pearleus

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ปส.จังหวัด จับ"เบนซ์ สวนหลวง" ขณะเอายามาส่งข้างซอยโต้ล้ง

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 59  เวลาประมาณ 11.48 น.   เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ชุดที่ 1,2 (ปส.1,2) กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์   รอง ผบช.ภ.7 รรท. ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.จำลอง งามเนตร รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.ธงชัย  เนตรสขาวัฒน์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.สุกฤษฎิ์ วิศิษฐ์ชนะชัย รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.ศุภชัย  ศรสุคนธ์แก้ว รอง ผกก.สส.ฯ  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดังมีรายชื่อดังนี้ พ.ต.ท.พีระ อัศวพิบูลย์ผล สว.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร ,พ.ต.ต.ไชยภูมิ  ฉลองภูมิ  สว.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร / เจ้าพนักงาน ปปส. หมายเลขประจำตัว 532405 ,ร.ต.อ.ธานินทร์  นุชเจริญ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. หมายเลขประจำตัว  563177, ,ร.ต.ท.ร.ต.ต.ณรงค์ หอมเย็น รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. หมายเลขประจำตัว 584823, ร.ต.ต.โชติ  แสนชัย, ร.ต.ต.วินัย   พวงทองคำ, ร.ต.ต.อรัณย์  ทาเกตุ, ด.ต.ณัฐนนท์  เติมยศ, ด.ต.โดม  สระทองใจ, ด.ต.วิสูติ สุขตะโก,ด.ต.ธนเดช  โพธิ์งาม, ด.ต.นที บุญทาน  ,ด.ต.ชนาเมธ  เมืองแก้ว,ด.ต.เกรียงไกร  โตตามวงษ์, ส.ต.ต.วรพจน์  ราชการดี

   ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายกฤษฎา หรือเบนซ์    เทาศิริ   อายุ 18   ปี   ที่อยู่ 97/1  หมู่ 2  ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน    จ.สมุทรสาคร   หมายเลขประจำตัว  1-7498 - 00230 - 21 - 3

      พร้อมด้วยของกลาง  ยาบ้าเม็ดกลมแบนสีส้ม มีอักษรภาษาอังกฤษ “ WY ” ปรากฏอยู่บนด้านหนึ่ง แบ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบบรรจุยามีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 12 เม็ด  และยาไอซ์ จำนวน 1.53 กรัม
  โดยกล่าวหาว่า ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ( ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ”   จับกุมตัวได้ที่ บริเวณริมถนนทางเข้าซอยโต้ล้ง หมู่ 2  ต.สวนหลวง  อ.กระทุ่มแบน   จ.สมุทรสาคร จากการสอบสวนขยายผล ทราบว่าผู้ต้องหารับโดยยาบ้าและยาไอซ์ของกลางดังกล่าวผู้ต้องหา ได้สั่งซื้อมาจากนายปู  ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง พักอาศัยอยู่ที่บริเวณ อ.บ้านแพ้ว  จ.สมุทรสาคร โดยติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ  โดยยาบ้ารับมาในราคาเม็ดละ 60 บาท ส่วนยาไอซ์รับมาในราคากรัมละ 1,800  บาท แล้วนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้ารายย่อยเพื่อเอาผลกำไรอีกต่อหนึ่ง  จนกระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด
 จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พงส.สภ.กระทุ่มแบน   เพื่อดำเนินคดีต่อไป.

เงาพญาราหู รายงาน

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เดอะมอลล์ จัดฟรีคอนเสิร์ต เพลงพระราชนิพนธ์ ในงาน “บทเพลงแห่งความทรงจำ พ่อหลวงรัชกาลที่๙” ธ สถิตในหทัยราษฎร์

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงานแสดงคอนเสิร์ต “บทเพลงแห่งความทรงจำ พ่อหลวง            รัชกาลที่๙” ธ สถิตในหทัยราษฎร์ ร่วมร้องบทเพลงของพ่อ และร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ          พร้อมแสดงความไว้อาลัย “พ่อของแผ่นดิน” ในวันที่ ๔ – ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น ๔  เดอะมอลล์  งามวงศ์วาน

สำหรับกิจกรรมภายในงานได้มีการจัดคอนเสิร์ตบรรเลงและขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่า เพื่อร่วมรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระปรีชาสามารถด้านดนตรี และการพระราชนิพนธ์เพลง ซึ่งจะบรรเลงโดยวงออเคสตร้าจาก FRATELLI   WIND  SYMPHONIC  BAND มีผู้บรรเลงกว่า ๖๐ ท่าน ควบคุมบทเพลงโดย อาจารย์ อภิวุฒิ มินาลัย และศิลปินชั้นนำของประเทศไทย อาทิ หนึ่ง - อภิวัฒน์ พงษ์วาท, ซานิ - นิภาภรณ์ ฐิติธนการ, เต้น - นรารักษ์ ใจบำรุง, อิมเมจ - สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ, ตุ๊กตา – จมาพร แสงทอง และฟอร์ด - สบชัย ไกรยูรเสน ร่วมขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงเพื่อพ่อหลวง

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถรับบัตรเข้าชมงานฟรีได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เดอะมอลล์     สาขาท่าพระ, งามวงศ์วาน, บางแค และบางกะปิ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป จำนวนรอบละ        ๑,๐๐๐ ใบ โดยคอนเสิร์ตจัดขึ้นในวันที่ ๔ – ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น ๔ เดอะมอลล์          งามวงศ์วาน จัดแสดงวันละ ๒ รอบ เวลา ๑๓.๐๐ -๑๔.๓๐ น. และ ๑๕.๓๐ – ๑๗.๐๐ น.

นอกจากนี้ประชาชนทั่วไปยังสามารถร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และจุดเทียนถวายความอาลัยพร้อมกัน ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.๐๐ น. ที่บริเวณหน้าห้างเดอะมอลล์สาขารามคำแหง,        ท่าพระ, งามวงศ์วาน, บางแค และบางกะปิ อีกด้วย

สค. เดินหน้าต่อยอดพัฒนาทักษะแกนนำเครือข่ายชมรมริบบิ้นขาวอย่างต่อเนื่อง มุ่งแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ให้ครอบคลุมระดับพื้นที่ทั่วประเทศ

         
เมื่อ  26 พ.ย. 59  เวลา 09.00 น. ณ บ้านฟ้าใสรีสอร์ท อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาทักษะแกนนำเครือข่ายชมรมริบบิ้นขาว (White Ribbon Club) พื้นที่ 15 จังหวัดภาคกลาง ประจำปีงบประมาณ 2560 เพื่อพัฒนาทักษะแกนนำและจำนวนเครือข่าย ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เครือข่ายชมรม ขยายผลการดำเนินงาน ส่งเสริมการรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และการขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวงฯ เพื่อให้การบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่สัมฤทธิ์ผล ซึ่งเป็นการต่อยอดโครงการที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ได้ให้การสนับสนุนโรงเรียนจัดตั้งชมรม “ริบบิ้นขาว” เป็นต้นแบบในระดับท้องถิ่นหรือจังหวัด ส่งเสริมเครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ในโรงเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาเมื่อปีงบประมาณ 2559 ที่ผ่านมา
          นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต กล่าวว่า กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาที่สั่งสมมาช้านานและเกิดขึ้นในทุกประเทศ ทุกชนชั้น ทุกมิติของสังคม ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน สถานศึกษา       และสถานที่ทำงาน ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน โดยจะเห็นได้ว่าทุกภาคส่วนมีความมุ่งมั่นและพยายามร่วมมือกันเพื่อดำเนินงานด้านการป้องกัน แก้ไข และช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง สค. เองได้ขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยในปีงบประมาณ 2559 ที่ผ่านมา ได้นำร่องดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายในสถาบันการศึกษา 15 จังหวัดภาคกลางแล้ว ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง สร้างระบบเครือข่ายยุติความรุนแรง และส่งเสริมกลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในระดับท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็ง แก่เยาวชนอายุตั้งแต่ 14 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป                ในสถาบันการศึกษา จำนวน 15 แห่ง (แห่งละ 100 คน) ในพื้นที่ 15 จังหวัดภาคกลาง รวม 1,500 คน จนสามารถขยายจำนวนสมาชิกเครือข่ายชมรมริบบิ้นขาวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็น 12,000 คน ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนเศษ ที่ได้ดำเนินการจัดตั้ง “ชมรมริบบิ้นขาว” ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางให้เครือข่ายสมาชิกชมรมได้มีส่วนร่วมเป็นต้นแบบในระดับท้องถิ่นหรือจังหวัดของตนเอง รวมถึงส่งเสริมการสร้างภาคีเครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ตามแนวคิด “ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย และไม่ทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว” ซึ่งถือเป็นการรวมพลังของชมรมริบบิ้นขาว ด้วยการสร้างเสริมพลัง (Empowerment) ให้เกิดการเรียนรู้ สร้างสรรค์ผลงาน และพัฒนาศักยภาพของตนเองและสถาบันร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงาน อีกทั้งยังเกิดระบบการสร้างภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง สำหรับเป็นกลไกในการป้องกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2560 ได้ดำเนินการต่อยอดโครงการจากปีงบประมาณ 2559 อย่างต่อเนื่อง ในการจัดกิจกรรมรวมพลังชมรมริบบิ้นขาวภายใต้โครงการ พัฒนาทักษะแกนนำเครือข่ายชมรมริบบิ้นขาว (White Ribbon Club) ขึ้น เพื่อให้แกนนำเครือข่ายชมรมริบบิ้นขาวในพื้นที่ 15 จังหวัดภาคกลางดังกล่าวข้างต้น ได้ร่วมกันถอดบทเรียนการดำเนินงานที่ผ่านมา เพื่อนำผลที่ได้รับไปใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป ให้เป็นต้นแบบในการนำไปสู่การจัดตั้งชมรมริบบิ้นขาวให้ครอบคลุมระดับพื้นที่ทั่วประเทศ โดยผ่านกลไกศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว ทั้ง 8 แห่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับพื้นที่ในสังกัด สค. เพื่อจะได้ร่วมกันขับเคลื่อนด้วยความพร้อมเพรียงและบรรลุเป้าหมายการดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน
          ซึ่งในปีนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กำหนดแนวคิดในการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “ก้าวกล้า...พ้นความรุนแรง” โดยนำข้อความรณรงค์ของโครงการรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง (UNiTE) ประจำปี 2559 คือ The brave are not violent กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวได้นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินด้วยความกล้าหาญ โดยกล้าทำในสิ่งดีงาม เข้าใจคนในครอบครัว ปรับเปลี่ยนตนเอง อันจะนำไปสู่การหลุดพ้นออกจากความรุนแรง ทั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว โดยมีรายละเอียดของความกล้าหาญ 9 ประการ ได้แก่ 1) กล้า...จะไม่นิ่งเฉย 2) กล้า...ยอมรับความแตกต่าง 3) กล้า...เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน 4) กล้า...พูดคุยด้วยเหตุผล 5) กล้า...ยกย่องชมเชยและไม่ทำร้ายด้วยคำพูด 6) กล้า...จะไม่ใช้กำลังบังคับ 7) กล้า...ปฏิเสธและก้าวออกจากความรุนแรง 8) กล้า...แลกเปลี่ยนบทบาทในบ้าน 9) กล้า...จะชนะไปด้วยกัน
          กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการในวันนี้ ได้แก่ คณะกรรมการชมรมริบบิ้นขาว เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว รวมจำนวน ๒๐๐ คน โดยรูปแบบการจัดกิจกรรมประกอบด้วย กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ การจัดแสดงผลงาน การถอดบทเรียนการดำเนินงาน และการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะ ทั้งนี้ นายเลิศปัญญา ได้เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานของชมรมริบบิ้นขาวโรงเรียนต่างๆ และได้ร่วมแปลอักษรเป็นเลข ๙ กับนักเรียน/นักศึกษา เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และโบกธงสัญลักษณ์รณรงค์ยุติความรุนแรง



















--------------------------------

จังหวัดนครปฐม จัดฝึกอบรมหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ที่โรงเรียนทวารวดี อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พลตำรวจตรี สราวุฒิ การพาณิช รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นประธานเปิดโครงการจัดฝึกอบรมหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รุ่นที่ 1  ให้แก่นักเรียนจำนวน 120 คน โดยพันตำรวจตรีเชวง จันทร์วงศ์ หัวหน้าตำรวจสันติบาลนครปฐม กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่เรียกระบอบการปกครอง ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เหตุผลพื้นฐานมาจากรากฐานของสังคมไทยที่เคารพเทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนชาวไทยได้รับการปลูกฝังเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม บำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชน ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองและศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองแม้ในยามเกิดวิกฤต
ซึ่งการจัดอบรมในครั้งนี้ เพื่อรณรงค์สร้างจิตสำนึกและค่านิยมให้กับประชาชนมีความเคารพรัก เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจัดตั้งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนครอบคลุมทุกสาขาอาชีพ อาทิ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อนำไปสู่การดำเนินการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนกลุ่มเครือข่ายแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อต้านภัยคุกคามต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนดำรงชีวิตตามทางเศรษฐกิจพอเพียงและปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี
สำหรับ การจัดอบรบรุ่นที่ 2 วันที่ 13 ธันวาคม 2559 ณ วิทยาลัยอาชีวเทศบาลนครนครปฐม ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 คน รุ่นที่ 3 วันที่ 14 ธันวาคม 2559 ณ โรงเรียนเทศบาล 3 (สระกระเทียม) อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม จำนวน 120 คน และรุ่นที่ 4 วันที่ 19 ธันวาคม 2559 ณ โรงเรียนเทศบาล 5 วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 คน​

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เทศบาลนครสมุทรสาคร ประชุมสภาสมัยสามัญ สมัยที่ ๔..ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครสมุทรสาคร

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 พ.ย.59 นายชัยพจน์ สุนทรโรหิต ประธานสภาเทศบาลสมุทรสาคร เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ก่อนเปิดการประชุมสภาสมัยสามัญ สมัยที่ ๔ โดยมี นายสุภาพ แซ่เฮ้ง นายกเทศมนตรี นายชุมพล จันทร์จรัสวัฒนา นายชวลิต ลิ้มธนสาร นายสาคร อิ่มพรรณไชย นายศักดิ์ชัย นิมิตรปัญญา รองนายกเทศมนตรี นายประวิทย์ มณีโรจน์ ประธานที่ปรึกษาและข้าราชการในสังกัดเทศบาลนครสมุทรสาคร เข้าร่วมโดยมีระเบียบวาระการประชุม ๘ เรื่อง ว่าด้วยเรื่องที่ประธานจะแจ้งให้ที่ประชุมทราบ การรับรองรายงานประชุมสภาเทศบาล สมัยสามัญ สมัยที่ ๒ ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ กัน ยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ การกำหนดสมัยประชุมสภาเทศบาล สมัยสามัญ ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๐ การรายงานของเทศบาลนครสมุทรสาคร ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (กองวิชาการ) รายงานผลการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาเทศบาลสามปี (พ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๐) เรื่องญัตติขออนุมัติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.๒๕๕๙ (สำนักปลัด) การขออนุมัติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.๒๕๖๐ (สำนักการช่าง) และเรื่องญัตติอื่นๆ โดยมีนายกเทศมนตรี เป็นผู้เสนอมอบให้คณะผู้บริหารและข้าราชหน่วยงานในสังกัดเป็นผู้อธิบายให้ที่ประชุมทราบ.

เงาพญาราหู รายงาน










มท.พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านวิเทศสัมพันธ์ฯ

มหาดไทย พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านวิเทศสัมพันธ์จังหวัดชายแดน
พร้อมสร้างเครือข่ายการทำงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์องค์กรสู่อาเซียน  

เมื่อ 28 พ.ย. 59 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารสถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย นายชยพล ธิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “พัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานด้านวิเทศสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กระทรวงมหาดไทย” ซึ่งกระทรวงมหาดไทย จัดขึ้นเพื่อเพิ่มพูนองค์ความรู้ และทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานด้านวิเทศสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ กิจการชายแดน และการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถปฏิบัติภารกิจในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย ผู้ปฏิบัติงานด้านวิเทศสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดน 31 จังหวัด รวมทั้งจังหวัดปัตตานี และจังหวัดภูเก็ต
นายชยพล  ธิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน และมีนโยบายในการส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาด่านชายแดน และการเตรียมการด้านทรัพยากรมนุษย์ มีการส่งเสริมด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ชายแดนติดกัน โดยที่งานวิเทศสัมพันธ์หรืองานด้านการต่างประเทศเป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจด้านการต่างประเทศ และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในระดับท้องถิ่น ดังนั้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานด้านวิเทศสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดน สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะ มีความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการต่างประเทศ เช่น ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านของกระทรวงมหาดไทย นโยบาย/ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติกับประเทศรอบบ้าน การปักปัน/การแก้ปัญหาเขตแดน ตลอดจนการส่งเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษพื้นที่ชายแดน กระทรวงมหาดไทยจึงได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านวิเทศสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทยขึ้น ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2559 ณ กระทรวงมหาดไทย และ โรงแรมรอยัลริเวอร์แคว รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้มีทั้งการบรรยายพิเศษ การให้ความรู้ การตอบข้อซักถาม และการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดเห็น โดยทีมวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ในด้านการต่างประเทศ รวมทั้งจัดให้มีการศึกษาดูงาน ณ สถานที่จริง ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี (ศึกษาดูงานกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง การนำเข้า – ส่งออกสินค้า และโครงการพัฒนาท่าเรือทวาย)
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การสัมมนาในครั้งนี้ นอกจากผู้เข้ารับการสัมมนาฯ จะได้รับการพัฒนาความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่ายในประสานการทำงานร่วมกัน และเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างความคุ้นเคยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านวิเทศสัมพันธ์จังหวัดชายแดนในแต่ละพื้นที่ ทั้งในด้านที่ประสบความสำเร็จ และในด้านที่ประสบปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนารูปแบบการดำเนินงานให้ดียิ่งๆ ขึ้น ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันสร้างสานสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการต่างประเทศของกระทรวงมหาดไทย พร้อมเป็นกำลังในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่างๆ ของรัฐบาล ของกระทรวงมหาดไทย และของจังหวัดให้สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายและเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม



ขอเชิญเที่ยวงานเทศกาลกินสัตว์น้ำปลอดภัย “กินกุ้งใหญ่ ไปกำแพงแสน”

        นายกำจัด ราชคำ ประมงจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า จังหวัดนครปฐม ได้กำหนดจัดงานเทศกาล กินสัตว์น้ำปลอดภัย ขึ้นในระหว่างวันที่ 2-11 ธันวาคม 2559 ภายใต้ชื่อ กินกุ้งใหญ่ไปกำแพงแสน ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน รวม 10 วัน  เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งผลิตและส่งเสริมเครือข่ายธุรกิจสัตว์น้ำ ที่มีศักยภาพด้านการผลิตและส่งออกของจังหวัดนครปฐม ส่งเสริมภาพลักษณ์ สร้างตราสินค้าประมงของจังหวัดนครปฐมที่มีมากมายให้มีเอกลักษณ์เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค รวมถึงใช้เป็นเวทีการนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของธุรกิจประมงในเขตพื้นที่ในบริบทของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการนำทรัพยากรประมงที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระราชกรณียกิจด้านการประมง ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายใต้แนวคิด “ นครปฐม เมืองแห่งการประมงที่ก้าวหน้าและยั่งยืน ตามรอยพระยุคลบาท” การประกวดปลากัด 6 ประเภท 30 รางวัล ชิงถ้วยรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม การแข่งขันกินสัตว์น้ำปลอดภัย ชิงเงินรางวัลและของรางวัล บูธส่งเสริมธุรกิจการค้า ผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำ การสาธิตและฝึกอบรมอาชีพด้านประมงหลากหลายหลักสูตร และการปรุงเมนูต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ กินฟรี ในพิธีเปิดงาน 3 ธันวาคม 2559
นอกจากนี้ เตรียมพบกับความยิ่งใหญ่ในเชิงนวัตกรรมของการประกวดปลากัด Nakhonpathom  Model Bettas Competition 2016 การสาธิตเทคนิคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมเลือกซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ พิเศษสุดๆกับกินต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ ในพิธีเปิดงาน 3 ธันวาคม 2559 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดนครปฐม โทร. 034-340034-6
.................................................
ชุติมา ลีนุกูล สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.นครปฐมรายงาน

หน่วยสันติบาลจังหวัดนครปฐม กำหนดฝึกอบรมโครงการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

 พันตำรวจตรีเชวง จันทร์วงษ์ หัวหน้าตำรวจสันติบาลจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า หน่วยตำรวจสันติบาลจังหวัดนครปฐม ได้จัดให้มีการอบรมโครงการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อรณรงค์ให้ความรู้แก่นักเรียน และประชาชนในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม ให้มีความจงรักภักดีเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ในเวลา 08.30 น. โดยรุ่นที่ 1 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ณ โรงเรียนทวารวดี ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 คน รุ่นที่ 2 วันที่ 13 ธันวาคม 2559 ณ วิทยาลัยอาชีวเทศบาลนครนครปฐม ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 คน รุ่นที่ 3 วันที่ 14 ธันวาคม 2559 ณ โรงเรียนเทศบาล 3 (สระกระเทียม) อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม จำนวน 120 คน และรุ่นที่ 4 วันที่ 19 ธันวาคม 2559 ณ โรงเรียนเทศบาล 5 วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 คน
ชุติมา ลีนุกูล สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.นครปฐมรายงาน

เดินหน้าแผนฯ ประเทศไทยไร้ขยะ

 มหาดไทยสั่งการทุกจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
เดินหน้าแผนปฏิบัติการ ประเทศไทยไร้ขยะ” ตามแนวทาง ประชารัฐ” ระยะ ปี
เร่งลดปริมาณขยะให้ได้ร้อยละ ในปี 2560


          เมื่อ 28 พ.ย. 59 นายชยพล ธิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้แจ้งให้ทุกจังหวัดดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ภายใต้โครงการจังหวัดสะอาด” โดยอาศัยกลไก ประชารัฐ” สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางคือบ้านเรือนของประชาชน ประกอบกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่กำกับดูแลให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอย         ตามแผนปฏิบัติการฯ ประเทศไทยไร้ขยะ” ตามแนวทางประชารัฐ” ระยะ ปี ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม 
          เพื่อให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามมติคณะรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย     จึงได้แจ้งแผนการบริหารจัดการขยะมูลฝอยปี 2560 ให้ทุกจังหวัดเร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ประเทศไทยไร้ขยะ” โดยใช้หลัก 3Rsคือ การใช้น้อย (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เริ่มดำเนินการตั้งแต่ตุลาคม 2559 - กันยายน 2560 โดยในส่วนกลางได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการประเทศไทยไร้ขยะ” ขึ้น เพื่อบูรณาการการทำงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะ และจัดทำฐานข้อมูลกลางด้านการขยะมูลฝอยของประเทศ กำกับติดตาม เร่งรัดการปฏิบัติงานของส่วนราชการและจังหวัด รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติงานให้คณะรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง โดยมีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น     เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 
          สำหรับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประเทศไทย ไร้ขยะ” ระยะ ปี ในพื้นที่จังหวัด ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ โดยจังหวัดจะทำหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจแนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดให้กับทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้รับทราบและจัดทำแผนปฏิบัติการในระดับจังหวัดให้สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ รวมทั้งจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกันระหว่างส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนในพื้นที่ โดยกำหนดมาตรการ   ที่จะดำเนินการเพื่อแก้ไขขยะมูลฝอยในจังหวัดทั้งขยะใหม่และขยะเก่า เช่น การรณรงค์ประชาสัมพันธ์และการจัดกิจกรรม   ลดและคัดแยกขยะภายใต้หลัก 3Rs การจัดกิจกรรม Kick off สร้างประเทศสะอาดภายใต้สโลแกน “ Thailand claening day” การจัดกิจกรรม big cleaning ช่วยกันทำให้พื้นที่สาธารณะ ตลาด ถนนสายหลัก สายรองมีความสะอาดและ          เป็นระเบียบเรียบร้อย กิจกรรมการตรวจตลาดสะอาดตามมาตรฐานสากล กิจกรรมในโรงเรียน เช่น ธนาคารขยะในโรงเรียน เป็นต้น      ในส่วนของการจัดการกับขยะเก่าจะมีการสำรวจข้อมูลปริมาณและการจัดการขยะมูลฝอย ในพื้นที่เพื่อจัดทำฐานข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อนำมาใช้บริหารจัดการขยะต่อไป 
          รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนปฏิบัติการ ประเทศไทย ไร้ขยะ” ตั้งเป้าลดปริมาณขยะที่เข้าสู่ระบบกำจัดที่ปลายทางให้ลดลงร้อยละ เมื่อเทียบกับปี 2559 และให้มีชุมชน/หมู่บ้านต้นแบบในการบริหารจัดการขยะ   มูลฝอยและขยายผลให้ได้ร้อยละ 40 ของชุมชนหรือหมู่บ้านในจังหวัดภายในปี 2560 โดยกระทรวงมหาดไทยจะติดตามผลการดำเนินงานตามแผนฯ และข้อเสนอต่างๆ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบ และจะมีการสรุป     
ถอดบทเรียนการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในจังหวัดเพื่อวางแผนดำเนินงานในปีต่อไปด้วย 

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

มท.สั่งทุกจังหวัดสำรวจสถานที่เก็บข้าว

กระทรวงมหาดไทยสั่งการทุกจังหวัด เร่งสำรวจข้อมูลสถานที่เก็บข้าว ยุ้งฉาง ไซโล  ธนาคารข้าวทั่วประเทศ ทั้งที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการและของเกษตรกรชาวนา เพื่อวางแผนในการให้ความช่วยเหลือและบริหารจัดการข้าวอย่างเป็นระบบ 


   เมื่อ 27 พ.ย.59 นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนา เนื่องจากปัญหาราคาข้าวเปลือกในฤดูการผลิตปี 2559/ 60 มีราคาตกต่ำ โดยได้ดำเนินการทั้งมาตรการเร่งด่วนและระยะต่อไป เช่น การบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ช่วยเหลือรับซื้อข้าวในฤดูการผลิตปีปัจจุบันโดยตรงจากชาวนา การเปิดพื้นที่ตลาดให้ชาวนานำเข้ามาจำหน่าย การอนุญาตให้ใช้ลานของสถานที่ราชการเป็นลานตากข้าวเพื่อลดความชื้น รวมไปถึงการตรวจสอบกำกับดูแลการซื้อขายข้าว สถานที่รับซื้อในพื้นที่จังหวัดให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร  
     เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือในหลายๆ มาตรการโดยเฉพาะการรณรงค์ให้ชาวนาชะลอการขายข้าวโดยให้ชาวนาเก็บข้าวไว้ก่อนเพื่อหาจังหวะขายเมื่อราคาข้าวสูงขึ้น นั้น
     ปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ดำเนินการจัดประชุมและบูรณาการผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ได้แก่ เกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัด และพัฒนาการจังหวัด สำรวจข้อมูลยุ้งฉาง ไซโล ธนาคารข้าว ที่มีการดำเนินการโดยสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน หรือผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าในพื้นที่ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน โดยให้สำรวจข้อมูลตั้งแต่เรื่องของจำนวน ยุ้งฉาง ไซโร ธนาคารข้าวและปริมาตรความจุ รวมถึงสถานที่ตั้ง และให้รายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบภายในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ 
    รวมไปถึงให้สำรวจข้อมูลยุ้งฉาง  ไซโลซึ่งเป็นของเกษตรกรชาวนาด้วย โดยให้สำรวจเป็นรายอำเภอทั้งจำนวนยุ้งฉางหรือไซโลที่มีและปริมาตรความจุที่สามารถเก็บข้าวได้
โดยได้กำชับให้นายอำเภอทุกแห่งควบคุมกำกับดูแลในการสั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านสำรวจข้อมูลในพื้นที่ให้เป็นปัจจุบันและ ถูกต้องครบถ้วนเพื่อกระทรวงมหาดไทยจะได้จัดทำเป็นฐานข้อมูลสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆไว้ใช้ประกอบการกำหนดมาตรการช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกรอื่นๆในปีต่อๆไปด้วยโดยรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2559 นี้

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

มท.1 ประธานมอบประกาศนียบัตรฯ นปส.รุ่น 66 และ 67

รมว.มท. เป็นประธานมอบประกาศนียบัตร เข็มวิทยฐานะและโล่รางวัลเรียนดีแก่ผู้สำเร็จการอบรม
หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 66 และ 67
        


เมื่อ 25 พ.ย.59 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 5 อาคารสถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร เข็มวิทยฐานะ และโล่รางวัลเรียนดีให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 66 และรุ่นที่ 67 ประจำปี 2559 จำนวนทั้งสิ้น 197 คน โดยมี นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ให้เกียรติเข้าร่วมพิธี
          โอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักปกครองระดับสูงทั้ง 2 รุ่น ที่สามารถผ่านบททดสอบในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่กล่าวว่าการทดสอบในเบื้องต้นนั้น ก็เพราะว่าเป็นการทดสอบว่าผู้สำเร็จการศึกษาอบรมจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาอบรมไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างไร แต่บททดสอบที่แท้จริงอยู่ที่อำเภอ จังหวัด หรือหน่วยงาน
ที่แต่ละคนสังกัด และการเข้ารับการศึกษาอบรมในครั้งนี้ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนพี่น้องประชาชน ย่อมคาดหวังในตัวท่านทั้งหลายว่าจะสามารถนำแนวคิดหรือวิทยาการใหม่ๆ กลับไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในราชการดังนั้น เมื่อกลับไปแล้วขอให้นำความรู้ที่ได้รับไปช่วยเหลือผู้บังคับบัญชา
ผู้ว่าราชการจังหวัด หรืออธิบดีในการบริหารราชการ และขอให้ทุกท่านพึงระลึกเสมอว่า ท่านจะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้นำที่จะนำความรู้ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ไปพัฒนาและขยายผลแก่เพื่อนร่วมงาน แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ขอให้ทุกท่านเป็นผู้นำที่ดีและเก่ง สามารถบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชนและสังคมโดยส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดอำนวยพรให้ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมทุกท่านมีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนาประเทศชาติ
อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราให้เจริญรุดหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป
                        สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาอบรมในครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 197 คน ประกอบด้วย หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 66 จำนวน 102 คน เข้ารับการอบรมระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 5 สิงหาคม 2559 และรุ่นที่ 67 จำนวน 95 คน เข้ารับการอบรมระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 9 กันยายน 2559 ใช้เวลาศึกษาอบรมรุ่นละ 15 สัปดาห์ ณ วิทยาลัยมหาดไทย อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ดำเนินการโดยสถาบันดำรงราชานุภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานให้เป็นผู้มีสมรรถนะและมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติราชการ โดยยึดหลักการบริหารราชการภาครัฐแนวใหม่ และการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ซึ่งในการศึกษาอบรมตามหลักสูตรดังกล่าวผู้เข้ารับการศึกษาอบรม จะได้รับความรู้ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติมีการศึกษาดูงานและฝึกปฏิบัติจริง (Action Learning) ในกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งมีการประเมินผลตลอดระยะเวลาของการศึกษาอบรม ทำให้ผู้เข้ารับการอบรม สามารถนำความรู้และวิทยาการใหม่ๆ ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนางานของหน่วยงาน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และประเทศชาติต่อไป









สถ. ลงพื้นที่เกี่ยวข้าว

นายจรินทร์ จักกะพาก อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า จากที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินโครงการ"กรมท้องถิ่นขายข้าวสารช่วยชาวนา" และได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มชาวนาที่ส่งข้าวไปให้กรมฯช่วยจำหน่ายนั้น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจึงจัดกิจกรรมนำคณะผู้บริหารและข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลงพื้นที่เกี่ยวข้าวร่วมกับนายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงวิถี ความเป็นอยู่ของชาวนา เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2559 ณ แปลงนาบ้านหนองบัว บ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์