pearleus

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

จ่อยิงหัว"สมยศ" เจ้าพ่อสถานบันเทิง พระราม 9 คาเฟ่

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. พ.ต.ท.กู้เกียรติ จันทร์พุ่ม พงส.ผนค.สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในลานจอดรถร้านอาหาร เฮงหูฉลาม ที่ตั้งเลขที่ 115 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.ชัยพล เอกกุล ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.ท.ธนาวุฒิ เปียผ่อง รอง ผกก.สส.สน.คลองตัน พ.ต.ท.สิริพงษ์ วรผลึก สว.สส.สน.คลองตัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชรพ.ตร. และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

  ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานจอดรถดังกล่าวพบศพนายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของพระรามเก้าคาเฟ่ อยู่บ้านเลขที่ 495 ซอยพระรามเก้า 49 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. สภาพนอนหงายแน่นิ่งจมกองเลือดนอนถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณกลางศีรษะจำนวน 1 นัด และหัวไหล่ข้างซ้าย 1 นัด สวมเสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตแขนสั้น สีน้ำตาล กางเกงยีนต์ขายาว ใส่รองเท้าแตะ สีดำ ข้างกายพบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌร 3636 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องยนต์อยู่ โดยด้านท้ายฝั่งซ้ายมีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนจนบุบ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

การบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย


           คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้กระทรวงมหาดไทย 
รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวม
ของประเทศ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ กำหนดให้กระทรวงมหาดไทย
เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขปัญหาขยะในภาพรวมของประเทศ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นหน่วยงานสนับสนุนในการดำเนินการ
 
และพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวด้วย
นายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาพรวมของประเทศ ซึ่งเป็นการบรูณาการการทำงานที่สอดคล้องกับ Road Map การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้ศึกษาวิเคราะห์รวบรวมข้อมูล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ แนวทางและวิธีการใน ๓ ประเด็น คือ
การรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการขยะมูลฝอยร่วมกัน (Clusters) โดยใช้เขตพื้นที่การปกครองเป็นหลัก การแบ่งกลุ่มแต่ละกลุ่มใช้เขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีพื้นที่ติดต่อกัน หรือมีเขตพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงกัน และใช้ข้อมูลจำนวนปริมาณขยะเป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มพื้นที่แบ่งออกเป็น ๓ ขนาด ได้แก่ กลุ่มพื้นที่ขนาดใหญ่ (L) หมายถึงกลุ่มพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยรวมกันแล้ว มากกว่า ๕๐๐ ตัน/วันขึ้นไป แบ่งกลุ่มพื้นที่ได้ จำนวน ๔๔ กลุ่ม 
ใน ๒๗ จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ ๑
,๓๔๗ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มพื้นที่ขนาดกลาง (M) หมายถึงกลุ่มพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยรวมกัน ตั้งแต่ ๓๐๐ ๕๐๐ ตัน/วัน แบ่งกลุ่มพื้นที่ได้ จำนวน ๖๐ กลุ่ม ใน ๕๐ จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ ๓,๐๙๒ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มพื้นที่ขนาดเล็ก (S) หมายถึง กลุ่มพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยรวมกันแล้วน้อยกว่า ๓๐๐ ตัน/วัน แบ่งกลุ่มพื้นที่ได้ จำนวน ๔๗ กลุ่ม ใน ๔๓ จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ ๒,๑๖๕ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วิธีการกำจัดขยะมูลฝอยตามกลุ่มพื้นที่ข้างต้น สามารถดำเนินการได้โดย การฝังกลบ การหมักทำปุ๋ย เตาเผาขนาดเล็ก เชื้อเพลิงขยะ เตาเผาขนาดใหญ่ และการผลิตไฟฟ้า
การพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอย (Rates) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า จากการประชุมหารือร่วมกัน ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยสุรนารี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 
กรมโยธาธิการและผังเมือง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถกำหนดค่าเฉลี่ยค่าขนถ่ายและกำจัดขยะมูลฝอยดังนี้ ค่าเฉลี่ยค่าขนถ่าย (
Logistics) โดยการขนย้ายขยะมูลฝอยไปกำจัดยังสถานที่กำจัดขยะ พิจารณาค่าใช้จ่ายจากองค์ประกอบสำคัญๆ ได้แก่ ค่ารถบรรทุก ค่าคนขับรถบรรทุก/รถขยะ ค่าคนเก็บขยะ  ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าบำรุงรักษา เป็นต้น ซึ่งในการขนถ่ายขยะมูลฝอยไปยังสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยระยะทาง
ที่คุ้มค่าไม่ควรเกิน ๓๐ กิโลเมตร โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการขนถ่ายคือ ๘๕๐ บาท/ตัน หรือ ๔๒.๔๐ บาท/ตัน/กิโลเมตร สำหรับค่าเฉลี่ยค่ากำจัดขยะมูลฝอย (
Tipping Fee) โดยการกำจัดขยะมูลฝอยในแต่ละวิธีการ
จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน พิจารณาจากองค์ประกอบสำคัญๆ ได้แก่ ค่าจ้างบุคลากร ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าดินกลบทับมูลฝอย ค่าแผ่นพลาสติกในการกลบทับ เป็นต้น โดยค่าเฉลี่ยในการฝังกลบขยะมูลฝอย จำนวน ๓๑๔ บาท/ตัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการกำจัดขยะมูลฝอยระบบผสมผสาน จำนวน ๕๐๐ บาท/ตัน และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในระบบเตาเผาขนาดใหญ่ จำนวน ๑
,๐๒๗ บาท/ตัน
การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (Law) เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาขยะ
มูลฝอยในภาพรวมของประเทศ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บทบัญญัติกฎหมายที่ควรให้กระทรวงมหาดไทย
มีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล คือการเพิ่มเติมจากอำนาจหน้าที่เดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแต่เดิมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้กำหนดให้เป็นหน้าที่เฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้นและอำนาจหน้าที่ควรกำหนดเพิ่มขึ้นให้กับกระทรวงมหาดไทย อาทิ การกำหนดมาตรฐานวิธีการเก็บขน และการกำจัดขยะมูลฝอย ตลอดจนการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นต้น
ทั้งนี้การบริหารจัดการขยะมูลฝอยจะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากในการกำจัดขยะมูลฝอยส่งผลกระทบต่อประชาชนและสภาพแวดล้อม ดังนั้น การพิจารณาคัดเลือกสถานที่กำจัดขยะ ควรพิจารณามิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชน หรือจัดให้มีกระบวนการในการควบคุมผลกระทบในทุกด้านให้อยู่ในขอบเขตการยอมรับของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะการจัดให้มีกระบวนการคัดแยกขยะที่ไม่ย่อยสลายก่อนการนำไปฝังกลบ และการจัดการขยะมูลฝอยควรอยู่ในหลักการ ขยะเกิดในพื้นที่ใด ควรเป็นความรับผิดชอบในการกำจัดของพื้นที่นั้นดังนั้น โดยหลักการทั่วไป การกำจัดขยะในพื้นที่ควรเป็นความรับผิดชอบในเบื้องต้นของพื้นที่นั้น ยกเว้น กรณีที่มีความคุ้มทุนในการนำขยะไปกำจัด เพื่อให้เกิดประโยชน์ หากจำเป็นต้องขนถ่ายขยะไปพื้นที่อื่นควรดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็นต้องดำเนินการ เช่น การใช้เทคโนโลยีในการกำจัดขยะร่วมกันระหว่างหลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งในกรณีดังกล่าว จำเป็นต้องมีการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น


ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมนำคณะหัวหน้าส่วนราชการเยี่ยมชมโรงงานอุสาหกรรม

วันที่ 30 มิถุนายน 2558 นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรม ณ บริษัท โอตานิ เรเดียล จำกัดตำบลบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์กับเจ้าของกิจการโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีระหว่างภาคราชการและภาคเอกชน โดย ดร.เกียรติชัย ลิมปิโชติพงษ์ ประธานกรรมการฯ กล่าวว่า บริษัท ยางโอตานิ จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2525 ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอสามพราน และในปี 2551 ได้ก่อตั้งบริษัท โอตานิเรเดียล จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตยางสำหรับใช้กับรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ รถแทรกเตอร์ รถโดยสาร รถไถนา และอื่นๆอีกมากมาย จำหน่ายในประเทศไทยและในทวีปต่างๆทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ โดยได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพมาตรฐานสากล ISO/TS16949 : 2009 , ระบบบริหารงานคุณภาพ ISO9001 : 2008 , ใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 , ในรับรองมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ และเกียรติบัตรนำมาตรฐานแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรม มอก.9999 ไปปฏิบัติ ซึ่งเป็น 2 ใน 9 บริษัทนำร่องอีกด้วย

ในด้านแรงงาน บริษัทฯมีพนักงานทั้ง 2 โรงงาน รวมทั้งสิ้น 1,300 คน มีสภาพการจ้างและสภาพการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด และมีคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานในโรงงาน มีคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีมาตรฐาน ผู้บริหารสถานประกอบกิจการมีวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นพัฒนาสถานประกอบกิจการควบคู่ไปกับการดูแลผู้ใช้แรงงาน และเข้าร่วมโครงการจัดทำระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังให้ความสำคัญในเรื่องของสวัสดิการของพนักงาน เช่น โครงการสถานประกอบการ ปลอดโรค ปลอดภัย กายใจเป็นสุข , โครงการสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานโอตานิ , การจัดตรวจสุขภาพและตรวจสารเสพติดประจำปี , กิจกรรมให้ความสำคัญกับสุขภาพ และความปลอดภัยของพนักงาน และโครงการลด ละ เลิก เหล้า บุหรี่ สิ่งเสพติด การพนัน และความปลอดภัยในการมาทำงานของพนักงานอีกด้วย














จับ"แก๊ง ป๊อบ ลักรถจักรยานยนต์" ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท ศรีวราห์

                                 
           ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดี"แก๊ง ป๊อบ ลักรถจักรยานยนต์" กองกำกับการตำรวจนครบาล๕ ภายใต้การอำนวยการโดย พล.ต.ต.ชวลิต ประสบศิลป์ ผบก.น.๕ ,พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รผบก.น.๕,พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.๕.,ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ดิลก รื่นเนตร,พ.ต.ท.เสก ตระกูลพานิชย์,พ.ต.ท.เจิดเกษม ศิริโชติ รอง ผกก.กก.สส.บก.น.๕,พ.ต.ท.ไพฑูรย์ งามลาภ,พ.ต.ต.บริบูรณ์ เติมประยูร,พ.ต.ต.วิศณุวัฒน์ ภู่ระหงษ์ สว.กก.สส.บก.น.๕.และชุดปฏิบัติการ สืบสวน ,ร.ต.อ.สมบัติ ทรัพย์ดี ร.ต.อ.เทวิน ถิ่นคง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เวลา12.00น.วันที่ 28 มิ.ย. 2558 พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.๕, กล่าวรายงานผลการจับกุม"แก๊งป๊อบ ลักรถจักรยานยนต์"ได้ 3 ราย 1. นายกฤตนัย (เค้ก) อรัญเขต อายุ 22 ทำหน้าที่ แยกอะไหล่ รถ 2. นายบุญมี (ไผ่) ทำหน้าที่เอารถเก็บที่บ้านเช่า 3. นายสิทธิ์ชัย (ดอง) สามสี อายุ 24 ทำหน้าที่ดูต้นทาง ได้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2558 เวลา 02.00-03.00 น. ภายในซอยอ่อนนุช28/1 สวนหลวง เขตสวนหลวง กทม.ได้เกิดเหตุลักรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิโน่ สีแดง-ขาว หมายเลขทะเบียน ลนท-67กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณในซอยอ่อนนุช28/1 สวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งไอ้ป๊อบ ในพื้นที่ บก.น.๕ ซึ่งจากภาพกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ก่อเหตุคือแก๊งไอ้ป๊อบ ปล้องอ้วน กับพวก ที่อยู่ในชุมชนคลองเตย จึงได้สืบสวนติดตามพฤติกรรมแก๊งลักรถดังกล่าว
          ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 58ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายเค้ก,นายไผ่,นายดอง กำลังถอดชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียนดังกล่าวกันอยู่ที่ห้องเช่าของบ้านเลขที่ 101/113ซอย4 ชุมชน 70ไร่ จึงได้เข้าจับกุมทั้งหมดให้การสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุมาแล้ว 3-4 ครั้งนำเงินไปเที่ยวแตร่และซื้อยาเสพติดได้ของกลางคือ1. ชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ 2. ประแจรูปตัวทีดัดแปลงใช้สำหรับเปิดสวิทช์กุญแจจำนวน 1 อัน 3. ชุดประแจพร้อม ไขควง 1 ชุด แต่คนลงมือคือนายป๊อบหัวหน้า แก๊ง ช่วงกับกุมนายป๊อบได้ไหวตัวหลบหนีไปก่อน ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจจะได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวต่อไป ////วุฒ ชี้ชัด รายงาน




วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มหาดไทย มท1 เผยความคืบหน้าจัดทำผังเมืองรวมจังหวัด‏


มท.1 เผยการจัดระเบียบประเทศ ด้านการจัดทำผังเมืองรวมจังหวัดคืบหน้ากว่าครึ่งย้ำสิ้นปี 58 ต้องแล้วเสร็จทุกจังหวัด 
      วันนี้ (27 มิ.ย.58) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดออกกฎหมายผังเมืองรวมจังหวัดให้แล้วเสร็จครบถ้วนทุกจังหวัดภายในสิ้นปี พ.ศ. 2558 ประกอบกับ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและ     ผังเมือง ได้จัดทำโครงการ “2558 ปีทองผังเมือง พัฒนาทั่วไทย ก้าวไกลสู่อาเซียน ขึ้น เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนตามนโยบายรัฐบาล โดยกำหนดแผนงานวางและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัดครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศภายในปี พ.ศ. 2558 รวมทั้งการวางผังพื้นที่เฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกำหนดองค์ประกอบของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อรองรับการพัฒนาในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
          สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้วางและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัดทั้ง 73 จังหวัด (ยกเว้นกรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุทรปราการ และนนทบุรี ที่มีการวางผังเมืองรวมครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัดแล้ว) โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ และเป็นไปตามสภาพภูมิประเทศ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาลเพื่อให้ผังเมืองรวมจังหวัดของทุกจังหวัด สามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต รวมทั้งได้มีการปรับปรุงด้านกฎหมายซึ่งเดิมกำหนดให้ผังเมืองรวมจังหวัดมีอายุ  5 ปี และต่ออายุได้ 1 ปี 2 ครั้ง แต่กฎหมายฉบับใหม่จะไม่กำหนดวันหมดอายุ โดยจะให้ปรับปรุงแก้ไขรูปแบบผังเมืองรวมจังหวัดได้ตามความจำเป็น ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดระเบียบผังเมืองรวมจังหวัดสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
          โดยขณะนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำผังเมืองรวมจังหวัดแล้วเสร็จ จำนวน 38 จังหวัด แบ่งเป็นกลุ่มที่ประกาศเป็นกฎกระทรวงให้ใช้บังคับแล้ว จำนวน 22 จังหวัดได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี สระบุรี เชียงใหม่ นครนายก ยโสธรปราจีนบุรี ราชบุรี ฉะเชิงเทราจันทบุรี ยะลา น่าน พิษณุโลก เชียงราย นครปฐม ตราด ลำปางสุรินทร์ พะเยา นครศรีธรรมราชหนองบัวลำภู ชัยภูมิ ปทุมธานี และกลุ่มที่รอประกาศเป็นกฎกระทรวง จำนวน 16 จังหวัด ส่วนที่เหลืออีก 35 จังหวัด อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการปรับปรุงร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของการออกแบบผังพื้นที่เฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 1 ใน 6 จังหวัด ขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 6 พื้นที่ และอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการออกแบบผังพื้นที่เฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะที่ 2 ตามที่รัฐบาลได้กำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม
          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การวางผังเมืองรวมจังหวัดถือเป็นเรื่องสำคัญและมีความจำเป็นเร่งด่วนที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้การกำหนดแนวทางพัฒนาพื้นที่จังหวัดให้เป็นไปอย่างมีระเบียบ สามารถชี้นำการพัฒนาได้ทั้งในเรื่องของการใช้ประโยชน์ที่ดิน การพัฒนาเมือง การคมนาคมขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และเพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างเหมาะสม เกิดความสมดุลทั้งในด้านการพัฒนาและการอนุรักษ์ ที่สำคัญคือจะต้องเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวมเป็นสำคัญ

นครปฐมมอบประกาศนียบัตรแก่โรงเรียนที่ชนะการประกวดลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ประจำปี 2558

วันที่ 29  มิถุนายน 2558 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรพร้อมเงินรางวัลแก่โรงเรียนที่ชนะการประกวดโครงการประกวดลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ประจำปี 2558 โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครปฐม จัดขึ้น เพื่อให้ลูกเสือ เนตรนารี สามารถทำหน้าที่เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์และขับเคลื่อนเครือข่ายพลังเยาวชน ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเชิดชูผลงานของลูกเสือฯ ให้เป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาตัดสินและคัดเลือกโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนวัดธรรมศาลา (หลวงพ่อน้อยอุปถัมภ์) ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม ได้รับประกาศนียบัตร พร้อมเงินรางวัล 3,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนวัดตะโกสูง (เหรียญอุปถัมภ์) ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม ได้รับประกาศนียบัตร พร้อมเงินรางวัล 2,000 บาท




วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชมบ้านตัวอย่างของโครงการเอริก้าได้เลย


ได้เลยถึงภายในตัวบ้าน






น. ๕ โชว์จับวัยรุ่น ปล้นร้านสะดวกซื้อ 6 ร้านรวด

วันที่28 มิ.ย. 2558 เวลา11.30น.ตามนโยบายสตช.และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลร่วม แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ กองกำกับการตำรวจนครบาล ๕ ภายใต้การอำนวยการโดย พล.ต.ต.ชวลิต ประสบศิลป์ ผบก.น.๕ ,พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รผบก.น.๕,พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.๕.,พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญศิลป์ ผกก.สน.พระโขนง,ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.๕ ทำการจับกุมตัว :นายถิรวุฒิ  หรือ นุก  บวบจิตร อายุ 21 ปี และ นายวรายุทธ  หรือ ปาล์ม  ฟักแย้ม   อายุ  21  ปี พร้อมด้วยของกลาง
รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกรูปี้  สีชมพู  เลขทะเบียน ษวม301 กทม. จำนวน 1 คัน , อาวุธมีดหัวตัดความยาวประมาณ 24 นิ้ว   จำนวน  1 ด้าม ,โลหะสีดำดัดแปลงเป็นอาวุธ    จำนวน  1  อัน, หมวกนิรภัย แบบครึ่งใบ จำนวน 2 ใบ และเครื่องแต่งกายที่ใช้ในวันก่อเหตุ เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหา  ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและพกพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ บริเวณหน้าห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยอ่อนนุช 33  แขวง เขตสวนหลวง  กรุงเทพ  เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2558  จากพฤติการณ์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558  เกิดเหตุ คนร้ายเป็นชาย 2คน ขับรถจักรยานยนต์ออโตเมติก ใช้อาวุธมีดก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ  6 จุดหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านที่เกิดเหตุ และตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี จนสืบทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อต่อเนื่องกัน ทั้ง 6 แห่ง คือ นายถิรวุฒิ และนายวรายุทธ   จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ นายถิรวุฒิ และนายวรายุทธ ตามหมายจับของศาลพระโขนง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันทำการสืบสวนติดตามหาตัวคนร้ายทั้ง 2 คน ซึ่งต่อมาได้มีสายลับแจ้งว่าคนร้ายทั้ง 2 คน หลบซ่อนตัวอยู่บริเวณห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยอ่อนนุช 33  แขวง/เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบคนร้ายทั้ง 2 คน ตามที่ได้รับแจ้งจึงได้แสดงหมายจับ ซึ่งนายถิรวุฒิ และนายวรายุทธ  ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง  จึงได้ทำการจับกุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สาเหตุจากการก่อเหตุผู้ต้องให้การว่า โดนพ่อเลี้ยงไล่ออกจากบ้านสาเหตุเพราะตื่นสายบ่อยและตนยังมีอาชีพเป็นตัวตลกเป่ามัดลูกโป่งรายได้วันล่ะ600 บาท หลังๆงานไม่มีแถมโดนไล่ออกจากบ้านอีก หลังจากออกจากบ้านอยู่กับเพื่อน ไม่มีตังกินข้าวจึงได้ก่อเหตุ ก่อนก่อเหตุได้ดื่ม"ยาแก้ไอ 2 ขวดผสมน้ำเปล่าเขย่าแล้วดื่มมันจะทำไห้เกิดอาการมึน เมา "ด้วยอาการเมาและอารมณ์ชั่ววูบจึงก่อเหตุ หลังได้ทรัพย์สิน นำเงินที่ได้ไปใช้จ่าย ส่วนบุหรี่ตนจะนำไปสูบกับเพื่อนที่ก่อเหตุด้วยกัน//วุฒิ ชี้ชัด







วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) จว.สมุทรสาคร ชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์

                                     
 เมื่อ
27 มิ.ย.2258 เวลา 09.00 น.  กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) จว.สมุทรสาคร ประมาณ 80  คน นำโดย นายสุวรรณ เหรียญทอง , นายสมชาย เทพสุวรรณ , นายสมชาย กลับบ้านเกาะ  และนายประพนธ์  คงมณี เดินทางถึงหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กทม.เข้าร่วมกับ คนท.จว.อื่น ๆ สำหรับสาเหตุที่เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทยมาชุมนุมหน้า กษ. เพราะ เมื่อ 26  มิ.ย. 58  เกษตรกรสมาชิกกลุ่มพัฒนาบางโกระ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี จำนวน 12 คน นำโดยนายวิโรจน์ ไชยมุสิก และนายปรีชา จันทร  ซึ่งได้รับความเสียหายและเดือดร้อน กรณีถูกเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย  โดยนายเติม แก้วละเอียด ผู้สมัครผู้แทนเกษตรกร หมายเลข 1 (ภูมิภาคที่ ๔ ภาคใต้) ประธานกลุ่มพัฒนาบางโกระ และนางละออ แก้วละเอียด เลขานุการกลุ่มพัฒนาบางโกระ ซึ่งได้แอบอ้างสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อหาประโยชน์กับสมาชิกกลุ่มองค์กรพัฒนาบางโกระและสมาชิกกลุ่มองค์กรอื่นๆ ในพื้นที่ภาคใต้  เดินทางโดยเครื่องบินสายการบินไทยไลออนแอร์ เที่ยวบินเวลา 08.10น. ณ สนามบินหาดใหญ่ ไปแจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ร่วมกับเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (นายวัชระพันธุ์ จันทรขจร) ณ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ข้อหาฉ้อโกงประชาชน
             ต่อมากลุ่มเกษตรกร จากการหารือระหว่างกลุ่มกันได้ผลสรุปคือเดินทางกลับภูมิลำเนาก่อน  เพราะมวลชนมาน้อยและเป็นวันหยุดราชการไม่มี จนท.ประสาน กลุ่มตกลงกันว่าจะนัดประชุมแกนนำกลุ่มในวันที่ 29  มิ.ย. 58 เวลา 09.00 น. ที่วัดเจ็ดริ้ว ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เพื่อกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหว เพื่อเข้ามาชุมนุมที่กทม. บริเวณ กษ.ในเช้าวันที่จันทร์ที่ 6 ก.ค. 58  ยุติการรวมตัวเวลา 12.15 น.


ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด กรมทหารสื่อสารที่ 1


เมื่อวันที่  26  มิถุนายน  2558  ที่สโมสร กองพันทหารสื่อสารซ่อมบำรุงเขตหลัง กรมทหารสื่อสารที่ 1 ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน พันเอกนพดล จิเจริญ ผู้บังคับการกรมทหารสื่อสารที่ 1 ได้นำข้าราชการ นายทหาร นายสิบ ทหารกองประจำการ ร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณตน ต่อเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อร่วมกันปกป้องสถาบัน รวมพลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด แสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน








นครปฐมจัดกิจกรรมดนตรีในวัง ชุด เบญจคีตา 60 พรรษามหาปิยราชกุมารี



วันที่ 27 มิถุนายน 2558 เวลา 16.00 น. ที่พระราชวังสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ได้จัดกิจกรรมดนตรีในวัง...ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ โดยร่วมกับพระราชวังสนามจันทร์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. – 18.00 น. ณ บริเวณข้างพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 , พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ , สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ อีกทั้งเป็นการสร้างความรัก ความปรองดองสมานฉันท์ของประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม โดยการฟังดนตรี และร้องเพลงชาติพร้อมกันในเวลา 18.00 น.
สำหรับในวันนี้เป็นการแสดงในชุด เบญจคีตา 60 พรรษามหาปิยราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา 2 เมษายน 2558 อีกทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงให้การอุปถัมภ์ในด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศ จึงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญานามว่า เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทยและ วิศิษฏศิลปินตลอดจนสร้างจิตสำนึกรักษ์ความเป็นไทยและพัฒนาเด็กไทยอย่างยั่งยืน สู่ความเป็นเลิศในศาสตร์และวัฒนธรรมของไทย ซึ่งการแสดงในครั้งนี้เป็นการรวมสถาบันการศึกษา 5 สถาบัน ในจังหวัดนครปฐม ได้แก่ โรงเรียนราชินีบูรณะ โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา โรงเรียนวัดห้วยจระเข้วิทยาคม และโรงเรียนงิ้วรายบุญมีรังสฤษดิ์ มาร่วมบรรเลงดนตรีไทยและฟ้อนรำนาฏศิลป์ถวายพระพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย ระบำทวารวดี , สัตตะบุปผามาลา , ระบำ 4 ภาค , นารีรัตนา , พระเทพฯ ทรงบุญ , ชื่นชุมนุม กลุ่มดนตรี และ ลาวดวงเดือน โดยบทเพลงที่ใช้ในการแสดงเป็นบทเพลงที่มีความหมายเพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และบทเพลงที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานบทร้องเพื่อบรรเลงในงานดนตรีไทยอุดมศึกษาในทุกครั้งที่จัดขึ้น ซึ่งเป็นบทเพลงที่ทรงคุณค่าของดนตรีไทย ตลอดจนเป็นการพัฒนาทักษะความเป็นเลิศด้านดนตรีไทย และยังเป็นการสร้างความสามัคคี ปรองดองให้กับนักเรียนที่มาจากต่างสถาบันกันให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทั้งนี้ ได้มีการบันทึกเทปเพื่อนำไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์เคเบิ้ลทีวีนครปฐม เพื่อให้ประชาชนได้รับชมทางบ้าน ทุกๆวันอาทิตย์ อังคาร และศุกร์ เวลา 17.00 - 17.30 น. อีกด้วย