pearleus

วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

จนท.สค.เชียงรายร่วมเป็นจิตอาสางาน ร.9


กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จังหวัดเชียงราย นำทีมข้าราชการ เจ้าหน้าที่ร่วมสมัครจิตอาสาเฉพาะกิจฯวันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2560 กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว โดยผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จังหวัดเชียงราย (นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา) นำทีมข้าราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากรของศูนย์ฯ เชียงราย เข้าร่วมสมัคร
เป็นจิตอาสาเฉพาะกิจงาน พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อถวายเป็นเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรในช่วงเดือนตุลาคม 2560  โดยมีจนทเข้าร่วมสมัครจืตอาสาเฉเพาะกิจจำรวน 40 คน โดยมีนายอำเภอพาน (นางภัทราวดี ปัญญาบุญ) ให้การต้อนรับ ณ ที่ว่าการอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย)



รองอธิบดี สค.มอบวุฒิบัตรฯ-เงินขวัญถุง ณ ศูนย์ฯเชียงราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.60 เวลา 10.00 น. นางพรสม เปาปราโมทย์ รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร วุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมวิชาชีพ จากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จังหวัดเชียงราย จำนวน 271 คน พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวเพื่อสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพตามโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว โดยมีผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวจังหวัดเชียงราย (นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา) กล่าวรายงานพร้อมนำเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์จากกลุ่มอาชีพที่ได้รับการฝึกอบรมจากศูนย์ฯ เชียงราย
นางพรสม กล่าวว่า  สค. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการส่งเสริมความเข้มแข็งของสตรีและครอบครัว เป็นภารกิจที่ พม. ให้ความสำคัญมาก เพราะสตรีนอกจากเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว ยังเป็นกลุ่มพลังที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมในหลายมิติ  ซึ่งปัจจุบันสตรีไทยมีบทบาทด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งในระดับชุมชน ระดับประเทศ หรือแม้แต่ในระดับนานาชาติ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว ทั้ง 8 แห่ง ทั่วประเทศ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการป้องกันความเสี่ยงแก่เด็ก สตรี หรือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตลอดจนการใช้พัฒนาศักยภาพสตรีในระดับพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้สตรีไทยมีโอกาสได้ใช้ศักยภาพของตนเอง โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมกับทางศูนย์ฯ จะได้รับการดูแลสวัสดิการด้านต่างๆ  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและได้รับการฝึกอาชีพตามความสนใจหรือความถนัด ทั้งนี้ เมื่อจบหลักสูตรการฝึกอบรมแล้ว ยังดูแลจัดหางานให้ทำมีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว นอกจากนี้ ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจำนวนหนึ่ง สามารถสร้างธุรกิจเป็นของตนเองและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และบุคคลเหล่านี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับรุ่นน้องๆ ผู้รับการฝึกอบรมรุ่นหลังต่อไป
สำหรับการฝึกอบรมอาชีพในปีงบประมาณ 2560 ของศูนย์ฯเชียงราย แห่งนี้ มีผู้สำเร็จการอบรมฝึกอาชีพในสถาบัน หลักสูตร 6 เดือน/หลักสูตรระยะสั้น  จำนวน 304 คน และการฝึกอาชีพในชุมชน จำนวน 240 คน รวมทั้งสิ้น 544 คน  ซึ่งผู้สำเร็จการฝึกอบรมทุกคนต้องพัฒนาตนเอง หมั่นฝึกฝน และเพิ่มพูนความรู้ หาประสบการณ์เพิ่มเติม อย่าหยุดนิ่งเพราะคนที่หยุดนิ่งคือคนที่ล้าหลังในทันที เนื่องจากปัจจุบันสังคมแปรเปลี่ยนไปเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และเมื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นผู้มีน้ำใจต่อนายจ้าง เพื่อนร่วมงาน นำความรู้ที่ได้รับระหว่างฝึกอบรมกับศูนย์ฯ ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเอง ครอบครัวและชุมชน
"ขอให้ทุกคนเป็นคนดีของสังคม เป็นเครือข่ายในการดูแลสังคมรอบข้างให้เป็นปกติสุข” และขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน ผู้บริหาร ผู้นำชุมชม เจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่นที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานฝึกอบรมอาชีพของศูนย์ฯ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งถือว่าท่านได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและยกระดับสตรีเหล่านี้ให้มีโอกาสในสังคมมากขึ้น” นางพรสม กล่าว
ทางด้านนางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า  กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลด้านลดความเลื่อมล้ำ และสร้างความเท่าเทียมในเรื่องของสิทธิและรายได้ โดยมอบหมายให้ศูนย์ฯ เชียงราย ซึ่งเป็น 1 ใน 8 แห่ง ที่ดำเนินการดูแลประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และ อุตรดิตถ์) หากมีปัญหาเรื่องการเรียน ค่าใช้จ่าย ว่างงาน ไม่มีอาชีพ ศูนย์ฯ เชียงราย  เปิดรับสมัครฝึกอบรมอาชีพ โดยมีอาหาร และที่พักให้ฟรีตลอดหลักสูตร มีทั้งหลักสูตรระยะสั้น 1 เดือน 3 เดือน  และหลักสูตร 6 เดือน ได้แก่ เสริมสวย ตัดผมชาย อาหารโภชนาการ ตัดเย็บเสื้อผ้า นวดสปา การทำกาแฟและเครื่องดื่ม  ดูแลผู้สูงอายุและเด็กเล็ก(บริบาล) โรงแรมและบริการ ตลอดจนรวมกลุ่มไม่น้อยกว่า 20 คน ฝึกอาชีพในชุมชนตามโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว ผู้สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียด โทรศัพท์หมายเลข 053-958055, 081-9616676 (ไม่เว้นวันหยุดราชการ)


***********************

อธิบดี สค. ลงพื้นที่จังหวัดลำปาง เปิดบ้านงานอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2560 และมอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จการฝึกอาชีพ ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคเหนือ

                                             
                                                                                                                                                           

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 60 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคเหนือ  จังหวัดลำปาง นายเลิศปัญญา  บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เกียรติเป็นประธานมอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จการฝึกอาชีพ รุ่นที่ 76 ผู้สำเร็จการฝึกอาชีพโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว และกิจกรรมเปิดบ้านงานอาชีพ ประจำปีงบประมาณ  2560 จำนวน 376 คน กล่าวรายงาน โดย นายชาลี สมมาตร ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีฯ ในการนี้ หัวหน้าหน่วยงานในสังกัด พม. และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดลำปางได้มาร่วมเป็นเกียรติในงานดังกล่าว
                                       
นายเลิศปัญญา กล่าวว่า กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีความมุ่งหวังให้ประชาชนทุกคนสามารถพัฒนาตนเอง และพึ่งพาตนเองในการประกอบอาชีพ มีรายได้ที่ยั่งยืน ครอบครัวมีความมั่นคง ชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข เป็นพื้นฐานในการพัฒนาสังคมด้านอื่น ๆ โดยมีกลไกระดับพื้นที่ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน คือ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว 8 ศูนย์ 8 เขตรับผิดชอบ ซึ่งให้บริการครอบคลุมภารกิจที่ได้ดำเนินงาน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการพัฒนาสถานภาพ ศักยภาพสตรี โดยการฝึกอาชีพสตรี เพื่อยกระดับสถานภาพ คุณภาพชีวิต ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม แก่สตรีและเยาวสตรีที่ขาดโอกาสทางการศึกษา สถานะยากจน สตรีที่ถูกเลิกจ้างและว่างงาน สตรีกลุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์
ควบคู่กับการได้รับสวัสดิการ 2) ด้านการพัฒนาสตรีและครอบครัวในชุมชน ด้วยการฝึกอบรมอาชีพในชุมชนให้กับสตรีและครอบครัว ให้มีความรู้ ทักษะอาชีพ และรวมกลุ่มประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง พร้อมทั้งจัดสวัสดิการในการฝึกอบรมอาชีพในพื้นที่รับผิดชอบ 3) ด้านสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ การคุ้มครองสวัสดิภาพ การส่งเสริมความมั่นคงของกลุ่มเป้าหมาย และ 4) การเสริมสร้างความมั่นคงของชีวิตและสังคม โดยจัดให้การสงเคราะห์เงินทุนสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง เหล่านี้เป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนของพี่น้องประชาชนในชนบท และเห็นความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่น เพื่อป้องกันปัญหาสังคมด้านอื่น ๆ
พร้อมระบุว่า ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคเหนือ จังหวัดลำปาง แห่งนี้เป็น 1 ใน 8 ศูนย์ดังกล่าวที่ได้ดำเนินการฝึกอาชีพให้กับสตรีและเยาวสตรีในสถาบันครอบคลุม 17 จังหวัดภาคเหนือ และมีพื้นที่รับผิดชอบในการดำเนินการตามภารกิจพิเศษของ สค. ในพื้นที่ 8 จังหวัด ประกอบด้วย อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และลำปาง ในหลักสูตรการฝึกอบรมต่าง ๆ ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 76 มีผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพรวมทุกประเภทจำนวน 4,164 คน และมีความประสงค์เข้ารับวุฒิบัตร จำนวน 376 คน ได้แก่ (1) โครงการพัฒนาทักษะอาชีพแก่กลุ่มเสี่ยงในสถาบันจำนวน 1,083 คน ประกอบด้วย ฝึกอาชีพหลักสูตรระยะสั้น 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน อีกทั้ง หลักสูตรระยะสั้น 6 เดือน ต่อเนื่อง 3 ปี เทียบเท่า ปวช. และหลักสูตรระยะสั้น 6 เดือน ต่อเนื่อง 2 ปี เทียบเท่า ปวส. ร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง วิทยาลัยการอาชีพเกาะคา และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองลำปาง
 (2) โครงการที่ดำเนินการในชุมชนและนอกสถาบัน จำนวน 3,081 คน ประกอบด้วย โครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว โครงการสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจแก่สตรี โครงการสนับสนุนการรวมกลุ่มประกอบอาชีพ 110 วัน โครงการฝึกอาชีพเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพเพิ่มทางเลือก สร้างรายได้ตามแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์และการถูกล่อลวง (ฝึกอาชีพระยะสั้น) โครงการพัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ สู่การมีรายได้เพื่อชุมชนเข้มแข็ง (การพัฒนาอาชีพ 20วัน) โครงการส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว (ค่ายครอบครัว) โครงการฝึกอบรมต้นกล้าครอบครัว เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการค้าประเวณี โครงการฝึกอบรมต้นกล้าครอบครัวในโรงเรียนเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังและเฝ้าระวังปัญหาการค้าประเวณี และโครงการเงินอุดหนุนสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง
"ศูนย์ฯ แห่งนี้ผู้ใช้บริการในสถาบันส่วนใหญ่ ประมาณ 80 % เป็นชนเผ่า ซึ่งมีจำนวนมากถึง 12 ชนเผ่า จึงทำให้เกิดแนวคิดในการจัดทำโครงการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ชนเผ่า เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาการปักผ้าชนเผ่าและการนำผ้าปักมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เน้นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลการดำเนินงานได้ก้าวหน้าเป็นลำดับเป็นที่ภาคภูมิใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรม และผมขอให้ทุกท่านมีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ ศูนย์ฯแห่งนี้เปรียบเสมือนบ้าน เสมือนโรงเรียนของทุกคน เมื่อจบออกไปแล้วก็ยังสามารถกลับเข้ามาเยี่ยมเยียนกันได้เหมือนเดิม และจะเป็นกำลังใจอย่างดียิ่งสำหรับครูผู้ฝึกสอนถ้าท่านออกไปเจริญก้าวหน้าแล้วไม่ลืมศูนย์ฯ ยังย้อนกลับมาเป็นพี่เลี้ยงแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับรุ่นน้องต่อไปครับ สุดท้ายผมขอให้ทุกท่ารมีพลังกาย พลังสติปัญญา พลังใจ ในการดำเนินชีวิตของตนเองให้เข้มแข็ง มีการประกอบอาชีพสุจริต ครองตนเอง และครอบครัว ให้มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงในสังคมปัจจุบันได้อย่างปกติสุข” นายเลิศปัญญากล่าวในตอนท้าย



***********************

สค.มอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพจ.สงขลา

ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา ได้จัดพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพ รวม 311 คน โดยมีนางพรสม  เปาปราโมทย์ รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ให้เกียรติเป็นประธานมอบวุฒิบัตร และมีหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดพม. ผู้ช่วยเลขานุการ ศอ.บต.(นางกนกรัตน์  เกื้อกิจ) และหน่วยงานในจังหวัดสงขลาให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้ ทั้งนี้ นางวริยา  สนิทวาที ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้ฯ กล่าวรายงานว่า ผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพประกอบด้วยในสถาบัน คือ รุ่นที่ 53 จำนวน   135 คน และผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพตามโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว จำนวน 176 คน จากนั้น นายจรัส ชุมปาน ประธานมูลนิธิสงเคราะห์เด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาสภาคใต้ ได้มอบอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพจากมูลนิธิสงเคราะห์ เด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาสภาคใต้ ให้แก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพที่เรียนดี ความประพฤติเรียบร้อย ช่วยเหลืองานส่วนรวม และมีฐานะยากจน จำนวน 3 ราย และเงินรางวัลสำหรับผู้รับการฝึกอบรมที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม แต่ละสาขาอาชีพ จำนวน 8 ราย จากผลการฝึกอบรมอาชีพในครั้งนี้ สร้างรอยยิ้ม ความประทับใจและชีวิตใหม่ในการมีอาชีพ ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาและครอบครัวที่มาร่วมงานทุกคน

                                                                                                                     
                                                             
                                                      

                                                                   



******************

สค.-ดย.-บ้านเด็กหญิงราชวิธีร่วมระลึก100ปีธงชาติไทย


นายสมรวย สุวรรณภักดีจิต รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) พร้อมด้วย นางดุสิตา เชาวน์เลิศ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) นำข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของ สค. และ สถานสงเคราะห์ฯ ตลอดจนเด็กในความอุปการะดูแลของสถานสงเคราะห์ร่วมชักธงชาติไทยและร้องเพลงชาติไทยโดยพร้อมเพรียงกันในเวลา 08.00 น. เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทยและครบรอบ 100 ปี ธงชาติไทย ในวันที่ 28 กันยายน 2560 เวลา 08.00 น. ณ โรงเรียนประชาสงเคราะห์บ้านราชวิถี ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร


"ธุรกิจนางงามไทย” บูมสุด ERM พร้อมขับเคลื่อนไปกับ“ไทยแลนด์ 4.0” เตรียมส่ง “ครีม ณัฏฐ์ญาภา” สาวไทยขึ้นเวทีโลก “มิสโกลบอลซิตี้ เพเจ้นท์ 2017”

ไทยแลนด์ 4.0  (Thailand 4.0) คือโมเดลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคนี้ที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมไปด้วยกัน ช่วยกันผลักดันไปพร้อม ๆ กัน สิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้โมเดลนี้ประสบความสำเร็จคือ ต้องคิดให้มาก คิดให้จบ อ่านให้ขาด ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง อย่ามัวแต่โทษกันเมื่อมีอะไรผิดพลาด เพราะทุกอย่างเปรียบเสมือนการเรียนรู้ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็เหมือนกับเราย่ำอยู่กับที่ ซึ่งด้วยกับโมเดล Thailand 4.0 นี้บวกกับพลังของคนในชาติ การเปลี่ยนแปลงจาก “ประเทศกำลังพัฒนา” ไปสู่ “ประเทศพัฒนาแล้ว” คงไม่ใช่แค่เรื่องในความฝันอีกต่อไป (BANGKOKBANKSME)

จากการขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ดังกล่าว จึงเป็นบันดาลใจให้กับ บริษัท อีอาร์เอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ตัดสินใจเปิดตลาดเวทีประกวดระดับนานาชาติ โดยดูแลการบริหารลิขสิทธิ์การประกวดในระดับนานาชาติเจ้าแรกของประเทศไทยที่ถือครองลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมากที่สุดในเอเชียกว่า 30 เวที ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจในการประกวดนางงามได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปจัด เพื่อเฟ้นหาตัวแทนคนไทยเข้าร่วมประกวดบนเวทีระดับอินเตอร์ นับว่าเป็นการเปิดยุค“ธุรกิจนางงาม” อย่างเต็มรูปแบบต้อนรับไทยแลนด์ 4.0

ผลงานล่าสุด  อีอาร์เอ็ม (ไทยแลนด์) ประสบสำเร็จกับการส่งตัวแทนเข้าประกวดเวที “Miss China Asean Etiquette Pageant 2017” ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ผลปรากฏว่า ตัวแทนสาวไทย “เอิร์น-โสภิณัฐ มรรคผล” คุณครูสอนภาษาอังกฤษ สามารถคว้ามงกุฎกลับมาฝากคนไทยได้สำเร็จ นับเป็นการเปิดศักราชธุรกิจนางงามไทยโดยคนไทยได้อย่างสวยงามดังนั้นเพื่อเป็นการตอกย้ำกระแสความแรงของสาวไทย อีอาร์เอ็ม (ไทยแลนด์) จึงได้ตัดสินใจคัดเลือกสาวไทยอีกครั้งเพื่อส่งเข้าร่วมประกวดบนเวที “มิสโกลบอลซิตี้ เพเจ้นท์ 2017” (MISS GLOBALCITY  PAGEANT 2017) ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยได้จัดแถลงข่าวขึ้น ณ โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11

นายณัฐวิชช์ เกตุทวี ที่ปรึกษาประธาน บริษัท อีอาร์เอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่เราตัดสินใจดำเนินธุรกิจทางด้านการซื้อขายลิขสิทธิ์เวทีประกวดนางงามต่างประเทศมากว่า 30  เวที แต่ละเวทีมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือว่าเราเป็นรายใหญ่ที่สุดในเมืองไทยและในภูมิภาคเอเชีย ผลการดำเนินงานนับเป็นก้าวแรกที่น่าพึงพอใจในระดับหนึ่ง ยอมรับว่าในการทำงานย่อมมีปัญหาและอุปสรรคบ้าง แต่เราทำงานกันแบบมืออาชีพและทีมเวิร์กทำให้ผ่านปัญหาต่าง ๆ มากได้ ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันเวทีประกวดในเมืองไทยเกิดขึ้นมากมาย อุปสงค์กับอุปทานสอดคล้องกัน แต่ละเวทีที่จัดประกวดกันขึ้นมา มีผู้ให้ความสนใจสมัครเป็นจำนวนมาก ยังไม่เคยเห็นเวทีไหนไม่มีคนสมัครประกวด


"เรามีนโยบายที่ชัดเจนคือ การคัดเลือกตัวแทนคนไทนไม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเข้าสู่การประกวดเวทีระดับนานาชาติ เพราะเราต้องการเปิดโอกาสคนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการประกวดว่า บุคคลากรของเรามีความพร้อมทุกด้าน และสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือ การเป็นทูตทางด้านต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา ของไทยเพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยให้เป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลาย อย่างกรณีเวที มิสโกลบอลซิตี้ เพเจ้นท์ 2017 จะเน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์ทางด้านสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และการท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจวัฒนธรรม ในอนาคตเราคงต้องพัฒนากระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนผลิตเวทีการประกวดคอนเซ็ปต์ดี ๆ เพื่อขายลิขสิทธิ์ให้กับเวทีต่างชาติบ้าง"นายณัฐวิชช์ กล่าว

นายณัฏฐกรณ์ ศิริบุตร ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ “มิสไทยแลนด์ โกลบอลซิตี้  เพเจ้นท์ 2017”  (MISS THAILAND  GLOBALCITY PAGEANT 2017)  เพื่อคัดเลือกตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมประกวดเวที “มิสโกลบอลซิตี้ เพเจ้นท์ 2017” กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ขณะนี้เทรนด์การประกวดในเมืองไทยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะลด โดยเฉพาะนางงาม สมัยก่อนจัดประกวดเสร็จแล้วก็จบ มีเพียงไม่กี่เวทีระดับประเทศส่งนางงามไปประกวดต่อในระดับนานาชาติ ปัจจุบันผู้จัดประกวดเวทีต่าง ๆ ได้ก้าวข้ามตรงจุดนั้นมาแล้ว ผู้จัดทุกคนสามารถสร้างฝันของตนเองก้าวไปสู่ระดับใหญ่ ด้วยการส่งนางงามเข้าร่วมประกวดในระดับอินเตอร์ได้ โดยมีคนไทยเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีนานาชาติ อย่างเช่น อีอาร์เอ็ม (ไทยแลนด์) คอยประสานงานและอำนวยความสะดวกให้ จึงทำให้ไม่ใช่เป็นเรื่องยากสำหรับผู้จัดประกวดอีกต่อไป

พร้อมระบุว่ากรณีลิขสิทธิ์การส่งตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมประกวดบนเวที มิสโกลบอลซีตี้ เพเจ้นท์ 2017 ตนได้รับคำแนะนำจากคณะผู้บริหาร อีอาร์เอ็ม  ในการคัดเลือกเวทีประกวดเป็นอย่างดี บวกกับต้นทุนและประสบการณ์ในการทำงานด้านนางงามและผลงานนางงามล่าสุดคือ การส่ง น้องเอิร์น-โสภิณัฐ มรรคผล” ไปคว้าตำแหน่งชนะเลิศ “Miss China Asean Etiquette Pageant 2017” ที่จีนทำให้มั่นใจได้ว่า เวทีนางงามอินเตอร์ที่ 2 ของตนคงไปถึงฝั่งฝันที่เป็นจริงได้ไม่ยาก อนาคตการประกวดนางงามจะกลายเป็นธุรกิจมีการแข่งขันสูง คนที่จะอยู่ได้ต้องพัฒนารูปแบบไม่หยุดอยู่กับที่ สามารถเป็นผู้นำด้านการจัดประกวดนางงาม และปีหน้า มิสไทยแลนด์ โกลบอลซิตี้  เพเจ้นท์ ปี 2018 ตนจะทำให้ดีที่สุด   

"นางงามไทยจะประสบความสำเร็จบนเวทีได้ หลัก ๆ เลยคือ ต้องตอบโจทย์ของเวทีนั้นให้ได้ว่า เขาต้องการนางงามที่มีคุณสมบัติอย่างไร ทำหน้าที่อะไร ความสามารถของนางงามเราก็ต้องรอบด้านด้วย ฉลาดพูดคือ มีทักษะการพูดที่ดี รวมถึงภาษาอังกฤษต้องพอสื่อสารได้ ฉลาดคิดคือ คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดบวก ฉลาดทำคือ ทำให้ดี ทำให้เป็น ทำให้โดน โดยเฉพาะด้านโซเชี่ยลมิเดียต้องใช้ให้เป็นและเกิดประโยชน์ต่อตนเอง ผมจะตั้งสโลแกนไว้เลยคือ..นางงามไทยยุคใหม่ต้องคิดสร้างสรรค์ได้ ใช้เทคโนโลยีเป็น...”
ครีม-ณัฏฐ์ญาภา ศรีจูมพล มิสไทยแลนด์ โกลบอลซีตี้ เพเจ้นท์ 2017 กล่าวว่า มีสองสิ่งในชีวิต    ของครีมที่จะต้องรักษาไว้ให้ดี เพราะถ้าหากพลาดแล้วเราจะไม่มีวันได้กลับคืนมา นั่นคือ โอกาสดี ๆ  และ เวลาดี ๆ  เมื่อ อีอาร์เอ็ม มีการคัดเลือกตัวแทนไปประกวดมิสโกลบอลซิตี้ เพเจ้นท์ 2017  ครีมจึงไม่พลาดโอกาส เรามองว่า การที่มีทีมงานจัดคัดเลือกตัวแทนนางงามไปประกวดต่างประเทศ เขา
ย่อมตกผลึกความคิดและการทำงานแล้วว่าดี ถือว่าเป็นการันตีในเบื้องต้น"น้องครีม กล่าวและว่าสำหรับความพร้อมในการประกวดครั้งนี้มีหลักในการเตรียมตัวคือ อีอาร์เอ็ม (ERM)
E- Educationการศึกษาในทุกมิติ ทั้งจากในและนอกตำรา อย่างเช่น ศึกษาเวทีการประกวด ความรู้รอบตัว เหตุบ้านการเมือง ทั้งนี้การศึกษาจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
R-Relationshipความสัมพันธ์ อย่างที่มีคนกล่าวไว้ว่า “ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกไว้ดั่งใจจง” ครีมจะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีและเสน่ห์ความเป็นไทยมัดใจทุกคนค่ะ
M- Managementเราต้องมีการบริหารจัดการที่ดี มีความเตรียมพร้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม กิจกรรมต่าง ๆ  ความสามารถ การพูด บุคลิกภาพ และปฏิภาณไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ครีมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ ขอกำลังใจจากทุก ๆ คนด้วยนะคะ
นายเดอร์ริค แอนดรู กู๊ซ (Derrick Andrew Gooch)ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 เครือแมริออท ในฐานะผู้ให้การสนับสนุน กล่าวว่า เหตุผลที่เราสนับสนุนการจัดงานแถลงข่าวการส่งตัวแทนไปประกวด มิสโกลบอลซีตี้ เพเจ้นท์ 2017 เนื่องจากว่า สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือเจนวายเป็นพิเศษ เพราะคนกลุ่มนี้มีศักยภาพ มีความสนใจและน่าค้นหา เหมือนเช่นโรงแรมของเราที่สามรถตอบสนองไลฟ์สไตล์หลากหลาย เรามีพื้นที่โปร่งโล่งและบรรยากาศสดใส ให้ลูกค้ารู้สึกสบาย ๆ มีความเป็นส่วนตัว เรามีความเข้าใจในชีวิตยุคเทคโนโลยีและดิจิทัล

“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่โรงแรมเราจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าบ้านต้อนรับกลุ่มคนไทยที่จะเดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ อยากให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัสในส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ ที่ออกแบบอย่างสวยงามและมีความร่วมสมัย เช่น บาร์ เล้าจน์ ห้องจัดประชุม ห้องจัดงาน แล้วคุณจะหลงใหลในเสน่ห์ที่จะดึงดูดมัดใจคุณให้กลับมาเยือนอีกหลาย ๆ  ครั้ง ผมยินดีที่จะสนับสนุนอีเว้นท์ที่สอดคล้องกับนโยบายของโรงแรม โดยเฉพาะในเรื่องของความคิดใหม่ๆ  มีความทันสมัย”
คุณอนุรี อนิลบล กรรมการบริหาร บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (MTI) หนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนครั้งนี้ กล่าวว่า ในฐานะตัวจากเอ็มทีไอ ผู้ผลิตเครื่องสำอางโดยคนไทย จึงอยากมีส่วนร่วมในความภาคภูมิใจของสาวไทยบนเวทีการประกวดนางงามระดับนานาชาติ ที่ต้องบอกว่า เดี๋ยวนี้สาวไทยสวยกันมากขึ้น ซึ่งองค์ประกอบสำคัญยิ่งที่ทำให้สาวไทยสวยนั่นคือ เสื้อผ้า หน้า ผม ที่ต้องไปด้วยกันอย่างกลมกลืน เพราะยุคนี้เป็นยุคกล้อง HD เวลามีการถ่ายทอดทางทีวีจะเห็นหน้าชัดมาก ดังนั้นจึงมีการผลิตเครื่องสำอางที่รองรับกับกล้อง HD ซึ่งเอ็มทีไอก็มีใช้ ทำให้หน้าสวย เป๊ะ เว่อร์

โดยจากประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสเป็นคณะกรรมการตัดสินนางงามเวทีน้อยใหญ่ ตั้งสังเกตว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญของนางงามคือ การแต่งหน้าไม่เป๊ะ ดังคำกล่าวที่ว่า “แต่งหน้าผิดชีวิตเปลี่ยน” บางคนดูหน้าสวยนะ แต่พอแต่งแล้วดูแก่ไปเลย ทั้ง ๆ ที่อายุไม่มาก บ้างก็หน้าวอกหน้าลอย เพราะใช้แป้งผิดเบอร์ การแต่งหน้าเป็นศิลปะที่ต้องใช้เทคนิคไม่ว่าจะเป็นเรื่องความประณีต ความละเอียด และการรู้จักแก้ไขโครงหรือรูปหน้าสูงมาก ที่สำคัญคือ การแต่งหน้าให้กับ ทรงผมและชุดเสื้อผ้า หากอย่างใดอย่างหนึ่งบกพร่องแล้วก็จบเห่

“ที่ผ่านมาเอ็มทีไอได้จัดอบรมการแต่งหน้าสำหรับผู้เข้าประกวดเวทีต่างๆ มาแล้วมากมาย เพื่อที่จะให้เห็นผู้เข้าประกวดสามารถแต่งและดูแลหน้าด้วยตนเองได้ ไม่เพียงแค่เวทีการประกวดเท่านั้น คุณยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย ซึ่งมีความจำเป็นและสำคัญมาก เพราะอยู่ในกองประกวดไม่ว่าในหรือต่างประเทศ การช่วยเหลือตัวเองได้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราอย่าเอาอนาคตทางการประกวดไปฝากไว้กับช่างแต่งหน้าหรือช่างทำผม ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้นดีที่สุด”

นพ.สมชาย เชี่ยวชาญเวช ศัลยแพทย์ความงามและผิวพรรณแห่ง คลินิกแพทย์สมชาย ผู้ให้การสนับสนุน กล่าวว่า  หลายครั้งกองประกวดพบกับปัญหานางงามเกิดอาการแพ้บริเวณผิว โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้า เนื่องจาก อาทิ เครื่องสำอาง อาหาร อากาศ  ฝุ่นละอองในอากาศ ยาปฏิชีวนะ สารเคมีต่าง ๆ จนเกิดเป็นเม็ดสิว ผดผื่นคัน ทำเอานางงามบางคนต้องเข้าพบหมอรักษาอาการด่วน บางคนไม่
สามารถประกวดต่อได้ ถ้าหากเรามีความรู้เรื่องการดูแล การถนอมผิวพรรณ วิธีป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผิวหน้าและผิวพรรณ ก็จะทำให้การประกวดนั้นราบรื่นไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะเมื่อเราเดินทางไปประกวดในต่างประเทศ
“ทางคลินิกแพทย์สมชายจะดูแลเรื่องผิวพรรณของนางงามก่อนที่จะเดินไปประกวดในต่างประเทศ พร้อมให้คำแนะนำต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อควรระวังทำอย่างไรไม่ให้เกิดอาการแพ้แล้วมีสิวขึ้นบนใบหน้าได้ ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การที่คนเรามีผิวหน้าที่สดใสผิวพรรณที่สดสวยย่อมทำให้เรากลายเป็นจุดเด่นที่คนจะมองเรา ทำให้ดูมีสง่าราศี ออร่าจับ โดดเด่นบนเวทีประกวด หลายเวทีมีการตั้งรางวัลพิเศษสำหรับผู้เข้าประกวดที่มีผิวดีด้วย”

 เครื่องเพชรที่จะใส่ขึ้นประกวดบนเวทีโลก                                       
  
                                                     
นายประเสริฐ เจิมจุติธรรม กูรูนางงามและผู้เชี่ยวชาญการประกวดในฐานะที่ปรึกษาการจัดงานในครั้งนี้ กล่าวว่า จะว่าไปแล้วนางงามในยุคนี้ ไม่ว่าเป็นคนไทยหรือต่างชาติ มีความสวยกันมากขึ้น เพราะสมัยนี้มีนวัตกรรมและศัลยกรรมด้านความงามที่เนรมิตให้คนเราสวยได้ภายในพริบตา ในเมื่อทุกคนสวยกันหมด แต่สิ่งที่ทำให้เรามีความแตกต่างจากคนอื่นคือ ความสวยของสมองและจิตใจ หมายถึงว่า เรามีสมองที่ทั้งเฉลียวและฉลาด มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเกินเกม เป็นผู้หญิงที่คิดบวก 
ทางด้านความสูงก็มีส่วนสำคัญ ดูเหมือนว่าทุกเวทีไม่ต้องนางงามที่สูงน้อยมารับรางวัลชนะเลิศ โดยเฉพาะเมื่อส่งไปประกวดในระดับนานาชาติ หากเลือกคนที่สูงน้อยไปก็ตกหลุมอากาศเมื่อยืนประกบเพื่อน ๆ  อีกประการหนึ่งคือ นางงามบ้านเราควรจะมีเวลาเตรียมตัวไปประกวดต่างประเทศให้มากกว่านี้ อย่างเช่น ประเทศเวเนซุเอล่า มีเวลาให้นางงามเตรียมตัวประมาณ 1 ปี จึงไม่แปลกที่นางงามจากประเทศนี้โกยมงกุฎทุกเวทีและเวทีละหลายๆ  ครั้งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแถลงข่าวเปิดตัวผู้เข้าประกวดบนเวที มิสโกลบอลซิตี้ เพเจ้นท์ 2017 ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่ง สถานที่จัดงานโรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 (Aloft Bangkok - Sukhumvit 11),เครื่องสำอางเอ็มทีไอ บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (MTI),ผลิตภัณฑ์และดูแลทรงผมโดย ชลาชล (CHALACHOL ),สำนักข่าวบางกอกทูเดย์,สถานีโทรทัศน์ไอพีเอ็ม (IPM),ผลิตภัณฑ์เซรั่ม CHO BEY,ห้องเสื้อลอร่า บายมองซิเออร์ (Lorra by Moniour),บริษัท IMAGE ARTIST ENTERTAINMENT จำกัด (IAE) และ SGS สถาบันอัญมณีวิทยา
ทั้งนี้ น้องครีม-ณัฏฐ์ญาภา ศรีจูมพล จะออกเดินทางไปประกวด “มิสโกลบอลซิตี้ เพเจ้นท์ 2017” ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2560 เวลา  ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สำหรับน้องครีม  อายุ 24 ปี  สัดส่วน 34-24-36     น้ำหนัก 53   กิโลกรัม    ส่วนสูง   173  เซนติเมตรการศึกษา  ปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ความสามารถพิเศษ ฟ้อนดาบ,ศิลปะมวยไทย,เดินแบบ  มี ผลงาน  1.นางสาวลำพูน ปี 2558  2.มิสอาเซียนไทยแลนด์ ปี 2558  3.รองอันดับ 2 นางสาวเชียงใหม่ ปี 2559 4.มิสโกลบอลซิตี้  ไทยแลนด์ เพเจ้นท์ 2017  ...คติประจำใจ ทุกครั้งที่ลงมือทำมีสิทธิ์ที่จะประสบความสำเร็จเสมอ


***************

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

สื่อสาว สีเทาสุดแสบลวงตบทรัพย์ลงทุน

สื่อสาว สีเทาสุดแสบลวงตบทรัพย์ลงทุน อ้างทำรายการทีวีช่องแห่งหนึ่ง ตบทรัพย์นักธุรกิจดัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสื่อสาว สีเทาสุดแสบลวงตบทรัพย์ ลงทุน
​อ้างทำรายการทีวีช่องแห่งหนึ่ง ตบทรัพย์นักธุรกิจดังใช้เวลากว่า 3ปี       ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ สุดท้ายเปิดตัวคือ สุนัขล่าเนื้อสื่อสาว สีเทา ช่องนี่ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อ นาย ธวัชชัย กิตติวัฒน์วิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท 88 เอสทีเอ็น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 55/186 ถนนบ้านกล้วย ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง  จ.นนทบุรี เข้าร้องทุกข์แจ้งความกับ พ.ต.ต.กำธร นิยม พนักงานสอบสวน กองปราบปราม โดยเปิดเผยว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงสาวลักษณะแต่งกายดี เข้ามาตีสนิท นาม น.ส. ส. โดยอ้างตนเองเป็นสื่อมวลชนของทีวีหลักแห่งหนึ่ง ซึ่งแรกๆตนไม่เชื่อ เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี สาวคนนี้ใช้เล่ห์เหลี่ยมและความใสๆ ของสตรี เข้ามาขอพูดคุย โดยบอกว่าได้เวลาทำรายการทีวีกับสถานีโทรทัศน์ แห่งนั้น เป็นรายการเกี่ยวกับ ท่องเที่ยว และแนะนำร้านอาหารต่างๆ ตลอดจนสัมภาษณ์บุคคลในวงการทหาร ตำรวจ ซึ่งตลอดเวลา หญิงคนดังกล่าว มักอ้างเสมอๆว่าตนเป็นเสาหลักในครอบครัว ต้องดูแลหลายชีวิต
​นาย ธวัชชัย กิตติวัฒน์วิวัฒน์ แรกๆตนไม่เชื่อในพฤติกรรมและคำพูด จึงขอผลัดไปก่อน จนเมื่อไม่นานมานี้ หญิงคนดังกล่าวได้มาพบตน โดยบอกว่า ทางสถานีเปิดโอกาสเข้าร่วมผลิตรายการและจัดหาโฆษณาประกอบรายการแล้ว แต่ขาดทุนทรัพย์ในการต่อยอด การทำรายการต่อเนื่อง ตนจึงคิดว่าธุรกิจนี้เดินหน้าไปได้ เพราะมีสื่ออยู่ในมือ โดยมอบเงินค่าใช้จ่ายทยอยจ่ายหลายครั้งสูญเสียเงินกว่า 1 ล้านบาท ที่เป็นเงินสด และค่าจัดซื้ออุปกรณ์การถ่ายทำรายการไปอีกกว่า 3 แสนบาท จากนั้นหญิงดังกล่าวก็ติดต่อไม่ได้
​ต่อมาปรากฏว่า ทางสถานีแห่งนั้นได้ส่งบิลเก็บค่าเช่าเวลาสถานีเป็นเงินจำนวนมากพอสมควร ตนเห็นว่าไม่ได้รับความชอบธรรม โดยแอบอ้างเป็นสื่อมวลชนมาหากิน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าตนนั้นเป็นนักธุรกิจใจบุญสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส ควรจะเป็นผลบุญมากกว่า ผลกรรมต้องหาชดใช้หนี้สินแล้ว ทั้งยังเสียเงินไปกว่า 1 ล้านบาท เช่นนี้ ซึ่งตนจะเดินหน้าดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด กับสื่อสาวสีเทารายนี้ต่อไป เพราะทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะถูกแอบอ้างนำไปหากิน



!!โจ๋งครึ่ม!!บ่อนครบวงจรตลาดสี่มุมเมืองปทุมธานี



วันที่ 28 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งพืชผลทางการเกษตรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ว่ามีการแอบลักลอบเปิดให้มีการเล่นการพนันกันอย่างโจ่งครึ้ม โดยภายในสถานที่เปิดให้มีการลักลอบ เล่นการพนันต่างๆครบวงจร อาทิ ไฮโล ไพ่ป๊อก โต๊ะบอล และพนันมวย พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสี่มุมเมืองนั้นต่างทยอยเดินทางเข้าไปเล่นกันจำนวนมาก อีกทั้งยังมีเยาวชนที่มีอายุยังน้อยยังเข้าไปเล่นอีกจำนวนมากอีกด้วยซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ยังมีการแชร์ภาพถ่ายการเล่นการพนันชนิดไฮโลโดยมีนักพนันล้อมวงกันเล่นเป็นจำนวนมากออกไปทางสังคมโซเชียลจนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากในขณะนี้

ด้านแม่ค้ารายหนึ่ง(ขอสงวนนาม)ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่าบ่อนการพนันที่มีการลักลอบเปิดนั้นอยู่ด้านหลังตลาดสดสี่มุมเมือง โซนหมู่บ้านจัดสรรโดยสถานที่ตั้งบ่อนการพนันเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีรั่วสังกะสีสีเขียวร้อมรอบบ้านอยู่ทราบมาว่าเป็นของพี่ชายของตำรวจนายหนึ่งในพื้นที่ตำบลคูคต เปิดมาได้ระยะหนึ่งแล้วโดยมีนักพนันเดินทางเข้าไปเล่นกันจำนวนมากและบ่อนการพนันแห่งนี้ยังเปิดให้เยาวชนได้เข้าไปเล่น ซึ่งร่วมถึงบุตรหลานของพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดแห่งนี้อีกด้วย ทั้งนี้เคยทำหนังสือร้องเรียนไปถึงหน่วยงานราชการไปเรื่องกลับเงียบจึงได้แอบถ่ายรูปแล้วนำไปแชร์ในสังคมออนไลน์จนมีการแชร์ต่อๆไปแล้วในตอนนี้จำนวนมาก จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ และ ทหาร ได้เข้าไปตรวจสอบกันบ้าง

ลุยกวาดล้างอาชญากรรมเมืองพัทยา

ลุยกวาดล้าง!ปราบปราม อาชญากรรมและค้าประเวณีที่เมืองพัทยา 
เมื่อกลางดึกของวันที่27ก.ย.60 พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี(รรท.ผบช.ทท.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล(รรท.รอง ผบช.ทท.) พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง(รรท.ผบก.ทท.1) พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง(รรท.รอง ผบก.ทท.) ได้ลงลุยพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม พร้อมด้วยหน่วยปฏิบัติการ191นำโดย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์(รอง ผบก.สปพ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ191 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ ตม. เจ้าหน้าที่ ปปส และเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย รส.อ.บางระมุง
ร่วมกันลงพื้นที่กวาดล้างปราบปรามยาเสพติด อาวุธ หญิงที่ลักลอบค้าประเวณีทั้งชาวไทยและต่างชาติ และผู้กระทำความผิดกฏหมายบ้านเมือง โดยผลการจับกุมได้ตัวผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์3รายเป็นชาวรัสเซีย โดยแฝงตัวอยู่กับนักท่องเที่ยว จับกุมผู้เสพยาเสพติด(ไอซ์) จำนวน16ราย จับกุมผู้ต้องหาที่ครอบครองยาเสพติด(ไอซ์) 2ราย จับกุมหญิงค้าประเวณีชาวต่างชาติ19ราย จับกุมหญิงไทยค้าประเวณี36ราย จับกุมสาวประเภท2ได้6ราย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยก็ได้ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

จนเวลา 06.30น.ได้บุกปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายกลุ่มแก๊งค์ชาวแอฟริกาซึ่งแฝงตัวเข้ามาประเทศไทยในคราบนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และทำให้เสียชื่อประเทศไทย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้18รายซึ่งล้วนแล้วแต่อายุการเข้าประเทศเลยเวลาทั้งสิ้น หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดีในขั้นต่อไป ถือว่าเป็นการกวาดล้างอย่างจริง