เมื่อ
27มี.ค. 60
นายชยพล ธิติศักดิ์
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูล & ข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง
ได้มีการเผยแพร่ข้อความและบทวิจารณ์ถึงการใช้งบประมาณตามโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล
หรือ “โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท”
ว่ายังมีช่องโหว่ของการดำเนินโครงการ และ
มีลักษณะเป็นโครงการประชานิยม เช่น
โครงการส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะถึง
84.03% (101,500 โครงการ) หรือ
โครงการที่เป็นการพัฒนามีไม่มาก เช่น ด้านเศรษฐกิจสังคม 10.49% (12,670 โครงการ) การส่งเสริมการพัฒนาชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง 5.48%
(6,621 โครงการ) หรือ กรณีที่ว่าหลายโครงการมีความไม่ชอบมาพากลนั้น
จากกรณีดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินโครงการฯ
ขอเรียนชี้แจง ข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 ลักษณะการดำเนินโครงการ “มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล” หรือ
ที่เราจะกันเรียกสั้นๆ ว่า “โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท” นั้น
เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ได้ออกมาเพื่อช่วยเหลือ
พี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
เป็นมาตรการหนึ่งในหลายมาตรการของรัฐบาลที่ต้องการนำมาช่วยเหลือฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจในระดับฐานราก
โดยคณะรัฐมนตรีได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558
เห็นชอบให้ กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการฯ
โดยจัดสรรงบประมาณลงในระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท จำนวน7,255
ตำบล คิดเป็นเงิน 36,275 ล้านบาท
ซึ่งได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอน ตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขต่างๆ
และมีลักษณะโครงการ คือ 1. โครงการส่งเสริมการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
2. โครงการซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
3. โครงการด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นการ “กระจายเม็ดเงินลงไปสู่พื้นที่หมู่บ้าน ตำบลทุกจังหวัดทั่วประเทศ”
กระทรวงมหาดไทยขอเรียนว่า “หัวใจสำคัญ” ของการดำเนินโครงการนี้ คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน
ในพื้นที่ในรูปแบบประชารัฐ ภายใต้เงื่อนไข “ทุกโครงการจะต้องมาจากความต้องการของพี่น้องประชาชนโดยตรง”
ต้องผ่านการทำประชาคมโครงการมาจากในพื้นที่
และได้รับความเห็นชอบหรือถูกเสนอโดยคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.)
ซึ่งเป็นกลไกภาคประชาชน เพื่อกำหนดว่าในตำบล ในหมู่บ้านของตน มีปัญหาเร่งด่วน
หรือเดือดร้อนเรื่องอะไรแล้วจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
โดยประชาชนเป็นผู้เสนอความต้องการ จึงขอย้ำว่า โครงการตำบลละ 5 ล้าน ได้นำไปใช้ซ่อมสิ่งชำรุดบกพร่อง
และสร้างสิ่งสาธารณะประโยชน์ที่ขาดแคลน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรก เช่น
การก่อสร้างสิ่งสาธารณะประโยชน์ ประปาหมู่บ้าน ถนนหนทาง ระบบชลประทาน
แหล่งเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร เป็นต้น
ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพของประชาชน
จากนั้นจึงจะเสนอโครงการมายังคณะกรรมการกลั่นกรองถึง
3 ชั้น
คือ 1. ระดับอำเภอ 2. ระดับจังหวัด
ซึ่งจะมีผู้แทนจากส่วนราชการต่างๆ
ร่วมกันพิจารณาตามระเบียบกฎหมายและหลักเกณฑ์การพิจาณาอนุมัติ และสุดท้าย
จึงจะจัดส่งโครงการให้สำนักจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ทั้ง 18 เขตเพื่อพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอน
ประเด็นที่ 2 เรื่องของการจัดทำระบบการตรวจสอบ
ติดตาม รายงานผล และการป้องกันการทุจริต เพื่อให้ทุกโครงการเกิดความโปร่งใส
มีประสิทธิภาพ และสัมฤทธิ์ผลนั้น นอกจากจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์และระเบียบต่างๆ
ของทางราชการที่กำหนดขึ้นอย่างเคร่งครัดแล้ว
กระทรวงมหาดไทยยังได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอไปกำกับดูแลการดำเนินโครงการทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด
เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด
อีกทั้งในขั้นตอนการตรวจรับงานตามสัญญายังได้กำหนดให้มีประชาชนในพื้นที่ 2 คน เข้ามามีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจรับเพิ่มเติม นอกจากนี้
ยังได้มีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินโครงการในทุกช่องทาง เช่น
ในพื้นที่ได้กำหนดให้ทุกตำบลติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์รายละเอียดของโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่ในแหล่งชุมชน
วัด มัสยิด เพื่อแสดงรายละเอียดของโครงการ การดำเนินการ งบประมาณ
และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างทั่วถึง
และสามารถติดตามตรวจสอบการดำเนินโครงการ
รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ด้วย
อีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยได้นำมาใช้กับโครงการนี้ คือ
การขอความร่วมมือไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
และสำนักงานคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ
ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ขอความร่วมมือสำนักงานสถิติแห่งชาติในการตรวจติดตามประเมินผลโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล
(ตำบลละ 5 ล้านบาท)
ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 180,415 ราย มีผลออกมาว่า ประชาชนส่วนใหญ่ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการฯ
ร้อยละ 98.9 มีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ ร้อยละ 81.1
โครงการที่เกิดขึ้นตรงกับความต้องการ ร้อยละ 98.8 มีความโปร่งใส/สามารถตรวจสอบได้ ร้อยละ 95.3 โครงการมีประโยชน์
ร้อยละ 98.9 โครงการที่เกิดขึ้นมีความยั่งยืน ร้อยละ 98.4
ช่วยให้เกิดความร่วมมือหรือความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน/ชุมชน ร้อยละ
98.1 เกิดความร่วมมือหรือความสามัคคีระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐร้อยละ
97.3 สร้างอาชีพ/รายได้หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ/สามารถพึ่งพาตนเองได้ร้อยละ
88.7 และมีความพึงพอใจร้อยละ 99.3 ซึ่งจากการติดตามและรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนถือว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการดำเนินโครงการ
จากมาตรการทั้งหมดที่กล่าวมานี้
กระทรวงมหาดไทยขอย้ำว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการตำบลละ 5 ล้านบาทด้วยความโปร่งใสทุกขั้นตอนด้วยความมุ่งมั่น
ตั้งใจ และพยายามอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยให้ผ่านพ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งซึ่งผลสำเร็จของโครงการได้ช่วยพยุงระบบเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังเป็นโครงการ “ประชารัฐ” ที่ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม
ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี กระทรวงมหาดไทยพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
และจะได้นำมาปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น