pearleus

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

สืบบ้านแพ้วจับขยายยกแก้งค์ ยาบ้า ยาไอซ์และอาวุธปืน


**วันที่ 27 มี.ค.58** เวลาประมาณ 14.30 น.*** ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร **,พ.ต.อ.สาโรจน์ รอดมณี ผกก.สภ.บ้านแพ้ว, พ.ต.ท.สุภเวช พันธ์หว้า รอง ผกก.สส.ฯ สั่งการให้ พ.ต.ต.ไพฑูรย์ อินทร์มณี สว.สส.ฯ,ร.ต.อ.ปนรัฐ พรหมศิริ รอง สว.สส.ฯ,ร.ต.อ.วีรวัฒน์ สว่างรุ่งโรจน์ชัย รอง สว.สส.ฯ พร้อมด้วย ชปส.สภ.บ้านแพ้ว***ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 ราย ผู้ต้องหา 3 คน ดังนี้ ***
(1.)*นายอศิษรณ์ หรือเก่ง ปักษิณ อายุ 39 ปี และ***นางสาววันพร หรือทราย จินดาวัลย์ อายุ 31 ปี*** ข้อหา**ร่วมกันจำหน่ายและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ** พร้อมของกลาง ยาบ้า 232 เม็ด, ***ยาไอซ์ 2.16 กรัม, ***อาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน 1 กระบอก, ***เครื่องกระสุนปืนขนาด .38  จำนวน 2 นัด***  เหตุเกิด** ม.6  ต.หนองบัว  อ.บ้านแพ้ว  จ.สมุทรสาคร **ขยายผลรับว่า** ซื้อยาบ้ามาจากนายยงยุทธ หรือเอ็ม แซ่กอ ราคาเม็ดละ 110 บาท ขาย 140 บาท ,***ยาไอซ์ซื้อกรัมละ 1,800 บาท จำหน่าย กรัมละ 2,000 บาท, *** ไม่สามารถต่องานได้ เนื่องจากนายเอ็มฯ จะเป็นผู้ติดต่อขายมาเอง วันเวลาไม่แน่นอน*** จะได้ทำการสืบสวนจับกุมต่อไป**

(2)**จับกุมตัวนายเกรียงสูตร หรือสูตร ไวยศิริ อายุ 40 ปี**ข้อหา ครอบครองยาบ้า** พร้อมของกลาง 1 เม็ด** เหตุเกิด ม.6 ต.หนองบัว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร***ขยายผลรับว่า ซื้อจากนายอศิษรณ์ หรือเก่ง ปักษิณ ในราคาเม็ดละ 140 บาท **และไม่สมัครใจเข้ารับการบำบัด**

ตร. กระทุ่มแบนรวบ"อ้อน สว่างศิลา" เอเย่นต์ยาบ้า ยาไอซ์ รายใหญ่..


เมื่อวันที่  27 มี.ค.  2558 เวลาประมาณ 17.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท. วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7  พล.ต.ต.พูลทรัพย์  ประเสริฐศักดิ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิเชียร  ประทุมรัตน์ ผกก สภ.กระทุ่มแบน ,พ.ต.ท.ภาคิน แสนพุฒิ รองผกก.สสฯ พ.ต.ต.วีรยุทธ โกสุม สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.วุฒิชัย ทวีกาญจนวัฒน์, ร.ต.ท.อริญชย์  อิ่มเอิบ, ร.ต.ท.สุพล พวงทอง, ร.ต.ท.ประยงค์ สงค์ทอง, ร.ต.ท.สมนึก จันทรา  พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุมตัว   นายประจักร หรืออ้อน  สว่างศิลา  อายุ 37 ปีเศษ พร้อมด้วยของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ดกลมแบนสีส้ม พิมพ์อักษร WY ไว้ด้านหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสคล้ายซองยามีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 3 ซอง มียาบ้าซองที่ 1,2 จำนวนซองละ 50  เม็ด และยาบ้าซองที่ 3 จำนวน 5 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด 105 เม็ด 

2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1  (ยาไอซ์)   ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสคล้ายซองยามีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 2 ถุง ถุงที่ 1 มียาไอซ์น้ำหนักรวมถุง 4.68 กรัม ถุงที่ 2 มียาไอซ์น้ำหนักรวมถุง7.86 กรัม รวมยาไอซ์น้ำหนักรวมถุงทั้งหมด 12.49 กรัม

3. ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ลักษณะกลมแบนเม็ดสีส้มและสีเขียวข้างหนึ่งมีอักษร WY ประทับอยู่อีกด้านหนึ่งเรียบ บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าคล้ายซองยามีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 30 ถุง มียาบ้าสีส้มบรรจุอยู่ถุงละ 198  เม็ด สีเขียว 2 เม็ด รวมยาบ้า 200 เม็ด  รวมยาบ้าทั้งหมดจำนวน  6,000 เม็ด

 4. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1  (ยาไอซ์)   ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสคล้ายซองยามีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 2 ถุง ถุงที่ 1 มีน้ำหนักรวมถุง 8.10 กรัม ถุงที่ 2 มีน้ำหนักรวมถุง 50.38 กรัม รวมยาไอซ์น้ำหนักรวมถุงทั้งหมด 58.48 กรัม

 5.  ซองพลาสติกใสมีฝาเปิดปิดด้านบนแบบซองยา (ซองแบ่ง)  จำนวน 1 ห่อใหญ่

6.  สมุดจดบัญชีรายชื่อลูกค้าจำนวน 1 เล่ม

7.  โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 5 สีดำ หมายเลขโทรศัพท์ 083-3131867 ภายในบรรจุซิมการ์ดระบบ เอไอเอส จำนวน 1 ซิม โดยเบอร์โทรศัพท์และโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวเป็นโทรศัพท์ที่ผู้ต้องหาใช้ติดต่อซื้อขายยาเสพติด *รวมของกลางยาเสพติดแบ่งเป็น ยาบ้าทั้งหมดจำนวน 6,105 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนักรวมถุงจำนวน 70.94 กรัม
และได้ยึดทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ยาเสพติด มีรายการดังต่อไปนี้ 1.สร้อยข้อมือ สีทองคำ น้ำหนักประมาณ 15.23 กรัม จำนวน 1 เส้น 2.แหวน สีทองคำ น้ำหนักประมาณ 3.79 กรัม จำนวน 1 วง 3.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ 125 สีแดง คันหมายเลขทะเบียน ยงจ 245 กทม 4.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นคลิก สีดำแดง คันหมายเลขทะเบียน ฬขม 456 กทม

โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”  เหตุเกิด บ้านเลขที่ 90/94  ต.อ้อมน้อย  อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร

นำตัวส่ง พงส.สภ.กระทุ่มแบน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามบันทึกลงนาม MOU กับประธานสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด และประธานชมรมแพปลาจังหวัดสมุทรสงคราม ตามโครงการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว

         

วันนี้ (20 มี.ค. 58) ที่ห้องประชุมสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด นายปัญญา  งานเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ดำเนินโครงการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว บันทึกลงนาม MOU กับนางสาวิกา  ศิริบุญญาวงศ์ ประธานสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด และนายฉัตรชัย  สมุทรโสภากุล ประธานชมรมแพปลาจังหวัดสมุทรสงคราม ในการจ้างแรงงานถูกกฎหมาย ไม่ใช้แรงงานเด็ก รวมถึงการค้ามนุษย์ในตลาดปลาแม่กลอง โดยมี พันเอกเกรียงเดช  แย้มโอษฐ รอง ผอ.รมน.จังหวัดสมุทรสงคราม และนายมงคล  สุขเจริญคณา นายกสมาคมเรือลากคู่จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพยาน
      
   
ภายในงานมีการบูรณาการร่วมของส่วนราชการ รับคำขอและพิจารณาการเพิ่มนายจ้างของคนต่างด้าว ของสำนักงานจัดหางานจังหวัด การให้ความรู้และคำปรึกษาเรื่องสิทธิหน้าที่ของนายจ้าง และลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด การให้ความรู้ด้านกฎหมายตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และการให้บริการรับแจ้งการอยู่ในราชอาณาจักร 90 วัน และแจ้งที่พักอาศัย ของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม อีกด้วย





สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 เปิดโครงการขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องตามแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะ 5 ปี


วันที่ 23 มีนาคม 2558 ที่ห้องประชุมโรงแรมเดอะรอยัล เจมส์ กอล์ฟ รีสอร์ท อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม นายกำธร ตุ้งสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดโครงการขับเคลื่อนจังหวัดนำร่อง ตามแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะ 5 ปี พ.ศ. 2558 – 2562 โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 ได้กำหนดให้จังหวัดนครปฐม เป็นจังหวัดนำร่อง เพื่อเป็นข้อตกลงในการกำหนดแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดให้สอดคล้องกับสถานการณ์และลักษณะปัญหาในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งใช้เป็นแผนรองรับแผนแม่บทในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับชาติ และใช้เป็นกรอบทิศทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการของแต่ละหน่วยงานในระดับจังหวัด ตลอดจนเพื่อให้หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมและให้ความสำคัญในการกำหนดแผนงาน โครงการ ในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครปฐม

         

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ มีคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดที่เกี่ยวข้อง ร่วมอภิปรายกรอบ แนวทาง วัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 5 ปี ในภาพรวมและในระดับจังหวัด โดยวิทยากรจากสำนักยุทธศาสตร์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 ต่อด้วยการบรรยายในหัวข้อการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดตามแนวทฤษฎี
Executive Functions การอภิปรายวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และกิจกรรมแบ่งกลุ่มเพื่อจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 5 ปี เพื่อนำเสนอผลการประชุมกลุ่ม เพื่อสรุปผลการดำเนินงานในระยะต่อไป




จังหวัดนครปฐมสรุปโครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐ พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่หน่วยงานที่สามารถลดการใช้พลังงานได้ตามเป้าหมาย ประจำปี 2557



วันที่ 25 มีนาคม 2558 ที่ห้องประชุมโรงแรมเวล อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดการประชุมสัมมนาสรุปโครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2557 และการดำเนินการตัวชี้วัดที่ 4 การประหยัดพลังงาน ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของจังหวัดนครปฐม ประจำปีงบประมาณ 2558 โดยนายวาทินทร์ ทองแก้ว พลังงานจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้ทุกส่วนราชการต้องปรับลดการใช้พลังงานลงอย่างน้อยร้อยละ 10 เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการช่วยลดรายจ่ายของประเทศ โดยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ อีกทั้งในวันที่ 10 – 19 เมษายน 2558 แหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานาและเยตากุน ในสาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมาร์ มีแผนหยุดซ่อมบำรุงตามแผนประจำปี ซึ่งแหล่งก๊าซดังกล่าวเป็นแหล่งที่ประเทศไทยนำเข้ามาใช้ในประเทศ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าว ปริมาณก๊าซในประเทศลดลง ต้องหาเชื้อเพลิงอื่นมาทดแทน กระทรวงพลังงานได้มีการประเมินสถานการณ์ผลกระทบและสร้างแผนรองรับ โดยมีโครงการรณรงค์ลดใช้พลังงานหน้าร้อนในช่วงเดือนเมษายน เพื่อให้แผนรองรับสภาวะฉุกเฉิน เป็นไปตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จังหวัดนครปฐมจึงได้รณรงค์ลดใช้พลังงานหน้าร้อน ในภาคราชการ ภาคอุตสาหกรรม ภาคเอกชน และภาคอื่นๆ โดยสำนักงานพลังงานจังหวัดเป็นผู้ดูแลตัวชี้วัดที่ 4 การประหยัดพลังงาน โดยมีหน่วยงานในความรับผิดชอบที่รายงานผ่านระบบ e-report จำนวน 81 หน่วยงาน แบ่งเป็นหน่วยงานส่วนภูมิภาค จำนวน 46 หน่วยงาน และหน่วยงานราชการบริหารส่วนกลางที่อยู่ในจังหวัด จำนวน 35 หน่วยงาน ซึ่งผลการดำเนินงานประจำปี 2557 ได้ 4.555 คะแนน

          สำหรับการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้เป็นประธานมอบเกียรติบัตรให้กับหน่วยงานที่มีผลการลดใช้พลังงานในระดับคะแนนเต็ม 5 คะแนน และระดับคะแนน 4 คะแนนขึ้นไป จำนวน 59 หน่วยงาน อีกทั้งมีการบรรยายการดำเนินการตามตัวชี้วัด ระดับความสำเร็จของการดำเนินการตามมาตรการประหยัดพลังงาน โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบการรายงานผ่านระบบ e-report ร่วมรับฟังการบรรยายถึงผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา และกรอบประเมินผลประจำปี 2558 เพื่อให้ได้ความชัดเจน ถูกต้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

กระทรวงมหาดไทยเร่งแก้ไขปัญหาภัยแล้ง สั่งการทุกจังหวัดสำรวจพื้นที่เจาะบ่อบาดาล เพื่อช่วยประชาชนให้มีน้ำอุปโภค บริโภค


วันนี้ (21 มี.ค.58) นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลกระทบกับ ประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งขณะนี้มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2557 – ปัจจุบัน และได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ไปแล้ว 27 จังหวัด 133 อําเภอ 753 ตําบล 6,822 หมู่บ้าน และคาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะรุนแรงขึ้น โดย พลเอก อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และได้กำชับให้จังหวัดติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับ หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ต่างๆ เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
    เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ลดปัญหาพื้นที่หมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากลงให้ได้ และข้อสั่งการของพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงมหาดไทยจึงสั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งสำรวจความต้องการขุดเจาะบ่อบาดาล โดยเน้นพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำซึ่งไม่มีแหล่งน้ำผิวดิน รวมไปถึงพื้นที่ที่กระแสไฟฟ้าเข้าไม่ถึงและในช่วงที่ผ่านมาไม่มีบ่อบาดาลใช้งาน หรือในกรณีที่มีพื้นที่มีความเหมาะสม มีกระแสไฟฟ้าเข้าถึง แต่ในช่วงที่ผ่านมาไม่มีบ่อบาดาลไว้ใช้งานโดยให้จังหวัดประสานงานกับอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และประสานกับหน่วยงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เพื่อกำหนดจุดเจาะบ่อบาดาลที่มีศักยภาพ สามารถดำเนินการ ได้ทันที และเป็นสถานที่กลางที่ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ ให้จังหวัดรายงานให้ศูนย์บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบภายในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป

   ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่ง ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้ง เพื่อให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคใช้อย่างเพียงพอตลอด ฤดูแล้งนี้ รวมทั้งจะได้ร่วมกันจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อให้ประชาชนที่ขาดแคลนแหล่งน้ำได้มี น้ำบาดาลใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะนำน้ำมาใช้ประโยชน์ได้ตามความเหมาะสมและศักยภาพของแต่ละพื้นที่


กองปราบ จับหนุ่มใหญ่หนีคดีลักทรัพย์ จวนครบ 10 ปี คดีจะขาดอายุความ แต่โดนรวบหนีไม่รอด


                เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.มอบหมายให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัฌยเลขา รอง ผกก.2 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายประเสริฐ ด่วนชะเอม อายุ 36 ปี อาชีพช่างกลึง อยู่บ้านเลขที่ 44/3 หมู่ 8 ต.เขาคีริส อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ที่ จ 1158/2550 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์นั้น จับกุมได้ที่บริเวณถนนสาธารณะ พื้นที่หมู่ 4 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
               

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 20.55 น.วันที่ 5 มิถุนายน 2548 นายประเสริฐ ร่วมกับนายสมมาศ จันทร์ดวง ได้ก่อเหตุลักทรัพย์เป็นหลอดไฟฉุกเฉินสำหรับติดตั้งในลิฟท์จากห้องเก็บของลานจอดรถชั้นใต้ดินอาคารก่อสร้างบริษัทแห่งหนึ่งบริเวณถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม.แต่ระหว่างนั้น พนักงานรักษาความปลอดภัยบริเวณดังกล่าว พบเห็นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เข้าติดตามจับกุมนายสมมาศ ไว้ได้ ขณะที่นายประเสริฐ หลบหนีการจับกุมไปได้ ต่อมาชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.สืบทราบว่านายประเสริฐ หลบหนีคดีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงวางแผนสืบสวนติดตามจับกุมตัวไว้ได้ อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้มีอายุความ 10 ปี โดยนายประเสริฐ หลบหนีมาคดีจนเหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือน คดีก็จะขาดอายุความแล้ว แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
               

จากการสอบสวน นายประเสริฐ รับสารภาพว่า ร่วมกับพวกลงมือก่อเหตุจริง โดยขณะนั้นทำงานเป็นช่างติดตั้งลิฟท์ แต่เพื่อนเป็นคนต้นคิดตนเพียงไปเป็นเพื่อนเท่านั้น และไม่รู้มาก่อนว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย โดยชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รับไว้ดำเนินคดี


เปิดบ้านบางพลับ ต้อนรับเครือข่ายเยาวชน โครงการ “บ้านบางพลับ ยินดีต้อนรับ”



วันนี้ (27 มี.ค. 58) นายปัญญา  งานเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดกิจกรรม เปิดบ้านบางพลับ ต้อนรับเครือข่ายเยาวชน ภายใต้โครงการ บ้านบางพลับ ยินดีต้อนรับ ของ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม ณ ชุมชนบ้านบางพลับ ตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม ร่วมกับสถานีตำรวจท่องเที่ยว 7 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว จัดโครงการ บ้านบางพลับ ยินดีต้อนรับเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนในท้องถิ่นได้รับประสบการณ์นอกห้องเรียนจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ชุมชนบางพลับ เป็นการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าและหวงแหนแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน ที่เป็นรากฐานสำคัญของชาวสมุทรสงคราม เป็นการเผยแพร่ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย ตามนโยบายรัฐบาล โดยการนำเยาวชนอาสาสมัคร จากโรงเรียนถาวรานุกูล จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 32 คน ร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานไปตามเส้นทางจักรยานท่องเที่ยวในชุมชน สัมผัสฐานการเรียนรู้ต่างๆ ได้แก่ ฐานการทำน้ำตาลมะพร้าว ฐานบ้านพญาซอ ฐานฅนเอาถ่าน ฐานการทำผลไม้กลับชาติ รวมถึงปั่นจักรยานเข้าสวนชิมส้มโอสดๆ จากต้น




นางอินทิรา  วุฒิสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม กล่าวเพิ่มเติมว่า ททท.จัดโครงการ บ้านบางพลับ ยินดีต้อนรับขึ้นเนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพที่จะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชน นอกจากนี้ ชุมชนบ้านบางพลับ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ชุมชนท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนต้นแบบตามนโยบายผู้ว่าการ ททท. เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้าสู่ชุมชนบ้านบางพลับเพิ่มขึ้น และทำให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชนบ้านบางพลับอย่างยั่งยืน ที่สำคัญทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมท่องเที่ยวและเกิดความภาคภูมิใจในชุมชนของตนเอง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถรับเอกสารเส้นทางปั่นจักรยานของโครงการฯ ได้ที่ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม โทร. 0-3475-2847-8 หรือที่ชุมชนบ้านบางพลับ โทร. 0-3476-1985


จังหวัดนครปฐมเปิดงานมหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัย ปี 2558 เพื่อส่งเสริมการบริโภคสินค้าที่ปลอดภัยจากสารพิษ จากผู้ประกอบการโดยตรง ในราคายุติธรรม


วันที่ 27 มีนาคม 2558 ที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัย โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานสหกรณ์จังหวัด และองค์กรเกษตรกรในจังหวัดนครปฐม จัดขึ้นเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ  เกิดความภาคภูมิใจในการประกอบอาชีพการเกษตรของเกษตรกร อีกทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ พร้อมจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ และแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ที่ได้รับการส่งเสริมจากจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนมีการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารพิษ และได้รับการรับรองมาตรฐานแหล่งผลิตที่ปลอดภัยจากสารพิษ หรือ ใบ Q ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบปลอดภัย โดยลดการใช้สารเคมี และใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านผสมผสานกับเทคโนโลยีชีวภาพ อันจะทำให้ผู้บริโภคมีสินค้าทางเลือกที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อโรคภัยเบียดเบียน เนื่องจากมีสารพิษตกค้างในร่างกายจากการบริโภคอาหารที่ไม่ปลอดภัย


           
                สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Q อีกทั้งเลือกชมและเลือกซื้อปลาสวยงาม ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ การจัดนิทรรศการกล้วยไม้ ส้มโอ และการผลิตพืชปลอดภัยจากสารพิษ โดยสินค้าทั้งหมดมาจากเกษตรกร เจ้าของฟาร์ม ผู้ประกอบการ และบริษัทส่งออกโดยตรง มาจำหน่ายในราคายุติธรรม กว่า 80 ร้านค้า ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้าในงานมหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัย ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558 ณ บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม


ข่าว-ภาพ กองปราบ รวบสาวใหญ่จอมตุ๋น ลวงซื้อที่ดินผู้เสียหาย แต่จ่ายเช็คเด้ง พบประวัติมีคดีติดตัวอื้อ ถูกจับหนที่ 5

    

              เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.มอบหมายให้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ภาณุมาศ แสงส่ง สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รอง สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม น.ส.นาฎศิลป์ เรือนแสน อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/6 หมู่ 21 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 49/2558 ลงวันที่ 23 มกราคม 2558 ข้อหาฉ้อโกง และหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 892/2557 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2557 ข้อหาลักทรัพย์ของผู้อื่น จับกุมได้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสายไหม แขวงและเขตสายไหม กทม.

                
               ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก น.ส.นาฎศิลป์ ได้หลอกลวงว่าจะซื้อที่ดินจากผู้เสียหาย แต่อ้างว่าขณะนี้มีปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากยังไม่มีเงินไปเสียค่าธรรมเนียม 2 ล้านบาท เพื่อนำเงิน 50 ล้านบาท ที่ถูกสถาบันการเงินอายัดไว้มาใช้เป็นซื้อที่ดินดังกล่าว ทางผู้เสียหายหลงเชื่อจึงนำเงินที่ได้จากการรับจำนองที่ดิน 2 ล้านบาท มอบให้ น.ส.นาฎศิลป์ นำไปเสียค่าธรรมเนียมตามที่กล่าวอ้าง โดยมีการตกลงกันว่าจะซื้อที่ดินจากผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อตกลงจะซื้อขายที่ดินกันแล้ว น.ส.นาฎศิลป์ ได้ออกเช็คสั่งจ่ายผู้เสียหาย 8 ล้านบาท พอถึงกำหนดทำสัญญาซื้อขายต่อกัน น.ส.นาฎศิลป์ กลับไม่มาทำสัญญา เมื่อผู้เสียหายนำเช็คที่ได้รับมาไปขึ้นเงินกลับถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน (เช็คเด้ง) และไม่สามารถติดต่อกับ น.ส.นาฎศิลป์ ได้อีก จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงต้องสูญเงิน 2 ล้านบาท ไปให้ น.ส.นาฎศิลป์ จึงได้แจ้งความดำเนินคดีเอาไว้
                สอบสวนเบื้องต้น น.ส.นาฎศิลป์ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เคยถูกตำรวจ บก.ป.จับกุมตัวมาแล้วถึง 4 ครั้ง ในคดีฉ้อโกง ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 แล้ว แต่เนื่องจากคดีสามารถยอมความกันได้ ผู้ต้องหาจึงกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกหลายครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี รับไว้ดำเนินคดีต่อไป





บช.น.แจ้ง เปิด - ปิด ถนนรอบงานกาชาด 30 มี.ค.- 7 เม.ย. 2558


บช.น.แจ้ง เปิด-ปิด ถนนรอบงานกาชาด 30 มี.ค.- 7 เม.ย. 2558 ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยก อู่ทองใน-บริเวณพระราชวังดุสิต, ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร - แยกกองพลที่ 1 และถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน - แยกลานพระบรมรูปทรงม้า กำหนดจันทร์-ศุกร์ ปิดจราจรตั้งแต่บ่าย 2-5 ทุ่ม...
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2558  พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เป็นประธานการประชุมจัดการจราจร
โดยรอบงานกาชาดระหว่างวันที่ 30 มี.ค.- 7 เม.ย. ระยะเวลา 9 คืน 9 วัน บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าภายในสวนอัมพร และถนนราชดำเนินนอก โดยระบุว่า ได้มีการวางแผนจัดการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยจะมีการเปิดและปิดการจราจรในถนนเส้นทางต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องดังนี้
1.ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน-บริเวณพระราชวังดุสิต
2.ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร-แยกกองพลที่ 1
3.ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน-แยกลานพระบรมรูปทรงม้า
สำหรับเส้นทางดังกล่าวได้กำหนดเวลาปิดการจราจร โดยในวันราชการตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ เริ่มปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 14.00-23.00 น. และในวันหยุดราชการ เริ่มปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น.ทั้งนี้ การเปิด-ปิดการจราจรจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละวัน หากประชาชนต้องการสอบถามเส้นทาง หรือสภาพการจราจรสามารถโทร.สอบถามได้ที่สายด่วนจราจร 1197

ส่วนการรักษาความปลอดภัยได้เตรียมตั้งจุดอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยทั้งหมด 4 พื้นที่
1.ภายในบริเวณสวนอัมพรทั้งหมด และถนนศรีอยุธยา จากแยกพล. 1-แยกพระบรมรูป
2.ลานพระราชวังดุสิตทั้งหมด
3.ภายในสนามเสือป่า ถนนศรีอยุธยา จากแยกวัดเบญจมบพิตร
4. ถนนราชดำเนิน จากแยกสวนมิสกวัน-แยกพระบรมรูปทรงม้า
โดยทาง บช.น.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 200 นายต่อวันเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณประตูทางเข้าทั้ง 4 ทางนอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอาชญากรรม ได้มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ในจุดเสี่ยงและจุดล่อแหลมต่างๆ พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน.


ทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษา


เมื่อวันที่  27  มีนาคม  2558  เวลา   10.45 น. กษิดิ์เดช พรมทอง ผอ.โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์(วัดสุนทรสถิต)อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาครได้จัดงานทอดผ้าป่าเพื่อพัฒนาการศึกษาโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดสุนทรสถิต)โรงเรียนวัดอำแพง มีพระครูสาครพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ประธานฝ่ายสงฆ์
สุรศักดิ์ ผลยังส่ง  นายอำเภอบ้านแพ้วให้เกียรติเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ทั้งนี้ยังมี ดร.สุนทร วัฒนาพร  อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.สมุทรสาครเข้าร่วมบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาส่วนหนึ่งด้วยโดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู ประชาชนร่วมงานและร่วมบริจาคอย่างคับคั่ง 



สืบกระทุ่มแบนจับขยายผลยาบ้า 2 ราย..


เมื่อวันที่  26 มี.ค. 58 ชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบนประกอบด้วย  พ.ต.ท.ภาคิน  แสนพุฒิ รอง.ผกก.สส.สภ.กระทุ่มแบน ,พ.ต.ท.วีระ นุชศิลป์ สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน,ร.ต.อ.วุฒิชัย ทวีกาญจนวัฒน์ ,ร.ต.อ.สุพศิน วุฒิพิทยามงคล, ร.ต.ท.ขวัญชัย  ชุ่มแช่ม, ร.ต.ต.เสรีย์  มะกล่ำ , ร.ต.ต.ทวีป สุขชู รอง สว.สส.ฯ,พร้อมชุดสืบสวน ร่วมกัน ว.20
1. น.ส.วิภาวรรณ น่วมนิล อายุ 32 ปี โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ ของกลางยาบ้า 30 เม็ด

2. นายจิรวัฒน์ จั่นจุ้ย อายุ 25 ปี โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ไอซ์)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ ของกลางไอซ์ 1.33 กรัม จัดทำข้อมูลการขยายผลจากนั้น นำส่ง พงส.สภ.กระทุ่มแบน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จับแก๊งค์ปล้นรถขนยางพารา


เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2558 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร พล.ต.ท.วีระพงษ์  ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์เป็นยางพารา 2 ครั้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร คือ นายไตรสิทธิ์ ภัทรสิทธิพัฒน์ คนขับรถกระบะ , นายชาตรี ทึกขุนทด คนใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้เสียหาย และ นายบุญเลิศ ทรงจันทร์ ผู้จัดหารถบรรทุกและนำยางพาราไปขาย โดยมีของกลางเป็น อาวุธปืนพกขนาด.22,เครื่องกระสุน,แม๊กกาซีน 1 อัน,รถยนต์กระบะ 1 คัน,โทรศัพท์มือถือ 2  เครื่อง,และ รถกระบะบรรทุก (มีข้างเสริม)  2 คัน นอกจากนี้ยังมีแผนผังการก่อเหตุของคนร้ายกลุ่มนี้มาแสดงด้วย ซึ่งในแผนผังนั้นยังคงมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 2 คน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้ คือ บุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถภายในบริษัทฯ ที่มีการขนส่งยางพารา กับ บุคคลที่รับซื้อยางพารา ซึ่งอยู่ในจังหวัดนครปฐม อีกทั้งยังคาดการณ์อีกว่าน่าจะมีคนที่คอยบงการและวางแผนให้กลุ่มคนเหล่านี้ร่วมกันปล้นรถขนยางพารา ซึ่งน่าจะอยู่ในพื้นที่ภาคใต้
พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ทั้ง 3 คนนี้ ได้ร่วมกันก่อเหตุเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 เวลาประมาณ 02.30 น. บริเวณริมถนนเอกชัย  ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาคร เขตความรับผิดชอบของ สภ.เมืองสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 เวลาประมาณ 04.00 น. บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนพระราม 2 ต.นาโคก อ.เมืองสมุทรสาคร เขตพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.บางโทรัด โดยลักษณะของการก่อเหตุทั้งสองครั้ง คือ คนร้ายทั้ง 3 คน จะใช้อาวุธปืนจี้บังคับคนขับรถขนส่งยางพารา จากนั้นก็ใช้ผ้าเทปสีดำมัดมือมัดเท้าปิดตา ก่อนนำขึ้นรถบรรทุกสิบล้อคันที่ผู้เสียหายขับมา โดยจะขับรถไปประมาณ 20 นาที แล้วก็ไปจอดในสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วทั้ง 3 คน ก็ได้ช่วยกันขนถ่ายสินค้ายางพารา จากหลังรถ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วผู้ที่จี้บังคับก็ได้ขับรถบรรทุกต่อไปอีกประมาณ 10 นาที จึงจอดรถ แล้วก็ทิ้งผู้เสียหายกับรถไว้ ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป ซึ่งการก่อเหตุทั้งสองครั้งนั้นมีมูลค่าความเสียหายครั้งละประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนสถานที่ๆ คนร้ายได้ขับรถบรรทุกยางพาราไปจอดเพื่อจะขนถ่ายยางพาราไปยังรถอีกคันนั้น ทราบต่อมาภายหลังจากที่จับกุมผู้ต้องหาและได้ให้การรับสารภาพว่า คือ บริเวณลานด้านหลังมหาชัยเมืองใหม่ซึ่งเป็นลานโล่งเปลี่ยวและมีต้นหญ้าสูงขึ้นปิดบังคนภายนอก
ทั้งนี้ต่อมาจากการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร และตำรวจภูธรบางโทรัด ก็ทำให้สามารถติดตามจับกุมตัวบุคคลทั้ง 3 ได้ โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้นำยางพาราไปขายให้กับพ่อค้ารายหนึ่งในจังหวัดนครปฐม อีกทั้งยังมีบุคคลภายในบริษัทที่ขนส่งยางพาราร่วมในขบวนการด้วย ซึ่งจะเป็นคนที่คอยบอกพิกัดของรถเป้าหมายว่าขับมาถึงที่ไหน ลงมือก่อเหตุเมื่อไหร่ และเมื่อถึงที่สบโอกาสก็จะส่งสัญญาณให้ทั้ง 3 คนเข้าก่อเหตุทันที โดยยางพาราทั้งหมดหลังจากที่ปล้นมาได้ก็จะนำไปขายทันที ซึ่งได้เงินมาแล้วเกือบ 1 ล้านบาท


ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาแก่ทั้ง 3 คนว่า ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมส่วนผู้ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้นั้น ก็จะเร่งรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป








วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

ข้าราชการไทยไร้ทุจริต


ข้าราชการไทยไร้ทุจริต เมื่อ 26 มี.ค.58  เวลา 10.00 น. ด.ต.ประสงค์ โพธิ์ถนอม รองนายก อบจ. สมุทรสาคร นายชุมพล จันทร์จรัสวัฒนา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรสาคร รับมอบเกียรติบัตรและเข็มสัญลักษณ์เครือข่ายต่อต้านการทุจริต ภายใต้โครงการ"ข้าราชการไทยไร้ทุจริต" จาก พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้ถ่ายรูปร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสาครที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้



โครงการผู้ว่าฯสัญจรเยี่ยมกลุ่มอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชนสมุทรสาคร


โครงการผู้ว่าฯสัญจรเยี่ยมกลุ่มอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชนสมุทรสาคร เมื่อ  26 มี.ค. 58 ร.ต.ท.อาทิตย์ ฯ นาย วินิตย์ฯ พ.อ.จักราวุธ ฯ หน.ส่วนราชการ ประชาชน ร่วมโครงการบูรณาการส่งเสริมกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม ตามแนวพัฒนากลุ่มอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชน ร่วมกับ โครงการ ผว.สัญจร จังหวัดสมุทรสาคร ณ ศาลาพ่อปู่ หมู่ 4 ต.เกษตรพัฒนา อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร มีผู้ร่วมงาน ประมาณ 150 คน  ให้การต้อนรับ



โดยนายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง  นายอำเภอบ้านแพ้วได้กล่าวให้การต้อนรับคณะผู้ว่าสัญจร ว่า กระผมพร้อมหัวหน้าส่วนราชการรัฐวิสาหกิจกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลเกษตรพัฒนามีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านผู้ว่าราชการ จังหวัดสมุทรสาครสัญจร เยี่ยมกลุ่มอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชนพร้อมทั้งยังรับฟังปัญหาของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกฝรั่ง  ตำบลเกษตรพัฒนา  เพื่อร่วมกันพัฒนาพร้อมแก้ไขปัญหาในครั้งนี้  ด้าน ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้กล่าวว่า วันนี้ที่เดินทางมาดูและรับฟังปัญหา ของเกษตรกร ทั้งนี้เกษตรจังหวัดร่วมถึงผู้มีความรู้ด้านเกษตร มาร่วมพูดคุยถึงปัญหาและร่วมดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อให้พี่น้อง ประชาชนด้านเกษตรกรได้รับการแก้ ไขดูแลอย่างยั่งยืนต่อไป และใครมีปัญหาอะไรก็สามารถสอบถามได้เลย