pearleus

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษา ณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม เนื่องในวันเข้าพรรษา ประจำปี 2558


                วันที่ 31 กรกฎาคม 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษา ณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เนื่องในวันเข้าพรรษา ประจำปี 2558 โดยมีการแห่เทียนพรรษาพระราชทาน และเทียนพรรษาจากโรงเรียนต่างๆ รอบองค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้นนายกำธร ตุ้งสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานอัญเชิญและจุดเทียนพรรษาพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน โดยพระราชอุทิศเพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัยและพุทธเจดียสถาน ตามพระอารามหลวงที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในวาระของฤดูกาลเข้าพรรษาของพระพุทธศาสนา ซึ่งวัดพระปฐมเจดีย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร มีพระพรหมเวที เจ้าคณะภาค 15 เป็นเจ้าอาวาส และในปีนี้มีพระภิกษุสามเณรปฏิบัติธรรมจำพรรษาจำนวน 191 รูป จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝน เครื่องบริขาร และจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนร่วมถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนเป็นจำนวนมาก
                สำหรับวันเข้าพรรษา หรือเทศกาลเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถือได้ว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรง อนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย














ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมนำพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะและเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2558

                วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 นายชาติชาย อุทัยพันธ์ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐมเป็นจำนวนมาก ร่วมพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2558 ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสดาเป็นครั้งแรก โดยแสดงปฐมเทศนา ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ส่งผลให้เกิดพระสงฆ์รูปแรกขึ้นในพระพุทธศาสนา และเป็นวันแรกที่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบเป็นองค์พระรัตนตรัย

          สำหรับบรรยากาศที่องค์พระปฐมเจดีย์ในวันนี้ มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมาทำบุญเนื่องในวันอาสาฬหบูชา พร้อมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ขอพรพระร่วงโรจนฤทธิ์ และหลวงพ่อพระศิลาขาว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ภายในองค์พระปฐมเจดีย์ และร่วมหล่อเทียนพรรษา เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำงานและการดำเนินชีวิต โดยในวันนี้พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่นิยมเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร ฟังเทศน์ เวียนเทียน ปฏิบัติธรรม รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตลอดจน ลด ละ เลิก อบายมุขทั้งปวง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา




นครปฐมเปิดโครงการพัฒนาการแนะแนวโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นที่เชื่อมโยงกับอาชีวศึกษา

จังหวัดนครปฐมเปิดโครงการพัฒนาการแนะแนวโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นที่เชื่อมโยงกับอาชีวศึกษาและผลิตภาพของจังหวัดนครปฐมเพื่อสร้างระบบแนะแนวร่วมระหว่างสถานศึกษาสายสามัญกับสถานศึกษาสายวิชาชีพ และเพื่อเปลี่ยนทัศนคติครู ผู้ปกครองให้เกิดการยอมรับการศึกษาสายวิชาชีพ
วันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ที่ห้องประชุมวิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐมนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการพัฒนาการแนะแนวโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นที่เชื่อมโยงกับอาชีวศึกษาและผลิตภาพของจังหวัดนครปฐม โดย สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาร่วมกับจังหวัดนครปฐม ได้จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อสร้างระบบแนะแนวร่วมระหว่างสถานศึกษาสายสามัญกับสถานศึกษาสายวิชาชีพ และเพื่อเปลี่ยนทัศนคติครู ผู้ปกครองให้เกิดการยอมรับการศึกษาสายวิชาชีพ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาร่วมกับจังหวัดนครปฐม
ทั้งนี้จังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีนักเรียนนิยมเรียนสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ อันเกิดจากการผลักดันของผู้ปกครองและการแนะแนวที่เน้นภาควิชาการมากกว่าวิชาชีพ เมื่อจบการศึกษาภาคบังคับจึงส่งผลให้เด็กขาดทักษะในการทำงานเมื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานและไม่สามารถตอบสนองภาคธุรกิจ การแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้นต้องแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและต้องใช้การมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาสังคม โดยยึดหลักการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไข และร่วมรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้น ระบบแนะแนวร่วมระหว่างสถานศึกษาสายสามัญกับสายอาชีพและภาคส่วนอื่นๆ จึงมีความจำเป็นให้เด็กมีทางเลือกในการศึกษาอย่างถูกต้องตรงความต้องการกับทักษะของตนเอง ตลอดจนแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในจังหวัด โดยเริ่มให้เด็กได้เรียนรู้วิชาชีพผ่านการแนะแนวตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ซึ่งจะส่งผลต่อผลิตภาพของจังหวัดนครปฐม
สำหรับการประชุมครั้งนี้มีคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการดำเนินโครงการ คณะกรรมการจัดทำข้อมูลสารสนเทศ และคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นและผู้บริหารสังกัดอาชีวศึกษา รวมทั้งบุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจ ประมาณ 120 คน



พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนำคณะผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด เข้ารับมอบเสื้อพระราชทานในกิจกรรม “Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่”

          วันนี้ (31ก.ค.58) เวลา 10.00 น. ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานฝ่ายจัดกิจกรรมในส่วนภูมิภาค พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย   นำคณะผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เข้ารับมอบสิ่งของพระราชทานในกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 12 สิงหาคม 2558 “Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ ในการนี้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ฯ เป็นผู้แทนพระองค์ในการมอบเสื้อพระราชทานและเข็มกลัดพระราชทาน ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งได้เข้ารับเสื้อพระราชทานที่หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

           ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมจักรยาน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 12 สิงหาคม 2558 “Bike For Mom ปั่นเพื่อแม่ในส่วนภูมิภาค จำนวน 76 จังหวัด จังหวัดละ 1,000 รายชื่อ สำหรับสิ่งของที่ได้รับพระราชทาน ประกอบด้วย เสื้อพระราชทาน เข็มกลัดพระราชทาน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะได้นำสิ่งของพระราชทานมอบให้กับประชาชนทุกจังหวัดที่ได้ลงทะเบียนแสดงความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ ในส่วนภูมิภาค โดยจังหวัดได้กำหนดจัดพิธีมอบเสื้อและเข็มพระราชทานต่อหน้าพระฉายาลักษณ์พร้อมกันทุกจังหวัด ในวันที่ 12 สิงหาคม นี้






วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รำลึก ปราชญ์สุนทรภู่ สู่อาเชียน

เมื่อ 29 ก.ค. 2558 ที่ผ่านมาผู้เขียนไปร่วมงาน วันภาษาไทยแห่งชาติ รำลึกถึงปราชญ์ สุนทรภู่ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีธีรภาดา ร้อยเอ็ดเห็นมีนักเรียนระดับประถมศึกษา ถึง ม.3 ของ ร.ร.ประถมศึกษา ใน อ.เชียงขวัญ จำนวนหลายโรงเรียนได้ไปร่วมงาน หลังจากประกอบพิธีเปิดงานเสร็จ ก็มีการบรรยายธรรมโดยพระสงฆ์ผู้มีความสามารถ ติดตามด้วย พิธีทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ เห็นแล้วผู้เขียนประทับใจ และอดน้ำตาซึมไม่ได้....เมื่อถึงเวลาเปิดงาน ดร.เชษฐ์พงศ์ ชัยคณารักษ์กูล ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีธีรภาดา กล่าวรายงานต่อ ดร.ธีระ ชัยคณารักษ์กูล ผู้ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีธีรภาดา โดยมีข้อความบางตอนได้กล่าวว่า ภาษาไทย เป็นภาษาประจำชาติไทย และใช้ในการติดต่อสื่อสาร ของคนไทยมาช้านาน
                ภาษาไทยจึงมีความสำคัญต่อชีวิตของคนไทยและเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ที่พระองค์ทรงห่วงใยคนไทย ในการใช้ภาษาไทยโดยพระองค์ได้ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ เรื่อง ปัญหาการใช้คำภาษาไทย ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ ปี พ.ศ.2505ต่อมา คณะรัฐมนตรี จึงกำหนดให้วันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็น"วันภาษาไทยแห่งชาติ " ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมาวิทยาลัยเทคโนโลยีธีรภาดา ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทย และ วัฒนธรรมไทยจึงจัดกิจกรรม วันภาษาไทยแห่งชาติ รำลึกปราชญ์สุนทรภู่ สู่อาเชียนในระหว่างวันที่ 13 ถึง วันที่ 29 กรกฎาคม 2558 และจัดกิจกรรมเสนอผลงาน การแข่งขันกิจกรรมด้านภาษาอาเชียน และ วัฒนธรรมไทย ในวันที่ 29 ก.ค. นี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา ได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทย และอนุรักษ์ไว้ให้กับคนไทย และชาติไทย ตลอดไป รวมทั้งให้ รำลึกถึงพระคุณของครูกวีสุนทรภู่ให้เห็นความสำคัญของการใช้ภาษาไทย ให้ถูกต้อง ทั้งการอ่าน การเขียน การพูด และ การแสดงออก ถึงความเป็นไทยนอกจากนั้น ยังจัดเวทีให้นักเรียน นักศึกษา ได้แสดงถึงความสามารถด้านภาษาและวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ และเพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถด้านภาษา และ วัฒนธรรมไทย เข้าแข่งขันระดับชาติ ต่อไป ** หลังจากพิธีเปิดงานแล้วก็การแสดง ร้องเพลง ของนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป. 1 ถึง ม.3 กระทั่งถึงนักศึกษา ระดับ ปวส. มีการมอบรางวัลนักเรียนนักร้อง ดีเด่น ทั้งแจกขนมให้นักเรียนประถมศึกษารับประทาน ชมนิทรรศการของนักศึกษา ที่หาดูได้ยาก และ สุดท้ายที่ประทับใจ
               เห็น ดร.ธีระ ชัยคณารักษ์กูล เดินมอบเงินเพื่อช่วยค่าครองชีพนักศึกษา และ ครู จำนวนมากด้วยอารมณ์ ยิ้มแย้ม แจ่มใส ตามแบบของผู้มีความเมตตา เป็นที่ทราบกันทั่วไปใน จ.ร้อยเอ็ด และ จังหวัดใกล้เคียง ในขณะที่กำลังชมนิทรรศการ 
คนนอนนา รายงาน






วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สวดพระอภิธรรมคุณแม่สมศรี บุญชัยศรี

มรณสติ..มณฑล (เฮียม้อ) ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับ นายสุภาพ (เส่ย) แซ่เฮ้ง นายกเทศบาลนครสมุทรสาคร พร้อมคณะผู้บริหารและสมาชิกฯ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในงานสวดพระอภิธรรมคุณแม่สมศรี บุญชัยศรี มารดา นายชัยรัตน์ บุญชัยศรี รองประธานสภาเทศบาลนครสมุทรสาครและนายธัชชัย บุญชัยศรี สมาชิกสภาจังหวัดสมุทรสาคร ณ ศาลาคู่ วัดโกรกกราก







สธ.ออกกม.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ มีผลบังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ ช่วยคู่สามีภรรยาที่มีลูกยาก ห้ามรับจ้าง!! คุก10ปี

             กระทรวงสาธารณสุข ออกกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จะมีผลบังคับใช้ 30 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป ดูแลควบคู่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เพื่อช่วยเหลือคู่สามีภรรยาที่มีลูกยาก หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนจะต้องเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับคู่สามีภรรยา และเคยมีบุตรมาแล้วเท่านั้น ห้ามโฆษณา ห้ามรับจ้าง ห้ามซื้อขายไข่และอสุจิ ฝ่าฝืนมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
                เมื่อวันที่  29 กรกฎาคม 2558  ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.นพ.รัชตะ  รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย น.ต.นพ.บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  นางระรินทิพย์   ศิโรรัตน์   อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน   กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์      ศ.นพ.สมศักดิ์  โล่ห์เลขา นายกแพทย์สภา และ รศ.นพ.กำธร พฤกษานานนท์ คณะอนุกรรมการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ร่วมกันแถลงข่าว การบังคับใช้กฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558” ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ซึ่งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป เจตนารมณ์กฎหมายฉบับนี้ เพื่อช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายและมีบุตรยาก ให้มีบุตรได้โดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่เหมาะสมเข้ามาช่วย และควบคุมป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ก่อให้เกิดปัญหาทางศีลธรรมและมนุษยธรรม ทั้งการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ และการทอดทิ้งเด็ก
ศ.นพ.รัชตะกล่าวว่า เด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีและภรรยา มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยครอบครัวและมรดก กฎหมายฉบับนี้มีประเด็นสำคัญ อาทิกำหนดข้อห้าม ดังนี้ ห้ามสามีและภรรยาที่ทำอุ้มบุญปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร ห้ามรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้า จัดการหรือชี้ช่องให้มีการรับตั้งครรภ์แทน ห้ามโฆษณาว่ามีหญิงรับตั้งครรภ์แทน  และห้ามซื้อ เสนอซื้อ หรือขาย หรือนำเข้าหรือส่งออก อสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน โดยสถานประกอบการ แพทย์ คู่สามีภรรยา ผู้รับตั้งครรภ์ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากกระทำผิดจะมีโทษทั้งจำและปรับ
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ มี 6 หมวด 56มาตรา การปฏิบัติตามกฎหมายจะดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ กคทพ. จำนวน 15 คน มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานและมีนายกแพทย์สภา เป็นรองประธานมีคณะกรรมการโดยตำแหน่ง 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กรมอนามัย คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ จิตแพทย์ สูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และมีผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน แต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ฝ่ายละ 3 คน มีอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นเลขานุการ ทำหน้าที่เสนอนโยบาย ออกประกาศ พัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และพิจารณาอนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทน และใช้ตัวอ่อนที่เหลือใช้เพื่อการศึกษาวิจัย รวมถึงควบคุมกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งรับรองกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง 14 ฉบับ ขณะนี้ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่น ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองเด็กอุ้มบุญ ประกาศหลักเกณฑ์เงื่อนไขมาตรฐานต่างๆของแพทย์สภา เพื่อบังคับใช้ในทางปฏิบัติเดียวกันทั่วประเทศ ขณะนี้มีสถานพยาบาลรัฐ เอกชน ที่พร้อมให้บริการกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ โดยกรมสนับสนุนบริการฯ ได้ประชุมชี้แจงกฎหมายให้ผู้บริหาร/ผู้ประกอบการสถานพยาบาล/แพทย์/ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2558ที่ผ่านมา
สำหรับคู่สามีภรรยาที่ต้องการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ ต้องจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย กรณีเป็นคนไทยที่สมรสกับต่างชาติ จะต้องจดทะเบียนสมรสไม่น้อยกว่า 3 ปี จะต้องผ่านการตรวจประเมินโดยแพทย์ที่มีคุณสมบัติตามแพทย์สภากำหนด และแพทย์ผู้ให้บริการจะต้องยื่นขออนุญาตที่สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ กคทพ. ส่วนหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน จะต้องมีสัญชาติไทย ไม่ใช่พ่อแม่หรือลูก แต่จะต้องเป็นพี่น้องท้องเดียวกันของสามีหรือภรรยาผู้ที่ต้องการมีบุตร และเคยมีบุตรมาก่อนจะต้องได้รับความยินยอมจากสามีด้วย กรณีที่คู่สมรสทั้งคู่เป็นลูกคนเดียว ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ส่วนการตั้งครรภ์แทนนี้จะใช้ 2 วิธีเท่านั้นวิธีที่ 1 ใช้ตัวอ่อนที่ได้จากการผสมอสุจิของสามีและไข่ของภรรยาคู่สมรส แล้วนำไปฝังในมดลูกของผู้รับตั้งครรภ์แทน วิธีที่ 2 ใช้ตัวอ่อนที่ได้จากอสุจิของสามีหรือไข่ของภรรยาที่ผสมกับไข่หรืออสุจิของผู้บริจาคอื่น ไม่ใช่ไข่ของหญิงที่รับตั้งครรภ์ จากนั้นจะดูแลตามระบบ คือ การฝากครรภ์ ฉีดวัคซีน จนกระทั่งคลอด ซึ่งสามารถฝากครรภ์และคลอดได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง แต่ต้องนำเอกสารข้อตกลงไปด้วย เพื่อเป็นหลักฐานในการออกหนังสือรับรองการเกิดและการแจ้งการเกิดเด็กตามกฎหมาย โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะทำหนังสือแจ้งไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งต่อไป
สำหรับโทษผู้ฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้ เช่น กรณีเป็นแพทย์ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานแพทย์สภา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำเชิงการค้า รับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท กรณีเป็นนายหน้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีขายอสุจิหรือไข่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีที่มีการดำเนินการอุ้มบุญมาก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ให้สามารถยื่นรับรองบุตรได้เลย
อย่างไรก็ดีกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนการเตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพจิตเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นต้องให้ความรู้ คำแนะนำการเลี้ยงดูแก่พ่อแม่กลุ่มนี้ และการรับรู้สถานะในช่วงวัยที่เหมาะสมของเด็กต่อไป







สมุทรสาคร อดีตพนักงานคุมประพฤติแต่งชุดขุนศึกพระนเรศขับเพื่อแม่

         พบกันโดยบังเอิญเมื่อชายวัย 61 ปี ขับรถมอเตอร์ไซค์สี่ล้อภูเขา แต่งกายในชุดนักรบโบราณ โบกธงสัญลักษณ์ประจำพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถที่ใครเห็นต้องเหลียวมองเป็นตาเดียวกัน จู่ๆ วิ่งเข้ามาจอดที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร เจอผู้สื่อข่าวของเราโดยมิได้นัดหมาย ด้วยการแต่งกายด้วยชุดนักรบโบราณ และมีอาวุธประจำกายทั้งปืนสั้นปืนยาว ดาบ และกระบี ทำให้ใครๆ ที่เห็นแล้วอยากรู้ว่าการแต่งกายผิดแปลกจากชาวบ้านทั่วไปมีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องเข้าไปถามเจ้าตัวก็ยินดีตอบคำถามให้หมดทุกคนที่อยากจะรู้ เราจึงได้รู้ว่า ที่แต่งตัวชุดนักรบโบราณขับรถมอเตอร์คู่ใจวิ่งมาที่จังหวัดสมุทรสาครครั้งนี้ คือนายอดุลย์ อิทธิปานนท์ อายุ 61 ปี อดีตเป็นพนักงานคุมประพฤติ และเออรี่ ออกมารับเงินบำเหน็จและ ใช้เงินบำเหน็จซื้อมอเตอร์ไซค์ เฉพาะชุดขุนศึกพระนเรศเครื่องแต่งกายราคา 24,000 บาท เพื่อมาร่วมงานจุดเทียนชัยถวายพระพรสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ที่ทางจังหวัดสมุทรสาครจัดขึ้นที่หน้าศาลากลางจังหวัด โดยขับรถมาจากบางขุนเทียนมาเรื่อยๆ เพื่อมาร่วมงานดังกล่าว ก็จะขับไปตามจังหวัดต่างๆ จนถึงวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ก็มีการปั้นเพื่อแม่ แต่ตนก็ขับเพื่อแม่เพราะเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ นายอดุลย์ เล่าว่าที่ขับรถไปที่ไหนถ้าเจอรถจักรยานยนต์ก็มีคนทักส่งยิ้มให้ เจอรถใหญ่ก็ชูนิ้วให้และหลายรายขอถ่ายรูปด้วย  แม้แต่นักศึกษาสาวๆ เห็นแล้วยังขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ตนเองก็คิดเสียว่าเกิดมาทั้งที่ขอทำความดีทดแทนแผ่นดิน  หมูช่อง 3 สมุทรสาคร/รายงาน






พสกนิกรชาวจังหวัดนครปฐมทุกหมู่เหล่า พร้อมใจสวมเสื้อสีเหลือง ร่วมถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 28 กรกฎาคม 2558

             วันที่ 28 กรกฎาคม 2558 เวลา 19.19 น. ที่บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรชาวจังหวัดนครปฐม พร้อมใจสวมเสื้อสีเหลือง ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 28 กรกฎาคม 2558 โดยมีส่วนราชการต่างๆ ร่วมวางพานพุ่มทอง พุ่มเงิน ถวายราชสักการะ หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ประธานในพิธีได้วางพานพุ่มทอง พุ่มเงิน ถวายความเคารพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ จุดเทียนชัย และนำผู้เข้าร่วมพิธีกล่าวคำถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคล และร่วมกันเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาวชิราลงกรณ อย่างกึกก้อง เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกถึงความจงรักภักดี ที่พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะ เพื่อบรรเทาทุกข์ และพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่อาณาประชาราช และบ้านเมือง ซึ่งพสกนิกรทุกหมู่เหล่าต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และพระเมตตาคุณอย่างหาที่สุดมิได้