pearleus

วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

เกษตรสมุทรสาครแจ้งเตือนแมลงศัตรูพืชเข้าทำลายกล้วยไม้ในหน้าแล้ง

           นายเศรณี อนิลบล เกษตรจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ในขณะนี้มีสภาวะภูมิอากาศร้อน และแห้งแล้ง   ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการระบาดของแมลงศัตรูพืชเข้าทำลายกล้วยไม้ ได้แก่ เพลี้ยไฟ และบั่วกล้วยไม้ ดังนั้น เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดที่รุนแรง  สร้างความเสียหายแก่เกษตรกร และกระจายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น  จึงขอความร่วมมือเกษตรกรร่วมกันสำรวจ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันกำจัดอย่างถูกต้องเหมาะสมแบบผสมผสาน

เพลี้ยไฟ

ตัวอ่อน
ตัวเต็มวัย







ลักษณะการเข้าทำลายของเพลี้ยไฟ


ที่มา: กรมวิชาการเกษตร, 2554
ลักษณะการเข้าทำลาย
       ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยเข้าทำลายดอกกล้วยไม้ โดยใช้ปากเขี่ยเนื้อเยื่อให้ช้ำแล้วดูดน้ำเลี้ยงจากเซลล์พืช บริเวณที่ถูกทำลายเกิดรอยด่าง ทำลายกล้วยไม้เกือบตลอดปี แต่พบน้อยในช่วงฤดูฝน

รูปร่างลักษณะ
        ไข่ เพลี้ยไฟกล้วยไม้จะวางไข่ฟองเดี่ยวๆ สอดไว้ใต้เนื้อเยื่อพืช ไข่มีสีขาวใส รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว  ขนาดเล็กมากประมาณ 0.1 - 0.2 มิลลิเมตร ระยะไข่ 4 - 8 วัน
ตัวอ่อน แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ ๑ ลำตัวมีลักษณะขาวใส ผอมเรียวเล็ก ขนาดลำตัวยาว 0.2 - 0.3 มิลลิเมตร ปลายท้องค่อนข้างแหลม เคลื่อนไหวตลอดเวลา และเริ่มทำลายพืชทันที
ระยะที่ ๒ ลำตัวมีสีเหลืองเข้มขึ้น บริเวณปลายส่วนท้องไม่แหลมเหมือนระยะที่ 1 ลำตัวยาว 0.3 - 0.4 มิลลิเมตร เคลื่อนไหวรวดเร็ว และว่องไวมาก
ระยะที่ ๓ ลำตัวมีสีเหลืองเข้ม ขนาด ๐.๕ – ๐.๗ มิลลิเมตร เป็นระยะก่อนเข้าดักแด้ การเคลื่อนไหวช้าลง แต่ยังคงทำลายพืชได้ ตัวอ่อนระยะนี้ ใช้เวลา ๖ – ๑๐ วัน จึงเข้าสู่ระยะดักแด้
ดักแด้ มีสีเหลืองเข้ม ขนาด 0.7 - 0.8 มิลลิเมตร แผ่นปีกทั้งสองเจริญมากขึ้นและยาวเกือบถึงปลายท้อง หนวดจะวกกลับชี้ไปทางด้านหลังเหนือส่วนหัว ระยะนี้เพลี้ยไฟจะไม่เคลื่อนไหว ไม่กินอาหาร และเข้าดักแด้ในดิน ดักแด้มีอายุ 3 - 4 วัน
ตัวเต็มวัย มีสีเหลืองเข้ม ขนาดลำตัวยาว 0.8 - 1.0 มิลลิเมตร ปีกมีสีเหลืองปนน้ำตาลอ่อน ยาวคลุมมิดส่วนท้อง มีขนยาวสีเทารอบปีก ในระยะนี้ เพลี้ยไฟจะเคลื่อนไหวรวดเร็วและว่องไว ตัวเต็มวัยมีอายุ 16 - 24 วัน ที่อุณหภูมิ 20 - 30 องศาเซลเซียส วงจรชีวิตจากไข่ถึงตัวเต็มวัย 14 - 23 วัน

การควบคุมและการป้องกัน
๑. สุ่มสำรวจช่อดอกกล้วยไม้ ช่อที่มีดอกบานประมาณ ๔ ดอก โดยสุ่ม ๔๐ ช่อดอกต่อไร่ (หันหลังดอกไปทางทิศมีแสง) เมื่อพบเพลี้ยไฟ ๓ – ๔ ตัวต่อช่อดอก ให้ทำการป้องกันกำจัด หากอยู่ในช่วงดอกตูมให้สุ่มสำรวจ          ที่ดอกตูมด้วย
๒.  ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง ดังนี้
-      อิมิดาโคลพริด (คอร์ฟิดอร์ ๑๐๐ เอสแอล) อัตรา ๑๐ – ๒๐ มิลลิลิตร/น้ำ ๒๐ ลิตร
-      อะเซทามิพริด (โมแลน ๒๐ % เอสพี) อัตรา ๑๐ – ๒๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร
-      อะบาเม็กติก (แจคเก็ต, เวอร์ทิเม็ค ๑ – ๘ % อีซี) อัตรา ๑๐ - ๒๐ มิลลิลิตร/น้ำ ๒๐ ลิตร
-      ฟิโปรนิล (แอสเซ้นด์ ๕ % เอสพี) อัตรา ๒๐ มิลลิลิตร ต่อน้ำ ๒๐ ลิตร
-      ไซเพอร์เมทริน/โฟซาโลน (พาร์ซอน ๒๘.๗๕ % อีซี) อัตรา ๔๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร

หมายเหตุ
       เพื่อป้องกันการสร้างความต้านทานสารป้องกันกำจัดแมลงในเพลี้ยไฟ ควรพ่นสารสลับกัน แต่ไม่ควรพ่นติดต่อกันเกิน 3 ครั้ง โดยพ่น 5 - 7 วันต่อครั้ง ในฤดูร้อน และ 7 - 10 วันต่อครั้ง ในฤดูฝน และควรพ่นป้องกันกำจัดแมลงที่พื้นดินในโรงเรือนด้วย เนื่องจากตัวอ่อนเพลี้ยไฟมักฝังตัวและเข้าดักแด้ในดิน
บั่วกล้วยไม้

ตัวหนอน

ลักษณะการทำลายที่ดอก






0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น