายงาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น