pearleus

วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบล สภาพัฒนาการเมือง และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในจังหวัดสมุทรสงคราม จัดเวทีขับเคลื่อนทิศทางอนาคตจังหวัดสมุทรสงคราม สู่จังหวัดจัดการตนเอง










   เมื่อ 25 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา  ที่อัมพวารีสอร์ท อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบล สภาพัฒนาการเมือง และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในจังหวัด นำโดย ดร.อุษา เทียนทอง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดสมุทรสงคราม ในการจัดเวทีขับเคลื่อนทิศทางอนาคต จังหวัดสมุทรสงคราม สู่จังหวัดจัดการตนเอง โดยการสืบค้นแนวโน้มที่จะส่งผลต่ออนาคต ทั้งข้อมูลแนวโน้มโลก ภูมิภาค และจังหวัดด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สุขภาพ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม พลังงาน ยาเสพติด พร้อมกับจัดการแบ่งกลุ่มระดมความคิด คาดการณ์แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตและการสังเคราะห์สรุปแนวโน้มในอนาคตของจังหวัด
                ที่ประชุมยังได้สำรวจตรวจตราทุนที่มีศักยภาพของจังหวัดสมุทรสงคราม ด้วยการนำเสนอรายงานทุนของจังหวัดจากข้อมูลเดิมที่ได้มีการรวบรวมไว้ และเพิ่มเติมจากการระดมความคิดเห็นจากเวทีในวันนี้ แล้วสังเคราะห์สรุปในการกำหนดอนาคตที่เหมาะสมของจังหวัดอย่างเป็นประเด็นรูปธรรม เพื่อการสรุปผลและเตรียมการขยายผลเวที ทิศทางอนาคตของจังหวัดสมุทรสงครามสู่จังหวัดจัดการตนเอง ที่จะเอื้อต่อการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสมุทรสงคราม ปี 2557-2560 ต่อไป

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ประชุมติดตามงานกองทุนหมู่บ้านจังหวัดนครปฐม


นายกำธร  ตุ้งสวัสดิ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนและติดตามการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านจังหวัดนครปฐม    ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม  เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555  สืบเนื่องจากคณะอนุกรรมการสนับสนุนและติดตามการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านจังหวัดนครปฐมได้ประชุมและมีมติเห็นชอบการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ 3 ครั้งที่ 1 จำนวน 178 กองทุน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2555  และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(สทบ.) ได้จัดสรรและโอนเงินให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองดังกล่าวเมือวันที่ 26 ตุลาคม จำนวน 153 กองทุน  คงเหลือจำนวน 25 กองทุน ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรโอนเงินเพิ่มทุนฯ   ดังนั้น สทบ.จึงได้ดำเนินการรวบรวมปัญหา และจะกำหนดกรอบแนวทางการพัฒนากองทุนหมู่บ้านฯ ที่มีปัญหา เพื่อให้กองทุนหมู่บ้านฯ พัฒนาให้เข้มแข็งและเหมาะสมกับการได้รับการสนับสนุนเพิ่มทุนฯ ระยะที่ 3  นอกจากนี้คณะอนุกรรมการสนับสนุนฯ ระดับอำเภอทุกอำเภอ ได้จัดส่งรายชื่อกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ผ่านการพิจารณาเห็นควรสนับสนุนการเพิ่มทุน ระยะที่ 3 ครั้งที่ 2  แยกเป็นธนาคารออมสิน 221 กองทุน และธนาคาร ธกส. จำนวน 39 กองทุน  รวมทั้งสิ้น 260 กองทุน มาเพื่อให้คณะอนุกรรมการสนับสนุนฯ ระดับจังหวัดพิจารณาเห็นชอบ  ก่อนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ

ลักจักรยานยนต์ 6 วันจนมุมตำรวจทุ่งคอก


   พ.ต.อ.พศวีร์  เรืองภู่ ผกก.สภ.ทุ่งคอก ได้สั่งการ พ.ต.ท.ชายชัย   ณัฐโสนามัย รอง ผกก.ป.ฯ ให้ดำเนินการเร่งติดตามคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น ฟีโน่ สี ดำ -ส้ม  หมายเลขเครื่องยนต์ 4DO -3582385 หมายเลขตัวรถ 4DO-352385  ซึ่งมีนายฉาย   เกิดสมบูรณ์ บ้านอยู่หมู่ที่ 10 ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นเจ้าของโดยเหตุเกิดในตลาดนัดเมื่อวันเสาร์ที่ 15 ธ.ค.55 เวลา 17.00 น.ซึ่งชุดสืบสวนของ สภ.ทุ่งคอกประกอบด้วย พ.ต.ท.สมนึก    พันธ์แจ่ม สว.สส.ฯ,ร.ต.อ.เอกภาพ   สินพูล ,ด.ต.วิทวัส  ล้ำเลิศ ,ด.ต.ณรงค์  งาชัยภูมิ ได้ประสานกับพื้นที่ใกล้เคียงจนสามารถจับกุมรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.สองพี่น้องโดยขณะนั้นมีนายศิวานัท   รำมะโน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 310 หมู่ 1 ต.เนินพระปรางค์   อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ครอบครองรถจักยานยนต์คันที่ถูกก่อเหตุอยู่โดยพบขณะนายศิวานัท ฯขับขี่อยู่ในชุมชนเริ่มพัฒนา   ถ.โพธิ์อ้น-หวายสอ ต.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เนื่องจากรถไม่ติดป้ายทะเบียนประกอบกับเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชา ให้ดำเนินการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่ไม่ติดป้ายทะเบียนเมื่อตรวจสอบจึงพบว่าเป็นรถจักรยยานยนต์คันเดี๋ยวกับที่ถูกก่อเหตุจาก สภ.ทุ่งคอก จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งคอกและนำตัว นายศิวานัทฯ ส่ง ร.ต.ต.สมเกียรติ   ศรีสังวาลย์ พงส.ฯเวรเจ้าของคดีผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดี

ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พล.ต.ต.ยุทธนา


 เมื่อวันที่ ๒๒ ธ.ค. ๒๕๕๕ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พล.ต.ต.ยุทธนา ตุงตะเสน รอง ผบช.ตชด. โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. และข้าราชตำรวจร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก ณ วัดตรีทศเทพวรวิหาร 




ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี ข้าราชการบำนาญ อดีต รอง ผบก.น.๔




เมื่อวันที่ ๒๒ ธ.ค. ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี ข้าราชการบำนาญ อดีต รอง ผบก.น.๔ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. และข้าราชตำรวจร่วมไว้อาลัย ณ วัดตรีทศเทพวรวิหาร




วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

กลุ่มทวงคืนพลังงานสาครคัดค้านขึ้นราคาแก๊ส LPG



























หลังจากที่รัฐบาลได้มีประกาศจะขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีในภาคครัวเรือนและยานยนต์ นับตั้งแต่ปีใหม่ 2556 เป็นต้นไปนั้น ในวันนี้ 20 ธันวาคม 2555 เวลาประมาณ 11.0 น. ก็ได้มีการขับเคลื่อนของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวแล้ว โดยภาคประชาชนที่รวมตัวกันแล้วเรียกตัวเองว่ากลุ่มทวงคืนพลังงานสาครกว่า 30 คนนั้น ก็ได้ขับเคลื่อนขบวนมาที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ไปถึงกระทรวงพลังงานและรัฐบาล โดยในหนังสือได้ชี้แจงถึงปัญหาและทางออกกรณีก๊าซแอลพีจี ซึ่งกลุ่มทวงคืนพลังงานสาคร ได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและการกำหนดราคาแอลพีจีที่เป็นธรรมต่อประชาชน 5 ข้อ คือ ข้อที่ 1 รัฐควรจัดลำดับความสำคัญในการใช้ก๊าซแอลพีจีที่ผลิตได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติให้ภาคประชาชนใช้ก่อน เนื่องจากก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแอลพีจีมาจากแผ่นดินไทยอันเป็นทรัพยากรของประชาชน ซึ่งแอลพีจีในส่วนที่เหลือจากการใช้ของภาคประชาชนก็ให้จำหน่ายกับภาคอุตสาหกรรม แต่ถ้าหากไม่เพียงพอให้ภาคอุตสาหกรรมก็ต้องให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นผู้รับภาระในการนำเข้าเอง ข้อ 2 เนื่องจากการให้สัมปทานปิโตเลียมของประเทศไทยเป็นระบบสัมปทานที่รัฐได้รับผลประโยชน์ตอบแทนต่ำที่สุดในอาเซียน ทำให้ผู้รับสัมปทานมีต้นทุนการผลิตก๊าซแอลพีจีที่ต่ำ ซึ่งเมื่อต้นทุนการผลิตแอลพีจีบวกกำไรของผู้รับสัมปทานอยู่ที่ประมาณ 9 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ขณะที่ราคาค้าปลีกแอลพีจีที่จำหน่ายให้แก่ภาคครัวเรือน และภาคยานยนต์ ซึ่งรวมกำไรของผู้ค้าและภาษีแล้ว อยู่ที่ 18.13 บาท ( 18 บาท 13 สตางค์) ต่อกิโลกรัม และ 21.38 บาท ( 21 บาท 38 สตางค์) ต่อกิโลกรัม ตามลำดับ จึงเป็นราคาที่ผู้ค้าได้กำไรมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่สมควรที่รัฐจะให้มีการปรับราคาแอลพีจีกับภาคครัวเรือนและภาคยานยนต์เพิ่มขึ้นอีก ข้อที่ 3 ให้เลิกนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนการใช้แอลพีจีเป็นวัตถุดิบของธุรกิจปิโตรเคมี ข้อที่ 4 ปัญหาหลักกที่ต้องมีการนำเข้าแอลพีจี และมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากประชาชนเกิดจากนำเงินไปอุดหนุนธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ปตท. ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรม จึงควรให้ ปตท. ส่งคืนเงินที่ได้รับชดเชยส่วนต่างราคาแอลพีจีกลับมาให้แก่กองทุนน้ำมันโดยเร็ว และข้อที่ 5 ให้ปลัดกระทรวงและข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพลังงาน แสดงความรับผิดชอบต่อการนำเสนอนโยบายทีเป็นการเอาเปรียบประชาชนด้วยการลาออกจากการเป็นกรรมการของธุรกิจพลังงานทั้งหมด
ทั้งนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้มอบหมายให้นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้ลงมารับหนังสือคัดค้านจากกลุ่มทวงคืนพลังงานสาคร ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนตัวไปยังตลาดมหาชัย เพื่อแจกจ่ายแผ่นพับการคัดค้านดังกล่าวให้กับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ

ก้าวสู่ปีใหม่อย่างปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ

    พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุบนถนน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน จำนวนมาก ยังมีการเทเหล้าเพื่อรณรงค์ งดดื่มก่อนขับรถยนต์ เพื่อลดอุบัติเหตุ บนท้องถนนระหว่างช่วงเทศกาลปีใหม่

                                                                                                                                                                                  โปร่ง  พญาไม้

อวยพรในโอกาสขึ้นปีใหม่



พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ที่มาถึง ขออวยพรให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ความเจริญ ในทุกๆด้าน คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา ทุกประการ ลอดจนการเดินทางออกไปท่องเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆนั้น ขอจงใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการขับขี่ ขออย่าได้ดื่มสุราก่อนขับรถยนต์  ขอให้ทุกท่านโชคดีตลอดปีใหม่นี้

โป่รง  พญาไม้

อวยพรในโอกาสขึ้นปีใหม่


พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์  รอง ผบช.น. ในโอกาสปีใหม่มาถึงนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน ขอจงสมความปรารถนา ในสิ่งที่คิดดี ทำดี และขอจงใช้ชีวิตด้วยความสงบ สันติ ตลอดไป
                                                                                     โปร่ง  พญาไม้

ผู้ช่วยผู้จัดการร้านคาราโอเกะ ขอความเป็นธรรม ถูกทำร้าย


ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายจตุพล ฯ ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน คาราโอเกะซิตี้ ตั้งอยู่ ถ.ประดิษมนูธรรม แขวงลาดพร้าว  เขตลาดพร้าว กรุงเทพ โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2555 เวลา 20.00 น.ได้มีชาย 6 คนเข้าไปใช้บริการภายในร้าน จนถึงเวลา 00.30 น. 1 ในชายกลุ่มนั้นได้เรียกคิดเงินค่าบริการ จำนวนทั้งสิ้น 38,805 บาท ซึ่งได้ใช้บัตรเครดิต แต่ปรากฏว่า เครื่องอิเล็คโทรนิค อ่นข้อมูลบัตรว่าหมดอายุ ในปี 2554 แม้ว่าพนักงานจะพยายามอยู่หลายครั้งแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้ผล เป็นเหตุให้ชายเหล่านั้นเกิดความไม่พอใจ ได้ใช้กำลังประทุษร้าย นายจตุพลฯและน.ส.เฟื่องฟ้า  คันทะมูล ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังข่มขู่ ด้วยการใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า 3 นัด ต่อมาทราบว่าชายทั้งหมด มีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นายสุขอนันต์ ปัญญาวณิชบวร อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องเรียน ขอความเป็นธรรม ในเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย  ซึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รับเรื่องไว้ พร้อมกล่าวว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย กับกลุ่มบุคคลทั้งหมด

                                                                                โปร่ง  พญาไม้

อวยพรในโอกาสขึ้นปีใหม่

ร.ต.อ.ชยชัย  นาธนกาญจน์ สว.ฝอ.5 งานประชาสัมพันธ์ บช.น. ในโอกาสขึ้นปีใหม่ขอให้พี่น้องคนไทยมีความสุข ความเจริญในหน้าที่การงานและขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดไป

โปร่ง พญาไม้


จับเครือข่ายค้ายาเสพติด เรือนจำบางขวาง


ตำรวจ บก.น.1 จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดได้      2 ผู้ต้องหา สองสามี ภรรยา พร้อมของกลางจำนวนมาก ยอมรับเป็นคนกลางรับสิ่งของมาจากผู้บงการในเรือนจำ ลักลอบจำหน่ายแก่ลูกค้าทั่วไป ทำมานานแล้ว หลังพ้นโทษจากคุก ได้ปีเศษ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล 1  พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายดนัยวัฒน์ หรืออ๋อง เชาววิชญ์ อายุ 31 ปี อยู่เลขที่ 47 ซ.ริมคลองมอญ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ และ น.ส.แสงดาว หรือจุ๋ม มุขศรี อายุ 29 ปี อยู่เลขที่ 219 หมู่ 4 ต.บ้านแฮด อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากการสอบสวนทราบว่า บุคคลทั้งสองลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยอาศัย ห้องพัก เลขที่ 10/323 ชั้น 17 อาคาร D ลุมพินีเพลส ถนนพระราม9 แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพ เป็นที่พักและจำหน่าย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นพบยาเสพติดและอื่นๆ 9 รายการ นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด 8 รายการ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ผู้ต้องหายอมรับว่าได้จำหน่ายให้วัยรุ่นในย่านห้วยขวาง โดยให้ น.ส.แสงดาว เป็นผู้ดูแล และได้สั่งซื้อมาจากเครือข่ายของ นายบอยซึ่งจำคุกอยู่ในเรือนจำบางขวาง

โปร่ง  พญาไม้

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ครรชิตยอมขึ้นนั่งฟังศาลนัดสืบพยานโจทก์คดียิงนายกตุ่น ขณะที่เฮียม้อเชื่อมั่นความยุติธรรมมีอยู่จริง




ตามที่ศาลจังหวัดสมุทรสาครได้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 20 ธันวาคม 2555 กรณีที่นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2554 โดยมีนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นบิดาของผู้เสียชีวิต เป็นโจทก์ในการยื่นฟ้อง และมีนายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาครเขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นจำเลยในคดีนั้น ปรากฏว่าเมื่อเวลา 08.50 น.ของวันนี้ นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาครฯ ก็ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อร่วมรับฟังการสืบพยานโจทย์ครั้งแรก ซึ่งตามกฎหมายระบุว่าต้องมีจำเลยมาร่วมรับฟังด้วย ขณะที่ฝ่ายของผู้เสียหายก็เดินทางมาที่ศาลในเวลาเดียวกันมีนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ,นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ น้องชายนายอุดรฯ คนในครอบครัวไกรวัตนุสสรณ์และผู้ที่เกี่ยวข้อง  มารับฟังการสืบพยานโจทก์ในครั้งนี้ที่ห้องบัลลังก์ 8  โดยศาลได้เริ่มทำการสืบพยานโจทก์ปากแรกในเวลาประมาณ 10.30 น. ซึ่งในวันนี้ได้นัดสืบพยานโจทก์ทั้งหมด 4 ปากด้วยกัน ส่วนที่บริเวณด้านล่างหน้าศาลจังหวัดสมุทรสาคร ก็มีกลุ่มกองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายมาเฝ้ารอให้กำลังใจ ซึ่งแม้จะมีการพูดจากระทบกระเทียบกันบ้างเล็กน้อย แต่เหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งในเวลา 12.40 น. นางทัศนีย์ ทับสุวรรณ มารดาของ ส.ส.ครรชิต ได้ลงมาจากศาลเป็นคนแรก ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกับพูดคุยกับกลุ่มที่มารอให้กำลังใจเกือบ 100 คน ก่อนที่จะขึ้นรถออกไปจากบริเวณหน้าศาลจังหวัดสมุทรสาคร
ต่อมาในเวลาประมาณ 12.55 น. นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก็ได้ลงมาที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใส่เสื้อจิตอาสา นายกอุดร และผู้ที่มาคอยให้กำลังใจเกือบ 100 คนเช่นกัน เข้ามาหาพร้อมกับแสดงความยินดีกับเฮียม้อ ที่วันนี้กระบวนการยุติธรรมได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งทางด้านของนายมณฑลเองก็ได้เปิดใจว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ตนเองไม่ได้เข้าไปนั่งฟังในห้องไต่สวนสืบพยานโจทย์ เพราะมีคนในครอบครัวเข้าไปรับฟังแล้ว แต่โดยส่วนตัวก็เชื่อมั่นว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริง เพราะพยานคนสำคัญที่มาให้ปากคำในวันนี้ เป็นบุคคลที่ไม่รู้จักใครเลยทั้งนายกตุ่น หรือแม้แต่ผู้ที่ตกเป็นจำเลยในคดี ซึ่งการพิจารณาคดีนั้นตนเองและครอบครัวก็อยากจะให้เรื่องนี้ดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งไม่เป็นการดีสำหรับฝ่ายโจทย์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลที่ต้องทำไปตามกระบวนการ
                ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวได้ถามกับนายมณฑลฯ ว่า ในการสืบพยานโจทย์วันนี้เป็นวันที่ใกล้กับวันที่นายอุดรถูกยิงเสียชีวิตนั้น ทางด้านของเฮียม้อมีอะไรที่อยากจะบอกกับดวงวิญญาณของอดีตนายก อบจ.หรือไม่ ซึ่งคำถามนี้ก็ทำให้นายมณฑล ถึงกับตาแดงและพูดไม่ออก บอกได้เพียงแค่ว่า ความยุติธรรมกำลังเกิดขึ้นกับลูกชายแล้ว จากนั้นก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร
                และในเวลาประมาณ 13.15 น. นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร จำเลยในคดีก็ได้เดินลงมาขึ้นรถที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีกลุ่มคนที่เฝ้ารอเข้าไปให้กำลังใจพร้อมกับส่งเสียงเชียร์และมอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจ ซึ่งนายครรชิตก็ได้กล่าวเพียงสั้นๆว่า เรื่องการสืบพยานโจทก์ในวันนี้ ตนเองมีหน้าที่เพียงแค่มานั่งรับฟังพร้อมกับทนายความอีก 4 คนเท่านั้น และโดยส่วนตัวก็ไม่เคยคิดหนีไปไหนตามที่มีกระแสข่าวออกมา ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีขอให้เป็นหน้าที่ของทนาย และเรื่องการตัดสินคดีก็เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลที่ท่านจะพิจารณา โดยส่วนตัวไม่ขอพูดอะไรทั้งสิ้น ซึ่งหลังจากที่นายครรชิตให้สัมภาษณ์สั้นๆ เสร็จแล้ว ก็ได้ขึ้นรถขอตัวไปรับประทานอาหารก่อนที่จะกลับมารับฟังการสืบพยานโจทก์ต่อ โดยต้องใช้เวลายาวนานถึง 6 ชั่วโมง นับตั้งแต่การสืบพยานโจทก์ปากแรกจนถึงปากสุดท้าย
                สำหรับการนัดสืบพยานโจทก์นั้น ก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดสมุทรสาครได้นัดนายครรชิต ทับสุวรรณ ให้มารับฟังการสืบพยานโจทก์ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 12 และ 13 ธันวาคม เวลา 09.00 – 10.30 น. ที่ผ่านมา แต่นายครรชิตได้ยื่นเรื่องต่อศาลเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 ตามคดีหมายเลขดำที่ 4591/2555 ขอเลื่อนมาเป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2555 เนื่องจากติดภารกิจต้องเดินทางไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศกับคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬาสภาผู้แทนราษฎร 

งานวันคนพิการสากล ประจำปี 2555


เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ณ บริเวณกองอำนวยการ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2555 ตามนบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้พี่น้องคนพิการนั้นสามารถเข้าถึงบริการและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสิทธิอย่างเหมาะสมเพื่อการดำรงชีพ โดยมี นายพฤฒินันท์ เหลืองไพบูลย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงานว่า ตามที่องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็น วันคนพิการสากลเพื่อส่งเสริมให้เกิดเจตคติเชิงสร้างสรรค์ต่อคนพิการในสังคม เป็นการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับคนพิการ และให้โอกาสคนพิการได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของสังคมอย่างสร้างสรรค์ เป็นธรรม และเสมอภาคเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป
สำหรับในปี 2555 องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดหัวข้อหลักในการจัดงานวันคนพิการสากลคือ ขจัดอุปสรรคทั้งมวลเพื่อเสริมสร้างสังคมบูรณาการสำหรับทุกคนทั้งนี้จุดมุ่งหมายที่สำคัญ คือ การขจัดอุปสรรคที่จำกัดความสามารถในการเข้าถึง ซึ่งรวมถึงการขจัดอุปสรรคในการด้านศึกษา การจ้างงาน การท่องเที่ยว การขนส่ง หรือการกีฬา และการมีส่วนร่วมของคนพิการ ซึ่งเน้นความก้าวหน้าและอุปสรรคในการสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุข ที่สามารถเข้าถึงทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อมทางกายภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านอื่นๆ
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ยังได้มอบประกาศเกียรติคุณแก่คนพิการดีเด่น และสถานประกอบการที่สนับสนุนการจ้างงานคนพิการอีกด้วย พร้อมทั้งเผยว่า ขอให้คนพิการได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมี อาชีพ การมีงานทำ เนื่องจากจะทำให้มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองของคนพิการอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งบอกว่า จังหวัดนครปฐมขอยืนยันตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ที่จะส่งเสริม สร้างโอกาส และให้ความเสมอภาคแก่คนพิการอย่างทั่วถึง จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนเปิดโอกาสให้คนพิการ ได้มีส่วนร่วมในสังคมอย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป  และขอให้คนพิการทุกคน มีกำลังใจ เข้มแข็ง พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา      พล.ต.ท.เรีองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร5) ร่วมพิธีมอบกรวยยางจราจร ปตท. ปี2555 ณ.สำนักงานใหญ ปตท. Energy Complex อาคาร c

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. (กม) เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ‏


พล.ต.อ.เอก  อังสนานนท์  รอง ผบ.ตร. (กม) เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กู้ภัย หลักสูตรการรักษาสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยาน เมื่อ 20 ธ.ค. 2555  ที่ผ่านมา. ณ ห้องประชุม 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นโดย สพฐ.ตร. เพื่อฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าที่กู้ภัยในมูลนิธิและองค์กรการกุศลทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด  ในครั้งนี้เป็นการฝึกอบรมจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จำนวน 117 คน ส่วนในครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในวันที่ 26 ธ.ค. 2555 เพื่อฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง และจะจัดฝึกอบรมในลักษณะนี้ให้แก่เจ้าหน้าที่กู้ภัยทั่วประเทศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลืองานของตำรวจโดยรักษาสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยานอย่างถูกต้อง ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางถึงสถานที่เกิดเหตุ

นายกเทศบาลนครสมุทรสาครแจกแท็ปเล็ตโรงเรียนเทศบาลนคร‏



ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครสมุทรสาคร สุภาพ แซ่เฮ้ง นายกเทศมนตรี รองนายกและสมาชิกร่วม เป็นประธานมอบอุปกรณ์ ไอที (แท็ปเล็ต)ชุดแรกกับนักเรียนชั้นประถมโรงเรียนในพื้นที่เขตเทศบาลนครสมุมรสาคร 6 แห่ง  โรงเรียนเทศบาลราษฏร์นุกูล(เทศบาล 8) โรงเรียนวัดเจษฎาราม โรงเรียนวัดตึกมหาชยาราม โรงเรียนวัดโกรกกราก โรงเรียนวัดช่องลม โรงเรียนวัดแฟกลมสุวรรณนารามโดยมีคณะครู อาจารย์ นำนักเรียนเข้ารับ เพื่อใช้ในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน







ยูนิค ไมนิ่ง รับมอบกระเช้าแสดงความขอบคุณจากชาวชุมชนสวนส้ม


เมื่อ17 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ผู้บริหารของบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) นำโดยนายอนันต์ เพชโรภาส ผู้อำนวยการปฏิบัติการ (คนแรกจากซ้ายมือ) นายเสริมศักดิ์ ยั่งยืน       ผู้อำนวยการบริหาร (คนที่สองจากซ้ายมือ)       ให้การต้อนรับผู้แทนชุมชนหมู่ 5 ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ที่นำกระเช้าผลไม้ในท้องถิ่นมามอบให้บริษัทฯ เพื่อแสดงความขอบคุณที่บริษัทฯ ช่วยพัฒนาถนนสาธารณะ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ทำให้สะดวกต่อการสัญจรมากขึ้น 
 การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในชุมชนรอบสถานประกอบการของบริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่บริษัทดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความตั้งใจจริงในการพัฒนาชุมชนใกล้เคียงควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ

จับไอ้เงาะมือยิงหนุ่มเก็บตำลึง ชายแดนพม่า‏


เมื่อเ วันที่ 19 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมา  ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร พล.ต.ต.ธยาฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก. พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.กก.สส.พ.ต.ต.พีระ อัศวพิบูลย์ผล สว.กก.สส.และ พ.ต.ต.พงษ์ศิริ เก่งนอก สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายทรงวุฒิ หรือเงาะ โสภณพงษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/17 หมู่ 7 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลนังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.426/2555 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ในคดี ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธาณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร  สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 55 เวลา 16.30 น. ขณะที่นายหลง อุทัยพิบูลย์ อายุ 39 ปี (ผู้ตาย) พร้อมด้วยภรรยาและลูกชายวัย 3 ขวบ ได้ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปบริเวณบ่อเลี้ยงปลา ถ.เลียบคลองมอญใก้ลพาราไดร์รีสรอทต์ร้าง หมู่ 6 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อเก็บยอดตำลึงที่ขึ้นอยู่ตามรั้วบ้านคนดูแลบ่อปลาระหว่างก็มีเสียงตะโกนออกมาว่า มึง แอบดูอะไรทำให้นายหลง(ผู้ตาย)พร้อมกับภรรยาและลูกขับรถจักรยานยนต์ออกมาด้วยความเร็วระหว่างที่รถวิ่งมาตามถนนก่อนถึงทางแยกก็ได้มีรถจักรยานยนต์ขับไล่หลังมาทันพร้อมกับเสียงปืนแพลดก้องจากปลายกระบอกพุ่งเข้าเจาะศรีษะและลำตัวจนรถจักรยานยนต์ที่ขับมาพลิกคว่ำทำให้ร่างของนายหลงกระเด็นตกจากรถพร้อมภรรยาและลูกชายวัย 3 ขวบ นายหลงฯเสียชีวิต ภรรยาแขนขาถลอกส่วนลูกชายศรีษะแตก หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์หลบด้วยความรวดเร็ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้มายังที่เกิดเหตุและทราบชื่อคนร้ายคือ นายทรงวุฒิ หรือเงาะ โสภณพงษ์ คนเฝ้าวังเลี้ยงปลา จึงได้ขออนุมัตหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร จับกุมหลังเกิดเหตุไม่ถึงเดือนทีมสืบสวนก็ได้รับรายงานจากสายว่านายทรงวุฒิฯมือปืนรายนี้ได้หนีไปกลบดานที่หมู่บ้านห้วยหัวฝน หมู่ 6 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก บริเวณตะเข็บชายแดนประเทศพม่า จึงได้นำกำลังเดินทางไปและจับกุมขณะที่นายทรงวุฒิฯรู้ข่าวเตรียมหลบหนี จากการสอบสวนผู้ต้องให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือเพราะคิดว่าผู้ตายจะมาลักขโมยปลาในวัง ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุได้โยนทิ้งน้ำในวังกุ้งแต่จำไม่ได้ว่าตรงไหนหลังการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป.

จับตำรวจค้ายาล้านเม็ด


ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม ร.ต.ต.จิตติพงษ์ โสไชย รองสวป.สภ.อวน จ.น่าน พร้อมพวก รวม 8 ราย ร่วมกันค้ายาบ้า จำนวน 1 ล้านเม็ด  โดย ร้อยตำรวจเอก เฉลิม กล่าวว่า รู้สึกปวดใจที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นาย เข้าไปมีส่วนพัวพัน ทั้งนี้ จากการจับกุมดังกล่าว สืบทราบว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดจากจังหวัดเชียงราย มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยใช้รถยนต์ตราโล่ เป็นพาหนะลำเลียง จากการสอบสวนผู้ต้องหา ทราบว่า หนึ่งในผู้ต้องหา ชาวเขาเผ่าเย้า ติดต่อให้ ร.ต.ต.จิตติพงษ์  ร่วมกันขนยาเสพติดจากภาคเหนือลงมาให้กับลูกค้าโดยจะได้ค่าจ้าง 2 ล้านบาท จึงชักชวนเพื่อนตำรวจเข้าร่วมด้วย ซึ่งจะรับยามาจากนายชัย กลุ่มว้า จากฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า  มาพักยาไว้ที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะมาจำหน่ายให้ลูกค้าในกรุงเทพฯ   คาดว่าทำมาแล้ว 4-5 ครั้ง และ หลังจากนี้ ทาง ผบ.ตร.  มีคำสั่งให้ค้นรถตราโล่ทุกคันที่ลงมาจากภาคเหนือโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งถือเป็นมาตรการในการล้อมกรอบป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจลักลอบลำเลียงขนยาเสพติด อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ร้อยตำรวจเอก เฉลิม ปฏิเสธที่จะตอบประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  และมาตรการแก้ไขปัญหาเรื่องชายแดนใต้  

จับแก๊งขอทานรายได้วันละ 1หมื่น


เมื่อ 15 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล4 แถลงจับแก๊งขบวนการค้ามนุษย์ลักลอบนำเด็กต่างด้าวมาขอทาน  ประกอบด้วย นายไห้ อุ้มให้ อายุ 51 ปี และนางจันที ต่ายพี่ อายุ 45 ปี สัญชาติกัมพูชา หลังชุดสืบสวนนครบาล4 ได้รับแจ้งว่า มีชาวต่างด้าวนำเด็กมาขอทานย่านรามคำแหง จึงได้ออกสืบสวนหาข่าว จนกระทั่งเมื่อวันที่13 ธันวาคมที่ผ่านมา พบเด็กหญิงขวัญตา (นามสมมติ) อายุ 10 ปี นั่งขอทานอยู่บริเวณริมกำแพงวัดเทพลีลา จากการสอบถามทราบว่า มีนายไห้ ลักษณะพิการแขนและขา เป็นคนพาเข้ามาในไทย และขู่บังคับให้ขอทาน โดยนายไห้. จะแบ่งรายได้ให้วันละ20 บาท ส่วนอีกราย พบเด็กหญิงจันเทือง (นามสมมติ) อายุ 12ปี นั่งขอทานอยู่บนสะพานลอย ย่านบิ๊กซี รามคำแหง ระหว่างนั้นมี. นางจันที เข้ามาแสดงตัวอ้างว่าเป็นมารดาของเด็ก ส่วนที่นำมาขอทานเพราะมีฐานะยากจน 
นอกจากนี้จากการขยายผล พบเหยื่อซึ่งเป็นเด็กชาวกัมพูชา อีก 2 ราย แต่แนวทางสืบสวน ยังไม่พบผู้ปกครองเด็ก แต่อย่างใด  ด้าน พล.ต.ต.นัยวัฒน์.  กล่าวว่า จากการสืบสวน ทราบว่า แก๊งค้ามนุษย์ชาวต่างด้าว ใช้วิธีซื้อตัวเด็กจากพ่อแม่ และอ้างว่าจะเข้ามาทำงานก่อสร้างในไทย ก่อนจะหลอกบังคับให้มาขอทาน ซึ่งเฉลี่ยรายได้ตกวันละกว่า 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำเด็กส่งศูนย์ประชาบดี เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กก่อนจะผลักดันกลับประเทศ ส่วนผู้ต้องหา ทั้ง2 จะนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บชน.เตรียมกำลังป้องกัน อาชญากรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่


กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของประชาชนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนมากขึ้นกว่า โดยเฉพาะการใช้เส้นทางจราจรเดินทางเข้าออกพื้นที่กรุงเทพมหานคร
                              เมื่อ 13 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมาพล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. เปิดเผยว่า จากนี้เป็นต้นไปเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล จะมีการระดมป้องกันอาชญากรรมในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการใช้รถยนต์ในการเดินทาง ซึ่งทุกๆปี มีรถยนต์จำนวนมากใช้เส้นทางไปต่างจังหวัด จึงต้องมีการเตรียมพร้อมกับภาวะการณ์ที่จะเกิดขึ้นและได้สั่งการไปทุกขั้นตอนแล้ว
                              อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆไว้พร้อมแล้วและเตรียมความพร้อมของทุกเส้นทางเข้าออกกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันจราจรแออัด สำหรับด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมนั้น จะมีการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อระดมป้องกันดังกล่าว โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธานปล่อยแถวด้วย
                              อีกเรื่องหนึ่ง ในการจัดการแข่งรถที่จะมีขึ้นที่ ราชมังคลากีฬาสถานนั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.หัวหมาก ไปดำเนินการจัดจุดจอดรถของประชานที่จะเข้าไปชมการแข่งขัน คาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากไปชมการแข่งรถครั้งนี้ ด้วยการสนธิกำลัง เช่น ฝ่ายจราจรสน.หัวหมากและใกล้เคียง บก.น 4 ฝ่ายสืบสวนลงไปดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย
โปร่ง  พญาไม้


ตำรวจ ปส.บก.น.4 จับยกแก๊งลักทรัพย์ชาวบ้าน


จากนโยบายเร่งรัดระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ บชน.จึงกำหนดให้ทุก บก.น. 1-9 ดำเนินการสืบสวนจับคนร้าย ที่มักจะก่อเหตุในช่วงเวลาดังกล่าว  จนสามารถสืบสวนจับกุมคนร้ายก่อโจรกรรมทรัพย์สิน ตามบ้านเรือนประชาชน ได้ยกแก๊ง โดย 1ใน 3 เป็นผู้รับซื้อของโจร ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเมื่อ 18 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 ได้รับแจ้งจาก พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ รอง ผกก.สส.บก.น.4 หัวหน้าชุดปฏิบัติการ และ ร.ต.อ.นิวัฒน์ อาทวัง หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 และฝ่ายสืบสวนร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน  คือ นายเอนก หรือตั้ม ถิ่นวิลัย อายุ 27 ปี เลขที่ 12 ซ.วชิรธรรมสาธิต 61 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.และ นายวรสันติ์ หรือโต้ หลุมเพชร อายุ 43 ปี เลขที่ 237/231 ซ.สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. สามารถจับกุมได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 2/30 ซ.สวนสยาม 13 ถ.สวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม. โดยกล่าวหาบุคคลทั้งสองว่า ลักทรัพย์หรือรับซื้อของโจร ต่อมาเจ้าหน้าที่สอบสวนขยายผลจนนำไปสู่การจับตัว นายสุพัฒน์ หรือแบ๊งค์  หงษ์แก้ว อายุ 24 ปี อยู่เลขที่ 3/1 ซ.อ่อนนุช 53 แยก 1-7 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม.  จากการสอบสวนทราบว่า นายอเนก มีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด ชอบพกพาอาวุธปืน และออกลักทรัพย์สินในบ้านเรือนประชาชน ซึ่งพักอยู่ในซอยสวนสยาม เจ้าหน้าที่จึงติดตามดูพฤติการณ์ จนพบตัวนายอเนก ขอเข้าตรวจค้นพบอาวุธปืน จึงยึดไว้เป็นหลักฐานและสอบขยายผล จนยอมรับว่าเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่เขตบางนา และพระโขนง และเมื่อได้ทรัพย์สินจะนำไปพักไว้ที่บ้านก่อนออกขายแก่ผู้รับซื้อ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว นายสุพัฒน์ หรือแบ๊งค์  หงส์แก้ว  คนร้ายรายนี้ ยอมรับว่า ได้ก่อเหตุในท้องที่สน.บางนา 4 ครั้ง และ สน.พระโขนง 2 ครั้งทำมานานกว่า 2 เดือน สุดท้ายมาถูกจับกุม โดยมีทรัพย์สินที่เป็นของกลาง จำนวน 16 รายการ
โปร่ง  พญาไม้ 

ผบ.ตร. ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ "สถานีผู้พิทักษ์ถนนปลอดภัย"


เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ "สถานีผู้พิทักษ์ถนนปลอดภัย"ภายใต้โครงการป้องกันและลดการตายจากอุบัติเหตุทางถนนแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่อง ระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยภายในงานมีพิธีมอบ ตราสัญลักษณ์โครงการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้จัดการภาคและตัวแทนบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ




ตำรวจภูธรสมุทรสงครามจัดพิธีปล่อยแถวป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ พ.ศ. 2556



เมื่อ 17 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมา นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานในการจัดพิธีปล่อยแถวของตำรวจภูธรสมุทรสงคราม  ณ ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดให้ตำรวจทุกภาค และตำรวจภูธรในสังกัด ดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส และเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2556 (25 ธ.ค. 55 - 2 ม.ค. 56) ซึ่งเป็นช่วงที่หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนหยุดติดต่อกันหลายวัน โดยในช่วงดังกล่าวจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ อีกทั้งสถานที่บางแห่งได้จัดงาน หรือกิจกรรมรื่นเริงและมีประชาชนไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีแนวโน้มการเกิดคดีเพิ่มขึ้น เป็นจำนวนมาก การจัดพิธีปล่อยแถวของตำรวจภูธรสมุทรสงคราม ในครั้งนี้ เป็นการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน


วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

มูลนิธิรัฐบุรุษฯ หนุนลดอุบัติเหตุปีใหม่ มอบ 1 ล้าน จังหวัด“ตายเป็นศูนย์”


พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและประธานมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ดำเนินงานโครงการสงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์ ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน และองค์กรภาคีเครือข่ายต่างๆ เมื่อเดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา พบมีจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 6 จังหวัด ได้แก่ ตรัง ตราด นครพนม สตูล ระนอง และปัตตานี  ระดับอำเภอมี 671 อำเภอที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จากจำนวนอำเภอทั้งหมดทั่วประเทศ 878 อำเภอ คิดเป็นร้อยละ 76.42  แสดงให้เห็นว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังแล้ว การตั้งเป้า “ตายเป็นศูนย์” จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกินความสามารถที่จะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน 
                เทศกาลปีใหม่เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงมากในรอบปี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ด้วยเช่นกัน  และจะเห็นว่าหลายหน่วยงานในทุกจังหวัดทั่วประเทศมีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุกันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ดังนั้น เทศกาลปีใหม่ 2556 ที่ใกล้จะมาถึงนี้ มูลนิธิรัฐบุรุษฯ  จึงได้จัดทำโครงการปีใหม่ตายเป็นศูนย์ขึ้นอีกวาระหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ในแต่ละจังหวัดร่วมมือร่วมใจกันป้องกันการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน  โดยตั้งเป้าจากความหวังที่ไม่ต้องการให้มีการสูญเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว  แม้จะเป็นสิ่งที่ยากแต่คิดว่าไม่เกินความสามารถหากทุกฝ่ายตั้งใจ มีความพยายามและลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง  จังหวัดที่สามารถดำเนินงานป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย “ตายเป็นศูนย์” ได้ สมควรได้รับการยกย่องและเชิดชูเป็นอย่างยิ่ง โดยมูลนิธิรัฐบุรุษฯ จะมอบโล่เกียรติยศและเงินรางวัลให้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อผู้ปฏิบัติงานในการทำความดีสืบต่อไป  
                “การช่วยรักษาชีวิตพี่น้องคนไทยให้รอดพ้นภัยอันตรายจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นการทำความดี  ถือเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดินได้ทางหนึ่ง ซึ่งตรงตามปณิธานของมูลนิธิรัฐบุรุษฯ”  พลเอกสุรยุทธ์  จุลานนท์ กล่าวตอนท้าย
นายดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่านับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุทางถนนและให้การสนับสนุนโครงการปีใหม่ตายเป็นศูนย์ ซึ่งเชื่อว่ารางวัลนี้จะเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องชีวิตคนไทยจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ได้เป็นอย่างดี   อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าแต่ละจังหวัดมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุไม่เท่ากัน  การปฏิบัติงานเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุมีความยากง่ายแตกต่างกัน  จึงได้กำหนดรางวัลให้แตกต่างกัน โดยจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านๆ มา  มูลนิธิเมาไม่ขับได้ติดตามข้อมูลย้อนหลัง 6 ปี (พ.ศ. 2550-2555 )  และกำหนดกลุ่มจังหวัดตามความเสี่ยงจากจำนวนผู้เสียชีวิต โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเสี่ยงสูงมาก กลุ่มเสี่ยงสูง กลุ่มเสี่ยงปานกลาง และกลุ่มเสี่ยงต่ำ  จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงมากแต่สามารถดำเนินการให้ตายเป็นศูนย์ได้ จะมีการมอบโล่เกียรติยศให้พร้อมเงินรางวัลจังหวัดละ 1,000,000 บาท จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง จังหวัดที่มีความเสี่ยงปานกลาง และจังหวัดที่มีความเสี่ยงต่ำ จะมีโล่เกียรติยศพร้อมเงินรางวัลจังหวัดละ 100,000 , 60,000 และ 30,000 บาท ตามลำดับ 

จับแล้วมือทุบกระจกรถลักทรัพย์

พล.ต.ต.ปริญญา  จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พล.ต.ต. อิทธิพล   พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ตต. ฐิติราช  หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น.ร่วมกันแถลงข่าว ตำรวจ  สน.ประเวศ จับกุมตัว  นาย สิริชัย  นุชเปลี่ยน อายุ 39 ปี อยู่เลขที่ 419 ซอยรามคำแหง 39  (เทพลีลา1) แขวง พลับพลา เขต วังทองหลาง กทม. คนร้ายทุบกระจกรถยนต์  อาศัยลานจอดรถในห้างหรู ปลอด รปภ. ทุบกระจกรถแล้วลักทรัพย์ได้โน้ตบุ๊คศ์จำนวนมาก  นำไปขายเอาเงินไปเล่นการพนันในบ่อน การพนันย่าน  สน.พญาไทยยอมรับสภาพกระทำมาแล้วหลายสิบครั้ง เดินคอตกเข้าคุกใช้กรรมโดยแจ้งข้อหาลักทรัพย์  จากการสอบสวน นายสิริชัย ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพ เป็นผู้ก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์เพื่อลักทรัพย์สิน ที่เจ้าทุกข์วางอยู่ในรถยนต์ที่นำไปจอดบนลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าก่อนหลบหนี เอาไปขายเพื่อนำเงินไปเล่นการพนันแห่งหนึ่งในย่าน พญาไท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลสามารถนำของกลางส่วนใหญ่เป็นโน๊ตบุ๊คศ์กว่า 10 เครื่อง ผู้ต้องหาเปิดเผยว่าจะลงมือกระทำในเวลากลางวัน อาศัยช่วงปลอดคนบนลานจอดรถเมื่อได้ทรัพย์ดังกล่าวแล้วจะนำไปขายที่ร้านรับซื้อบนพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ถนนเพชรบุรี และนำเงินไปเล่นการพนันจนหมดจึงลงมือทุบกระจกคันใหม่ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุไว้ที่ สน.ประเวศ สน.บางโพงพาง สน.ภาษีเจริญ    สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี สน.บางยี่ขัน สน.ปทุมวัน และสน.บางนา เป็นต้น

โปร่ง      พญาไม้