สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5
จังหวัดราชบุรี กรมควบคุมโรค เผยพบการเสียชีวิตจากการเปิดแอร์นอนในรถเกือบทุกปีอย่างน้อยปีละประมาณ
1-2 ราย
พร้อมแนะคนขับรถควรแวะพักเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะเพื่อป้องกันอาการง่วงนอน
หากจำเป็นต้องนอนในรถ ให้แง้มกระจกเล็กน้อย 2-3 ซม. เพื่อระบายอากาศ
ควรนอนพอให้หายอ่อนเพลียประมาณ 30-40 นาที
นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี
ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กล่าวถึงกรณีที่พบผู้เสียชีวิต
2 รายในรถที่จอดรถติดเครื่องยนต์นอนในปั้มน้ำมันและปิดกระจกทุกบานโดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
การเปิดแอร์นอนในรถถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
เนื่องจากในขณะที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ปิดกระจกมิดชิด
เท่ากับว่าเป็นการนอนดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์(CO) โดยที่ก๊าซพิษเหล่านั้นจะไหลเวียนมาจากระบบแอร์ของรถยนต์
ที่มีการดูดอากาศจากภายนอกมาหมุนเวียนภายในรถ ทำให้คนที่นอนอยู่ในรถขาดอากาศหายใจ
ออกซิเจนในเลือดลดต่ำลงทำให้หมดสติ และอาจถึงตายได้ โดยอาการดังกล่าวไม่ได้เกิดอาการแบบเฉียบพลันแต่จะค่อยเป็นค่อยไปแบบไม่รู้สึกตัวขณะที่เรานอนหลับ
โดยที่ผ่านมา
พบว่ามีการเสียชีวิตจากการเปิดแอร์นอนในรถเกือบทุกปีอย่างน้อยปีละประมาณ 1-2 ราย
เช่น ปี 2553 เสียชีวิต 1 คน ปี 2555
เสียชีวิต 1 ราย ปี 2557 เสียชีวิต 2
ราย ปี 2558 เสียชีวิต 3 ราย (ก.พ. 1 ราย
และ ต.ค. 2 ราย) และล่าสุดกรณีดังกล่าวเสียชีวิต 2 ราย
นายแพทย์สุเมธ กล่าวต่อไปว่า วิธีปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย
มีดังนี้ 1.ควรมีการแวะพักเพื่อปรับเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ เพื่อป้องกันอาการง่วงนอน 2.หากรู้สึกง่วงมากๆ
และจำเป็นต้องนอนพักในรถยนต์ ควรหาที่จอดในที่โล่ง เมื่อจอดรถแล้ว ดับเครื่องยนต์
แง้มกระจกลงสักนิด 2-3 เซนติเมตร เพื่อระบายอากาศและรับลมจากภายนอก
ห้ามเปิดแอร์และปิดกระจกโดยเด็ดขาด และ
3.ใช้พัดลมแอร์ช่วยให้หลับ
เมื่อพร้อมจะหลับก็ให้บิดกุญแจไปที่จังหวะออนเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน
แล้วจึงบิดเปิดสวิทช์แอร์ เมื่อเปิดแล้วให้กดที่ปุ่ม A/C
หรืออาจจะเป็นรูปรถที่มีลูกศรชี้เข้ามาในตัวรถจากภายนอก ซึ่งพัดลมแอร์จะดูดอากาศมาหมุนเวียนในห้องโดยสาร
แม้จะไม่เย็นเหมือนแอร์แต่ก็ทำให้หลับได้เช่นกัน และควรนอนพอให้หายอ่อนเพลียประมาณ
30-40 นาที เมื่อพร้อมแล้วจึงเดินทางต่อ
หากประชาชนพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
หรือพบผู้ที่นอนในรถนานผิดปกติ เคาะเรียกแล้วไม่รู้สึกตัว
ขอให้โทรขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 และหากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี เบอร์ติดต่อ 032310804
หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 นายแพทย์สุเมธ กล่าวปิดท้าย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น