pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข่าวนครปฐม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม







           จากนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด ของรัฐบาลซึ่งกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ
ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 1ปี จะทำให้ปัญหายาเสพติดลดระดับความรุนแรงลง 80% เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการป้องกัน ปราบปราม บำบัด ลดผู้เสพไม่ให้กลับไปเสพอีก และสกัดกั้นการนำ ยาเสพติดเข้ามาตามชายแดน การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานให้เป็นการทำงานเชิงรุก
กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ได้ขานรับนโยบายรัฐบาล ได้กำหนดเป้าหมาย ปราบ ปรามกลุ่มผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเป็นผู้ค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ดำเนินการจำแนกผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดออกจากผู้ต้องขังทั่วไป กำหนดมาตรการสำหรับเรือนจำความมั่นคงสูงสุด (super max) ให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามในระดับสูงสุด
นโยบายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย) ให้ไว้ต่อผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศ ว่า เรือนจำต้องไม่ใช่แหล่งสั่ง ซื้อ-ขาย ยาเสพติด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องไม่ ทำผิดเสียเอง และในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผู้บัญชาการเรือนจำต้องประสานความร่วมมือกับฝ่ายต่างๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด สำนักงาน ป.ป.ส. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
วันนี้ เวลา 05.00 น. นายนิมิต จันทร์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมพร้อมผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้บังคับการตำรวจภูธร ภาค ๗ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 7 โดยมีกำลังสนับสนุนการปฏิบัติการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 220 นาย เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ปปส. ภาค 7 จำนวน 15 นาย เจ้าหน้าที่จากสมาชิกกองรักษาดินแดน สังกัดกองบังคับการรักษาดินแดนจังหวัด (อส.) จำนวน 10 คน และเจ้าหน้าที่ของเรือนจำกลางนครปฐม จำนวน 104 คน โดยมีคณะสื่อมวลชนเป็นสักขีพยานในการเข้าตรวจค้นเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมเพื่อพิสูจน์การทำงานของเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมโดยมี ดร.สุรสิทธิ์ จิตรชอบใจ ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ พร้อมคณะร่วมตรวจค้นเรือนจำทั้ง 5 แดน มียอดผู้ต้องขัง ชาย 2,825 คน ผู้ต้องขังหญิง 405 คน โดยเข้าตรวจค้นที่นอน ห้องพักผู้ต้องขัง หาสิ่งของต้องสงสัย อาทิ มือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น ๆ และสิ่งของอื่นใดที่ผู้ต้องขังไม่ควรมีไว้ในครอบครองระหว่างอยู่ในเรือนจำ
                นายนิมิต จันทร์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า หลังการตรวจค้นไม่พบยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของผิดกฎหมาย แต่อย่างใด ทั้งนี้ เจ้าหน้าทีสำนักงาน ปปส. ภาค 7 ได้ดำเนินการสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขัง ชาย 103 คน หญิง 26 คน ไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะ แต่อย่างใด จึงเชื่อได้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมมีความเข้มแข็ง ตรวจสอบเข้มงวด จึงทำให้ผู้ต้องขังไม่มีสิ่งของแปลกปลอมใด ๆ
                จากข้อมูลที่ได้รับมาทราบว่า เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมมีการตรวจค้นเรือนนอนของผู้ต้องขังเป็นประจำทุกสัปดาห์ และมีการตรวจสุขลักษณะจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกวันจันทร์ ทำให้เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมแห่งนี้มีความโปร่งใส และผู้ต้องขังอยู่ในระเบียบควบคุมได้และเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน นายนิมิต จันทร์วิมล กล่าว
                ดร.สุรสิทธิ์ จิตรชอบใจ ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กล่าวเสริมด้วยว่า ขณะนี้เรือนจำแห่งใหม่ตำบลวังตะกูก่อสร้างเสร็จแล้วโดยมีเทคโนโลยีเช่นเดียวกับต่างประเทศ 1 ห้องขังรองรับผู้ต้องขัง 18 คน พร้อมเทคโนโลยีการเปิดประตูและกำแพงมีการป้องกันแบบพิเศษ รวมถึงขยายพื้นที่เป็น 9 แดน ซึ่งสามารถรองรับผู้ต้องขังเพื่อได้อีก
                ปัจจุบันเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมก่อสร้างมานานกว่า 115 ปี ก็มีการชำรุดทรุดโทรมไปบ้าง แต่ก็ซ่อมแซมอยู่สม่ำเสมอ อีกทั้งระเบียบในการดูแลผู้ต้องขังเป็นไปอย่างเคร่งครัด และรองรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาชอบก่อจลาจลในเรือนจำจังหวัดอื่น ได้กว่า 30 คน ซึ่งถือเป็นเทคนิคการทำงานเฉพาะเรือนจำเท่านั้น ดร.สุรสิทธิ์ จิตรชอบใจกล่าว

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข่าวฆ่าช้างป่า

ทำแผนคดีลักลอบยิงช้างป่า





       
      วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 8.30 น. พล.ต.อ.ปานศิริ  ประภาวัต รอง ผบ.ตร.(ปป1) พร้อม พล.ต.ท.จรัมพร  สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป32) เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ กองบินตำรวจ  นำ 2 ผู้ต้องหาทำแผนคดีลักลอบยิงช้างป่า  ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  จว.เพชรบุรี

ข่าวสุพรรณ



สุพรรณบุรี ตำรวจจับอดีตนักกีฬาฟุตบอลหญิง
ทีมชาติไทยค้ายาบ้ายาไอซ์







เมื่อ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วิโรจน์ ศักดิ์สมบูรณ์ รองผกก.สส.ภ.จ.สุพรรณบุรี พ.ต.ท.นิมิตร ล้านคำ สวป.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ช่วยราชการสืบสวน ภ.จ.สุพรรณบุรี สืบทราบว่าน น.ส.ฉัตรแก้ว หรือน้อง เข็มทอง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 หมู่ 9 ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ลักลอบขายยาบ้าอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงได้วางแผนส่งสายลับติดต่อล่อซื้อ โดย น.ส.ฉัตรแก้ว นัดหมายให้สายมารับยาบ้าที่บ้านพัก ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง  เจ้าหน้าที่จึงนำเงินให้สายลับเข้าล่อซื้อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จู่โจมเข้าจับกุมตัว น.ส.ฉัตรแก้ว ได้พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 195 เม็ด ยาไอซ์ 43 กรัม พร้อมเงินของกลางที่ใช้ล่อซื้อ จำนวน 95,000 บาท ยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องนอกจากนี้สามารถจับกุมตัว น.ส.ปริญญา หรือแก่น เพ็งมา อายุ 33 ปี เพื่อนร่วมแก๊งขณะกำลังนั่งนับเงินของกลางที่ใช้ล่อซื้ออยู่
            สอบสวนทราบว่า น.ส.ฉัตรแก้ว อดีตนักกีฬาฟุตบอลหญิงทีมชายไทย สมัยตอนอายุ 19 ปี และเคยเป็นครูรับจ้างสอนโรงเรียนเอกชนใน จ.สุพรรณบุรี มาก่อน แต่หลังจากสามีได้ถูกจับคดียาเสพติด และยังมีลูกอีก 1 คน ไม่มีรายได้อะไรจึงได้หันมาค้ายาเสพติดแทนสามี โดยได้รับยาเสพติดมาจากนายยุทธ ไม่ทราบนามสุกล คนในหมู่บ้านเดียวกัน ขณะที่ น.ส.ปริญญา เพื่อนร่วมแก๊ง เป็นอดีตผู้ช่วยเภสัชกร จ.นครปฐม ให้การอ้างว่าไม่รู้เรื่องเนื่องจาก น.ส.ฉัตรแก้ว ให้มาช่วยนับเงินให้  เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลติดตามจับกุมเครือข่ายนี้ต่อไป จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาดำเนินคดีต่อไป         
น.ส.ฉัตรแก้ว หรือน้อง เข็มทอง  ( เสื้อสีเทา) อดีตนักกีฬาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย น.ส.ปริญญา หรือแก่น เพ็งมา  อดีตผู้ช่วยเภสัชกร จ.นครปฐ (เสื้อลายดอก) 
มงคล สว่างศรี นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์ สุพรรณบุรี

ข่าวต่างประเทศ



ศาลเขมรตัดสินจำคุกตลอดชีวิต"เลขาธิการ ปปส.

" ข้อหา"คอร์รัปชัน-ค้ายาเสพติด"




         อัยการศาลกัมพูชากล่าวว่า นายม็อก ดารา อดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกัมพูชา พร้อมทั้งนายเชีย เล็ง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตข้อหาทุจริตใน 32 คดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนอกจากนั้น ศาลในจังหวัดบันเตียน เมียนเจย ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ยังตั้งข้อกล่าวหาทั้งคู่ว่ารับเงินสินบนจากนายหน้าค้ายาเสพติด ขณะที่ผู้ต้องหารายที่สาม คือนายมอน เดือน ซึ่งยังคงลอยนวลอยู่ ถูกตัดสินจำคุก 25 ปีอัยการยังกล่าวว่า ศาลจังหวัดบันเตียเมียนเจยยังสั่งปรับพลตำรวจโทม็อก ดารา และนายเชีย เล็งคิดเป็นเงิน 220,000 และ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ  และซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่พวกเขาทุจริตรับสินบนไป และสั่งยึดทรัพย์ผู้ต้องหาทั้งสามอีกด้วยทั้งนี้ พลตำรวจโทม็อก ดารา เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ก่อนถูกควบคุมตัวเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้วทางการกัมพูชาประกาศสงครามยาเสพติดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลทำให้มีผู้ถูกจับกุมหลายร้อยราย โดยบางรายมีตำแหน่งใหญ่โตในวงราชการ ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีผู้ดำรงตำแหน่งนายพลสองนายถูกจับกุมในข้อหาค้ายาบ้า ทั้งนี้ กัมพูชากลายเป็นเส้นทางผ่านของแก๊งค้ายาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาบ้าและเฮโรอีน หลังจากทางการไทยได้ใช้ดำเนินมาตรการเช่นเดียวกันนี้ในปี 2002
รายงานโดย ศุกร์ โสวรรณ              


ข่าว สตช.


ผบ.ตร.เข้าเฝ้าฯน้อมเกล้าฯถวายเฮลิคอปเตอร์




ผบ.ตร.เข้าเฝ้าฯน้อมเกล้าฯถวายเฮลิคอปเตอร์
                วันที่13 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมาสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานพระวโรกาสให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์  ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เข้าเฝ้าฯน้อมเกล้าฯถวายเฮลิคอปเตอร์  เพื่อใช้เป็นพระราชพาหนะ  ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี จว.กระบี่......สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ได้ทราบตระหนักดีถึงพระราชภารกิจของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี  ที่เสด็จฯ ไปทรงช่วยเหลือราษฎร์ในท้องถิ่นต่าง ๆ  มาโดยตลอด    จึงได้ดำเนินการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวาย สำหรับใช้เป็นพระราชพาหนะ อำนวยความสะดวกในการเสด็จฯ ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ  เพื่อความผาสุกของปวงชนชาวไทย


ข่าว ธกส.


เกษตรกรกว่า 3 แสนราย เข้าร่วมโครงการพักหนี้กับ ธ.ก.ส.


      ธ.ก.ส.แจงผลงานการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในโครงการพักหนี้ ทั้งในส่วนของผู้ประสบอุทกภัย และผู้มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 500,000 บาท  ตามนโยบายรัฐบาลไปแล้วกว่า 3 แสนราย  คิดเป็นร้อยละ 88.88 ของลูกค้าที่แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ พร้อมเร่งจัดทำแผนฟื้นฟูให้เกษตรกรไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้ที่มั่นคง
นายบุญไทย  แก้วขันตี  ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555  ให้ขยายเวลาในการแสดงความประสงค์เพื่อขอเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้
ปี 2554  ให้แก่เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 500,000 บาท  โดยเป็นการพักชำระหนี้ ในกลุ่มลูกค้าที่มีปัญหาหนี้สินค้างชำระ หรือหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือลูกค้า ธ.ก.ส. ในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส)  ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2554 จนถึง                 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ไปเป็นสิ้นสุดโครงการในวันที่ 15 เมษายน 2555 เนื่องจากยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมาก ยังไม่มาแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ นั้น

        ในส่วนของ ธ.ก.ส. มีเกษตรกรลูกค้าที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการจำนวนทั้งสิ้น 639,589 ราย จำนวนเงิน 77,753 ล้านบาท  
ทั้งนี้  ในจำนวนดังกล่าวปรากฏว่ามีเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือจากโครงการของรัฐไปแล้ว เช่น โครงการพักชำระหนี้น้ำท่วม 
ปี 2553  กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรไทย (กฟก.)  โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.)  โครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.)  จำนวน 72,253 ราย จำนวนเงิน 7,115 ล้านบาท  คงเหลือเกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ปี 54 เพียงจำนวน 567,331 ราย  จำนวนเงิน 70,638 ล้านบาท

                อย่างไรก็ตามเกษตรกรที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ จำนวน 567,331 รายดังกล่าว มีบางส่วนที่ประสบอุทกภัยและได้เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้น้ำท่วมปี 54 ไปแล้ว จำนวน 28,294 ราย  คิดเป็นจำนวนเงิน 4,477 ล้านบาท  ส่วนที่เหลือได้แจ้งความประสงค์ขอพักชำระหนี้ ปี 54 จำนวน 314,585 ราย  จำนวนเงิน 38,748 ล้านบาท  และแจ้งความประสงค์ไม่เข้าร่วมโครงการ 42,907 ราย จำนวนเงิน 4,781 ล้านบาท  ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการพักชำระหนี้แล้วทั้งสิ้น 342,879 ราย จำนวนเงิน 43,225 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 88.88 ของผู้แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ
นายบุญไทย  กล่าวอีกว่าขณะนี้ยังคงมีลูกค้าที่ยังไม่ได้แจ้งความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการ หรือยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออีกจำนวน 181,545 ราย จำนวนเงิน 22,632 ล้านบาท  ซึ่ง ธ.ก.ส. จะเร่งสอบถามความสมัครใจและดำเนินตามนโยบายให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนมีนาคม 2555 นี้
                ด้านการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้  ธ.ก.ส. จะดำเนินการโดยผ่านชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรกรทฤษฎีใหม่ รวมถึงศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ธ.ก.ส. รวมประมาณ 3,500 ศูนย์  เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิด ปรับกระบวนการผลิตของผู้เข้าร่วมโครงการให้เกิดการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำบัญชีครัวเรือน การลดค่าใช้จ่าย การพัฒนาอาชีพใหม่ๆ  เพื่อเสริมรายได้ เป็นต้น  
โดยตั้งเป้าจะอบรมเกษตรกรพักหนี้อย่างน้อยร้อยละ 70 ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการและใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 1,119 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 55 – 31 มี.ค. 58 



ข่าว ธกส.


ธ.ก.ส.-วี สมาร์ท เดินหน้าระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกร
พร้อมมอบบัตร 2 ล้านใบ ภายใน พ.ค นี้



         ธ.ก.ส. ให้ บริษัท วี สมาร์ท เร่งจัดทำระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกร เตรียมสรุปผลการทดลองระบบนำร่อง
การใช้บัตรจำนวน 5,000 ใบ ใน 5 จังหวัด  พร้อมติดตั้งระบบให้ร้านค้าเครือข่าย 3,000 ร้านค้า ก่อนส่งมอบบัตรให้แก่เกษตรกร 2 ล้านใบ ภายในพฤษภาคม นี้

                วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2555) นายลักษณ์  วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.)เป็นประธานในพิธีลงนามระหว่าง นายอวยชัย  อัครวณิชเลิศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กับ ดร.วัชรี  พรรณเชษฐ์     กรรมการผู้จัดการบริษัท วี-สมาร์ท จำกัด ในสัญญาเช่าบริการระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกร ระยะเวลาเช่า 3 ปี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าจำนวน 2 ล้านราย ผ่านจุดบริการร้านค้า 3,000 แห่งทั่วประเทศ ในวงเงินเช่าเหมา 177 ล้านบาท
ณ ห้องอัปรา 2  โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ภายหลังพิธีลงนาม นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกษตรกรสามารถรับบริการสินเชื่อด้วยความสะดวกรวดเร็ว ผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร ที่มีวงเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่จำเป็น ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช เป็นต้น โดยได้เลือกเช่าเหมาบริการระบบงานบัตรสินเชื่อเกษตรกรของ บริษัท วี- สมาร์ท จำกัด เป็นระยะเวลา 3 ปี ในวงเงิน 177 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการตามโครงการจะแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ส่งมอบบัตรสินเชื่อเกษตรกร จำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 ใบ  พร้อมกับติดตั้งระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกรให้กับสำนักงานสาขาของ ธ.ก.ส. ไม่น้อยกว่า 5 สาขา และติดตั้งระบบให้กับสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.(สกต.) สหกรณ์การเกษตร และร้านค้าเครือข่ายที่ขึ้นทะเบียนกับ สกต. จำนวนไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ทั้งนี้ในระยะที่ 1 นั้น ได้ดำเนินการทดลองระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกรในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัดไปแล้ว ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสระบุรี มีจำนวนลูกค้าที่ทดลองใช้บัตรทั้งสิ้น 5,339 ราย โดยจะมีการสรุปผลการทดลองระบบนำร่อง เพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการต่อไปสำหรับการดำเนินการระยะที่ 2 บริษัทวี-สมาร์ท จะส่งมอบบัตรจำนวน 2 ล้านใบ เพื่อให้ ธ.ก.ส. แจกจ่ายให้กับเกษตรกรลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมติดตั้งระบบให้กับสำนักงาน ธ.ก.ส. สาขา จำนวน 1,000 สาขา และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 3,000 ร้านค้าภายในเดือนพฤษภาคม 2555  ซึ่งขณะนี้มีจำนวนร้านค้าที่ขึ้นทะเบียน
ทั่วประเทศแล้วกว่า 2,000 ร้านค้านายลักษณ์ กล่าวอีกว่า การจ่ายสินเชื่อผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรจะช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ให้กับเกษตรกรลูกค้า รวมทั้งช่วยลดขั้นตอนในเรื่องการทำเอกสารการกู้เงินและการรับเงินกู้ด้านวัสดุอุปกรณ์การเกษตรซึ่งต่อไป ธ.ก.ส. มีนโยบายที่จะออกบัตรให้แก่เกษตรกรสมาชิกของสหกรณ์การเกษตร สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนเกษตรกรทั่วไปในอนาคต รวมทั้งมีแผนที่จะต่อยอดบัตรสินเชื่อเกษตรกรเป็นบัตรเครดิตเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าได้ทุกประเภท โดยจะพัฒนาเป็นบัตรกดเงินสดได้ด้วยทั้งนี้เกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการบัตรสินเชื่อ ต้องเป็นเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ไม่มีหนี้ค้างชำระและไม่เป็นลูกค้าตามโครงการพักชำระหนี้  ประกอบอาชีพทำนาข้าวและมีผลผลิตข้าวส่วนเหลือเพื่อขาย  และต้องนำผลผลิตข้าวของตนเองมาจำนำตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล สำหรับวงเงินสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการผลิตของเกษตรนั้น ธ.ก.ส. ได้กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 70 ของผลผลิตส่วนเหลือเพื่อขาย  แต่ในส่วนของบัตรสินเชื่อเกษตรกร ธ.ก.ส. จะกำหนดวงเงินตามความจำเป็นและเหมาะสมในการผลิตข้าวของเกษตรกรแต่ละราย โดยคิดอัตราดอกเบี้ย MRR ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 7 ปลอดดอกเบี้ย 30 วัน ด้าน ดร.วัชรี  พรรณเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท วี-สมาร์ท จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก ธ.ก.ส. เพื่อให้บริการเช่าระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกรแก่ธนาคารของรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นธนาคารที่ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นฐานรากของประเทศ ประกอบกับปีนี้ทราบมาว่า ธ.ก.ส. ได้ประกาศให้สาธารณชนรับทราบว่า เป็นปีแห่งการขอบคุณและดูแลลูกค้าของธนาคาร จึงถือเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะมีส่วนร่วมกับ ธ.ก.ส. ในการมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ลูกค้าของธนาคาร และสำหรับการให้บริการเช่าระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกรดังกล่าว บริษัทฯเชื่อมั่นในศักยภาพและประสบการณ์ว่าสามารถรองรับภารกิจของงานธนาคารตามโครงการนี้ได้
เป็นอย่างดี



ข่าว ธกส.




 ธ.ก.ส. จัดทำประกันชีวิตให้ลูกค้าชั้นดีกว่า 2.6 ล้านราย วงเงินเกือบพันล้านบาท









         ธ.ก.ส. เลือก ไทยประกันชีวิต จัดทำประกันชีวิตมอบเป็นสวัสดิการให้แก่ลูกค้าชั้นดี เพื่อช่วยลดภาระหนี้กรณีลูกค้าเสียชีวิตหรือทุพลภาพกว่า 2.6 ล้านราย วงเงิน 991 ล้านบาท คุ้มครองรายละ 1 แสนบาท จ่ายสินไหมขั้นต่ำ 30,000 บาท
        เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 นายลักษณ์  วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในพิธีลงนามระหว่าง นายอวยชัย  อัครวณิชเลิศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กับ ดร.อภิรักษ์  ไทพัฒนกุล
กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ในเรื่องของสัญญาจ้างทำประกันชีวิตให้แก่ลูกค้า ธ.ก.ส.ตามโครงการลดภาระหนี้แก่ลูกค้าชั้นดี โดยคุ้มครองตามมูลหนี้แต่ไม่เกินรายละ 100,000 บาท ณ ห้องประชุมยุคลธร โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครหลังเสร็จสิ้นพิธีลงนามนายลักษณ์  วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการสวัสดิการเพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกค้าชั้นดี เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าที่มีประวัติด้านวินัยทางการเงินที่ดี โดย ธ.ก.ส. ได้คัดเลือกและทำสัญญาจ้างกับ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดทำกรมธรรม์ประกันชีวิตให้แก่ลูกค้าชั้นดี เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่ทายาทและครอบครัว ซึ่งจะให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตหรือทุพลภาพสิ้นเชิงถาวรตามมูลหนี้จริง คือ ต้นเงินกู้ที่ลูกค้าคงเป็นหนี้และดอกเบี้ยเงินกู้ ณ วันที่ลูกค้าเสียชีวิตบวกกับดอกเบี้ยเงินกู้นับถัดจากวันที่ลูกค้าเสียชีวิต แต่ไม่เกินรายละ 100,000 บาท โดยบริษัทฯจะจ่ายสินไหมทดแทนให้แก่ ธ.ก.ส.เพื่อนำมาหักชำระหนี้เงินกู้แทนลูกค้าตามจำนวนที่เป็นหนี้ กรณีมูลหนี้จริง ตั้งแต่ 0-30,000 บาท บริษัทฯจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนรายละ 30,000 บาท โดยบริษัทฯจะจ่ายให้กับ ธ.ก.ส.ภายใน 15 วันทำการ นับจากที่บริษัทได้รับเอกสารครบถ้วน ตัวอย่าง เช่น ลูกค้าที่ชำระหนี้ครบถ้วนไม่มีมูลหนี้คงเหลือแต่เกิดเหตุเสียชีวิต ทายาทก็จะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทน จำนวน 30,000 บาท  หรือ กรณีลูกค้ามีมูลหนี้คงเหลือ 20,000 บาท บริษัทฯจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวน 30,000 บาท เมื่อหักชำระหนี้แล้วยังมีเงินคงเหลืออีก 10,000 บาท ธ.ก.ส.จะจ่ายคืนให้กับทายาท หรือ กรณีลูกค้ามีมูลหนี้รวมดอกเบี้ย 200,000 บาท บริษัทฯจะจ่ายเพียง 100,000 บาท ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 100,000 บาท ทายาทต้องเป็นผู้รับใช้หนี้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามถือว่าหนี้ที่มีอยู่นั้น ได้ถูกลดภาระในระดับหนึ่ง  

                ทั้งนี้ลูกค้าชั้นดีที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์เป็นระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน  เริ่มตั้งแต่ 
1 พฤศจิกายน 2554 - 30 เมษายน 2556 มีลูกค้าที่ได้รับความคุ้มครอง จำนวน 2,609,467 ราย คิดเป็นวงเงินค่าเบี้ยประกันทั้งสิ้น 991,883,019 บาท โดยให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตหรือทุพลภาพถาวรจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ รวมถึงอัมพาตสิ้นเชิงหรือสูญเสียมือ เท้า และดวงตา แต่จะไม่คุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอัตวินิบาตกรรมภายในปีแรก
ของการเอาประกันและภาวะทุพลภาพสิ้นเชิงที่เกิดขึ้นหรือมีมาก่อนการทำประกัน ด้านนายลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดทำประกันชีวิตมอบเป็นสวัสดิการให้แก่ลูกค้าชั้นดี เป็นหนึ่งในมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมลูกค้าชั้นดีของ ธ.ก.ส เพื่อสร้างความเป็นธรรมและมอบเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ลูกค้าที่มีวินัยทางการเงิน ปฏิบัติตามเงื่อนไขของธนาคาร ซึ่งลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการต้องมีประวัติการชำระหนี้ดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ ไม่อยู่ในระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ไม่อยู่ในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ และไม่เป็นลูกค้ารับใช้หนี้เงินกู้ นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังมีการส่งเสริมในเรื่องสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อให้มีเงินไปใช้ในกิจการเกี่ยวกับงานฌาปนกิจศพ โดยไม่สร้างภาระให้กับบุคคลในครอบครัว เรียกได้ว่าเป็นมรดกความดีที่ลูกค้าธ.ก.ส.ได้สงเคราะห์ช่วยเหลือกันและกัน อีกทั้งยังได้สนับสนุนให้ลูกค้าทำประกันสินเชื่อกับบริษัทประกันต่างๆที่เป็นเครือข่ายกับ ธ.ก.ส. โดยความสมัครใจ เพื่อจะได้มีเงินทุนให้กับครอบครัวไว้ใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตส่วนด้านดร.อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่าไทยประกันชีวิตรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจาก ธ.ก.ส. เพื่อให้ความคุ้มครองประกันชีวิตแก่ลูกค้าชั้นดี ตามโครงการสวัสดิการลดภาระหนี้ อันเป็นการสร้างหลักประกันและความอุ่นใจให้แก่เกษตรกรซึ่งเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. โดยโครงการนี้จะให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรโครงการดังกล่าวเกิดจากความตั้งใจของ ธ.ก.ส.ในการลดภาระหนี้ ในกรณีที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับลูกค้าหรือครอบครัวของลูกค้า ซึ่งไทยประกันชีวิตเองตระหนักถึงความตั้งใจดีของ ธ.ก.ส.ในข้อนี้ กอรปกับเกษตรกรเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้นำเสนอความคุ้มครองในอัตราเบี้ยประกันที่เหมาะสม การรับประกันในโครงการนี้ จะรับประกันลูกค้าชั้นดีที่ขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. โดยให้ความคุ้มครองตามมูลหนี้ แต่ไม่เกินรายละ 100,000 บาท และมีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้คุ้มครองตามสัญญาต่อเนื่อง 1 ปี 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 ถึงเดือนเมษายน 2556 โดยที่ผ่านมามีลูกค้าเสียชีวิตและเคลมสินไหมแล้วรวม 35 ราย คิดเป็นเงินสินไหมรวมกว่า 1 ล้าน 7 แสนบาท














 
รัฐบาลเตรียมสรุปแผนงานการบริหารจัดการน้ำหลังลงพื้นที่เสร็จสิ้น ยืนยันการระบายน้ำออกจากเขื่อนมีแผนป้องกันภัยแล้งควบคู่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละจังหวัด จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ โดยพื้นที่ต้นน้ำให้ปลูกป่า ทำฝายชะลอน้ำ และจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ปรับการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนหลักตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ส่วนพื้นที่กลางน้ำ จะมีการเชื่อมลุ่มน้ำให้สามารถระบายน้ำได้สะดวกขึ้น ทั้งการขุดลอกคูลอง การทำแก้มลิง สำหรับพื้นที่ปลายน้ำจะระบายน้ำลงทะเลให้เร็วขึ้น รวมถึงพิจารณาพื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำ ซึ่งขณะนี้แต่ละจังหวัดได้จัดหาพื้นที่ไว้แล้วกว่า 1 ล้านไร่ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะพิจารณาขอบเขตพื้นที่และการระบายน้ำออก รวมถึงการปรับโครงสร้างพื้นฐาน การเยียวยาประชาชนในพื้นที่ และภายหลังการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น จะมีการสรุปแผนงาน และโครงการที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงการระบายน้ำออกจากเขื่อน อาจส่งผลให้เกิดปัญหาภัยแล้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (กยน.) ได้กำหนดแผนงาน และหลักเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำ ทั้งการบรรเทาปัญหาอุทกภัย และการป้องกันการขาดแคลนน้ำไว้แล้ว โดยสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้ตลอดเวลา
กระทรวงสาธารณสุขเตือนประชาชนระวังไข้เลือดออกระบาดหลังพบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกตั้งแต่วันที่ 1 - 19 มกราคม 2555 ว่า พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 332 ราย เสียชีวิต 1 ราย และมีแนวโน้มสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยผู้ป่วยร้อยละ 56 อยู่ในภาคกลางหรือจำนวน 185 ราย เสียชีวิต 1 ราย รองลงมาคือภาคใต้ 69 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 42 ราย และภาคเหนือ 36 ราย ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือกลุ่มเด็กเล็ก เพราะเด็กยังไม่สามารถบอกอาการตัวเองได้ ดังนั้น จึงขอให้ผู้ปกครองใช้วิธีสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด ส่วนวิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกคืออย่าให้ยุงกัดและต้องลดปริมาณยุงลาย ขอให้ประชาชนยึดหลัก 3 เก็บ คือ 1.เก็บขยะ ทั้งเศษภาชนะขังน้ำ พลาสติกเหลือใช้ 2.เก็บบ้าน ให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายเกาะพักอาศัย เก็บล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำให้เป็นระเบียบ และ3.เก็บน้ำ เก็บน้ำกินน้ำใช้ให้สะอาด มิดชิด โดยปิดฝาภาชนะ โอ่ง ไม่ให้ยุงลายลงไปวางไข่ หากทุกคนร่วมมือกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว เชื่อว่าในปีนี้โรคไข้เลือดออกจะไม่เกิดการระบาดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด รณรงค์ให้ประชาชนทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้ชุมชนทุกแห่งจัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดยุงลายเพื่อลดปริมาณยุงลายให้มากที่สุด ทั้งนี้ หากมีรายงานพบผู้ป่วยแม้เพียงรายเดียว ให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เพื่อควบคุมโรคภายใน 24 ชั่วโมง และทำลายลูกน้ำยุงลาย โดยการพ่นสารเคมีฆ่ายุงตัวแก่ภายในบ้านและรอบบ้านผู้ป่วยในรัศมี 100 เมตร และพ่นซ้ำอีก 7 วัน


ข่าว กทม.


 
สุเมธระบุผู้นำสมัยใหม่ ต้องรู้รอบด้าน มีพระเดชและพระคุณ
            โรงแรมพูลแมน 16 ก.พ.- "สุเมธ ตันติเวชกุล" ระบุผู้นำสมัยใหม่ต้องรู้รอบได้ เข้าใจทั้งภูมิศาสตร์และสังคม มีความรับผิดชอบ เสียสละ เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ชี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นเหมือนสัตว์ 3 ชนิด และถือศีล 5 จะรักษาตำแหน่งผู้นำได้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "สภาวะผู้นำ ฝ่าวิกฤติประเทศไทย" จัดโดยชมรมคอลัมนิสต์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ไทย สรุปว่า เรื่องผู้นำถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ว่ามนุษย์ หรือ สัตว์มีความเหมือนกัน เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งผู้นำมีบุคลิกลักษณะที่แข็งแกร่ง มีความโดดเด่น ด้วยการแสดงออกหรือมีพละกำลัง "คำว่าหัวหน้าหมายถึงผู้นำ มีความหมายในตัว คือ หัว และ หน้า แต่ตอนหลังมานี้คนที่เป็นผู้นำเอาแต่หน้า ไม่ค่อยมีหัวเท่าไหร่ เช่น สมัยบรรพบุรุษ เมื่อหัวหน้าออกรบ ทุกคนจะรอดูผล ใครชนะอีกฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้ แต่สมัยนี้โลกกลับตาลปัตร หัวหน้าอยู่ใต้ดินคอยสั่งการบังคับบัญชาผ่านระบบไอที บัญชาการรบในจอ และจะตายเป็นคนสุดท้าย คุณสมบัติของผู้นำ คือ ต้องมีความรับผิดชอบ มีความเชี่ยวชาญ รู้ที่ รู้ทิศ รู้ทาง หากผู้นำพาผิดที่ ผิดทิศ ผิดทาง ความหายนะจะเกิดขึ้น ประเทศเราประสบเรื่องนี้หลายครั้ง เพราะมีนโยบายที่ผิด ความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ผู้นำในทุกวันนี้ ผ่านมาผ่านไป ไม่มีความรับผิดชอบ" นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า หลายคนบอกว่าผู้นำต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ การมีพระเดช ต้องไม่ใช้อย่างพร่ำเพื่อ ไม่ใช้แบบขู่ไปเรื่อย ใครอยู่ตำแหน่งอะไร ได้อำนาจหน้าที่มาต้องใช้อย่างศักดิ์สิทธิ์ จำไว้ว่าอย่าหลงพระเดช ผู้นำบางคนเสพอำนาจจนหลงเหมือนติดยาเสพติด ต้องระวัง เพราะอำนาจไมใช่ของเราตลอดไป หากบริหารจัดการได้ ชีวิตจะมีคามสุข อยู่รอด และที่สำคัญจะทำให้องค์กรและประเทศที่ดูแลเจริญงอกงามไปด้วย ส่วนพระคุณต้องสะสมเอง เพราะเมื่อพระเดชจบ แต่พระคุณยังอยู่ "ผู้นำต้องเป็นผู้รู้ หากไม่รู้ต้องมีกุนซือ หรือนักปราชญ์ ถ้าผู้นำมีที่ปรึกษาที่ดี จะช่วยได้ในเวลาคับขัน เพราะต้องยอมรับว่าไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง ซึ่งการบริหารบ้านเมืองต้องเรียนรู้เข้าใจ ทั้งภูมิประเทศ และสังคมว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นอย่างไร คนแต่ละภาคมีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร บางคนรู้ว่าปัญหาทั้งหมดเกิดมาจากอะไร แต่นั่งเฉย ๆ แก้ปัญหาไม่ได้ ผู้นำเมื่อรู้ปัญหาต้องรีบเข้าไปแก้ไข หรือเวลามีปัญหาต้องให้คนเดินมาเราว่ามีปัญหาให้แก้ไข ถ้าทำได้เช่นนี้จะได้เป็นผู้นำที่ยอมรับได้ ผู้นำต้องเป็นสัตว์ได้หลายอย่าง เป็นนกพญาอินทรี ต้องบินสูง มองภาพรวม มองไกล มองต่ำ พยากรณ์เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าตลอดเวลา ผู้นำต้องเป็นเสือ เวลาเสือเคลื่อนไหว จะนิ่งเงียบ ไม่มีอะไรสั่นไหว รอเวลาจังหวะเหมาะสมออกล่า เพราะเสือแรงน้อย ไม่ใช่ไปที่ไหนใครก็รู้ และเวลามีปัญหาต้องไม่โวยวาย คำนวณการใช้ของที่มีน้อยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมือนกับเสือที่จะล่าเหยื่อ ส่วนสัตว์ชนิดสุดท้าย คือ กวาง การเป็นผู้นำต้องเป็นเหยื่อไปพร้อมกันด้วย กวางไม่หนีเสือ สิงโต นั่นคือความฉลาด เพราะเก็บภาพอยู่ตลอดเวลา แต่รักษาระยะ เหมือนผู้นำต้องเอาปัญหาให้อยู่ในสายตาตลอด ไม่หนีปัญหา ผู้นำบางคนหนีตลอดเวลา  เมื่อปัญหาสะสมวันหนึ่งจะรับไม่ไหว" นายสุเมธ กล่าวนายสุเมธ กล่าวอีกว่า ผู้นำที่ดีต้องรักษาเวลาด้วย อย่าไปต่ออายุให้วุ่นวาย เมื่อหมดหน้าที่ ก็ลงหลังเสือให้เร็วที่สุด ผู้นำต้องสร้างศรัทธาให้ผู้ตามให้ได้  มิเช่นนั้นไปไม่รอด  ศรัทธาสร้างได้ คือ ต้องเสียสละ คนเป็นหัวหน้าต้องละทิ้งความเป็นส่วนตัว ต้องคิดถึงบริวาร นึกถึงส่วนรวม นึกถึงประเทศชาติ  เสียสละ การทำงานให้  ผู้นำต้องมีประชาภิบาล ความยุติธรรม มีศีล 5 ถ้าทำได้ เราจะรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้.- ข้อมูลจากสำนักข่าวไทย
 
  


       

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข่าวสุพรรณ

พลุระเบิดในพิธีเปิดงานเทศกาลตรุษจีน











จากเหตุการณ์พลุระเบิดในพิธีเปิดงานฉลองเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ในช่วงหัวค่ำคืนวันที่ 24ม.ค.ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต รวม 4 ราย ได้รับบาดเจ็บเกือบ 100 ราย บ้านเรือนประชาชนถูกแรงระเบิดและไฟไหม้พังเสียหายสิ้นเชิงไม่สามารถเข้าอยู่ได้ 71 หลังคาเรือน และบ้านเรือนเสียหายรวม เกือบ 700 หลังคาเรือน รวมไปถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศาลาการเปรียญ กุฏิพระสงฆ์ โบสถ์ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก
ซึ่งทางจังหวัดได้จัดตั้งเต้นที่วัดพระศรีรัตนมหาธรตุเปิดให้เป็นศูนย์อพยพที่พักพิงช่วยคราวช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นวันที่ 2 โดยวันนี้มีทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนออกมาให้ความช่วยเหลือนำอาหารน้ำดื่มมาบริการให้ผู้ประสบภัยพลุระเบิดครั้งนี้
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิด เจ้าหน้าที่วิทยาการ ได้เคลียร์พื้นที่อันตราย เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ทำลายพลุที่ยังไม่ระเบิดในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว แต่เจ้าหน้าที่กันพื้นที่ในจุดเกิดเหตุห้ามไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่
ซึ่งทางตำรวจได้มาสาธิตจำลองภาพเหตุการณ์ วิธีการจุดพลุเพื่อเป็นแนวทางหาสาเหตุเบื้องต้นของการระเบิดพลุ นอกจากนี้ในเบื้อต้นตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิดได้เก็บหลักฐานกระบอกใส่พลุเป็นท่อไฟเบอร์ ที่ขาดเป็น 2 ท่อนห่างจากจุดเกิดเหตุ ราว 200 เมตร  ซึ่งเป็นสถานที่เก็บพลุที่จะใช้จุดในงานวันต่อไป ซึ่งจุดนี้อาจเป็นสาเหตุที่พลุระเบิด เนืองจากอาจมีการผิดพลาดจนทำให้กระบอกพลุขาดเป็นสองท่อน จากนั้นคาดว่าพลุไม่พุ่งสู้ท้องฟ้า  ส่งผลให้ประกายไฟวิ่งไปติดกับพลุที่เก็บไว้จำนวนมาก ชนิดที่เรียนว่าเป็นคลังแสงดี ๆ  จากพยานและหลักฐานเบื้องต้นสาเหตุน่าจะมาจากพลุไม่ได้มาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กำลังเร่งเก็บหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป
หลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่จนปลอดภัยแล้ว จากนั้นได้ให้เจ้าของบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้ามาตรวจดูความเสียหายของบ้านเรือนและตรวจสอบทรัพย์สินของตัวเองได้ พร้อมได้มีเจ้าหน้าอีกส่วนหนึ่ง เข้ามาสำรวจและบันทึกข้อมูลความเสียหายเบื้องต้นกับผู้ประสบภัย
ซึ่งมีเหยื่อเหตุพลุระเบิดที่เป็นผู้ประสบภัยหลายรายกล่าวว่า ตามที่นายบรรหาร ศิลปอาชา และคณะกรรมการจัดงานให้ข่าวว่าจะให้ความช่วยเหลือเต็มที่นั้น ไม่ทราบว่าจะมีการช่วยเหลือเยียวยาและจะชดเชยความสูญเสียให้กับชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อพลุระเบิดครั้งนี้แบบไหน จะเป็นการช่วยเหลือเป็นเงินไม่กี่หมื่นบาท หรือเป็นการช่วยเหลือให้ที่อยู่ที่อาศัยชั่วคราว หรือจะสร้างบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เสียหายให้ใหม่ ซึ่งชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อพลุระเบิดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของตัวเองว่าจะออกมาแบบไหน เนื่องจากผู้ประสบภัยส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป และค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ  มีรายได้น้อยหาวันกินวันเท่านั้น
ขณะที่ชาวบ้านบางรายกล่าวว่าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือของพี่น้องชาวสุพรรณบุรีมานานนับร้อยปี แต่หลังจากนายบรรหาร มีได้เริ่มสร้างมังกรใหญ่ที่สุดใหญ่โลกมาตั้งแต่ ปี 2548 เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน และจะได้ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดสุพรรณบุรี กระทั่งมาเมื่อประมาณปี 2551 ได้เกิดเหตุร้ายหรือจะเป็นรางร้ายด้วยหรือไม่ ได้เกิดเหตุที่เกล็ดของมังกรถูกไฟไหม้มาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่โชคดีเจ้าหน้าที่ช่วยกันดับไฟไว้ได้ โดยการสร้างมังกรสูงใหญ่นั้น จะเป็นการลบหลู่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือเปล่า เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าพ่อหลักเมืองอยู่คู่ชาวสุพรรณบุรี มานานนับร้อยปีไม่เคยเกิดเหตุร้ายลักษณะนี้
นอกจากนี้ชาวบ้านยังวิภาวิจารกันว่าพิธีเปิดงานเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ มาตรงกับช่วงการจัดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จะเป็นการไม่เคารพต่อดวงวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือเปล่า เนื่องจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นพระมหากษัตริย์ ที่ทรงกอบกู้แผ่นดินไทย ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องชาวสุพรรณบุรี เหยื่อพลุระเบิดรายหนึ่งเปิดเผยว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงไม่ควรมองข้ามหรือรบหลู่ อุบัติเหตุหรือเหตุร้ายหลายแห่งอาจมาจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วไปรบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้เจตนาก็เป็นไปได้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่จังหวัดนครปฐม สร้างธูปยักษ์สูงที่สุด หน้าพระร่างที่องค์พระปฐมเจดีย์  จนมาเป็นเหตุร้ายธูปยักษ์ล้มทับมีคนจนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก  
ด้าน พล.ต.ต.วีระ บุตรโพธิ์ ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี กล่าว่าขณะนี้ได้สอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์แล้วจำนวนหลายราย เพื่อไว้เป็นพยานและหลักฐานประกอบผลคดี
ล่าสุดนายศุภวัฒน์ จงศิริ หรือในนามฉายาศุภักษร เจ้าของบริษัทคอมอาร์ท โปรดักส์ชั่น จำกัด ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.สุทธิ พวงพิกุล พวงพิกุล  รอง ผกก.ภ.จ.สุพรรณบุรี เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน ซึ่งนายศุภวัฒน์ให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากการเที่ยวเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เป็นผู้จัดงานเทศกาลตรุษจีนนี้ และตนได้มอบหมายให้นายสยาม สาระเป็น พนักงานบริษัท โดยนายสยามได้ไปติดต่อว่าจ้างให้นายสายธาร แผนดี นำพลุมาจุดโดยเป็นผู้ควบคุมดูแลการจุดพลุงานนี้ โดยวันนี้จึงได้พานายสยาม ลูกน้อง และนายสายธารมาพบพนักงานสอบสวน ส่วนสาเหตุพลุระเบิดนั้นยังไม่ทราบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุเสียชีวิต อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ให้ความช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตไปแล้วบางส่วน
ด้าน พ.ต.อ.สุทธิ พวงพิกุล รอง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่าได้สอบปากคำนายสยาม สาระเป็น พนักงานบริษัท และนายสารธาร แผนดี ผู้รับจ้างจัดการเรื่องพลุไฟในงานเทศกาลตรุษจีนนี้ โดยขณะนี้ทางตำรวจได้แจ้งข้อกว่าวหากับนายสยามและนายสายธาร ว่ากระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินเสียหายและทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส สำหรับข้อหาอื่นที่ทางตำรวจจะแจ้งนั้น ว่ามีพาดพิงว่า ผู้ที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าว่าหานั้น กระทำความผิดฐานอื่นอีก พนักงานสอบสวนก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกในภายหลัง   
มงคล สว่างศรี - นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์  สุพรรณบุรี