pearleus

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

"บช.น. จัดอบรมอาสาสมัคร กว่า 1,000 คน ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน จราจรตามโครงการพระราชดำริ แก้ปัญหารถติด 10 ถนนสายหลัก"


วันนี้ 28 ก.พ. เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น พล.ต.ต.อภิสิทธิ์ เมืองเกษม ผบก.จร. ร่วมเปิดโครงการฝึกอบรมอาสาสมัครจราจรตามโครงการพระราชดำริ ครั้งที่1 ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีประชาชนที่สมัครใจเป็นอาสาสมัคร เข้าร่วมรับการอบรม จำนวน 950 นาย

โดย พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า การจัดฝึกอบรม อาสาในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายการดำเนินงาน ตามโครงการจราจรพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ในถนนสายหลัก 10 เส้นทาง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถนนพิษณุโลก-ราชดำเนิน ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนสีหะบุรานุกิจ ถนนประดิษฐมนูธรรม ถนนสุขุมวิท ถนนสีลม-สาทร ถนนบรมราชชนนี ถนนตากสิน ถนนเพชรเกษม ถนนวิภาวดีรังสิต รวมทั้งบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า ตลาด โรงเรียน และสถานที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจะนำร่องปฏิบัติการในชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเย็น
ซึ่งการดำเนินการจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้นั้น พล.ต.ท. สุวิระ กล่าวว่า ต้องอาศัยความร่วมมือจาก กำลังอาสาสมัครภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่ บก.1-9 และบก.จร. เนื่องจากที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาจราจร โดยใช้กำลังจาก กก.6 บก.จร. หรือตำรวจจราจร โครงการพระราชดำริ นั้นมีกำลังพลไม่เพียงพอ

สำหรับการฝึกอบรมครั้งนี้ จะมีการให้ความรู้ ในเรื่องกฎหมายจราจร วิธีการปฏิบัติหน้าที่ในการ เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานจราจรควบคุมการจราจรอย่างเป็นระบบ เพื่อให้อาสาสมัคร ได้นำความรู้ไปช่วยเป็นกำลังเสริม ในการเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุวิระ ได้กล่าวถึงหน้าที่สำคัญ ของอาสาสมัครจราจรตามโครงการพระราชดำริว่า จะต้องมีการปฏิบัติหน้าที่

โดยยึดหลัก ตามแนวทางพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ดังนี้
1. เป็นต้นแบบในการรักษากฎวินัยจราจร เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทำตามอย่าง
2. ในขณะที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ขี่รถนำขบวนเบิกทางในแต่ละเส้น อาสาสมัครจะต้องเข้าไปช่วยกั้น ไม่ให้รถตามตรอก ซอกซอยหรืออาคาร ออกมาตัดกระแสรถทางตรง เพื่อให้ขบวนเคลื่อนที่ไปได้
3. ถนนเส้นใดที่เป็นคอขวด อาสาฯจะต้องเข้าไป ประจำจุดเพื่อเร่งระบายรถ
4. ช่วยเหลือตำรวจจราจรฯ แก้ไขปัญหาบน ท้องถนนที่จะส่งผลให้รถติดขัด อาทิ รถเสีย รถชน

ด้านพล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า หลังการฝึกอบรม อาสาสมัครตามโครงการพระราชดำริ จะได้รับ ประกาศนียบัตร พร้อมบัตรผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ตามท้องถนน โดยอาสาสมัครจะต้องสวมเสื้อโปโลสีส้ม ปักด้านหลังว่า "ผู้พิทักษ์ถนน" และสวมหมวกสีส้ม มีตราบก.จร. พร้อมติดบัตรผู้ช่วยเจ้าพนักงานฯ

นอกจากนี้ พล.ต.ต.อดุลย์ ได้กล่าวต่อว่า ทางบช.น.จะเร่งจัดทำแอพพลิเคชั่นจับภาพการกระทำผิดกฎจราจร บนสมาร์ทโฟน ให้กับตำรวจจราจร และอาสาสมัคร ถ่ายภาพผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร และออกเป็นใบสั่งออนไลน์ได้ทันที คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในเร็วๆนี้ @ รายงานโดย สถานีจราจรเพื่อสังคม 99.5















วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

"น้ำดอกไม้ยักษ์" ผลสำเร็จ "สวนธงชัย สุวรรณ"


เมื่อเอ่ยถึง อ.บ้านแพ้ว 1 ใน 3 อำเภอของจังหวัดสมุทรสาครที่ต้องยอมรับว่าเป็นแหล่งเกษตรกรรมเพาะปลูกขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ก็ว่าได้ ทำให้มีพืชผลไม้หลายชนิดแปลกใหม่ๆ ออกมาสู่ผู้บริโภคมาตลอด ที่ผ่านมาจึงมีบรรดาพ่อค้าคนกลางไม่น้อยเข้ารับซื้อไปจำหน่าย โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้มันลูกขนาดใหญ่ ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคของ ลุงธงชัย สุวรรณ” หรือลุงธง เกษตรกรวัย 67 ปี ในนาม สวนธงชัย สุวรรณตั้งอยู่บนเนื้อที่ 70 ไร่ เลขที่ 52/4 หมู่ 3 ริมถนนสายสวนส้ม ต.สวนส้ม

โดยผู้บริโภครู้จักในนามมะม่วงพันธุ์ยักษ์ มีน้ำหนักไม่ใช่น้อยลูกละกว่า 1 กิโลกรัม บางลูกหนักถึง 2 กิโลกรัม ด้วยรสชาติหวานกรอบหอมมัน ต่างจากน้ำดอกไม้ธรรมดา มีทั้งขายเองหน้าบ้านและส่งพ่อค้า ยังมีพันธุ์ไม้ผลที่ทาบตอนกิ่งเพาะ และติดตา ออกจำหน่ายหลากหลายนับร้อยชนิด เพื่อให้ลูกค้านำไปปลูกทำเงินต่อได้ในระยะสั้น กระทั่งขายดิบขายดีมีลูกค้าประจำหมุนเวียนทั่วสารทิศในและนอกพื้นที่เข้ามาซื้อหาทุกวัน สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นอย่างดี

ลุงธง เล่าว่า เป็นเกษตรกรมากว่า 40 ปี ทำสวนมะม่วงมาตลอดตั้งแต่ปี 2515 ผ่านการปลูกมะม่วงมามากมายหลากหลายชนิด ทั้งพันธุ์บางขุนศรีที่โด่งดัง ก่อนจะมาเลือกพันธุ์น้ำดอกไม้มันผลขนาดใหญ่ในเนื้อที่สวนที่แบ่งกันไว้ 20 ไร่ เป็นมะม่วงน้ำดอกผลใหญ่ ซึ่งถือเป็นผลงานของเด่นประจำสวน ขณะนี้มีผู้สนใจลูกค้าทั้งในจังหวัดและนอกพื้นที่ เข้ามาซื้อหาผลผลิตไปสร้างรายได้ลงทุนและเพาะปลูกต่อทั้งบริโภค

"ส่วนใหญ่จะสั่งซื้อนำไปเป็นของฝากของกำนัล น้ำหนักต่อลูก 1.7 กิโลกรัม และขายกิโลละ 100 บาท ส่วนผลเล็กก็ถูกลงมาหน่อย 40-50 บาทต่อกิโลกรัม ต่างกันที่รสชาติ บางช่วงสามารถทำได้น้ำหนักกว่า 2 กิโลกรัมต่อลูก ซึ่งขณะนี้ได้ผลผลิตมะม่วงต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นกิโลกรัม นอกจากมะม่วงแล้วสวนแห่งนี้ยังมีกิ่งพันธุ์ผลไม้ชนิดอื่นไว้จำหน่ายอีกด้วย เช่น ชมพู่ทับทิมจันทร์ และขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ทองประเสริฐ แดงสุริยา แดงราชา และเพชรราชา"

เจ้าของสวนระบุอีกว่า น้ำดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่นั้นเดิมได้พัฒนามาจากมะม่วงสายพันธุ์ขาวนิยม หลังเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมาได้ทดลองชิมน้ำดอกไม้แถบจังหวัดภาคตะวันออกรู้สึกมีรสชาติดี จึงซื้อหากลับมาทดลองปรับปรุงพันธุ์ ปรากฏว่าได้ผลผลิตเป็นอย่างดี โดยเฉพาะมีผลใหญ่น้ำหนักมากและเนื้อกรอบไม่แน่นเกินไป ส่วนกรรมวิธีการปลูกใช้ปุ๋ยส่วนใหญ่เป็นสูตร 16 กับสูตรเฉพาะที่คิดค้นได้ ที่อาศัยสารเร่งช่วยเล็กน้อย บวกกับการดูแลบำรุงต้นหลังมะม่วงติดดอก (ช่วงละไม่เกิน 5เดือน) ก็สามารถให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ

ลุงธงนับเป็นเกษตรกรหัวก้าวหน้าอีกหน้าที่ประสบความสำเร็จในการทำสวนมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่คิดหาวิธีปรับปรุงพันธุ์จนได้ผลขนาดใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาดและสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่ามะม่วงน้ำดอกไม้ทั่วไป ที่สำคัญส่งลูกๆศึกษาเล่าเรียนจนจบกระทั่งไปทำงานได้ถึง 5 คน
                                                                                 : มานพ พฤฒิวโรดม /087-151 2525












ชาวบ้านตำบลมาบแค อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สืบสานประเพณีการทำขนมจีนโบราณที่มีมากว่า 100 ปี


นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงานสืบสานประเพณีการทำขนมจีนโบราณ ณ วัดพะเนียงแตก ตำบลมาบแค อำเภอเมือง โดยเทศบาลตำบลมาบแค ร่วมกับประชาชนในพื้นที่และตำบลใกล้เคียง จัดขึ้นเพื่อเป็นการสืบสานประเพณีการทำขนมจีนโบราณที่มีมากว่า 100 ปี ให้คงอยู่คู่กับตำบลมาบแคตลอดไป อีกทั้งปลูกจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนให้คนในท้องถิ่นเกิดความรัก สามัคคี และมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆ กับชุมชน โดยนายเดชอดุลย์ บุญมี นายกเทศมนตรีตำบลมาบแค กล่าวว่า ประเพณีการทำขนมจีนโบราณของตำบลมาบแค ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อถึงช่วงเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนา ประชาชนในแต่ละหมู่บ้านจะจัดทำอาหารคาว หวาน มาทำบุญ เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ อาหารประเภทหนึ่งที่ทุกครัวเรือนจะนำมาถวาย คือ ขนมจีน ร่วมกับน้ำยา น้ำพริก แกงเขียวหวาน พร้อมทั้งอาหารคาว หวาน อื่นๆ ต่อมาเมื่อมีงานประจำปี ปิดทองหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ซึ่งเป็นพระเกจิชื่อดัง ชาวบ้านตำบลมาบแคและตำบลใกล้เคียง ก็พร้อมใจกันมาทำขนมจีนโดยไม่มีการนัดหมาย พร้อมทั้งนำวัตถุดิบในการทำขนมจีน น้ำยา อาทิเช่น ข้าวสาร มะพร้าว พริกแกง ปลา มาให้กับทางวัด เพื่อเลี้ยงสาธุชนที่มาร่วมงานประจำปี และขั้นตอนที่สำคัญขั้นตอนหนึ่ง คือ การตำแป้งขนมจีน โดยประชาชนตำบลมาบแคและตำบลใกล้เคียง จะมาช่วยกันตำแป้งขนมจีนประกอบเสียงเพลงที่สนุกสนาน คึกครื้น โดยขั้นตอนสำคัญ อยู่ที่การตำแป้งในครกใบใหญ่ ซึ่งต้องใช้แรงงานหนุ่ม สาว ทั้งในตำบลและละแวกใกล้เคียง ทุกเพศ ทุกวัย มาช่วยกันตำแป้งขนมจีน ณ วัดพะเนียงแตก เพื่อใช้เลี้ยงพระภิกษุ สามเณรและสาธุชนทั่วไป ตลอดระยะเวลางานประจำปี 5 วัน จนกลายเป็นประเพณีที่สำคัญของตำบลมาบแค สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน



สำหรับกิจกรรมในปีนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายอำเภอเมืองนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ นายกเทศมนตรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนทุกเพศทุกวัยเป็นจำนวนมาก ร่วมตำขนมจีนประกอบเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน และนอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกินขนมจีน โดยมีผู้เข้าแข่งขัน จำนวน 20 คน จะต้องกินขนมจีนจำนวน 2 กิโลกรัมให้ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งผู้ชนะการแข่งขันในปีนี้ คือ นายไพรัตน์ พัฒนวิบูลย์ อายุ 56 ปี นักท่องเที่ยวจากจังหวัดฉะเชิงเทรา สามารถกินขนมจีนได้ถึง 900 กรัม คว้าถ้วยพร้อมเงินรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมไปครอง 





อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง .มอบรางวัล นายช่างดีชวนน้องประกวดวาดภาพ “เมืองแห่งความสุข”


นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลและทุนการศึกษาการประกวดวาดภาพระบายสีในหัวข้อ เมืองแห่งความสุข” เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2558 ระดับประถมศึกษา ณ กรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระราม 9 กรุงเทพฯ  
     อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า  การจัดทำผังเมืองจะสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ได้นั้น ส่วนหนึ่งต้องเริ่มจากการปลูกฝังให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของผังเมืองซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัว เมื่อเด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตจะได้มีพื้นฐานเรื่องผังเมือง เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนที่อยู่รอบตัวให้มีความน่าอยู่ สวยงาม และมีสภาพแวดล้อมที่ดี จากเหตุผลนี้ กรมฯจึงได้จัดโครงการนี้เพื่อเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมและเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้แก่เด็ก โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้สร้างสรรค์ผลงานผ่านจินตนาการเพื่อสื่อถึงความต้องการต้องการให้เมืองหรือชุมชนที่ตนอยู่อาศัย ออกมาในรูปแบบที่ต้องการ น่าอยู่อาศัย และทำให้มีความสุข ซึ่งจากการได้เห็นผลงานการประกวดวาดภาพระบายสี และแนวคิด ที่นักเรียนชั้นประถมศึกษาจากทั่วประเทศ ส่งเข้ามาประกวดที่ส่งเข้าโดยเฉพาะจากต่างจังหวัด ก็มีความประทับใจและปลื้มใจมาก ที่เด็กๆสามารถถ่ายทอดจินตนาการ เกี่ยวกับ การอยากเห็นรูปแบบของชุมชนที่ตนอยู่อาศัยให้มีความสุขอย่างไร ผลงานวาดภาพระบายสีที่นักเรียนส่งเข้าประกวดในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 152 ภาพ แบ่งเป็นระดับประถมนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 63 ภาพ และนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 89 ภาพ  มีผลงานที่ได้รับการตัดสินเข้ารับรางวัลรวม 18 รางวัล รวมทุนการศึกษาที่มอบให้ทั้งหมดจำนวน 70,000 บาท สำหรับรางวัลชนะเลิศได้รับทุนการศึกษา 10,000 บาท และเกียรติบัตร ในระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 ได้แก่ เด็กหญิง จุฑามาศ  สุขแสง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จากโรงเรียนเทศบาลวัดตองปุโบราณคณิสสร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนในระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 ได้แก่ เด็กหญิง สุธาสินี แข็งธัญการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเทศบาลวัดหลวงราชาวาส จังหวัดอุทัยธานี  ทั้งนี้เกณฑ์การตัดสินให้ความสำคัญกับการคิดนอกกรอบเป็นหลัก รองลงมาคือ การจัดองค์ประกอบของภาพ และเทคนิคการเขียนภาพ ตามลำดับ สำหรับผลงานที่นักเรียนส่งเข้าประกวดและได้รับรางวัล ทางกรมฯ จะนำผลงานทั้งหมดไปจัดแสดงนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ในโอกาสต่างๆ รวมทั้งนำไปจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ อาทิ หนังสือรวมเล่มผลงานวาดภาพ เมืองแห่งความสุข ปฏิทิน หรือการ์ดอวยพรปีใหม่ ต่อไป



กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนวาระมหาดไทย “ตามรอยเท้าพ่อ”เร่งขยายผลแนวทางพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ตามโครงการ “ปวงประชาเป็นสุข ด้วยพระบารมี ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”


 
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดนโยบายเน้นหนัก 8 วาระมหาดไทย เพื่อให้กรม/รัฐวิสาหกิจในสังกัดและ  ทุกจังหวัดดำเนินการให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยวาระที่ 1 คือ ตามรอยเท้าพ่อ เน้นหนักการเทิดทูนสถาบันหลัก ยึดถือและปฏิบัติตามยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และขยายผลโครงการพระราชดำริสู่ประชาชน เพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนโครงการเน้นหนัก กลุ่มโครงการตามรอยเท้าพ่อภายใต้ 4 กลุ่มงานที่สำคัญ คือ กลุ่มงานที่ 1 น้อมนำแนวพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การประยุกต์ใช้ กลุ่มงานที่ 2 เสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มงานที่ 3 ส่งเสริมการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบทของกระทรวงมหาดไทย และกลุ่มงานที่ 4   การส่งเสริมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันพระราชสมภพ ครบ 5 รอบ 2 เมษายน 2558  โดยได้กำหนดโครงการต่างๆ ภายใต้ กลุ่มโครงการตามรอยเท้าพ่อ เพื่อดำเนินการ   ในปี 2558 กว่า 60โครงการ
          สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานตามโครงการ ตามรอยเท้าพ่อ ในกลุ่มงานที่ 1 น้อมนำแนวพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การประยุกต์ใช้ ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยได้อนุมัติโครงการ/กิจกรรม ภายใต้โครงการพัฒนาตามแนวทางพระราชดำริ ปวงประชาเป็นสุข ด้วยพระบารมีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 76 โครงการ วงเงินงบประมาณกว่า 12 ล้านบาท ตามที่จังหวัดได้ขอความเห็นชอบมายังกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะเป็นการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในพื้นที่ 64 จังหวัด นอกจากนั้นเป็นโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ โครงการบริหารจัดการแหล่งน้ำ และโครงการด้านการฟื้นฟูอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกโครงการได้น้อมนำหลักการทรงงาน แนวทางพระราชดำริ และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีเป้าหมายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้ประชาชน    พ้นความยากจน สามารถพึ่งพาตนเองได้ในทุกสถานการณ์อย่างยั่งยืน
          ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการทำงานในพื้นที่ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ อย่างใกล้ชิดต้องร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมเป็นเจ้าของ โดยยึดพื้นที่เป็นหลัก (Area Based) เพื่อให้โครงการพัฒนาต่างๆ ที่จะดำเนินการมีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ลักษณะภูมิสังคม เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย ประหยัด ตามแนวทางพระราชดำริ และตรงตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งทีมราชการที่จะลงไปทำงานต้องเข้าถึงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง มีจิตใจที่มุ่งมั่น เสียสละ อดทน ยึดมั่นเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ เนื่องจากงานพัฒนาชนบทจะต้องใช้เวลาตั้งแต่กระบวนการเรียนรู้ไปจนถึงการปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน อันจะนำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป


ตร.กระทุ่มแบน จับยาบ้า ขยายผลได้รถจยย.โจรกรรม..

วันนี้ ( 26 ก.พ.2558  เวลา 16.00 น. )  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนประกอบด้วย พ.ต.ท.กอบโชค เล็กตระกูล รองผกก.(ป.)สภ.กระทุ่มแบน , พ.ต.ท.เสรี  จันทร์ด้วง สวป.ฯ กับพวก ชุด ปจร.สภ.กระทุ่มแบน  ได้ร่วมกันจับกุมตัว
1. นายอรรถชัย เหมมณี อายุ 19 ปี  ผู้ต้องหาที่ 1  
2.นายอรรถชัย  เหมมณี อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาที่ 2  

โดยกล่าวหาว่าเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย   ต่อมาได้ทำการขยายผลตรวจยึด

1.รถจักรยานยนต์  ยี่ห้อยามาฮ่า  สีชมพู ขาว  หมายเลขทะเบียน ขกฉ – 205  สมุทรสาคร  จำนวน 1 คัน  2. ตรวจยึดรถจักรยานยนต์  ยี่ห้อยามาฮ่า  สีดำ ชมพู หมายเลขเครื่อง E3G5E – 418128 หมายเลขตัวรถ MLEKE14111418128 และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จำนวน 1 ชุด  ตรวจสอบพบว่าก่อเหตุลักทรัพย์ในเขตพื้นที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร  ซึ่งส่วนที่ก่อเหตุในเขตพื้นที่ .สภ.กระทุ่มแบน  จะได้ทำการติดตามจับกุมและตรวจยึดต่อไป



สืบกระทุ่มจับยาไอซ์ขยายผลหลายราย..

วันนี้ 26 ก.พ.58 เวลาประมาณ 13.30 น. ภายใต้การอำนวยการ ของ พ.ต.ท.วิเชียร  ประทุมรัตน์ ผกก สภ.กระทุ่มแบน  สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคิน  แสนพุฒิ รอง ผกก.สส.สภ.กระทุ่มแบน ,พ.ต.ท.วีระ  นุชศิลป์ ร.ต.อ.สุพศิน  วุฒิพิทยามงคล ,ร.ต.ท.ขวัญชัย  ชุ่มแช่ม ,ร.ต.ท.เสรีย์  มะกล่ำ ,ร.ต.ต.ทวีป  สุขชู รอง รอง สว.สส.ฯ พร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวน ฯ ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ดังนี้   

1.นายคณิตสรณ์  เดชพงษ์  อายุ 22 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 1.03 กรัม

2.จากนั้นขยายผลการจับกุมตัวนายยุทธการ หรือป๊อบ  ตั้งสายัณห์ อายุ 27 ปี พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 2.05 กรัม

 3.จากนั้นขยายผลการจับกุมตัวนายเกรียงไกร หรือเกรียง  กิจรักษา  พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 41.47 กรัม       
นำตัวพร้อมของกลาง ส่ง พงส.สภ.กระทุ่มแบน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เหตุเกิด ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร



จังหวัดนครปฐมจัดงาน นครปฐมฟิชแฟร์ครั้งที่ 7 ณ.ตลาดสดศรีวิชัย


จังหวัดนครปฐมจัดงาน นครปฐมฟิชแฟร์ครั้งที่ 7 ณ.ตลาดสดศรีวิชัย  โดย นายเกียรติศักดิ์ โฆษิตชัยวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกรมประมงเขต วัตถุประสงค์ของงานเพื่อพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจปลาสวยงามของจังหวัดให้เป็นที่แพร่หลายเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ปลาสวยงามรองรับความต้องการของตลาดต่อยอดธุรกิจสัตว์น้ำสวยงามของจังหวัดนครปฐมให้เข้มแข็ง ซึ่งงานเริ่มตั้งแต่ วันที่ 26 ก.พ.- 1 มี.ค.58 นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่าเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงามของจังหวัดนครปฐม สร้างค่านิยมในการเลี้ยงปลาสวยงามพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจปลาสวยงามของจังหวัดให้เป็นที่แพร่หลาย สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์ปลาสวยงามรองรับความต้องการของตลาดโดยเชื่องโยงระหว่างผู้ผลิต ผู้รวบรวม ผู้ซื้อและผู้ส่งออก ทั้งระบบ สนับสนุนเครือข่ายเกษตรกรต่อยอดธุรกิจสัตว์น้ำสวยงามของจังหวัดนครปฐมให้เข้มแข็งและเป็นการพัฒนาอาชีพของเกษตรกร และผู้ประกอบการด้านการประมง รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ และเป็นที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจการประมงโดยเฉพาะปลาสวยงามปัจจุบันยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในจังหวัดนครปฐมให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

สืบจว.สค.จับค้ายาในปั้มปตท.


วันนี้ 25 ก.พ. 2558 เวลาประมาณ 11.30 น.ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.สสฯ พ.ต.ท.นนท์ ภักดีพันธ์ รอง ผกก.สสฯ พ.ต.ท.รณกร ประคองศรี รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.พีระ อัศวะพิบูลย์ผล สว.กก.สส.สั่งการให้ พ.ต.ต.ไชยภูมิ ฉลองภูมิ สว.กก.สสฯร.ต.อ.อภิสิทธิ์ ศักดิ์ชัยยันต์ รอง สว.สสฯ ร.ต.ท.ธานินทร์ นุชเจริญ รอง สว.สสฯร.ต.ต.เลิศชาย แผนสนิทรอง สว.สสฯ ร.ต.ต.สุภาพ บัวประสม รอง สว.สสฯ พร้อมกับชุด ปส1,ปส.2 ได้ร่วมจับกุมผู้ต้องหา คือ นายสันติ หรือกุ๊ก เอกพงษ์ พร้อมด้วยยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 100 เม็ด โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย และมีอาวุธปืนพกสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ยี่ห้อสมิทแอนเวสสัน 1 กระบอก และอาวุธปืนสั้นออโตเมติกยี่ห้อคิมเบอร์ ขนาด11มม.จำนวน 1 กระบอกพร้อมกระสุนปืนจำนวน 7 นัด ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวพร้อมของกลางส่ง พงส. สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีต่อไป

จังหวัดสมุทรสาครบูรณาการฝ่ายปราบปรามตรวจจับแรงงานในเรือประมง


วันนี้ 26 ก.พ.58 เวลา 09.00 น. ชุดบูรณาการร่วม ตรวจสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน และการค้ามนุษย์ ด้านแรงานในกิจการประมงทะเลและกิจการที่เกี่ยวเนื่อง(ในเรือประมง) ของจังหวัดสมุทรสาคร มีชุดบูรณาการของ ส.รน.4 กก.4 บก.รน นำโดย ร.ต.ท.ทยากร  กุศลศิลปบัญชร รอง สว.(ทนท.ทางน้ำ)        ส.รน.4 กก.4 บก.รน.,ร.ต.ต.สุระ  เจริญวัย  รอง สว.(ป.ทางน้ำ) ส.รน.4 กก.4 บก.รน.พร้อมตำรวจประจำเรือตรวจการณ์ 536 .ผู้แทนและจนท.สนง.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานสมุทรสาคร,จนท.จัดหางานสมุทรสาคร,จนท.ประมงสมุทรสาคร,จนท.กรมเจ้าท่าจว.สมุทรสาคร,สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สมุทรสาคร,จนท.ตำรวจภูธรสมุทรสาคร,จนท.ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสมุทรสาคร ได้ตรวจสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน และการค้ามนุษย์ ด้านแรงานในกิจการประมงทะเลและกิจการที่เกี่ยงเนื่อง(ในเรือประมง )จำนวน 3 ลำ 

1.  เรือประมง ประเภทอวนลากแขก  ชื่อ ว.อุทัยนาวี มีนายประดิษฐ์  สวยงาม อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 137/51 หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จว.สมุทรสาคร  เป็นผู้ควบคุมเรือเป็นผู้นำตรวจ พบมีคนประจำเรือทั้งหมด 10 คน เป็นลูกเรือประมงไทย จำนวน 1 คน เป็นลูกเรือประมงต่างด้าว สัญชาติพม่า จำนวน 8 คน สัญชาติลาว จำนวน 1 คน มีพาสปอร์ตและใบอนุญาตทำงานถูกต้องไม่พบการกระทำผิด ไม่พบการบังคับใช้แรงงาน ไม่มีแรงงานเด็ก
2.  เรือประมง ประเภทอวนลากแขก  ชื่อ ม.สินสมบัติชัยนาวี มีนายสมเด็จ  เรืองสวัสดิ์ อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 20 หมู่ 1 ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จว.สกลนคร  เป็นผู้ควบคุมเรือเป็นผู้นำตรวจ พบมีคนประจำเรือทั้งหมด 5 คน เป็นลูกเรือประมงไทย จำนวน 1 คน เป็นลูกเรือประมงต่างด้าว สัญชาติพม่า จำนวน 4 คน มีพาสปอร์ตและใบอนุญาตทำงานถูกต้องไม่พบการกระทำผิด ไม่พบการบังคับใช้แรงงาน ไม่มีแรงงานเด็ก                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                

3.  เรือประมง ประเภทอวนลากแขก  ชื่อ ส.เรืองชัยนำโชค มีนายชัยฤทธิ์  ชีวชานนท์ อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 9/121 หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จว.สมุทรสาคร  เป็นผู้ควบคุมเรือเป็นผู้นำตรวจ พบมีคนประจำเรือทั้งหมด 10 คน เป็นลูกเรือประมงไทย จำนวน 1 คน เป็นลูกเรือประมงต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา จำนวน 9 คน พบไม่พกพาสปอร์ต และใบอนุญาตทำงาน จำนวน 2 คน จนท.ตม.สมุทรสาครให้นายจ้างนำเอกสารมาตรวจสอบ







วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

'ประวุฒิ ถาวรศิริ' โฆษก สตช. สั่ง ตร.เร่งตรวจสอบ เหตุ จนท.ใช้กำลังบังคับหนุ่มรับสารภาพคดีข่มขืนหญิงชรา 10 ราย ชี้ไม่เลือกปฏิบัติ จ่อฟันหากพบผิดจริง...


พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ

จากกรณีที่ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 7 ร่วมกับตำรวจกองปราบปราม เชิญตัว นายไก่ (นามสมมติ) ผู้ต้องสงสัยในคดีข่มขืนข่มขืนหญิงชราต่อเนื่อง มาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมา จนนายไก่ต้องจำยอมรับสารภาพ เพราะโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่ง ชกเข้าที่หน้าอกบริเวณใต้ราวนมขวา เพื่อให้ยอมรับสารภาพ แต่เมื่อตรวจดีเอ็นเอแล้วไม่ตรง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องยอมปล่อยตัวไป

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.พ. 2558 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเร่งตรวจสอบอยู่ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าเกิดขึ้นจริงก็พร้อมจะลงโทษตำรวจนายที่ก่อเรื่องตามกฎหมายต่อไป

พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกคน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ หรือละเว้นโทษให้กับเจ้าพนักงานกรณีทำผิดกฎหมาย.

*Lady  Tiger*รายงาน

นายไก่ แฉ ตร.มั่ว ร้องขอความเป็นธรรม


ตำรวจปล่อยตัวแล้วหนุ่มบุรีรัมย์ดวงซวย รูปพรรณสัณฐานและพฤติกรรมตรงกับโจรข่มขืนผู้สูงอายุต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดนครปฐม หลังตำรวจคุมตัวมาสอบสวนและตรวจดีเอ็นเอ ปรากฏว่าไม่ตรงกับคราบอสุจิของคนร้าย ให้ชุดสืบสวนภาค 3 พาตัวไปส่งถึงที่ทำงาน จ.นครราชสีมา หลังถูกปล่อยตัวแฉตำรวจมาควบคุมตัวพยายามเกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ อยากร้องขอความเป็นธรรม เพราะตกเป็นจำเลยสังคมไปแล้วใครจะรับผิดชอบ

กรณีคดีโจรหื่นกามอาละวาดข่มขืนหญิงสูงอายุต่อเนื่องในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม และในพื้นที่ จ.นครปฐม ทั้งสิ้น 10 คดี เหยื่อบางรายต่อสู้ขัดขืนจนถูกทำร้ายเสียชีวิตไป 2 คน จึงรวมมือสืบสวนจากหลายหน่วยเป็นชุดคลี่คลายคดี เนื่องจากพฤติกรรมคนร้ายสร้างความหวาดผวาให้ประชาชน เบื้องต้นได้สเกตช์ภาพคนร้ายเป็นชายไทยสูงประมาณ 170 ซม.ร่างกายบึกบึน มีกล้ามเนื้อที่ท้องเป็นซิกซ์แพ็ก ล่าสุดชุดสืบสวนพบผู้ต้องสงสัยคือ นายไก่  ชาว จ.บุรีรัมย์ มีพฤติกรรมตรงกับผู้ต้องหา หลังคดีกลายเป็นข่าวดังได้หายตัวไป สืบสวนจนรู้ว่าย้ายไปทำงานที่โรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จึงประสานชุดสืบสวนภาค 3 ไปควบคุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้นนายไก่ให้การรับสารภาพ ประกอบกับรูปร่างหน้าตาเหมือนภาพสเกตช์มาก จึงมั่นใจควบคุมตัวมาตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับคราบอสุจิที่พบในตัวเหยื่อ แต่ผลปรากฏว่าไม่ตรงกัน จึงสอบสวนนายไก่อีกครั้ง หนุ่มดวงซวยที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนักข่มขืนผู้สูงอายุต่อเนื่องอ้างว่ารับสารภาพเพราะความตกใจชุดสืบสวนจึงปล่อยตัวไป

ความคืบหน้าจากศูนย์อำนวยติดตามคดีข่มขืนต่อเนื่อง ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลางศาลายา จ.นครปฐม เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 ก.พ.2558
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร. เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนประกอบด้วย พล.ต.ต.ประภากร ริ้วทอง ผบก.สส.ภ.7 ชุดสืบสวนนครบาล ชุดสืบสวนกองปราบปราม ชุดสืบสวน ตร.ภ.7 ชุดสืบสวนจังหวัดนครปฐม ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 สภ.นครชัยศรี สภ.พุทธมณฑล สภ.สามพราน และ สภ.บางเลน ใช้เวลากว่า 2 ชม. ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุมลับครั้งนี้ได้ขยายพื้นที่สืบหาตัวผู้ต้องหาไปอีก 2 จังหวัดคือ จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนร้ายเคยก่อเหตุ และมีพื้นที่ต่อเนื่องคาบเกี่ยวกัน

พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร แถลงกรณีเชิญตัวผู้ต้องสงสัยรายล่าสุดที่ตำรวจกองปราบปรามนครบาล และ ตร.ภ.7 ร่วมกันควบคุมตัวมาจาก จ.นครราชสีมา ว่า กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจดีเอ็นเอแล้วปรากฏว่าไม่ตรงกับดีเอ็นเอของคนร้ายฆ่าข่มขืนต่อเนื่อง 10 ราย และไม่เคยกระทำความผิดจึงปล่อยตัวไป ส่วนเหตุผลที่เชิญตัวมาสอบสวนตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจากชุดสืบสวนได้ข้อมูลตรงกันว่า วันเวลาเกิดเหตุรายล่าสุดผู้ต้องสงสัยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ตกปลาอยู่ในคลอง ประกอบกับเมื่อตรวจประวัติพบว่า มีส่วนสูงรูปร่างหน้าตาคล้ายกับภาพสเกตช์ที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลและไม่ใช่คนในพื้นที่ ชุดปฏิบัติการจึงตรวจสอบพบว่าผู้ต้องสงสัยไม่อยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม แล้ว จึงออกตามหาตัวจนพบที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ขอยืนยันว่า ชายที่ถูกควบคุมตัวมาตรวจสอบเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ส่วนสาเหตุที่พูดจาสับสนรับบ้างไม่รับบ้างอาจเกิดจากความตกใจ พูดจาเสียงสั่นเครือ แต่เมื่อหายตกใจให้การปฏิเสธ ขอยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ซ้อมให้รับสารภาพ เราเชื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ปล่อยผู้ต้องสงสัยไปแล้ว

ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยอีกว่า ในการประชุมวันนี้ได้ขยายพื้นที่จาก จ.นครปฐม ไปยังพื้นที่ที่เกิดเหตุอีก 2 จังหวัดคือ จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสงคราม ให้ตำรวจทุก สภ.ใน 3 จังหวัดตรวจสอบโรงทำมะพร้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าร้าง สถานที่เก็บมะพร้าว ปอกมะพร้าว โรงงานทำมะพร้าวแปรรูปรวมถึงร้านที่รับซื้อมะพร้าวด้วย และให้ทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งหมดนำมาตรวจสอบที่ศูนย์ติดตามจับกุมฆาตกรข่มขืนต่อเนื่อง ขณะนี้ตรวจสอบทางน้ำคนหาปลาตกปลาตามคลองครอบคลุมพื้นที่นครชัยศรี พุทธมณฑล สามพรานและบางเลนหมดแล้ว ทางบกก็เช่นกันแต่ยังไม่พบ จึงเริ่มขยายออกไปยังจังหวัดอื่นเพราะจากผลตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์กางเกงลายการ์ตูนขาสั้นของคนร้ายที่ทิ้งไว้หลังข่มขืนรายที่ 4 มีเส้นใยมะพร้าวติดอยู่ หลังได้ลายนิ้วมือผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับมะพร้าวมาแล้วจะตรวจว่ามีลายมือไหนตรงกับลายนิ้วมือที่ได้จากที่เกิดเหตุ ถ้าตรงกันจะเชิญมาตรวจดีเอ็นเอ ขณะนี้ทำทุกอย่าง ค่อยเดินไปทีละก้าว อาชีพอย่างอื่นก็ไม่ทิ้ง จะตรวจสอบไปทุกอาชีพจนกว่าจะพบ เพราะถือว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่งและเป็นโรคจิต อาจจะไปทำร้ายคนอื่นอีก

ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. (ปป.1) เดินทางมาที่ศูนย์ติดตามจับกุมคนร้ายฆ่าข่มขืนต่อเนื่องศาลายา เผยว่า มาเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีว่ามีความคืบหน้าแค่ไหน และแผนงานขั้นต่อไป ขอยืนยันอีกครั้งว่า ผู้ต้องสงสัยรายล่าสุดที่เชิญตัวมาสอบและตรวจดีเอ็นเอไม่ใช่คนร้าย แต่ยังสงสัยว่าทำไมรับว่าก่อเหตุ เป็นเพราะความตกใจหรือกลัวตำรวจควบคุมตัวหรือป่วยทางจิต ก่อนปล่อยตัวให้ไปตรวจยังสถาบันจิตเวชก่อนว่ามีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ และให้ตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดว่าเคยต้องคดีหรือไม่ก่อนปล่อยตัวไป ขณะนี้ตำรวจทำงานกันอย่างหนัก ตามทุกทาง แต่ข้อมูลข่าวสารสับสน ขอให้ตรวจสอบและฟังข้อมูลจากศูนย์ติดตาม จับกุมที่ศาลายา เพื่อความกระจ่างจะแถลงข่าวให้ทราบเป็นระยะ เพราะทุกข้อมูลจะเข้ามาที่ศูนย์แห่งนี้

ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น.เผยว่า สำหรับรายละเอียดการเข้าไปจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุข่มขืนหญิงชรารายล่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 3 และภาค 7 พบว่า นายไก่มีพฤติกรรมที่คาดว่าจะเป็นฆาตกามต่อเนื่อง จึงไปควบคุมตัวมาสอบปากคำ แต่จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมไม่พบว่า เคยกระทำผิดมาก่อน ส่วนการรับสารภาพอาจมาจากความกลัวหรือเคยก่อเหตุเรื่องอื่น และอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่ตำรวจถาม อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบปากคำพบว่า ไม่ใช่ฆาตกรจึงปล่อยตัวไป

ที่ สตช. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผลการตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยคนล่าสุด ที่ตำรวจ บช.ภ.3 ควบคุม ตัวได้ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ไม่ตรงกับผู้ต้องหาก่อเหตุคดีข่มขืนหญิงชราในพื้นที่ บช.ภ.7 หลังพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีลงพื้นที่ไปสอบปากคำอย่างละเอียดและซักถามในหลายประเด็นพบว่า ไม่ใช่ผู้ต้องหาตัวจริงแน่นอน ที่ผ่านมาได้เชิญตัว ผู้ต้องสงสัยกว่า 100 คน มาสอบปากคำและตรวจดีเอ็นเอ แต่ยังไม่ตรงกับข้อมูลของผู้ก่อเหตุ เชื่อว่าผู้ก่อเหตุคดีนี้น่าจะหลบออกนอกพื้นที่เกิดเหตุ ส่วนแนวทางการสืบสวนตำรวจเน้นการลงพื้นที่ชุมชนเป้าหมาย เพื่อหาข้อมูลและแจ้งเตือนกับชาวบ้าน โดยเฉพาะหญิงชราที่อาศัยเพียงลำพังให้ระมัดระวัง ยอมรับว่าคดีนี้ซับซ้อนเพราะลักษณะการก่อเหตุลงมือเพียงลำพัง และหลังก่อเหตุจะทิ้งช่วงเวลานานพอสมควรก่อนจะก่อเหตุซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้

ต่อมานายไก่ คนงานโรงน้ำแข็ง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เผยกับผู้สื่อข่าวหลังได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระว่า ทำงานส่งน้ำแข็งมานานกว่า 1 ปี ก่อนถูกจับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 4 นาย มาเชิญตัวไปที่ บก.ภ.จ.นครราชสีมา โดยนำภาพถ่ายที่ถือมาเปรียบเทียบกับใบหน้าของตน ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามพูดโน้มน้าวให้รับสารภาพโทษจะได้ไม่หนัก ตอนนั้นรู้สึกกลัวมากไม่สามารถติดต่อใครได้เพราะโทรศัพท์มือถือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้ พอไปถึงตัวเมืองนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงพยายามพูดให้รับสารภาพ ตนเลยจำยอมรับสารภาพไปตามที่ตำรวจเขาร้องขอมา ทั้งที่ไม่ได้ทำความผิด จากนั้นพาไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอที่ตรวจได้ในที่เกิดเหตุที่ จ.นครปฐม กระทั่งผลการตรวจออกมาปรากฏว่า ไม่ตรงกับของคนร้ายชุดจับกุมเลยยอมปล่อยตัวและคืนโทรศัพท์ให้ ผมอยากขอความเป็นธรรม ผมตกเป็นจำเลยของสังคมว่าเป็นคนร้ายที่ตระเวนข่มขืนหญิงสูงอายุ ผมรู้สึกเสียใจมาก ทั้งที่ผมไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหาเลย แล้วใครจะรับผิดชอบนายไก่กล่าว

*-**-*

"บ้านแพ้ว"หนอนดำก่อกวนสวนมะพร้าว “โรงเข้-ยืนต้นตายกว่า 200 ไร่” เร่งพึ่งแตนเบียน..


(วันที่ 25 ก.พ.58) นายประสงค์ อังคษร สารวัตรกำนันตำบลโรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหนอนหัวดำกำลังระบาดในสวนมะพร้าว สร้างความเสียให้แก่ชาวสวนมะพร้าวในเขตบ้านแพ้วหลายแห่ง หลังมีแมลงหัวดำอพยพจากแถบภาคใต้เข้ามาวางไข่ที่ใบมะพร้าว เป็นเหตุให้ลูกมะพร้าวไม่เจริญเติบโต ทำให้ลำต้นเริ่มทยอยล้มยืนต้นตาย ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้โดยเฉพาะตำบลโรงเข้ เสียหายไปแล้วกว่า 200 ไร่ ไม่รวมตำบลอื่นๆ ซึ่งเกิดปัญหามากว่า 2-3 เดือนแล้ว  ต.ยกกระบัตร และหลักสาม ตามลำดับ ขณะเดียวกันนี้กำลังรุกลามไปพื้นที่รอยต่ออัมพวา จ.สมุทรสงครามกันแล้ว

หนอนหัวดำเป็นลูกแมลงที่เข้ามาแอบวางไข่ใต้ทางมะพร้าว จึงประสานงานระหว่างนายไฝ่ ปิ่นแก้ว กำนันตำบลโรงเข้  เพื่อออกนำยาฆ่าแมลงไปช่วยฉีดพ่นเพื่อบรรเทาปัญหาให้แก่ชาวสวนมะพร้าว  อย่างไรก็ตามแต่ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก เนื่องจากมะพร้าวมีความสูงค่อนข้างมาก ส่งผลให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนต้องพากันตัดใบมะพร้าวเอามาเผาทิ้งเพื่อตัดวงจรหนอนหัวดำที่ระบาด

ศัตรูพืชของมะพร้าวชนิดนี้เคยมีอยู่ทางแถบภาคใต้เป็นหลัก ซึ่งบ้านแพ้วไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มานานแล้ว และเมื่อแมลงดังกล่าวอพยพเข้าเริ่มแรกๆ ก็เสียหายไม่กี่ไร่ ต่อมาค่อยๆ กระจายระบาดยังสวนต่างๆอย่างรวดเร็ว ทำให้ป้องกันแก้ไขไม่ทันเป็นเหตุให้มีมะพร้าวยืนต้นตายจำนวนมาก อย่างไรก็ตามชาวบ้านจึงตัดสินใจตัดเผาทำลายใบทิ้งเพื่อตัดตอนมิให้ขยายพันธ์ เพราะใบมะพร้าวถูกวางไข่และจะเกิดเป็นตัวอ่อนของหนอนคอยดูดกินน้ำเลี้ยงจนล้มตายในที่สุด

นายประสงค์กล่าวว่า ขณะนี้ตนและกำนันโรเข้ได้นำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัด มาตั้งศูนย์กำจัดศัตรูพืชในตำบล เพื่อนำแมลงแตนเบียนบราคอนตัวอ่อนและไข่ผีเสื้อ จากนอกพื้นที่เข้ามาเริ่มเพาะเลี้ยง โดยเบียนเติบโตบินได้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ก่อนจะอาศัยปล่อยไปเป็นตัวกำจัดทำลายหนอนหัวดำแบบธรรมชาติด้วยวิธีกัดกินและจะวางไข่ใส่หนอนหัวดำ ทั้งนี้เชื่อว่าผลได้ดีกว่าใช้ฉีดพ่นยา ซึ่งระยะ 2 เดือนนี้ ชาวสวนต้องพึ่งตนเองไปก่อน
มานพ พฤฒิวโรดม -รายงาน 087-151 -2525








วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แม่บ้าน (ทำความสะอาด) น้ำใจงาม


เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 58 เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับทราบว่าที่โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนลสมุทรสาคร มีพนักงานแม่บ้าน(ทำความสะอาด) เก็บสร้อยคอทองคำได้และนำส่งคืนเจ้าของ สร้างความยินดีให้กับเจ้าของสร้อยคอทองคำเป็นอย่างมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ดีและน่ายกย่องในสังคมปัจจุบัน จึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาล เพื่อหาตัวบุคคลผู้ที่กระทำความดีดังกล่าว และก็ได้พบกับนางทองมี เกตุชาติ อายุ 50 ปี พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 10/4 หมู่ที่ 5 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่คอแขวนบัตรพนักงานชั่วคราว ตำแหน่งแม่บ้าน ของบริษัท พี.เอส.เจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างทำความสะอาดให้กับโรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนล สมุทรสาคร ซึ่งเป็นผู้ที่เก็บสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงได้  พร้อมกันนี้ทางผู้สื่อข่าวยังได้พบกับ นพ.วัชระ เชื้อปากน้ำ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนลสมุทรสาคร และนายทนงศักดิ์ ทับธานี พนักงานขับรถของโรงพยาบาล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/7 หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นเจ้าของสร้อยคอทองคำ
                
                  นายทะนงศักดิ์ ทับธานี เล่าด้วยสีหน้าที่ดีใจและตื้นตันใจว่า เมื่อเวลาประมาณ 8 โมงเช้าของวันนี้ ตนเองได้นั่งกินข้าวกับเพื่อนๆ อยู่ที่โต๊ะด้านข้างโรงพยาบาล จากนั้นก็กลับมานั่งตรงที่เป็นจุดยานพาหนะของโรงพยาบาล ซึ่งก็ห่างจากที่นั่งทานอาหารประมาณ 20 เมตร โดยตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งตอนสายๆ ก็เอามือไปคลำที่คอจึงรู้ว่าสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงที่แม่ซื้อให้นั้นหายไป จึงได้ให้เพื่อนๆ ช่วยกันหาแต่ก็ไม่เจอ กระทั่งป้าทองมี หรือป้านางเดินผ่านมา และถามว่ากำลังหาอะไรกัน ตนก็บอกว่าหาสร้อยคอทองคำหล่นหายไป ทั้งนี้โดยไม่ทันได้คาดคิดป้านางก็หยิบสร้อยในกระเป๋าออกมาแล้วบอกว่าใช่เส้นนี้หรือเปล่า ป้าเจอตกอยู่ที่พื้นตรงโต๊ะอาหาร กำลังตามหาเจ้าของอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ทำให้ตนเองดีใจมากเพราะในใจก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้คืนแล้ว ซึ่งสร้อยคอทองคำเส้นนี้ถ้าหายไปคงจะรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเพราะถ้าเป็นสร้อยคอที่ตนทำเองก็อาจจะเพียงแค่เสียดาย แต่นี้เป็นสร้อยคอทองคำที่แม่ทำให้เป็นของขวัญ ถ้าหายไปต้องรู้สึกเสียใจมากกว่าเสียดาย ทั้งนี้ก็ขอขอบคุณป้าทองมีหรือ ป้านางเป็นอย่างมากและรู้สึกดีใจที่ได้เจอคนดีๆ อย่างป้านาง ส่วนสาเหตุที่สร้อยหลุดหายก็คาดว่าน่าจะมาจากตะขอสร้อยที่ง้างออก ทำให้สร้อยหลุดจากคอโดยไม่รู้ตัว
               
                  ขณะที่นางทองมี เกตุชาติ หรือป้านาง ผู้ที่เก็บสร้อยคอทองคำได้นั้น ก็บอกว่า ตนเองเพิ่งจะเข้ามาทำงานกับบริษัทฯ ได้เพียงแค่ 5 วันเท่านั้น และทางบริษัทฯ ก็ส่งให้มาทำงานที่โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ ซึ่งปกติตนจะมีหน้าที่ทำความสะอาดบริเวณชั้นล่างของโรงพยาบาล รวมไปถึงเก็บกวาดขยะหน้าโรงพยาบาลตรงพื้นที่ๆ เป็นที่นั่งรับประทานอาหารของพนักงานขับรถด้วย ซึ่งก็คือตรงจุดที่พบสร้อยคอทองคำนั่นเอง โดยเมื่อตนไปทำความสะอาดและพบสร้อยคอทองคำ ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ตรงนั้น จึงได้เก็บใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ และคอยสังเกตดูว่ามีใครที่กำลังตามหา กระทั่งเห็นนายทนงศักดิ์ กับ เพื่อนๆ ช่วยกันหาของบางอย่างอยู่ จึงได้ลองถามและเมื่อทราบว่ากำลังหาสร้อยคอทองคำที่หล่นหายไป ก็ได้มอบคืนให้ทันที โดยในใจของตนเองนั้นตั้งใจจะตามหาและคืนให้กับเจ้าของให้ได้อยู่แล้ว เพราะคิดว่าคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพนักงานของโรงพยาบาล ซึ่งแม้ตนเองจะมีอาชีพเป็นเพียงแค่แม่บ้านแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเอาของๆ ใคร ยิ่งเป็นของมีค่ามากขนาดนี้แล้ว เมื่อหายไปคนที่เป็นเจ้าของต้องเสียดายและเสียใจมากอย่างแน่นอน โดยป้าคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราว่าถ้าเป็นของเราแล้วหายไปบ้างเราก็คงเสียใจมาก เพราะกว่าจะทำได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเรา แล้วยิ่งเป็นสิ่งของที่พ่อแม่ทำให้ไม่ว่าราคาของจะมากน้อยแค่ไหนยังไม่สำคัญเท่ากับคุณค่าของสิ่งของนั้นๆ
               
                   ส่วนนายแพทย์วัชระ เชื้อปากน้ำ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนลสมุทรสาคร ก็บอกว่า รู้สึกดีใจที่ได้คนอย่างป้านางมาทำงานให้กับโรงพยาบาลฯ และก็ขอขอบคุณในน้ำใจที่งดงามของป้านางที่เก็บของได้แล้ว นำส่งคืนเจ้าของ ซึ่งนับเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคลากรของโรงพยาบาลและคนในสังคม เป็นบุคคลที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง