pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

จับสินค้าละเมิดกว่า 5 ล้าน


แม้ว่ากรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จะพยายามปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา นำออกจำหน่ายในตลาดมืด จนประเทศไทยถูกต่างประเทศขึ้นทะเบียนว่าประเทศไทยมีการลักลอบทรัพย์สินทางปัญญา ด้วยการทำสินค้ายี่ห้อดังทั่วโลก จำนวนมากในปัจจุบัน แม้จะมีการจับกุมก็ตาม แต่สังคมไทยมักชื่นชอบกับสินค้าชื่อดังที่มีวางจำหน่ายในแหล่งชุมชนย่านการค้าทั่วไป
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พ.ต.ท.ดุสิต วาลีประโคน รอง ผกก.สน.บางเสาธง  นางกุลณี อิศดิชัย รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปํญญา และเจ้าหน้าที่ ปปท.ภาคเอกชน ร่วมกันเข้าจับกุม นายรักสิน อรุณรัตน์ อายุ 33 ปี พักอาศัยเลขที่ 3699/17 ถนนจันทร์ 43 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพ พร้อมกับสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เสื้อกีฬายี่ห้อดังๆ จำนวน 4,000 ตัว มีมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท นายรักสิน อรุณรัตน์ ยอมรับว่า สินค้าดังกล่าวไปซื้อมาจากย่านประตูน้ำ และ ตลาดโบ้เบ้ กทม. นำไปขายในตลาดหลายแห่ง กระทั่งถูกจับกุม ในการสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาว่า จำหน่าย มีไว้เพื่อจำหน่าย สินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ที่ได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักร
                                                                        โปร่ง  พญาไม้

ตำรวจสืบ 9 รวบสมาชิก แก๊งโอรส และเครือข่ายแก๊งขนมหวาน “อาร์ม โอรส”


ตำรวจกองกำกับการสืบสวนนครบาล 9 กัดไม่ปล่อยแก๊งค้ายาเสพติด เปิดร้านสักบังหน้า ส่งยาเสพติดให้ผู้เสพ สมาชิกในแก๊งล้วนเป็นเยาวชนทั้งสิ้น อาร์ม โอรสสิ้นลาย รับสารภาพข้อกล่าวหาสังคมสงบสุข แต่ไม่วายตำรวจยังตามดมกลิ่นตัวการใหญ่ ยังหลบหนี จะรอดหรือไม่ ชะตากรรมเป็นผู้ลิขิต........
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9  พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สส.บก.น.9 นำตัว นายพงศ์ธร พันทอง หรือ อาร์ม โอรส สมาชิกระดับหัวหน้าแก๊งโอรส ซึ่งก่อนถูกจับได้แยกตัวมาตั้งแก๊งขนมหวาน อันเป็นเครือข่ายแก๊งโอรส ปัจจุบันอายุ 23 ปี นายดวง ศรีแก้ว อายุ 23 ปี นายชัยวัฒน์ หรือตี๋ พันทอง อายุ 18 ปี นายพสธร หรือนนท์ ทับแก้ว อายุ 20 ปี นายประวุฒิ หรือเด้ง ปานทอง อายุ 23 ปี นายกิตติชัย หรือโฟล์ค ธาราชีพ อายุ 23 ปี นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นายบี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี พร้อมของกลางจำนวน 6 รายการ เช่น อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. ยาบ้า จำนวน 100 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 10 กรัม ทั้งนี้จากการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า เดิมแก๊งโอรสมีการแผ่อิทธิพลด้วยการลักลอบค้ายาเสพติดให้กับกลุ่มวัยรุ่นในชุมชนต่างๆเรื่อยมา จนเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นตามลำดับ ต่อมาสามารถรวบรวมวัยรุ่นเข้าเป็นสมาชิกในแก๊ง พฤติกรรมของแก๊งโอรสมักกระทำโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย บ้านเมือง มีการสะสมกำลังและเผยแพร่พฤติกรรมต่างๆที่ไม่เหมาะในอินเตอร์เน็ต ว่าเป็นคนเก่งต้องกระทำเช่นนี้จะได้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มวัยรุ่นด้วยกัน แก๊งโอรสจึงเจริญเติบโตตลอดมา บนถนนที่เต็มไปด้วยยาเสพติด และความป่าเถื่อนต่อมา อาร์ม โอรส สมาชิก แก๊งโอรส เกิดแตกคอกันเอง จึงแยกตัวออกมาตั้งแก๊งขนมหวาน มีสมาชิกในแก๊งล้วนเป็นเยาวชนในรุ่นเดียวกัน และได้เปิดร้านสักบังหน้า ในย่านคลองหลอด แต่เบื้องหลังจำหน่ายยาเสพติดให้ลูกค้าด้วย การสืบทราบของ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าอาร์ม โอรส และสมาชิกใน แก๊ง ทั้งหมดใช้บ้านเลขที่ 11/150 ซ.13/2 หมู่บ้านบัวทอง ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นที่กบดาน เมื่อทราบชัดเจนตำรวจจึงเข้าตรวจค้นสามารถจับกุมตัว อาร์ม โอรสและสมุนได้ทุกคน ซึ่งมีรอยสักเต็มตัวทุกคน การตรวจค้นดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบยาเสพติด อาวุธปืน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน อาร์ม โอรส ยอมรับว่า ลักลอบจำหน่าย ยาเสพติด เมื่อได้เงินมา จะเอาไปเที่ยวเตร่ ส่วนหนึ่งก็จะเอาไปซื้อรถยนต์และเครื่องประดับ เพื่อตบตาชาวบ้านว่าเป็นคนทำมาหากินสุจริต
                                                                                                     โปร่ง  พญาไม้

ตามเช็คบิลแค้นไล่ยิง ป๊อบ เสรี ดับคาจยย.‏









เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 56 ที่ผ่านมา  ร.ต.ต.สุพัฒน์ กิตติพันธ์ ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนรสิงห์ ว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในซอยห้องแถว สมทรง หมู่บ้านเสรี หมู่ที่ 1 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร ก่อนรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร พบผู้เสียชีวิตสภาพค่อมอยู่กับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายสมชาย หรือป๊อบ พิมพ์ศักดิ์ อายุ 37 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้น สีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าหุ้มส้น ต้นแขนขวามีรอยสัก พบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่ศรีษะ 2 นัด ลำคอ 1 นัด ใก้ลศพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 2 ปลอก ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบตกอยู่บนถนนอีก 2 ปลอก ในตัวผู้ตายพบขวดพลาสติกใสมีฝาปิดสีชมพูภายในมี ยาอี ซุปเปอร์แมน 4 เม็ด เงิน 115 บาท บุหรี่กรองทิพย์ 1 ซอง ไฟแช็ค 2 อัน ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสวนได้พบนางวันดี ประมวลทรัพย์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1255/145 ซ.หมู่บ้านเสรี หมู่ที่ 1 ต.ท่าจีนฯ แม่ของผู้ตายให้การว่าลูกชายเพิ่งพ้นโทษคดีฆ่าคนตายมาได้เกือบปี ไม่ทราบว่าพักอยู่ที่ใดไปมาไม่เป็นเวลาโดยก่อนถูกยิงตายน่าจะมาหาตนที่บ้าน จากการรวบรวมข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนคาดว่าคนร้ายน่าจะมีไม่น้อยกว่าสองคนขับรถไล่ตามยิงจนผู้ตายเสียหลักขณะเลี้ยวรถเข้าซอยล้มก่อนจ่อยิงที่ศรีษะจนเสียชีวิตคารถ สาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวหรืออาจจะเป็นธุระกิจผิดกฏหมายก็เป็นได้.

ประกวดสำรับอาหารพื้นบ้านในงานเฉลิมพระเกียรติ


เมื่อ 19 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา นายธนน  เวชกรกานนท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับนายพิสิฐ เสือสมิง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดโครงการประกวดสำรับอาหารพื้นบ้าน ในงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประจำปี 2556 เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ส่งเสริม ฟื้นฟู และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้เยาวชนและประชาชนรู้จักประกอบอาหารไทยแบบพื้นบ้าน ในลักษณะการกินอยู่อย่างไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง         และที่สำคัญได้มีการแข่งขันทอดไข่เจียวโดยมีชาวต่างชาติและผู้สื่อข่าวร่วมชิมพร้อมตัดสิน ณ อาคารเรือนไทยหลังใหม่ชั้นล่าง อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม



ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดสมุทรสงคราม













เมื่อ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖  นางวนิดา   สักการโกศล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ ๕ และ ๑๒ และคณะ ได้เดินทางมาติดตามผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัด โดยมีนายสมชาย ปัญญเจริญ      รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ให้การต้อนรับ ซึ่งประเด็นการตรวจราชการวันนี้ เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการพัฒนาจังหวัดรอบแรก การเตรียมความพร้อมของจังหวัดในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และประชุมติดตามงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสมุทรสงคราม  สำหรับแผนการบริหารและพัฒนาจังหวัดสมุทรสงคราม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์จังหวัดฯ ได้รายงานแผนการพัฒนาจังหวัดฯ ตามที่ได้รับงบประมาณรวม ๒๘ โครงการ เป็นเงิน ๑๑๙.๓๘ ล้านบาท  โดยแบ่งเป็น ๒ ส่วนคือ งบดำเนินงาน และงบการลงทุน ซึ่งขณะนี้ในส่วนของงบดำเนินงาน ได้ดำเนินการและอยู่ระหว่างการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว ร้อยละ ๕๐  ส่วนที่เหลือซึ่งนับรวมถึง งบเพื่อการลงทุนของจังหวัด ซึ่งจะได้เร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคมนี้ ทั้งนี้ในภาพรวมของประเทศ จังหวัดสมุทรสงครามเป็นหน่วยงานที่มีการเบิกจ่ายสูงสุดอยู่ในลำดับที่ ๒ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ ได้มอบแนวทางปฏิบัติงานและข้อห่วงใยต่อโครงการต่างๆของจังหวัด เช่น โครงการจำหน่ายสินค้าโอทอป  โครงการวางท่อขยายเขตการจ่ายน้ำประปาเพื่อแก้ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน (จำนวน ๔ โครงการ) และ โครงการสินค้าเกษตรปลอดภัย โดยเฉพาะโครงการสินค้าเกษตรปลอดภัย มีอยู่ ๑๗ กิจกรรม ได้รับงบประมาณ ๘.๙ ล้านบาท ได้ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้พิจารณาถึงการรับรองความปลอดภัยให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการผลิต และทำอย่างไรให้การรับรองมาตรฐานการผลิตสามารถสอดคล้องกันได้ทั้งเรื่องของผลผลิต ระยะเวลา และราคา เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็สามารถขจัดปัญหาเรื่องผลผลิตล้นตลาด และการจำหน่ายเพื่อให้เกษตรกรจำหน่ายได้ในราคาดี  ในส่วนของสินค้าโอทอป ได้ขอให้พิจารณาถึงการยกระดับสินค้า  คุณภาพสินค้า และการเพิ่มยอดจำหน่ายขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดสมุทรสงคราม ปัจจุบันได้มีการยกระดับคุณภาพสินค้าจากเดิมในระดับ ๑-๒ ดาว สามารถเพิ่มขึ้นเป็นระดับ ๓ ดาว ๔ ดาว และ ๕ ดาว และมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   โดยสินค้าที่สามารถเพิ่มยอดจำหน่ายได้มากที่สุดคือ เบอร์เกอร์ปลาทู และปลาทูนึ่งแม่กลอง ส่วนการตั้งเป้ายอดการจำหน่ายสินค้าโอทอปในปี ๒๕๕๖  ได้ตั้งเป้าไว้จำนวน ๔๐๐ ล้านบาท 

รวบสองแม่เล้าคาม่านรูด














เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 56 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รอง ผกก.ป. ได้สั่งการให้เจ้าหน้า ที่ตำรวจสายงานบังคับบัญชากวดขันหาข่าวติดตามกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรม "การค้ามนุษย์" ในพื้นที่ต่อมา ร.ต.ต.ณัฏฐพล เจริญบุญญาฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนคลองครุ ได้รับรายงานจากสายลับว่าสามารถติดต่อซื้อบริการกับผู้ที่พาเด็กสาวมาขายบริการได้ จึงได้เรียกกำลังประชุมวางแผนโดยให้สายโทรศัพย์ติดต่อนัดหมายให้มาส่งที่ โรงแรมโรสอินท์  ซ.บ่อนไก่ หมู่ 6 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จนถึงเวลานัดหมายได้มีหญิงสาว 2 คนทราบเพียงเล่นว่า ติ๊กกับขวัญ ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิ๊ก สีส้ม ดำ หมายเลขทะเบียน กรย- 979 ส.ค. ขับเข้ามาที่โรงแรมนำเด็กสาวมาส่งลูกค้าเมื่อพาเข้าไปที่ห้อง B 2 ที่สายรออยู่ก่อนเรียกเก็บเงินค่าตัวเด็ก 1,500 บาท ระหว่างนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจซุ่มอยู่ได้เข้าไปที่ห้องแสดงตัวจับกุมก่อนนำตัวมาสอบสวนทราบชื่อนายหน้าทั้งสองคนคือ นางเมริน หรือติ๊ก สวัสดี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/1หมู่ 5 ต.หนองกระเจ็ด อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี และนางสุมาลี หรือขวัญ โครตสมบัติ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่14 ต.น้ำคำใหญ่ อ.เมือง จ.ยโสธร ส่วนเด็กสาวที่ทั้งสองพามาส่งเพื่อขายบริการทางเพศทราบชื่อคือ น.ส.เอ็มมี่ อายุ 17 ปี สัญชาติพม่า ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเร่ร่อนไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครมาอาศัยหลับนอนอยู่ในสวนสาธารณะศาลหลักเมืองและได้รู้จักกับคนทั้งสองที่มาตีสนิทพาไปซื้อเสื้อผ้าแต่งตัวและบังคับให้ตนออกแขกขายบริการตั้งแต่ตอนเทศกาลลอยกระทง กว่า 20 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะได้เงินที่ทั้งสองแบ่งให้เพียง400-500 บาท เท่านั้น บางวันตนไม่สบายเวลามีแขกทั้งสองก็ให้ไปออกงานถ้าไม่ไปก็จะถูกซ้อมและขู่ว่าจะให้ตำรวจจับเพราะตนเป็นพม่า จึงต้องยอมเคยถูกจับแต่ตำรวจก็ปล่อยมา โดยครั้งแรกก็ถูกบังคับให้ไปกับคนในเครื่องแบบหลับนอน 3 ครั้ง หลังการสอบสวน ร.ต.ต.ณัฏฐพล เจริญบุญญาฤทธิ์ ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ พิทักษ์เด็กและสตรี มารับตัว น.ส.เอมี เด็กสาวชาวพม่า ส่วนนางเมริน สวัสดีและนางสุมาลี โครตสมบัติ แม่เล้า ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันค้ามนุษย์อายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปีเพื่อสนองควา ใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายอื่นหรือหญิงแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม (ตามมาตรา 282 ความผิดเกี่ยวกับเพศ) คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดี.

เดินเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์


นายสุภาพ แซ่เฮ้ง นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและสมาชิก ร่วมงานอุปสมบท ชาย หรือเล็ก จันทร์ต่อง ณ พัทสีมาวัดโกรกกราก 

จับยาบ้า 200 เม็ด

เมื่อวันที่ 14 ม.ค.56 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พศวีร์    เรืองภู่  ผกก.สภ.ทุ่งคอก พ.ต.ท.ชาญชัย    ณัฐโสนามัย พ.ต.ท.สมนึก  พันธ์แจ่ม พร้อมชุดสืบสวน สภ.ทุ่งคอกได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ศุภวรรณ     หรือแป้ง   ดีคำ อายุ  24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 9 ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 200 เม็ด เงินสด 5,800 บาท และได้ทำการยึดทรัพย์เป็นรถจักรยานยนต์ 4 คัน รถยนต์เก๋ง 1 คันจึงแจ้งขอกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองโดยเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเกิดจากการสืบทราบของชุดสืบสวน ของ สภ.ทุ่งคอกว่าผู้ต้องหาดังกล่าวมีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มผู้เสพในเขต ต.ทุ่งคอก จึงได้จัดหาสายลับล่อซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดมา  



ระดมกวาดล้างยาเสพติดและอาวุธปืนในจังหวัดสมุทรสาคร


เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้เป็นประธานในการแถลงข่าวผลการจับกุมระดมกวาดล้างยาเสพติดและอาวุธปืนในจังหวัดสมุทรสาคร โดยรายได้เป็นผลการจับกุมของ สภ.กระทุ่มแบน ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน พ.ต.ท.นนท์ ภักดีพันธุ์ รอง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน พ.ต.ท.นิยม สุ่ยวงษ์ สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน และเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวน ได้ผู้ต้องหา 2 คน คือ นายโอ เชิดฉาย อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่90 หมู่ที่ 7 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มีอาชีพรับจ้างแบกเสื่อ กับ นางสาวชุติมา เรืองสินธุ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 337 ซ.เพชรเกษม 79 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ พร้อมของกลางมียาบ้า 36,000 เม็ด กับ ยาไอซ์ 3.61 กรัม ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบนได้จับกุมนายนิติพงษ์ แสงทอง พร้อมของกลางยาบ้า 20 เม็ด จากนั้นก็ได้ขยายผลไปจับกุมนายโอ เชิดฉาย ได้ที่เจริญอพาร์ทเม้น เลขที่ 18/284 ห้องที่ A 211 ซอยเพชรเกษม 77/4 แขวง/ เขต หนองแขม กรุงเทพมหานครฯ พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 36,900 เม็ด และยาไอซ์อีก3.61 กรัม ซึ่งนายโอ ก็ให้การรับสารภาพว่ารับยาบ้ามาจากนายหรั่ง ไม่ทราบชื่อจริง นามสกุลจริง ที่นำมาฝากไว้ โดยให้นายโอฯ ไปรับยาบ้าจำนวน 20 มัด (ประมาณ40,000 เม็ด) ที่ใส่กล่องมาม่าแล้วนำมาวางอยู่ที่บริเวณหน้าปั๊มแก๊ส ติดสะพานยูเทิร์นถนนพุทธสาคร ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน โดยให้นายโอนำมาเก็บไว้ก่อน เพื่อรอคำสั่งจากนายหรั่งอีกครั้งว่าจะให้ไปส่งที่ใด ขณะที่เรื่องเงินค่ายาบ้านั้นก็จะให้นายโอเป็นคนเก็บและโอนให้กับนายหรั่ง ส่วนค่าจ้างที่นายโอจะได้รับจากนายหรั่งเป็นยาบ้ามัด เมื่อจำหน่ายยาเสพติดหมดแล้ว
            ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาแก่นายโอ เชิดฉาย และนางสาวชุติมา เรืองสินธุ์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า/ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
            ต่อมาผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครยังได้แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดอีกราย ของสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.พินัย ชูแก้ว พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รอง ผกก.สภ.เมืองฯ พ.ต.ต.พงษ์ศิริ เก่งนอก สว.สส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม โดยผู้ต้องหารายที่สอง คือ นายสมบัติหรือต๋อง หุ่นปั้น อายุ 37 ปี บ้านเลขที่72/6 หมู่ที่ 1 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ น้ำหนัก 102.48กรัม ยาบ้า 1,800 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ซองเปล่า 200 ซอง เครื่องชั่งดิจิตอล 1เครื่อง และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปืนปากกา) 1 กระบอก ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้จากการวางแผนล่อซื้อจับกุม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
            นอกจากนี้ยังมีการจับกุมนายไชยวัฒน์ เรืองศิลป์ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 82/2ถนนธรรมคุณากร ต.โกรกกราก อ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมของกลางมีอาวุธปืนยาวลูกซอง สีดำ 1 กระบอก , อาวุธปืนพกสั้นกึ่งออโตเมติคสีดำ ขนาด 9 มม. 1กระบอก,อาวุธปืนพกสั้นกึ่งออโตเมติค สีดำ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ GLOCK 1 กระบอก และเครื่อง
กระสุนปืนอีกจำนวนมาก โดยถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งของกลางทั้งหมดนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดไว้และนำมาแถลงผล ขณะที่ตัวผู้ต้องหาคือนายไชยวัฒน์ เรืองศิลป์นั้น ได้ยื่นขอประกันตัวออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
            พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาครกล่าวว่า การจับกุมทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการระดมกำลังกวาดล้างผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและอาวุธปืนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยในช่วงระหว่างวันที่ 14 – 22 มกราคม 2556เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 อำเภอ 5 สถานีฯ สามารถจับกุมอาวุธปืนขนาดต่างๆได้รวมทั้งสิ้น 18 กระบอก และกระสุนปืนอีกกว่า 200

แถลงข่าวการจัดงานส้มโอขาวใหญ่สมุทรสงคราม


เมื่อ 22 ม.ค.56 ที่ผ่านมา พ.อ.อ.ปัญญา สระทองอุ่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วยนายเสน่ห์ รัตนาภรณ์ เกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม  นางสาวจิรารัตน์  สุนทรอาคเนย์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลส้มโอขาวใหญ่สมุทรสงคราม ประจำปี 2556 ครั้งที่ 1   ณ สวนส้มโอวรฉัตร ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา  ซึ่งการเป็นที่ทราบกันดีจังหวัดสมุทรสงคราม ปัจจุบันจังหวัดได้มีการจัดงานเทศกาลส้มโอขาวใหญ่ เป็นประจำทุกปี ก่อนเทศกาลตรุษจีน และเทศกาลสารทจีน    เพื่อเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และเพื่อช่วยเหลือชาวสวนผลไม้(ส้มโอ)ให้สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ ชาวสวนจะได้มีกำลังใจในการรักษาอาชีพนี้ให้มั่นคงถาวรและผู้ซื้อก็จะได้ซื้อผลไม้ที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ  โดยในปีนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์  2556  ก่อนเทศกาลตรุษจีน บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด โดยมีชาวสวนมาออกร้านจำหน่ายส้มโอในงานจำนวน 33 ราย รวม 69 ร้าน และมีผลผลิตส้มโอมาจำหน่าย 48 ตัน หรือ 48,000 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 35 บาท
          นอกจากนี้ในงานยังมีการประกวดส้มโอขาวใหญ่จำนวน 4 ประเภท คือ
1.  ส้มโอขาวใหญ่ผลยักษ์ (ไม่จำกัดน้ำหนัก),
2.  ส้มโอขาวใหญ่น้ำหนัก 1.4 ถึง 1.6 กิโลกรัม
3.  ส้มโอขาวใหญ่น้ำหนัก 1.6 ถึง 1.8 กิโลกรัม
4.  ส้มโอขาวใหญ่น้ำหนัก 1.8 ถึง 2 กิโลกรัม
และการประกวดการแปรรูปเปลือกส้มโอ 1 ชุดน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม 
และการแข่งขันอีก 3 รายการ คือ
-  แข่งขันปอกส้มโอบรรจุภาชนะ
-  แข่งขันคัดคุณภาพส้มโอ
-  แข่งขันคัดขนาดน้ำหนักส้มโอ
-  โดยทุกรายการผู้ชนะจะได้รับเงินสดพร้อมประกาศนียบัตร
800 บาท, 600 บาท, และ 500 บาทตามลำดับ และรางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 300 บาท
และภายในงานยังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้าน  กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผลิตภัณฑ์ OTOP อีกมากมาย

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

จัดหางานนครปฐมสั่งเร่งออกใบอนุญาตทำงานต่างด้าว


นายเรืองยศ ตีวกุล จัดหางานจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมามีนายจ้าง/สถานประกอบการยื่นคำขอรับ ขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา มากกว่า 20,000 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งบันทึกข้อมูลและออกใบอนุญาตทำงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้  สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการที่ยื่นคำขอในปี 2556 กำหนดรับใบอนุญาตทำงานภายใน 60 วัน นับจากวันที่ยื่นขอ
            จัดหางานจังหวัดนครปฐมกล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องขออภัยนายจ้าง/สถานประกอบการ แรงงานต่างด้าวที่ออกใบอนุญาตทำงานล่าช้า ซึ่งจะกำชับและเร่งรัดเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการออกใบอนุญาตให้เร็วที่สุด    เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นายจ้างที่มารับบริการ  และหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม โทร .034-250861-2 ต่อ 23-26 จึงขอประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน



ปลุกจิตสำนึกเครือข่ายเยาวชนร่วมเฝ้าระวังคุณภาพแหล่งน้ำ

 นายสวัสดิ์  กิจจามัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า จากวิกฤตปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในชุมชนทั้งเขตเมืองและเขตชนบท  โดยเฉพาะการส่งผลกระทบกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ทุกฝ่ายจึงต้องตื่นตัวต่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมดุล ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความสมดุลแก่สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสงคราม จึงได้จัดโครงการเสริมสร้างศักยภาพการจัดการคุณภาพของแหล่งน้ำอย่างสมดุล ประจำปี ๒๕๕๖ เพื่อปลุกจิตสำนึกเครือข่ายเยาวชนร่วมเฝ้าระวังคุณภาพแหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการน้ำเสียชุมชนและปัญหาคุณภาพน้ำ การสาธิตทำก้อนจุลินทรีย์แก้ปัญหาน้ำเสีย ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการในสถานศึกษาเพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนจำนวนกว่า ๓๐๐ คน ในการร่วมกันเฝ้าระวังคุณภาพแหล่งน้ำเขตพื้นที่เมืองสมุทรสงคราม นอกจากนี้ยังได้มีการประชุมชี้แจงเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงานตามกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในมาตรา ๘๐ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.๒๕๓๕ เพื่อเป็นการรณรงค์สร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบของสถานประกอบการที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ



ประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล


ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม ชั้น 4 พ.อ.อ.ปัญญา สระทองอุ่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล กับร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง  รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรับมอบนโยบายสำคัญและติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบาย อาทิ การขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์ จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดทำงาน โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติด และให้เอาจริงกับการพนัน ตู้ม้า และการตัดไม้พะยูง ทั้งนี้ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยะเสพติดจังหวัดสมุทรสงคราม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 จนถึงปัจจุบันแผนงานที่ 1 แผนการสร้างพลังสังคมและชุมชนเอาชนะยาเสพติด
1.1 การเสริมสร้างความเข้มแข็ง หมู่บ้าน/ชุมชน
1.1.1 หมู่บ้าน/ชุมชนไม่มีปัญหายาเสพติด ดำเนินการให้ ครบถ้วนแล้ว
1.1.2 หมู่บ้านชุมชนที่ดำเนินการครบทุกขั้นตอนของการเสริมสร้างความเข้มแข็ง 
ปี 2555 ดำเนินการได้ 32.47 %
1.1.3 หมู่บ้าน/ชุมชน ที่มีปัญหาระดับความรุนแรง อยู่ระหว่างการดำเนินการ
1.2 โครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืนปฏิบัติการปิดล้อม X-Ray เชิงรุก 90 วัน อยู่ระหว่างการดำเนินการ
1.3 เสริมสร้างความเข้มแข็งหมู่บ้าน/ชุมชน(กองทุนแม่ของแผ่นดิน) ดำเนินการได้ 16.89 %
1.4 เตรียมความพร้อมกองทุนแม่ของแผ่นดินเป้าหมายใหม่ อยู่ระหว่างดำเนินการแผนงานที่ 2 แผนการแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด
2.1 การบำบัดรักษาแบบสมัครใจ/ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อยู่ระหว่างดำเนินการ
2.2 การบำบัดรักษาแบบสมัครใจบำบัด(ในโรงพยาบาล) ดำเนินการได้ 4 %
2.3 การบำบัดรักษาในระบบบังคับบำบัด ดำเนินการได้ 17.22 %
2.4 การบำบัดรักษาในระบบต้องโทษ/โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์ ดำเนินการได้ 50 %
2.5 การติดตามผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษาทุกระบบ
- สมัครใจบำบัด/ค่าย ดำเนินการได้ครบถ้วนแล้ว
- สมัครใจบำบัดในโรงพยาบาล ดำเนินการได้ 46.62 %
- ระบบต้องโทษ ดำเนินการได้ครบถ้วนแล้ว
หลังจากการประชุมรับมอบนโยบายจากร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง  รองนายกรัฐมนตรี  พ.อ.อ.ปัญญา สระทองอุ่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการการทำงานร่วมกับที่ทำการปกครอง โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด อย่าให้ตู้ม้าในจังหวัดสมุทรสงคราม โดยเด็ดขาด ส่วนเรื่องการตัดไม้ จังหวัดสมุทรสงครามไม่มีพื้นที่ป่าไม้ แต่มีโรงไม้มากกว่า 50 แห่ง จึงฝากย้ำให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกวดขันอย่าให้มีไม้เถื่อนแฝงเข้ามา ในจังหวัดสมุทรสงครามได้

พิจารณาคัดเลือกครอบครัวร่มเย็น ประจำปี ๒๕๕๖

จากการประชุมพิจารณาคัดเลือกครอบครัวร่มเย็น ประจำปี ๒๕๕๖ ของคณะกรรมการจังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ ๑๗ ม.ค.๕๖ เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่ห้องประชุมบางคนที ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีนายสมชาย  ปัญญเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานการประชุม  ตามที่สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ขอความร่วมมือจังหวัดสมุทรสงครามในการคัดเลือกครอบครัวร่มเย็น จำนวน ๑ ครอบครัว ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำหนดคือ เป็นครอบครัวที่เป็นที่รู้จักและยอมรับกันดีในชุมชนว่าเป็นครอบครัวที่โอบอ้อมอารีแก่คนทั่วไป/เป็นครอบครัวที่มีอย่างน้อย ๓ ช่วงอายุคนในครอบครัว/ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงและมีความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบอาชีพ/มีการจัดสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม/ มีพฤติกรรมทางสังคมดีมีศีลธรรม/บุคคลในครอบครัวมีความสามัคคีกลมเกลียวกัน เอื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกันในครอบครัว/ไม่เคยมีปัญหาการหย่าร้างหรือฟ้องร้องกันในระหว่างสมาชิกในครอบครัว/ไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดทางแพ่งและทางอาญาอย่างร้ายแรง และไม่มีคนในครอบครัวติดยาเสพติดหรือการพนันและอบายมุขอื่นๆ  ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ได้พิจารณาคัดเลือกครอบครัวของจ่าสิบเอกพิพัฒน์  วิมลประเสริฐ ราษฎรจากตำบลบางคนที อำเภอบางคนที  ได้รับคะแนนอันดับที่ ๑ และจะได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ส่วนครอบครัวที่ได้รับการพิจารณาคะแนนเป็นอันดับ ๒ และ  ๓  คือ ครอบครัวนางจินตนา  โพธิทอง ราษฎรตำบลคลองเขิน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม และครอบครัวของนางยิ้ม  กลั่นประเสริฐ  ราษฎรตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา  ซึ่งทั้งสองครอบครัวนี้ จะได้รับโล่สดุดีครอบครัวร่มเย็นจากจังหวัดสมุทรสงครามในงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและงานวันครอบครัวจังหวัดสมุทรสงคราม ประจำปี ๒๕๕๖ ที่จะจัดขึ้นในเดือนเมษายน ๒๕๕๖   


วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

“๓ ร่วม เพื่อ ๓ สร้าง”









เมื่อ ๒๑ ม.ค.๕๖ที่ผ่านมา ที่ นายสมชาย  ปัญญเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดโครงการปลูกฝังสำนึกรักสามัคคีและเสริมสร้างความปรองดอง ประจำปี ๒๕๕๖  ห้องประชุมศูนย์วัฒนธรรม อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำแผนงานส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติในระดับพื้นที่ เพื่อเป็นการบูรณาการโครงการ กิจกรรม ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ปีนี้นับเป็นปีที่ ๒ จัดฝึกอบรมระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖โดยมีเยาวชนและผู้นำกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสงคราม อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที      รวม ๑๐๕ คน  เข้าร่วมการฝึกอบรมตามกระบวนการ “๓ ร่วม เพื่อ ๓ สร้าง” คือ  ร่วมกันคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสร้างสามัคคี ร่วมคิด ร่วมระดมสมองเพื่อสร้างพลัง ร่วมกันทำเพื่อสร้างสังคมปรองดอง” นอกจากนี้ยังมีการศึกษาดูงานการดำเนินชีวิตของปราชญ์ชาวบ้าน ณ มหาวิทยาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่นสมุทรสงคราม ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริระดับอำเภอ หมู่ที่ ๔ ตำบลบางพระ อำเภอบางคนที และที่โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี นายสมชาย  ปัญญเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม  กล่าวว่า การสร้างความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตยอันเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้วยการส่งเสริมเยาวชน และผู้นำกลุ่มต่างๆ ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการทรงงาน และแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งได้เรียนรู้หลักการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์แก่พื้นที่ของตนเอง นับเป็นการปลูกสร้างจิตสำนึกความจงรักภักดีให้ยั่งยืนอยู่ในจังหวัด ควบคู่ไปกับการตระหนักถึงประโยชน์สุขของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน  เคารพในหลักการประชาธิปไตยและความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ตลอดถึงการธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ย่อมนำไปสู่ความสามัคคีปรองดองของคนในพื้นที่ ได้อย่างมั่นคงถาวรในที่สุด

จับยาบ้าคาสลัม









 เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 56 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การควบคุมของ พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก. พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รอง ผกก. ได้สั่งการให้ร.ต.ต.ณัฎฐพล เจริญบุญญาฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนคลองครุ พร้อมพวกสืบสวนหาข่าวจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จนทราบว่าที่สลัมรับซื้อของเก่าริมถนนคู่ขนานพระราม 2 หมู่ 6 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร มีนายแป๊ะ เพิ่งพ้นโทษออกมาลักลอบจำหน่ายยาบ้าให้กับผู้ใช้แรงงาน จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบก่อนวางแผนล่อซื้อเข้าจับกุมขณะกำลังน อนฟังเพลงรอ ลูกค้ามาเอายาเห็นตำรวจโยนทิ้งต่อหน้าก่อนคุมตัวค้นห้องพักพบยาบ้า 20 เม็ด อยู่ในถุงพลาสติกใสแบบซิป พร้อมด้วยลูกกระสุนปืนยาว ซุปเปอร์สปีด .348 วิน จำนวน 18 นัด ซ่อนอยู่ในกล่องหัวเตียงนอน จึงคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนทราบชื่อ นายสุเมธ หรือแปะ เกตุแก้ว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 926/126 ต.มหาชัยฯ ให้การว่าตนเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาเมื่อเดือนตุลาคม 55 และได้สั่งซื้อยาจากนายวุฒิ ไม่ทราบนามสกุลเพื่อเอามาขายกำไรส่วนลูกปืนพี่ชายเอามาฝากเมื่อสองวันก่อน จึงได้แจ้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาติจากนายทะเบียนอาวุธปืน คุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดี.

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

เตรียมรับงานประจำปี


นาย สาคร อิ่มพรรณไชย รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนคร พร้อมด้วย สท.ชัยรัตน์ สจ.ธัธชัย บุญชัยศรี  สท.สมใจ เอื้อสถาพรกิจ และเจ้าหน้าที่กองช่างสุขขาฯ นำยางมะตอยเทไหล่ถนนตั้งแต่หลังโบสถ์วัดโกรกกรากถึงหน้าหน่วยดับเพลิงระยะทางกว่า 200 เมตร..ก่อนงานประจำปีมาถึง.





วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

ตามล่าฆาตรกรต่อเนื่อง


เมื่อ 7 ม.ค.56 ที่ผ่านมา นายรุจน์ประทีป ธรรมรพีภัทร์ นายอำเภอบางคนที จ.สมุทรสงคราม และ พ.ต.อ.ประพาส อินตา ผู้กำกับ สภ.บางคนที ได้เรียกประชุมนายก อบต.นายกเทศมนตรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เกือบ 50 คน   เพื่อร่วมกันวางมาตรไล่ล่าจับกุมโจรโรคจิตที่ก่อคดีข่มขืนหญิงผู้สูงวัยในรอบปี 2555 รวม 4 ราย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้หญิงสูงวัยหวาดผวาไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนคนเดียว พ.ต.อ.ประพาส กล่าวว่า จากการตรวจสอบดีเอ็นเอและคราบอสุจิในที่เกิดเหตุทั้ง 4 ราย พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน ที่ผ่านมาตำรวจได้ควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยมาตรวจดีเอ็นเอแล้วจำนวน 85 คน แต่ก็ยังไม่พบจึงได้วางมาตรการป้องกันดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยเฉพาะตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงรุ่งเช้าด้วยการจัดชุดสายตรวจ 4 ชุดวางกำลังไว้ตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยบ้านที่เห็นว่าอยู่ในจุดเสี่ยงอีก 11 จุด พร้อมขอความร่วมมือผู้สูงอายุที่มักจะอยู่บ้านคนเดียวให้เปิดไฟทิ้งไว้รอบๆบ้าน เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะได้เป็นจุดสังเกตได้ง่าย พ.ต.อ.ประพาส กล่าวว่าขณะนี้ตำรวจได้ร่วมกับนายอำเภอบางคนทีตั้งรางวัลนำจับและผู้ที่แจ้งเบาะแสคนร้ายที่ก่อคดีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกจาก 50,000 บาท แล้วเป็นเงิน 100,000 บาท หากผู้ใดพบเห็นบุคคลที่มีรูปร่างคล้ายภาพสเก็ตหรือมีพฤติกรรมดังกล่าวให้แจ้ง สภ.บางคนที โทรศัพท์ 034-761191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นายรุจน์ประทีป กล่าวว่า กระแสข่าวที่ออกไปทำให้ชาวอำเภอบางคนทีโดยเฉพาะผู้สูงอายุไม่กล้าออกจากบ้านและไม่กล้าออกไปทำสวนคนเดียว ดังนั้นตนในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ยืนยันว่าอำเภอบางคนทียังคงมีความสงบสุขกว่า90 เปอร์เซ็นต์และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า คดีที่เกิดเหตุทั้ง 4 ครั้งคนร้ายไม่ได้ฆ่าทั้งหมดมีรายแรกที่คนร้ายข่มขืนแล้วฆ่า ส่วนรายที่ 4 คนร้ายไม่ได้ข่มขืนเพียงแต่ประสงค์ต่อทรัพย์และทำร้ายร่างกาย  ส่วนการประชุมครั้งนี้ตนได้ตั้งเป้าหมายที่จะจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด จึงเสริมกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัยในยามค่ำคืนอย่างเข้มงวดพร้อมกำชับกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยสอดส่องดูแลลูกบ้านของตนเองหากมีพฤติกรรมต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที นางสมบูรณ์ อารีย์พรรณ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152/4 หมู่ 6 ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดเหตุคนร้ายมักจะลงมือก่อเหตุกับผู้สูงอายุที่อยู่ในสวนมะพร้าวซึ่งไม่มีรั้วรอบขอบชิด โดยส่วนตัวแล้วตนไม่ได้หวาดกลัวอะไรยังคงปฎิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติ แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ขณะที่นางสาวโสภา เจริญจวง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 6 ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที บอกว่า กระแสข่าวที่ออกไปทำให้ตนไม่กล้าออกไปไหนคนเดียว เนื่องจากคนร้ายมักจะเลือกก่อเหตุเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นเมื่อตกเย็นตนก็จะปิดบ้านและไม่ลงจากบ้านไปไหนอีกเลยจนรุ่งเช้า จึงขอเอาใจช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วเพื่อนำความสงบสุขมาสู่ชาวอำเภอบางคนทีต่อไป.

พิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.อ.ปิ่นทัพ ปุราเท


 ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รอง นายกฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.อ.ปิ่นทัพ ปุราเท ผู้บังคับกองร้อยกู้ชีพ กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ นายตำรวจติดตาม รองนายกฯ ณ วัดตรีทศเทพวรวิหาร






ตร.กระทุ่มแบนจับแก็งค์เยาวชนชิงจยย. พร้อมอาวุธปืน‏

         เมื่อ 15 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา  พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และ พ.ต.อ.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน พ.ต.ท.เสรี จันทร์ด้วง สารวัตรปราบปรามฯ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปจร.ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ และครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน โดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน เป็นเยาวชน 3 คน คือ นายอั้ม นายอั๋น และนายนนท์ นามสมมติ ทั้งหมดอายุเพียง 17 ปีเท่านั้นเป็นคนในพื้นที่ตำบลท่าไม้และตำบลสวนหลวง ส่วนอีกคน คือ นายธีรพลหรือนิว ธรรมสาร อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 5 ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน มีของกลางเป็น รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่าทะเบียน ฬฬบ 770 กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่สีม่วง ทะเบียน ษจพ 59 กรุงเทพมหานคร,อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ดัดแปลง กระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการลักรถจักรยานยนต์  สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ได้ร่วมกันก่อเหตุในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบนมาอย่างโชกโชนทั้งๆที่ยังเป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี โดยจะตระเวนไปตามซอยต่างๆ จากนั้นเมื่อเห็นสบโอกาสว่ามีรถจักรยานยนต์จอดในที่เปลี่ยวคน ก็จะเข้าไปลักรถจักรยานยนต์ แต่ถ้าเป็นรถที่ถูกล๊อคคอไว้ก็จะใช้อุปกรณ์เป็นเหล็กสำหรับการทำลายรูกุญแจ เสร็จแล้วก็เอารถจักรยานยนต์ไปชำแหล่ะเพื่อนำอุปกรณ์บางส่วนมาแต่งรถซิ่ง และบางอย่างก็นำไปขาย นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหายังได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนจี้ชิงรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นอีกด้วย  ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาทั้งหมดว่า ร่วมกันใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะและใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ หรือรับของโจร, ร่วมกันลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือรับของโจร,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งก็ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แถลงข่าวจับยาเสพติด


เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2556  ที่ี่ผ่านมา ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส./รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดพร้อมของกลาง จำนวน 3 คดี ณ ห้องประชุม 1 โซนC ชั้น 2  อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ