pearleus

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จับสถานเสริมความงามเถื่อนย่านเหม่งจ๋าย

ที่หมู่บ้านกลางเมือง-เหม่งจ๋าย เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ก.ค. พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รองผบก.ปคบ. พร้อมด้วยนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุภาพ นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้ช่วยอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้นำหมายศาลแขวงพระนครเหนือ เลขที่ 39/2558 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 52/115 หมู่บ้านกลางเมือง ซอยประชาอุทิศ แขวง/เขตวังทองหลาง กทม. ซึ่งเปิดเป็นสถานบริการเสริมความงามเถื่อน ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ที่บ้านดังกล่าวมีการลักลอบ เปิดเป็นสถานเสริมความงามโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีผู้มาทำการเสริมความงามและเกิดใบหน้าพัง
       โดยสถานที่ดังกล่าว เปิดเป็นลักษณะบ้าน ทาวโฮมสูง 3 ชั้น โดยชั้นล่าง เป็นที่รักษาและตรวจดูอาการที่มารักษา พบอุปกรณ์การแพทย์ นอกจากนี้ยังพบ ยาชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ชั้นที่ 2 เป็นที่พัก และที่ชั้น 3 เป็นห้องพักฟื้น ผู้ที่มาทำการรักษาเกี่ยวกับเสริมความงาม ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ พบนายสุทัศน์ ปิดตาฝ้าย อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของสถานเสริมความงามเถื่อน  ได้อ้างว่าก่อนหน้านี้ตนเองมีอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่โรงบาลทหารเรือจากนั้นด้วยความที่รักและชื่นชอบในการศัลยกรรมตกแต่ง ใบหน้า จึงได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา เกี่ยวกับการเสริมความงามมาโดยเรียนมา 4ปีเมื่อจบมา ก็อยากที่จะลองวิชาที่เรียนมาและมาอาศัยบ้านเพื่อน เป็นที่ทำศัลยกรรมใบหน้า ส่วนลูกค้าจะเป็นพวกที่ประกอบอาชีพ แดนเซอร์ พริตตี้ และกลุ่มที่ใบหน้าเสียโฉมมา ซึ่งกลุ่มนี้จะทำให้ฟรี เหมือนกับได้เรียกลูกค้าใหม่ๆ ค่าบริการก็จะขึ้นอยู่ว่าจะทำอะไร มีตั้งแต่หลักพัน ถึงหลักหมื่นบาท และยอมรับว่าผิดที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับเวชกรรม
        นายแพทย์ธเรศ ได้เปิดเผยว่า สำหรับสถานเสริมความงามแห่งนี้ เปิดบริการไม่ถูกหลักอนามัย จึงทำให้เกิดการติดเชื้อ ดูจากการเก็บเครื่องมือการแพทย์ เช่น  เข็มฉีดยา ที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก จึงทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งเบื้องต้น ก็จะนำยาชนิดต่างๆ ตรวจสอบ ที่มาของยา ว่ามาจากแหล่งใด
         ด้านพ.ต.อ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด และสืบทราบว่าสถานที่แห่งนี้เปิดดำเนินการมาหลายปีแล้ว ซึ่งเคสนี้มีผู้เสียหายมาใช้บริการทำให้เกิดแผลอักเสบจึงเข้ามาปรึกษากับหมอว่าจะดำเนินการอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่จึงติดตามเข้ามาตรวจสอบว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ จากการตรวจสอบไม่ใช่หมอที่แท้จริง สถานที่ไม่มีชื่อไม่มีใบอนุญาตเป็นการประกอบการที่ไม่ถูกต้อง และเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายอีกด้วย
        ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและจับกุมได้มีนายกฤตภัคหรือ กิ๊ฟ วนิชาวงศ์ อายุ 27 ปี อาชีพฟีแลนซ์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนได้เข้าประกวดนางงามประเภทสองของเวทีการประกวดที่พัทยาที่จัดขึ้นโดยรายการทางโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 และได้รางวัล กิ๊ฟวอชเชอร์เสริมความงาม จำนวน 50,000 บาท ต่อมาวันที่ 27 พฤษภาคม ตนได้ตัดสินใจมาเสริมความงามที่คลินิกแห่งนี้หรือที่วงการเสริมความงามเรียกว่าคลีนิกหมอซิ่ง ตนตั้งใจจะฉีกโบท็อก จึงชวนเพื่อนๆ มาเสริมความงามด้วยกัน เพราะตนคิดว่าคงใช้เงินไม่ถึง 50,000 บาท  แต่เมื่อมาถึงคุณหมอได้ดูจากรูปหน้าของตน และทำจมูกให้ตนเลยทันที โดยที่ตนยังไม่ได้บอกอะไร หลังจากนั้นอีก 4-5 วัน จมูกของตนก็เริ่มแดงและบวมมาก จึงกลับมาให้หมอดู หมอได้บอกกับตนว่าจมูกติดเชื้อ และได้ฉีดแสตมป์เซลล์ให้ แต่กลับรุนแรงกว่าเดิม จนต้องตัดแกนซิลโคนออก แต่แผลกลับรุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก และมีการข่มขู่ ตนจึงร้องเรียนไปทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ   
      เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ ยึดยาชนิดต่างๆ ไว้ พร้อมอุปกรณ์ในการเสริมความงาม พร้อมทั้งแจ้งข้อหาประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, การเปิดสถานพยาบาลเถื่อน(ไม่ได้รับอนุญาต) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และขายยาโดยไม่ได้ขึ้นตำรับทะเบียนยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนควบคุมตัวนายสุทัศน์ ไปสอบสวนต่อที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ)///วุฒิชี้ชัดรายงาน








0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น