pearleus

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564

ตม.จว.สมุทรสาคร นำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะออกประชาสัมพันธ์การป้องกันเชื้อโควิด-19

ตม.จว.สมุทรสาคร สนองนโยบาย ผบ.ตร. และ ผบช.สตม. นำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะออกประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 



29 เม.ย.64 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ภาสกร รัตนปนัดดา ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร นำโดย พ.ต.ท.ชุติพงษ สืบสาย รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร และพ.ต.ต.จิรโชติวัจน์ คล้ายคลึง สว.ตม.จว.สมุทรสาคร พร้อมชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สมุทรสาคร นำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะออกประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 โดยเน้นย้ำ การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากที่พักหรือเคหสถาน การตรวจวัดอุณหภูมิเมื่อเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอื่น 1 เมตร ขึ้นไป ลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ต่างๆ หรือใช้แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ในการลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ต่างๆ ทุกครั้ง และจัดทำคำสั่ง จว.สมุทรสาคร เกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บริเวณตลาดน้ำพุ ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร โดยทาง ตม.จว.สมุทรสาคร ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจของพี่น้องประชาชน เราจะสู้และก้าวข้ามผ่านวิกฤติไปด้วยกัน








ปศุสัตว์ สค. ลงพื้นที่เก็บตย.ซากสุกรส่งตรวจ ตามมาตรการเฝ้าระวังอหิวาต์แอฟริกา

 


เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 นายสุกิจ  ประทุมชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ  รักษาราชการแทน  ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์  ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างซากสุกรหรือหมูป่าส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการสัตวแพทย์และดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรสถานที่กักเก็บชากสุกรหรือหมูป่า ที่มีความเชื่อมโยงกับฟาร์มหรือโรงฆ่าสุกรที่พบความเสี่ยงสูงมากต่อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครบริษัทเกรียงชัยชาญอิมพอร์ต จำกัด เลขที่ ๔๘/๑๑๓ ม.๔  ต.นาดี  อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร 







ปฎิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามประกาศจังหวัดสมุทรสาครเรื่องกำหนดเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชนิด โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ในสัตว์หรือซากสัตว์ชนิดสุกรหรือหมูป่าด้วยองค์การสุขภาพสัตว์โลก ได้รายงานพบการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทยได้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวราชอาณาจักรกัมพูชาและ สาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมาร์ และมีแนวโน้มการระบาดขยายเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพบการระบาดในประเทศไทยจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรม การเลี้ยงสุกรคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านบาท รวมทั้งยังกระทบต่อความมั่นคงทางด้านอาหาร ของประเทศอีกด้วยเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคระบาดที่พบในสุกรมีความรุนแรงก่อให้เกิดความสูญเสียต่อสุกร ทุกช่วงอายุอีกด้วยในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาที่ใช้ในการป้องกันหรือรักษาโรค

ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครยังคงสถานะปลอดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรรวมทั้งเป็นการเตรียม ความพร้อมของประเทศไทยที่จะประกาศเป็นประเทศปลอดโรคอหิวาต์ แอฟริกาในสุกรซึ่งได้รับการรับรอง จากองค์การสุขภาพสัตว์โลก ในอนาคต ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกสุกรซากสุกรและผลิตภัณฑ์ของภูมิภาค และของโลก ต่อไป 

 อาศัยอำนาจตามมาตราในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์พ.ศ 2558 

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษา ราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้

1 ให้ท้องที่ทุกหมู่บ้านทุกตำบลทุกอำเภอของจังหวัดสมุทรสาครเป็นเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชนิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ในสัตว์หรือซากสัตว์ชนิดสุกรหรือหมูป่า รวมทั้งน้ำเชื้อผสมพันธุ์และเอ็มบริโอ

2 ห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ตามข้อที่ 1 เข้าออกผ่านหรือภายในเขตเฝ้าระวังโรคระบาดเว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากแพทย์ผู้มีอำนาจรับผิดชอบประจำเขตนั้นทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้ายหากว่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ 2558

สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาครมีความยินดีให้คำแนะนำปรึกษาในการค้าซากสุกรหรือหมูป่าให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีข้อสงสัยใดๆสามารถโทรสอบถามโดยตรงได้ที่ น.สพ.สุกิจ ประทุมชัย (หมออ้อ) 063 - 6156353

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2564

ปศุสัตว์ ส.ค ลงพื้นที่ตรวจสอบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่มหาชัย



 ปศุสัตว์ ส.ค ลงพื้นที่ตรวจสอบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่มหาชัย

  วันที่ 26 เมษายน 2564 นายสุกิจ ประทุมชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ ร่วมกับ ชุดเฉพาะกิจ เขต 7 ดำเนินการตรวจสอบที่พักซากสุกร ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยได้ตรวจสอบแหล่งที่มาของซากสุกร ใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ ใบอนุญาตค้าซากสัตว์ ใบรับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์ จำนวน ๓  แห่ง 

1. ร้านหมูสมนึก เลขที่ 1400/60.61.62 ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 

2. บริษัท เกรียงชัยชาญ อิมพอร์ต จำกัด เลขที่ 48/113 ม.4 ต.นาดี อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร 

3. บริษัท สินเจริญชัย โฟรเซ่น ฟูดส์ จำกัด เลขที่ 467/5 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร  

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไม่พบการกระทำความผิดแต่อย่างใด







วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2564

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564

เปิดผลสอบ ‘เรืองฤทธิ์’ งาบงบจัดซื้อรถดูดโคลนจริงหรือ ?


 สืบเนื่องมาจากมีการร้องเรียนเรื่องที่นายเรืองฤทธิ์ อุบลไทร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนต.ท่าทราย ทุจริตการจัดซื้อรถดูดสิ่งโสโครกและดูดล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำในปีงบประมาณ 2556 ขององค์การบริหารส่วนต.ท่าทราย จ.สมุทรสาคร  โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระบุว่าการจัดซื้อรถดังกล่าว สูงกว่าต้นทุนการผลิตเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังพบว่าบริษัทผู้เข้าร่วมประกวดราคามีพฤติกรรมในการร่วมกันหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย 

 เมื่อทราบเรื่อง กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ชี้ชัดเจาะลึก นำโดย หนวดชี้ชัด ฯ ได้เข้าติดต่อกับนายเรืองฤทธิ์  เพื่อสอบถามข้อกล่าวหาดังกล่าว  ซึ่งนายเรืองฤทธิ์ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงนำมาสู่รายละเอียดดังต่อไปนี้

 หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี หนวดชี้ชัด ฯ ก็ได้ยิงคำถามตรง ๆ ว่า ตกลงเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่เรื่องไปถึงไหนแล้ว  ก็ได้คำตอบจากนายเรืองฤทธิ์ว่า เมื่อเกิดเรื่องการร้องเรียน ทางผู้ว่าราชการจ.สมุทรสาคร ได้มอบหมายให้ทางอ.เมืองสมุทรสาคร ในฐานะต้นสังกัด โดยนายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง  หลังจากนั้นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ได้ค้นหาข้อมูลทั้งทางเอกสารและทางลับ ผลปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรดังนี้ 

  นายจีระชัย จิระชีวี หัวหน้าฝ่ายอนามัยและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้กำหนดคุณลักษณะและกำหนดราคากลางโครงการจัดซื้อรถดูดสิ่งโสโครกและดูดล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ได้กำหนดราคากลาง โดยสืบค้นราคาจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่เคยมีการจัดซื้อครุภัณฑ์ประเภทเดียวกันนี้ทางอินเตอร์เน็ต  และการกำหนดราคากลาง ก็มิได้สูงเกินจริงกว่าราคากลางที่สืบค้นมา สำหรับประเด็นราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิตนั้น ขณะตรวจสอบไม่มีข้อมูลหลักฐานข้อเท็จจริงอ้างอิงได้ว่า การซื้อรถดังกล่าวมีราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิต 

“การจัดซื้อดังกล่าว เป็นวิธีการพัสดุในความรับผิดชอบของกองคลัง  องค์การบริหารส่วนต.ท่าทราย ซึ่งจากการตรวจสอบ เป็นการจัดซื้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์  ขั้นตอนการจัดซื้อเป็นการดำเนินตามขั้นตอนของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ประกอบกับขณะตรวจรับรถ มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยตรวจสอบ จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจ.สมุทรสาครร่วมสังเกตการณ์ด้วย ทางคณะกรรมการ ฯ จึงสรุปว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงน่าเชื่อว่าพฤติกรรมของนายจีระชัย จิระชีวี ยังไม่อยู่ในข่ายเป็นผู้มีพฤติการณ์ทุจริตแต่อย่างใด” นายเรืองฤทธิ์ กล่าวพร้อมชูเอกสารผลการสอบสวน” นายเรืองฤทธิ์กล่าว 

 แม้ผลการสอบหัวหน้าฝ่ายอนามัยและสิ่งแวดล้อม จะบริสุทธิ์ แต่ในส่วนตัวของนายเรืองฤทธิ์ ก็ยังมีข้อครหาการแทรกแซงกระบวนการจัดซื้อ หรือล็อคสเปก ซึ่งประเด็นนี้ หนวดชี้ชัด ฯ ก็ได้ตั้งคำถามตรง ๆ ว่า แล้วผลสอบในส่วนของตัวนายเรืองฤทธิ์นั้น คณะกรรมการว่าอย่างไร 

 นายเรืองฤทธิ์ นิ่งไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนนำเอกสารขึ้นมาแสดงให้ดู ซึ่งเป็นผลการสอบสวนของคณะกรรมการอีกเช่นกัน โดยเนื้อความระบุว่า กรณีนายเรืองฤทธิ์ อุบลไทร ขณะดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทรายในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนวยอนุมัติโครงการจัดซื้อรถดังกล่าว ทางคณะกรรมการ ฯ มีความเห็นว่า กระบวนการจัดซื้อเป็นการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  และเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย  ประกอบกับมีหน่วยงานอย่างสำนักตรวจเงินแผ่นดินจ.สมุทรสาคร ร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จึงน่าเชื่อว่า นายเรืองฤทธิ์ อนุมัติโดยถูกต้องแล้ว  

เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อผลสอบออกมาเช่นกัน นายเรืองฤทธิ์ ตอบกลับมาว่า  คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ตัวหนังสือก็บอกออกมาแล้วว่า ผมไม่ได้ทำอะไรตุกติก หรือบกพร่อง  ทุกอย่างมีหลักฐานและขั้นตอนที่ถูกต้องทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม เมื่อทางทีมงานสอบถามถึงประเด็นการสมยอมในการเสนอราคา ที่เป็นอีกหนึ่งข้อหา นายเรืองฤทธิ์ กล่าวโดยผ่านมาอ่านเอกสารผลการสอบสวนว่า   

คณะกรรมการเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจของนายกองค์การบริหารส่วนต.ท่าทราย ประกอบกับการเสนอราคาเป็นการดำเนินการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบกฎหมายแล้ว 

 ดังนั้นจึงไม่อาจเชื่อมโยงได้ว่านายเรืองฤทธิ์ เป็นผู้มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ แต่อย่างใด 

  และนี้ก็คือ ข้อเท็จจริง ที่ออกมาจากเอกสารของทางราชการ ซึ่งนายเรืองฤทธิ์ ได้มอบให้ทีมงานเพื่อนำไปตรวจสอบและแจ้งต่อสาธารณชน เพื่อให้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงและความบริสุทธิ์ ในการบริหารจัดการงานขององค์การบริหารส่วนต.ท่าทราย ของอดีตผู้นำสูงสูงของอบต.ท่าทราย ที่ชื่อ เรืองฤทธิ์ อุบลไทร






 

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2564

ถึงเวลา ‘รักท่าทราย’ เปลี่ยนแปลงได้ ..ก่อนจะสายไป

จับเข่าคุย อำนาจ กาละกูล  

ถึงเวลา ‘รักท่าทราย’เปลี่ยนแปลงได้ ..ก่อนจะสายไป



 ต.ท่าทราย จ.สมุทรสาคร ถือเป็นตำบลดังระดับชาติ ที่มีเกียรติศักดิ์ในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ศูนย์กลางโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ของจ.สมุทรสาคร ซึ่งก็หมายถึงการจัดเก็บรายได้จากภาษีบำรุงท้องที่ ที่เป็นเม็ดเงินมหาศาล  ไล่รวมไปถึงแหล่งแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโควิท – 19 ที่ขยายวงกว้างไปจนกระทบกระเทือนไปทั้งประเทศ 

 ที่ผ่านมา ต.ท่าทราย มีพัฒนาการทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ผ่านผู้บริหารมากหน้าหลายตา ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งคนรักและคนชัง  ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้ ก็จะมีการเลือกตั้งผู้บริหาร หลังจากที่ประเทศไทยว่างเว้นการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมาเกือบ 7 ปี 

 ทีมงานชี้ชัดเจาะลึกได้มีโอกาส จับเข่าคุยกับ นายอำนาจ กาละกูล  สมาชิกสภาอบต.ท่าทราย หมู่ที่ 6  ซึ่งทราบมาว่ากำลังตระเตรียมทีมงาน เพื่ออาสามารับใช้พี่น้องชาวต.ท่าทราย ในฐานะผู้บริหาร หลังจากที่เล่นบทสมาชิกสภามานานพอสมควร  

 การจับเข่าคุยครั้งนี้มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ ที่ทีมงานชี้ชัดเจาะลึกอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง  ส่วนถ้าใครจะใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงคะแนน  อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณากันเอาเองครับ 

………………………………………….





 ทีมงานชี้ชัดเจาะลึก เข้าจับเข่าพูดคุยกับนายอำนาจ กาละกูล ในช่วงสายวันหนึ่ง ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุปลายเดือนมีนาคม  ซึ่งร้อนพอ ๆ กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอบต.ท่าทรายแห่งนี้

 ‘ผมดำรงตำแหน่งสมาชิกอบต.แห่งนี้เข้าปีที่ 9 แล้ว ผ่านนายก ฯ อบต.มา 2 คน’  

นายอำนาจ ตอบคำถามแรกที่เรายิงเข้าไป 

     หลังจากนั้นจึงได้ทราบว่านายอำนาจ จบจาก โรงเรียนวัดป้อมวิเชียรโชติการามต่อด้วยโรงเรียนศึกษานารีวิทยาและจบการศึกษาระดับปริญญาโทที่คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 ประสบการณ์กว่า 9 ปีในฐานะสมาชิกสภาอบต.ท่าทราย ซึ่งมีหน้าที่กั่นกรองกฎหมาย พิจารณาให้ความเห็นชอบข้อบัญญัติ  การใช้งบประมาณของฝ่ายบริหาร รวมถึงเป็นปากเป็นเสียง นำเรื่องที่ชาวบ้านเดือดร้อนและร้องเรียนมา เพื่อมารายงานให้ที่ประชุมสภาทราบ ก่อนที่จะให้ผู้บริหารรับเรื่องไปดำเนินการแก้ไข 

 ต่อคำถามว่า โดยส่วนตัว มีงานไหนที่ภาคภูมิใจที่ได้ทำงานให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ท่าทราย นายอำนาจตอบว่า น่าจะเป็นโครงการ ENGLISH CAMP ที่นำเอาผู้เชียวชาญด้านภาษาอังกฤษ มาสอนให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่ท่าทราย ในช่วงปิดเทอมหรือวันหยุด โดยผู้ปกครองไม่เสียค่าใช้จ่าย  โดยเรียนที่ตึกอบต.ท่าทรายหลังใหม่  แต่ทำอยู่ 2 ปี ก็ไม่ได้ทำต่อ เนื่องจากติดปัญหาบางประการ  แต่บอกไว้เลยครับว่า ถ้ามีโอกาส ก็จะสานต่อแน่นอน  ซึ่งไม่ใช่เฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่จะมีภาษาคอมพิวเตอร์ด้วย 

“ผมคิดว่าโครงการนี้มีประโยชน์ ลดความเหลื่อมล้ำ  ทำให้เด็กเข้าถึงการได้รับบริการจากท้องถิ่นอย่างถ้วนหน้า  ซึ่งเราต้องยอมรับว่า ผู้ปกครองในพื้นที่ส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย หลายคนเป็นลูกจ้างในโรงงาน ที่ไม่มีเงินมากพอที่จะให้ลูกหลานได้เรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งมีค่าคอร์สแพง  โครงการนี้จึงถูกคิดขึ้นมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และมีประโยชน์อย่างมากสำหรับอนาคตของบุตรหลานทั้งหลาย”  นายอำนาจกล่าว 

อย่างไรก็ตาม แม้โครงการที่หมายมั่นปันมือจะถูกพับไป แต่นายอำนาจ ก็เดินหน้าพัฒนาต.ท่าทรายต่อ ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย ซึ่งการเป็นสมาชิกสภา ก็สามารถทำได้ระดับหนึ่ง หากแต่ยังไม่เพียงพอต่อความตั้งใจของนายอำนาจที่ต้องการลงละเอียด รวมถึงลงมือทำด้วยตนเอง มากกว่าจะเป็นแค่สมาชิกที่มีอำนาจแค่กลั่นกรองกฎระเบียบต่าง ๆ  

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองจึงเป็นที่มาของแนวคิด เปลี่ยนเวทีเล่น จากสมาชิก มาเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารภายใต้กลุ่มที่จัดตั้งใหม่ชื่อ ทีมคนรักท่าทราย  สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ โดยนายอำนาจเองจะอาสาลงมาทำหน้าที่ในฐานะรองนายกอบต.ท่าทราย 

“ทีมคนรักท่าทราย วางแนวการทำงานว่า จะประสานการพัฒนาท่าทรายกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ท่าทรายเป็นเมืองน่าอยู่ สามารตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี  ทั้งนี้การมีส่วนร่วมถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาท่าทรายเลยทีเดียว 

นายอำนาจกล่าวเสริมว่า แนวการทำงานของทีมคนรักท่าทราย จะทำงานภายใต้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ไม่ใช้ความรู้สึกเป็นตัวชี้นำ  ซึ่งจะทำให้เกิดความผิดพลาดและเข้าใจผิดได้มาก   

สำหรับปัญหาเร่งด่วนในต.ท่าทราย ในมุมมองของนายอำนาจเป็นอย่างไร ก็ได้คำตอบว่า ปัญหาขยะต่าง ๆ ทั้งในซอกซอยหรือในแม่น้ำลำคลอง ซึ่งเยอะมา และไม่ได้มีการจัดเก็บอย่างทันท่วงที ทำให้สร้างปัญหา เป็นแหล่งเพาะของเชื้อโรค 

ทั้งนี้นายอำนาจเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาขยะในต.ท่าทรายว่า ต้องวางแผนตั้งแต่ต้นทาง ด้วยการให้องค์ความรู้ ความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนทุกวัยทุกเพศ ทั้งในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก โรงงานอุตสาหกรรม  แม้กระทั่งวัด  ทั้งการทิ้ง  การคัดแยกขยะ ต้องมีการประชาสัมพันธ์ และทำอย่างต่อเนื่อง  

“ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ ถังขยะเปียก หลายที่ทำกันได้ผลเป็นอย่างมาก  เค้าทำโดยการฝังถังขยะลงไปในดินตามโคนต้นไม้  พอถึง 3 เดือน เค้าก็เอาฟางดินไปกลบ ที่นี้มันก็กลายเป็นปุ๋ย ทำให้ต้นไม้เจริญงอกงาม แล้วก็ลดปริมาณขยะด้วย” นายอำนาจกล่าว

นายอำนาจได้ย้ำถึงการแก้ปัญหาในพื้นที่ ต.ท่าทรายว่า ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้ง อสม. รพ.สต. ภาคราชการ เอกชน ประชาชน  จริง ๆ แล้วเป้าหมายคือ อยากให้ต.ท่าทราย เป็นตำบลแห่งการเรียนรู้  โดยการที่เอาความรู้ใหม่ ๆ เข้ามาบริหารจัดการ 

เมื่อทีมงานถามถึงปริมาณรถจัดเก็บขยะของอบต.ท่าทราย มีปริมาณเพียงพอสำหรับการจัดเก็บขยะหรือไม่ นายอำนาจได้ให้ความเห็นว่าอย่างน่าคิดว่า  หากตราบใดที่พฤติกรรมการทิ้งขยะของคนที่อยู่ในท่าทรายไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างด้าว ยังเป็นอยู่อย่างปัจจุบัน การเพิ่มปริมาณรถเก็บขยะแค่ไหนก็ไม่เพียงพออย่างแน่นอน 

ปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ที่ รวมถึง ต.ท่าทรายด้วยก็คือ ผู้สูงวัย  ที่ยังมีปัญหาอีกมากที่ไม่ได้รับการแก้ไข  หลายคนถูกมองว่าเป็นโรคซึมเศร้า ทั้ง ๆ ที่ความจริง ไม่ได้เป็น แต่เพราะไม่มีใครรับฟังแกสักเท่าไหร่  เนื่องจากลูกหลานก็ต้องไปทำมาหากิน  การดูแลก็จะไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร  ดังนั้น จึงต้องมีการจัดหาสถานที่เพื่อมาดูแลผู้สูงอายุเหล่านี้ 

“เรื่องนี้ผมเคยพูดในสภา นำเสนอถึงปัญหา ตลอดจนแนวทางการแก้ปัญหา  โดยขออนุมัติจากสภา สร้างศูนย์เรียนรู้เพื่อสุขภาพผู้สูงวัย ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท แต่ปัจจุบันโครงการนี้ได้ตกไปแล้ว  ซึ่งในอนาคตเมื่อมีโอกาสเข้ามาบริหาร ผมจะนำโครงการนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน” นายอำนาจกล่าว 

 นายอำนาจได้ขยายความถึงศูนย์เรียนรู้เพื่อสุขภาพผู้สูงวัย หรือ ที่เรียกว่า โรงเรียนดอกลำดวน ว่าเป็นศูนย์เรียนรู้ในเรื่องการใช้ชีวิตในช่วงวัยเกษียณ ในเรื่องสิทธิที่พึงได้รับ  การป้องกันโรคอัลไซเมอร์  การสันทนาการเรื่องสุขภาพ  ให้มาได้พบปะ เรียนรู้ทำกิจกรรมร่วมกัน กับคนในวัยเดียวกัน  ทำให้มีจิตใจที่แจ่มใส่เบิกบาน 

  ในช่วงท้ายของการสนทนา ก่อนลาจากกัน นายอำนาจได้ฝากถึงแนวทางการดำเนินงานทางการเมืองของ ‘ทีมคนรักท่าทราย’ ว่า หลาย ๆ นโยบายที่นำเสนอ ล้วนตกผลึกมาแล้วทั้งสิ้น รอเพียงการนำออกมาปฎิบัติให้เป็นรูปธรรม  จึงอยากจะฝากถึงพี่น้องในต.ท่าทรายว่า ตนเองและทีมงาน พร้อมอาสาเข้ามาดูแลต.ท่าทราย ที่นับวันจะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ  อยากจะเข้ามาช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป เพื่อให้ท่าทราย เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ๆ