pearleus

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ จับมือขับเคลื่อนแผนการผลิต และการตลาดข้าวครบวงจรปี 2559/60 เน้นการทำงานเชิงรุกตั้งแต่การวางแผน การปฏิบัติ และการตรวจติดตาม

    เมื่อ 4 เม.ย.59  เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 1 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ จัดการประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (video conference) โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมในการประชุมฯ เพื่อมอบนโยบายและชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ให้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด (ยกเว้นภูเก็ต) ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการผลิตและการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด 
     คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการผลิตและการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด ซึ่งประกอบด้วย ปลัดจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เกษตรจังหวัด ธ.ก.ส. จังหวัด    
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด 
นายอำเภอ ตัวแทนผู้ประกอบการส่งออก  โรงสี  ชาวนา เกษตรอำเภอ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกัน 
     สำหรับที่มาของการประชุมในวันนี้ สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบแผนการผลิต และการตลาดข้าวครบวงจร 
โดยกำหนดเป้าหมายควบคุมปริมาณการเพาะปลูกในปี 2559/60 จากเดิม 29 ล้านตัน ให้อยู่ที่ 27 ล้านตันข้าวเปลือก และใช้พื้นที่เพาะปลูก จากเดิม 65 ล้านไร่ ให้เหลือ 61 ล้านไร่ โดยได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และ คณะทำงานกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรมีผู้ตรวจราชการกระทรวงทั้ง 3 กระทรวง เป็นหัวหน้าคณะทำงาน รวมทั้งหมด 28 คณะ เพื่อเป็นกลไกในการติดตามกำกับดูแลและแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานของหน่วยงานในพื้นที่เป็นรายพื้นที่ (จังหวัด) ซึ่งจะเป็นประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดอย่างใกล้ชิดในฐานะประธาน คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด โดยทั้ง 3 หน่วยงานได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การวางแผน การปฏิบัติ และการตรวจติดตาม 
    
     ในวาระแรก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ได้ชี้แจงถึงที่มาและกรอบการทำงาน เรื่องการบริหารจัดการข้าวอย่างครบวงจร ซึ่งเป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ให้ความเห็นชอบ แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรเพื่อแก้ไขปัญหาข้าวในเรื่องการตลาด ผลผลิตที่ล้นตลาด โดยได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำ โดยวางแผนการผลิตข้าวปีการผลิต 2559/2560 ให้ครบวงจร สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปรับโครงสร้างการผลิตให้เหมาะสมกับพื้นที่ และสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรทุกราย ดังนั้น จึงต้องสร้างความเข้าใจให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และจะต้องเร่งดำเนินการตามแผนที่กำหนดเนื่องจากขณะนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกข้าวแล้ว 
     จากนั้น นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว ว่า นบข. ได้เห็นชอบแนวทาง  การตลาดนำการผลิตเน้นการควบคุมปริมาณผลผลิตข้าว ดังนั้น จึงต้องเตรียมความพร้อมในพื้นที่ก่อนเป็นอันดับแรก
  ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนให้มีการปลูกข้าวคุณภาพดี มีมูลค่าสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และบูรณาการทุกภาคส่วน รวมทั้งนำนวัตกรรมมาแปรรูปผลผลิต เป็นสินค้าเชิงพาณิชย์มากขึ้น เพื่อยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกร รวมทั้งจะผลักดันให้ภาคเอกชน ทำตลาดล่วงหน้าเพื่อให้มีตลาดรองรับที่แน่นอน
    ด้าน พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การทำงานของทั้ง  3 กระทรวง จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ฤดูกาลผลิตนี้เป็นต้นไป ซึ่งแผนการบริหารจัดการข้าวครบวงจรเป็นงานที่ นบข. ได้มอบหมายให้ทั้ง 3 กระทรวง ร่วมกันดำเนินการและติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการทำงานให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งแผนการผลิตและการตลาดในครั้งนี้ จะดำเนินการเฉพาะในฤดูกาลผลิต 2559/2560 เท่านั้น เพราะจะต้องมีการประเมินสถานการณ์ข้าวโลกประกอบด้วย      ปัจจุบันเรามีพื้นที่เพาะปลูก ทั้งประเทศ 130 ล้านไร่  มีพื้นที่ที่เหมาะสมในการเพาะปลูกอยู่ประมาณ 67% ที่เหลือ 33% ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ขณะนี้เรามีฐานข้อมูลแผนที่การเกษตรแล้ว โดยจำแนกเป็นรายจังหวัด อำเภอ ซึ่งจะได้นำข้อมูลทั้งหมดมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อนำไปใช้ ประโยชน์ในการปรับแผนการเพาะปลูกข้าว รวมทั้งให้ข้อแนะนำแก่เกษตรกรในการเพาะปลูกให้เหมาะสมด้วย 

    สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำถึงการทำงานในระดับพื้นที่ ซึ่งปัจจัยความสำเร็จขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดในการตรวจติดตาม โดยหัวใจสำคัญของแผนนี้ คือ การควบคุมพื้นที่การเพาะปลูกให้เป็นไปตามเป้าหมายซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดจะเป็นจิกซอว์สำคัญที่ทำให้เป็นภาพที่สมบูรณ์ เพื่อทำให้ได้ผลผลิตตรงตามความต้องการของตลาด ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ โดยการตรวจติดตามจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ข้าวนาปีของภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคมจึงจะเป็นพื้นที่ข้าวนาปีของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนบน และภาคใต้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน  และเพื่อให้การติดตามงานในพื้นที่เพาะปลูกมีความสะดวกและแม่นยำมากยิ่งขึ้น การทำงานในครั้งนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีการติดตามจาก GISTDA มาใช้ เพื่อช่วยในการเก็บข้อมูล และ การตรวจสอบให้เป็นไปอย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น