pearleus

วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พม. ร่วมเปิดตัวสื่อรณรงค์การต่อต้านการค้ามนุษย์ ในรูปแบบโปสเตอร์ ชุด "คุณเห็นฉันไหม" Can You See Me?



 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. เวลา 15.00 น. นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกล่าวแสดงความยินดีในงานเปิดตัวสื่อรณรงค์การต่อต้านการค้ามนุษย์ ในรูปแบบโปสเตอร์ ชุด "คุณเห็นฉันไหม" Can You See Me? ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม มูลนิธิ A21      และกระทรวงพม.ในการผลิตสื่อรณรงค์ดังกล่าว ณ โซน Eden ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
ปลัดกระทรวงพม. กล่าวว่า การผลิตโปสเตอร์ Can You See Me? เป็นการทำงานเชิงป้องกัน ภายใต้ 3 สร้าง คือ1) การสร้างความรับรู้และตระหนักของประชาชน( Public Awareness Raising ) 2) การสร้างความร่วมมือ ที่รัฐทำงานร่วมกับเอกชน ภายใต้นโยบายประชารัฐ ( Public Private Partnership Cooperation) เพื่อสื่อสารให้ประชาชนได้ตระหนัก  ถึงความร้ายแรงของปัญหาการค้ามนุษย์ และกระตุ้นให้ ประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์ไม่ยอมนิ่งเฉย และมีส่วนร่วมด้วยการ โทรสายด่วน 1300 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ของกระทรวง พม. เพื่อแจ้งเบาะแสและเข้าช่วยเหลือ ซึ่งเป็นช่องทางสร้างช่องทางการสื่อสารระหว่างรัฐกับประชาชน และ 3) การสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม (Social Immunity)
เมื่อรู้ปัญหาแล้วต้องป้องกัน ตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองและครอบครัว ถ้าครอบครัวเข้มแข็ง
พร้อมระบุว่าตนขอขอบคุณหน่วยงานที่มีส่วนร่วม ได้แก่ กระทรวงคมนาคม และมูลนิธิ A21 ต่อความสำเร็จของ Can You See Me ? และขอย้ำว่า กระทรวง พม. ยินดีสนับสนุนทุกองค์กร ทุกภาคส่วนในการทำงานทกมิติ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์



*****************

หนุ่มพลาดท่า"คนบ้านเดียวกัน"มอมยารูดทอง 4 บาท

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 31 ก.ค. 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ .เมืองสมุทรสาคร หลังรับแจ้งจากผู้จัดการ โรงแรม เช็คอินท์ว่ามีเหตุผู้ที่มาเช่าห้องพักถูกมอมยาชิงทรัพย์ทองหนัก 4 บาท ในห้องพักของโรงแรมเช็คอินท์ เลขที่ 55/5 ซ.อู่ปรีชา ถ.สุรินทร์ เทพกาญจนา หมู่ ที่ 4 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

           ที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายเป็นชายทราบชื่อคือ นายวารินทร์ เมฆสำลี อายุ 27 ปี สภาพอยู่ในอาการมึนงง! ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เดินทางไปเที่ยวแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มากับผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักกันผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ (เฟสบุ๊ก) โดยเห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกันและคุยกันถูกคอจึงชวนกันไปเที่ยว ขากลับได้ขับรถยนต์เดินทางมาด้วยกันก่อนแวะเข้าพักที่โรงแรมฯห้อง A13 ตอนประมาณสองทุ่มเศษโดยได้สั่งเบียร์มาสองขวดและกับแกล้มมาทานด้วยกัน พอดื่มเข้าไปได้สักพักก็รู้สึกมึนงง!หมดเรี่ยวแรงง่วงนอนไม่สึกตัวรู้อะไรอีกเลย  จนมาสะดุ้งตื่นตอนเช้าและเพื่อนชายได้หายไป พอสำรวจตัวเองพบสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 4 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองของตนเองได้หายไปจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สายตรวจตรวจและชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อนประสานขอดูกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมและตามเส้นทางการหลบหนีเร่งติดตามตัวคนร้ายคนบ้านเดียวกันมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เงาพญาราหู รายงาน



วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พม.ร่วมทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลและลงนามถวายพระพร ณ ลานพระราชวังดุสิต และศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง

พล.ต.อ.อดุลย์


                          
อธิบดีฯสค.เลิศปัญญาปลัดฯไมตรี


เมื่อวันที่  28 กรกฎาคม 2560 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำโดย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวง พม. ตลอดจนคณะผู้บริหาร และข้าราชการ กระทรวง พม. ซึ่ง กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) นำโดย นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วยผู้บริหารและข้าราชการ สค. ร่วมทำบุญตักบาตรและลงนามถวายพระพร  โดยร่วมทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล ณ ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า)  ร่วมลงนามถวายพระพร ณ บริเวณโถงชั้น 1 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)  และร่วมลงนามถวายพระพร ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง





****************

“ธนชาต ริเริ่ม...เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย” ครั้งที่ 46 ประจำปี 2560 รอบคัดเลือกภาคใต้




เกรียงไกร ภูริวิทย์วัฒนา (ที่ 7 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดโครงการ  “ธนชาต ริเริ่ม...เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย” ครั้งที่ 46 ประจำปี 2560 รอบคัดเลือกภาคใต้ ชิงรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้แนวคิด “เท่...อย่างไทย ใครๆ ก็ทำได้” เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้เยาวชนรักษ์ในวัฒนธรรมไทย โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากราชบัณฑิตยสภา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ร่วมงาน และ ดร.ธนาภรณ์ เมืองมุงคุณ (ที่ 6 จากซ้าย) รอง
อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับ โดยงานจัดขึ้น ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช

**ในภาพ (จากซ้ายไปขวา)

สุภาลักษณ์ ตั้งจิตต์ศีล    ผู้อำนวยการ กลุ่มสื่อสารองค์กร ธนาคารธนชาต ปัณณภัค บัลลังก์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม  มณฑล  ยิ่งยวด  กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม วินัย วรวัตร์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม วิชา กุลกอบเกียรติ  ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสื่อสารและบริหารแบรนด์ ธนาคารธนชาต  ดร.ธนาภรณ์ เมืองมุงคุณ  รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช   เกรียงไกร ภูริวิทย์วัฒนา  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต  วิภาวี เพ็ญสังข์ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายสาขา นครศรีธรรมราช ธนาคารธนชาต  ชวนพิศ เชาวน์สกุล สำนักงานราชบัณฑิตยสภา  สุนันทา อยู่ประยงค์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ลัดดา ตั้งสุภาชัย  สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
และสุวิทย์ ทรงศิริกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารงานอัตลักษณ์และกิจกรรม ธนาคารธนชาต



************************

พม. จัดตั้งศูนย์ฯช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย-ติดต่อสายด่วน1300ตลอด24ชม. เร่งสำรวจกลุ่มเป้าหมาย-เด็ก-ผู้สูงอายุ- คนพิการ-ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุเซินกา ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ บริเวณชั้น 2 กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ พร้อมทั้งสั่งการให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทุกจังหวัด บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และเร่งสำรวจผู้ประสบภัยที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ ได้แก่เด็ก ผู้สูงอายุคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม โดยให้รายงานผลดังกล่าวกลับมายังศูนย์ปฏิบัติการฯ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวง พม. ต่อไป

โดยประชาชนที่ประสบภัย ติดต่อขอความช่วยเหลือมาที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกระทรวง พม. พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่  

**********************

มหาดไทยสั่งด่วนผู้ว่าฯทุกจังหวัดที่ประสบอุทกภัยกำชับหน่วยปฎิบัติเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดแนวทางอพยพและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน

เมื่อ 28 ก.ค. เวลา 21:00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่พยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าได้เกิดหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจาก พายุดีเปรสชัน “เซินกา” (SONCA) ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย คาดว่าหย่อมความกดอากาศต่ำนี้จะปกคลุมบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนหลายจังหวัด สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก
     กระทรวงมหาดไทย ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง พบว่ามีบางพื้นที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทัน ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าปกติ ดังนั้น กระทรวงมหาดไทย จึงสั่งการให้ทุกจังหวัดที่ประสบอุทกภัยเร่งทบทวนและปรับปรุงระบบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 4 มาตรการ ดังนี้
     1. ขอให้จังหวัดที่อยู่ในแนวร่องอากาศแปรปรวนพัดผ่าน เช่น พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จะต้องกำหนดเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรายงานสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และนำระบบสารสนเทศ (IT) ที่สามารถติดตามข้อมูลต่าง ๆได้อย่างแม่นยำถูกต้อง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ให้ได้ด้วย
     2. ขอให้จังหวัดนำข้อมูลสภาพภูมิประเทศและภูมิสังคมของพื้นที่จริงมาประเมินหรือคาดการณ์ว่า ถ้ามีฝนตกหนักปริมาณเท่าใดจะสร้างความเสียหายให้พื้นที่ใดบ้าง รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงจะต้องติดตามว่าปริมาณน้ำจะไหลหรือระบายมาถึงพื้นที่ตนเองเมื่อไร และให้คาดคะเนปริมาณน้ำไว้ด้วยว่า หากมีน้ำท่วมนั้น ปริมาณน้ำจะสูงขึ้นและมีปริมาณน้ำขยายไปถึงพื้นที่ใดบ้าง เพื่อกำหนดแผนอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยได้ถูกต้องรวดเร็ว
     3.ให้จังหวัดกำหนดแนวทางแจ้งเตือนหรือช่องทางในการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ประชาชนทราบไว้หลาย ๆช่องทาง รวมทั้งกำหนดแนวทางและวิธีการให้กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เป็นหน่วยปฏิบัติการเฝ้าระวังติดตามสภาพอุทกภัยหรือสาธารณภัยประจำพื้นที่ และรับผิดชอบดูแลการแจ้งเตือนประชาชนแบบเข้าถึงพื้นที่ระดับครัวเรือนไว้ด้วย พร้อมทั้งหามาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาสำรองหรือแผน 2 เพื่อเตรียมพร้อมกรณีแผนหรือมาตรการตามแผนปฏิบัติการฉบับแรกไม่สามารถปฏิบัติได้ด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น มีปริมาณฝนตกหนักมากกว่าที่คาดการณ์ หรือเกิดอุบัติเหตุที่กักเก็บน้ำพังลงมาทำให้มีปริมาณน้ำสะสมมาเพิ่มขึ้น เป็นต้น
     4.ให้จังหวัดนำแนวทางแก้ไขปัญหาและป้องกันสาธารณภัยของกระทรวงมหาดไทยที่ได้แจ้งไปแล้วหลายครั้งมาทบทวนและซักซ้อม/ทดลองปฏิบัติเพื่อหาข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนในการปฏิบัติไว้ล่วงหน้าด้วย
     สุดท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะผู้ที่ตกค้างในพื้นที่วิกฤต จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งลำเลียงน้ำดื่มขวด และอาหารจำพวกไข่ต้ม ไก่ทอด ข้าวเหนียว เพื่อง่ายต่อการขนส่ง และรับประทานเป็นการชั่วคราวระหว่างรอการอพยพไปยังจุดปลอดภัย และหากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ใดยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางราชการ กรุณาแจ้งมายังสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 หรือสายด่วนสาธารณภัย 1784 เพื่อชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วเข้าช่วยเหลือต่อไป
     และล่าสุดเมื่อเวลา 21:00 น. จากเรดาห์สกลนคร พบกลุ่มฝนยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยจะมีฝนตกชุกต่อเนื่องบริเวณตอนบนของอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุดรธานี ซึ่งคาดการณ์ว่าคืนนี้จะมีฝนตกหลายชั่วโมง จึงขอให้พื้นที่ดังกล่าว เฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว

มหาดไทยกำชับทุกจังหวัดต้องบริหารการรับและจ่ายเงิน/สิ่งของบริจาคในช่วงเกิดอุทกภัยน้ำท่วมด้วยความโปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบราชการอย่างเคร่งครัด

เมื่อ 30 ก.ค. ที่ศาลากลางจังหวัดสกลนคร นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง ขณะเดียวกันมีการเปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยจังหวัดและส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งมูลนิธิ/องค์กรการกุศลต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือได้รับความเดือดร้อนนั้น
     เนื่องจากมีการออกข่าวสื่อมวลชนและ/หรือเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ว่า การเปิดรับบริจาคดังกล่าวบางแห่ง มีความไม่โปร่งใส ไม่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ อาจเป็นช่องทางให้เกิดการนำเงินและสิ่งของบริจาคไปใช้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค
     กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการให้จังหวัดต่าง ๆ กำชับหน่วยงานและภาคเอกชนในพื้นที่ที่จะดำเนินการเปิดรับบริจาคโดยอ้างเหตุการณ์ไปช่วยเหลือ/บรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมว่าต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ มีหลักฐานให้สามารถตรวจสอบได้ เช่น การออกใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการรับสิ่งของบริจาคหรือเงินบริจาคไว้ให้เรียบร้อยและต้องมีการประชาสัมพันธ์แจ้งสรุปยอดรับบริจาคในแต่ละวันหรือแต่ละห้วงเวลา รวมทั้งต้องแสดงรายการจ่าย/การนำเงินไปใช้หรือสิ่งของไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยไว้ด้วย โดยอาจแสดงรายการดังกล่าวทางสื่อออนไลน์และติดป้ายประกาศไว้ในที่สาธารณะให้ชัดเจนหรือมีการแถลงข่าวการรับบริจาคเป็นระยะ ๆ ด้วยก็ได้ 
     สุดท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการรับบริจาคในส่วนของจังหวัดนั้น ขอให้จังหวัดกำหนดตัวบุคคล/เจ้าหน้าที่หรือแผนกการรับบริจาค และการแจกจ่ายไว้ให้ชัดเจนด้วยเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบด้านการรับบริจาคและการแจกจ่ายไว้เป็นการเฉพาะและสามารถชี้แจงตรวจสอบได้ในภายหลัง

วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จังหวัดสมุทรสาคร จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โครงการสมุทรสาครร่วมใจภักดิ์ ขุดลอกคลองสาธารณะ และทำความสะอาดแหล่งชุมชน

 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2560 เวลา 14.00 น. นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตามโครงการสมุทรสาครร่วมใจภักดิ์ขุดลอกคลองสาธารณะ และทำความสะอาดแหล่งชุมชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2560 ณ คลองลัดป้อม ข้างโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย และถนนเอกชัย บริเวณหน้าโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย โดยมีนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสมุทรสาคร ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมในกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก


รวบแว้นหัวโจกพร้อมสาวกเพียบ

 เมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 29ก.ค.60 สน.พหลโยธิน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล(ผบก.สปพ.) พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์(รอง ผบก.สปพ.) พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช(รอง ผบก.สปพ.) พ.ต.อ.รุ่งโรจน์  สายันประเสริฐ(รอง ผบก.สปพ.) พ.ต.อ.สำราญ นวลมา(รอง ผบก.สปพ.) พ.ต.อ.อาชยน  ไกรทอง(รอง ผบก.ทท.) พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล(ผกก.สายตรวจ) พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์(ผกก.สน.พหลโยธิน) พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์(รอง ผกก.สายตรวจ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยอาสาร่วมกตัญญู จำนวน 170นาย  ได้ร่วมดำเนินการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนที่รวมตัวกันแข่งจักรยานยนต์ในทางพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่ บก.น.

เนื่องด้วยมีการชักชวนเด็กและเยาวชนจากแกนนำทางเฟสบุ๊คและสื่อทางโซเชียลให้รวมตัวเพื่อแข่งขันซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา43(8)และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546มาตรา26(3) จากการชักชวน 3เพจด้วยกันอันได้แก่ เฟสบุ๊ก(แว๊น สองล้อซิ่ง รามอินทรา) , (จรวด สุวินทวง) และ (รามอินทรา รู้อยู่รถซิ่ง) และต่อมาจึงได้ขออนุมัติหมายจับเจ้าของเฟสบุ๊คทั้ง  3ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับ นายบูช(นามสมมุติ) เด็กชายโบ๊ต(นามสมมุติ) จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมทั้งสาวกได้จำนวน 110คน  แบ่งเป็นเยาวชนจำนวน  65คน ผู้ใหญ่จำนวน  45คน ส่วนรถที่ยึดมาได้จำนวน  82คันซึ่งจำนวนทั้งหมดนี้มาจากเขตพื้นที่ของ บก.น.2 ช่วงท้ายแถลงผลการจับกุมทางด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล(ผบก.สปพ.) ได้ฝากบอกถึงบรรดาผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนช่วยกันปรามอย่าให้เด็กและเยาวชนออกมาแข่งรถหรือกระทำความผิดอีกเพราะถ้าเกิดพลาดพลั้งไปอาจถึงกับเสียชีวิตและทรัพย์สินเพราะเด็กและเยาวชนจะต้องเติบโตและเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวและประเทศชาติต่อไปในภายภาคหน้า กล่าวด้วยความห่วงใย







วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สืบปส.สมุทรสาคร จับขยายเครือข่ายยาเสพติดบางหญ้าแพรก

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด(ปส.)  กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการอำนวยการของพล.ต.ต.สุรพงษ์  ชัยจันทร์  ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.จำลอง งามเนตร รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.ธงชัย  เนตรสขาวัฒน์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.สุกฤษฎิ์ วิศิษฐ์ชนะชัย รอง ผกก.สส.ฯ ,พ.ต.ต.ผจญ  หว่างอิ้ง สว.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.ต.ปิยะชัย มั่นคง สว.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร
🔹ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.ไชยภูมิ  ฉลองภูมิ  สว.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร / เจ้าพนักงาน ปปส. ร.ต.อ.ธานินทร์  นุชเจริญ รอง สว.กก.สส.ฯ เจ้าพนักงาน ปปส.  ร.ต.ท.ณรงค์ หอมเย็น รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.  ร.ต.ต.วินัย พวงทองคำร.ต.ต.อรัณย์  ทาเกตุ, ร.ต.ต.โดม สระทองใจ,ด.ต.วิสูติ  สุขตะโก ,ด.ต.สันติ  เรืองฤทธิ์,ด.ต.ณัฐนนท์  เติมยศ, ด.ต.ธนเดช โพธิ์งาม, ด.ต.นที บุญทาน ,ด.ต.กิตติวัฒน์ ทิพย์พิมล ,ด.ต.เกรียงไกร  โตตามวงศ์,ส.ต.ท.ณรงค์ชัย  จันทร์พ่วง,ส.ต.ท.อดุล ศาสตร์เวช
 🔹ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 2 ราย
 เมื่อเวลาประมาณ 15.20  น.ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายภาณุ หรือแป๊ก  บูรณะโรจน์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่  1037/11  ต.มหาชัย   อ.เมือง   จ.สมุทรสาคร
🔹 พร้อมของกลาง ยาบ้าเม็ดกลมแบนสีส้ม มีอักษรภาษาอังกฤษ “ WY ” ปรากฏอยู่บนด้านหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบบรรจุยามีผนึกเปิดปิดด้านบน จำนวน 1 ถุง จำนวน 10 เม็ด                                                                                                                                                
🔹 ดำเนินคดีข้อหา พยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”                                                                                                                                                                       🔹 สถานที่จับกุม บริเวณหน้าเซเว่นฯ ก่อนถึง สภ.ย่อยท่าฉลอม  ต.ท่าฉลอม  อ.เมือง จ.สมุทรสาคร                                                                                                                                
ต่อมาเมื่อเวลา15.45 น.ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายธนรัตน์ หรือเกมส์  ชาวสมุทร อายุ 27 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 122/1  หมู่ 5 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร
🔹 พร้อมของกลาง 1.ยาบ้าเม็ดกลมแบนสีส้ม มีอักษรภาษาอังกฤษ “ WY ” ปรากฏอยู่บนด้านหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบบรรจุยามีผนึกเปิดปิดด้านบน  จำนวน 1 ถุง  จำนวน 15 เม็ด 2.ยาไอซ์ น้ำหนักชั่งรวมถุง ประมาณ 18.6 กรัม                                                                                                                                                                         🔹 ดำเนินคดีข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”                                                                                                                                                                     
🔹 สถานที่จับกุม  ที่บริเวณห้องนอน บ้านเลขที่ 94/2 หมู่ 5  ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร                                                                                                                                  
🔹 นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนพร้อมของกลาง  ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ย่อยท่าฉลอม ดำเนินคดีต่อไป

เงาพญาราหู รายงาน

สืบกระทุ่มแบน จับเครือข่ายยาเสพติดกว่า 2,000 เม็ด


ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.วิเชียร ประทุมรัตน์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.ศุกลฐวิญญ์ พรสิริวัฒก์,พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ ศักดิ์ชัยยันต์ สว.สส.ฯ , ร.ต.อ.วรเมธ โสมนัส , ร.ต.อ.ขวัญชัย ชุ่มแช่ม,ร.ต.อ.อรรถ ปิ่นทำนัก,ร.ต.ท.ประยงค์ สงทอง,ร.ต.ท.เสรีย์ มะกล่ำ,ร.ต.ท.ทวีป สุขชู รอง สว.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมจับกุมตัวผู้ต้องหา  ดังนี้
1. นางลำใย หรือแก้ว เพ็ชรนารี อายุ 52 ปี  พร้อมของกลาง ยาบ้า 18 เม็ด  โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ”  จับกุมได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 112/12 หมู่ 7 ต.ท่าไม้ฯ  เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 60 เวลา 10.30 น.
2. นายวัชระ หรือโอ๊ต หนองประทุม อายุ 25 ปี  พร้อมของกลาง ยาบ้า 2,000 เม็ด  โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ”จับกุมได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 226/128 ซ.เพชรเกษม 97 หมู่ 4 ต.อ้อมน้อยฯ  เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 60 เวลา 17.10 น.
ไม่สามารถขยายผลการจับกุมรายอื่นได้ เนื่องจากเป้าหมายรู้ตัวก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี.

เงาพญาราหู รายงาน

เรือนจำจังหวัดสมุทรสาครจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล

เมื่อ 28  กรกฎาคม 2560 เวลา10.30 น.ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาครได้มีการจัดพิธีเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นที่โดมกลาง แดน 4 โดยมีนายทนงศักดิ์ เกษตรธรรม ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้ต้องขังชายจำนวน 2400 คน เข้าร่วม

               เริ่มต้น ประธานในพิธีเปิดกรวยถวายความเคารพ ต่อด้วยกล่าวถวายราชสดุดีพระเกียรติคุณ  ถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น ผู้เข้าร่วมพิธีทุกคนได้ร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างกึกก้อง

              
จากนั้นผู้บัญชาการเรือนจำ จึงได้กล่าวทักทาย และให้โอวาทผู้ต้องขัง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ซักถามสิ่งที่พวกเขาอยากรู้ ซึ่งก็มีผู้ต้องขังเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ เช่น เรื่องวันพบญาติ ว่าจะมีเมื่อใด โดยเรื่องนี้ทางผู้บัญชาการเรือนจำ ชี้แจงว่าต้องรอจากทางส่วนกลางเป็นผู้กำหนดมา หากทราบแล้วจะแจ้งให้ทุกคนทราบ ส่วนอีกหนึ่งเรื่องคือ การขอย้ายเรือนจำของนักโทษที่เป็นคนต่างจังหวัด เพราะเขาอยากให้ญาติได้มาเยี่ยม ซึ่งเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าจะต้องดูในหลักเกณฑ์ว่าต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างจึงจะย้ายเรือนจำได้ ซึ่งนี้ก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้พบปะกับผู้บัญชาเรือนจำอย่างใกล้ชิดอีกด้วย





ปราบปรามปั้มป้ายปลอมครั้งที่4

เมื่อเวลา11.00น.วันที่ 27 ก.ค. 60 ที่สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว(สนามศุภฯ)พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล(ผบก.สปพ.191) พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์(รอง ผบก.สปพ.191) พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช(รอง ผบก.สปพ.191) พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง(ผบก.ตร.ทท.) ได้ร่วมแถลงผลการจับกุมต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาลให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล และอาชญากรรมที่เป็นเครือข่ายใหญ่ เช่น กลุ่มลักรถยนต์ส่งขายทางแถบแนวชายแดน กลุ่มรับจำนำรถยนต์ผิดกฏหมาย รับจำนำรถยนต์ติดไฟแนนซ์ กลุ่มผู้ปลอมแปลงเอกสารทางทะเบียนต่างๆ จากผลปฏิบัติการและสืบขยายผลอย่างต่อเนื่องในทั่วทุกภูมิภาค จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ผู้ต้องหาหลายรายและของทรัพย์สินได้หลายรายการ รถยนต์165คัน จักรยานยนต์125คัน อาวุธปืน5กระบอก เครื่องกระสุนปืน11นัด โพยพนันฟุตบอล19ฉบับ เงินสดประมาณ2ล้านบาท โทรศัพท์มือถือ,แท็ปเลต3เครื่อง คอมพิวเตอร์1เครื่อง บัตรกดเงินสด13ใบ สมุดบัญชีธนาคาร20เล่ม เอกสารทางการเงินอื่นๆอีกหลายรายการ ของทั้งหมดนี้จะถูกนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และจะสืบขยายผลต่อเนื่องออกไปเพื่อหาผู้ที่เกี่ยวข้องและนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป