เมื่อ 11 มี.ค. 60 นายสุธี
มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตรวจเยี่ยมและพบปะเกษตรกรผู้ทำเกษตรอินทรีย์จังหวัดยโสธร ณ วัดป่าสวนธรรมร่วมใจ
ตำบลกระจาย อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร โดยมี นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม
ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร หัวหน้าส่วนราชการ
และเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดยโสธรให้การต้อนรับ
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้
เป็นการเยี่ยมชมการทำเกษตรอินทรีย์
ซึ่งจังหวัดยโสธรถือเป็นจังหวัดที่ผลิตข้าวอินทรีย์มากที่สุดในประเทศไทยจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
โดยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเกษตรอินทรีย์มาอย่างยาวนาน
และมีการรวมกลุ่มเกษตรกรอย่างเหนียวแน่น
เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตในวิถีเกษตรอินทรีย์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตที่ได้ ได้รับการรับรองมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้าทั้งตลาดสหภาพยุโรป
อเมริกา และญี่ปุ่น มีการดำเนินการผลิตเชื่อมโยงตลาดนอกประเทศมาโดยตลอด
และเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2559 จังหวัดยโสธร นำโดย ผู้ว่าราชการจังหวัด
ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เพื่อร่วมกันพัฒนาและสร้างให้จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดต้นแบบเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย
ครอบคลุมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีเป้าหมายขยายพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์จาก
6 หมื่นไร่ เป็น 1 แสนไร่ ภายในปี 2561
โอกาสนี้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ได้เป็นประธานมอบใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกรในพื้นที่ ได้แก่ 1. มาตรฐานระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (PGS : Participatory
Guarantee System) ของมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกแตงโม
กลุ่มแตงโมหวานปลอดสารพิษคำเขื่อนแก้ว จำนวน 36 ราย 2. มาตรฐาน มกษ 9000
ชนิดพืชข้าว แก่ตัวแทนเกษตรกรรายใหม่ในพื้นที่ 5 ตำบล และ 3.
มาตรฐาน มกษ 9000 ปลาน้ำจืด จำนวน 7 ราย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
กล่าวว่า แนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่
และเกษตรอินทรีย์เป็นแนวทางสำคัญที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากแนวทางดังกล่าวจะทำให้พี่น้องเกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน
และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะการปลูกข้าวหอมมะลิปลอดภัยและข้าวหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ที่ถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ
การที่ข้าวหอมมะลิของจังหวัดยโสธรสามารถเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ
สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และมีการพัฒนานวัตกรรมการผลิต
ต่อยอดภูมิปัญญา และองค์ความรู้ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ได้ส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างมากทั้งด้านคุณภาพของผลผลิต
ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของเกษตร และผู้บริโภค จนมาสู่ความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่จังหวัดยโสธรจะพัฒนาไปสู่ “เมืองเกษตรอินทรีย์ หรือLand of Organic” อย่างสมบูรณ์ในอนาคต
ซึ่งจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน
ด้านเศรษฐกิจ และด้านสุขภาพไปพร้อมๆ กับการสร้างความสมดุลทางธรรมชาติ
และยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งให้แก่เกษตรกร
สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทย เป็นหนทางที่จะนำพาให้คนไทยได้หลุดพ้นจากความยากจน
สอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 เป็นตัวอย่างให้แก่พื้นที่อื่นๆ
ได้ไปใช้เป็นแนวทางในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่พี่น้องเกษตรกรอีกด้วย
ทั้งนี้
จังหวัดยโสธรได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์จังหวัดว่า “ยโสธรเมืองเกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งวิถีอีสาน” ด้วยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
เกษตรอินทรีย์วิถียโสธรใน 4 ประเด็น คือ 1.
สร้างกระแสการรับรู้และการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ 2.
ขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ให้เต็มศักยภาพ 3.
เพิ่มความสามารถในการรับซื้อและส่งเสริมการแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตรอินทรีย์
4. เพิ่มตลาดและช่องทางการจำหน่ายในและต่างประเทศ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น