แถลงการณ์เรื่องขอให้ยุติการคุกคามและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
จากที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระม
หากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำมวลชนไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส
โดยกดดันให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ถ่ายทอดสัญญาณการเคลื่อนไหวและคำแถลงของกปปส.
และห้ามนำเสนอข่าวจากฝ่ายรัฐบาลนั้นองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน
ซึ่งขัดแย้งต่อเจตนารมณ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ที่กปปส.กล่าวอ้างว่าจะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
และขอให้กปปส.ยุติการกระทำดังกล่าวทันทีองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอยืนยันหลักการว่า
สื่อมวลชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและความคิดเห็นของทุกฝ่ายตามรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นกองบรรณาธิการและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในสถานีโทรทัศน์ต่างๆ
ต้องยืนหยัดในหลักการดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
ซึ่งเป็นสื่อสาธารณะที่มีกฎหมายรองรับความเป็นอิสระ จะต้องยืนยันหรือไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามากดดัน
หรือครอบงำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารโดยเด็ดขาด หากต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกดดันหรือครอบงำ
การยุติการออกอากาศถือเป็นแนวทางปฏิบัติตามหลักสากลที่ควรกระทำอย่างไรก็ตาม
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความเข้าใจถึงมูลเหตุ ที่กลุ่มมวลชนของกปปส.ไม่พอใจสถานีโทรทัศน์ต่างๆ
ซึ่งที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น
ทั้งๆ ที่เป็นสถานการณ์สำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
นับตั้งแต่เหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ที่มีความต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ในวันที่ 1 ธันวาคม
2556 โดยปรากฏว่าสถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่ยังคงนำเสนอรายการตามผังรายการตามปกติ
เป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์ของสถานีเป็นหลัก
มากกว่าการคำนึงถึงสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนขณะเดียวกัน
สถานีโทรทัศน์ในสังกัดหน่วยงานรัฐ
ซึ่งมีรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้มีความอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน
และให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสาธารณะ โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาล
จะต้องไม่ยอมรับการถูกแทรกแซงหรือสั่งการจากฝ่ายรัฐบาล ให้นำเสนอข่าวสารเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาทิ
กรณีที่รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สั่งให้สื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์นำเสนอข่าวสารเชิงบวกต่อรัฐบ
าล(อ้างถึงบันทึกเลขที่นร0213.071721 เรื่องขอให้กำกับดูแลการนำเสนอข่าวลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556)
เป็นต้นองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวล
ชนในภาคสนามทุกคน โดยขอให้ระมัดระวังการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเกินความจำเป็น
ทั้งนี้ ให้ตระหนักว่าความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน
มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านมานำเสนอต่อสาธารณะช
นเราขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกคน ที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านต่อประชาชน
และขอให้ทุกฝ่ายเคารพและไม่แทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์
1 ธันวาคม 2556