pearleus

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

"ทต.บางหญ้าแพรก - ท่าจีน" เร่งลุยบ่อบำบัดน้ำเสีย

นายเรียน หงษ์คู นายกเทศมนตรีตำบลบางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร ชี้แจงว่า ตามที่องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สนับสนุนงบประมาณให้ทำ โครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียชุมชนบางหญ้าแพรก (ขนาดเล็ก) จึงกำหนดไว้ในพื้นที่หมู่ 4 ซอยประปา วงเงิน 21,400,000 บาท เริ่มก่อสร้างช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (รวมเวลา 300 วัน) มีกำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 14 มีนาคม 2559 ซึ่ง อจน.ยังจะช่วยดูแลระบบหลังก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงานโครงการส่งเสริมการจัดการน้ำเสียทั่วประเทศ ส่วนที่ดินก่อสร้างนั้น ทางเทศบาลได้รับความเห็นชอบอนุมัติใช้ในที่ราชพัสดุเป็นที่ว่างเปล่าเกือบ 10 ไร่ แต่ขอใช้ทำบ่อบำบัด 2 ไร่ โดยส่วนที่เหลืออนาคตจะทำศูนย์สถานดูแลเด็กเล็ก และปรับสร้างภูมิทัศน์เป็นสวนหย่อมแหล่งพักผ่อน ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติแก่ประชาชน
โครงการนี้ผมได้ผลักดันของบประมาณมาดำเนินการมาก่อนหน้าประมาณ 1 ปี ควบคู่กับเทศบาลตำบลท่าจีน สืบเนื่องตำบลบางหญ้าแพรกเรามีแหล่งแปรรูปอาหารขนาดใหญ่ทั้งสัตว์น้ำทะเลกุ้ง หอย ปลา ปู มีอุตสาหกรรม และครัวเรือนจำนวนมาก ทั้งนี้ก็เพื่อบำบัดน้ำเสียก่อนระบายลงท่าจีนและทะเลต่อไป
ขณะที่นายรังสรรค์ เจียระนัย นายกเทศมนตรีตำบลท่าจีน อ.เมืองฯ เปิดเผยความคืบหน้าว่า โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียชุมชน ของตำบลท่าจีน ใช้งบประมาณ 26 ล้านบาท จากองค์การจัดการน้ำเสีย กระทรวงทรัพยฯเช่นกัน ขณะอยู่ระหว่างแก้ไขปรับปรุงแก้ไขแบบหลังโยกย้ายจากหมู่ 1 มาก่อสร้างที่หมู่ 7 เนื่องจากชาวบ้านคัดค้าน ทำให้เกิดความล่าช้า ส่วนเนื้อที่ได้รับความอนุเคราะห์ให้ใช้ที่ดินธรณีสงฆ์ วัดหลังศาลประสิทธิ มีระยะเวลาก่อสร้างไม่เกินปี อยู่ในความดูแลของ อจน.และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 5 ในอนาคต
"สภาพบ่อทำงานแบบฝังดินและมีขั้นตอนต่างๆตามระบบตั้งแต่อาทิ ดูดน้ำทิ้งจากท่อระบายไปเข้าบ่อ เก็บให้ตกตะกอน บ่อแยกบำบัด บ่อใส่สารเคมี และเติมอากาศ ผ่านเครื่องสูบน้ำทิ้งตั้งแต่บ้านเรือนตามระบบหลักวิชาการโดยความดูแลภายหลังมีกฎและข้อบังคับควบคุมต่อไป"





มิตร มิตรชัย พระเอกลิเกชื่อดัง น้องชาย แอน มิตรชัย แจ้งความกองปราบ หลังถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ข่มขู่ และค้นรถ

นายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ มิตร มิตรชัยอายุ 21 ปี พระเอกลิเกหนุ่ม น้องชายคนเล็กของ นายเสมา สมบูรณ์ หรือไชยา มิตรชัย และ น.ส.ปรียา สมณะบารมี หรือแอน มิตรชัย นักร้องนักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วย
นางวงเดือน สมบูรณ์ มารดา เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ พนักงานสอบสวนกก.1 บก.ป.เพื่อขอคำปรึกษาข้อกฎหมาย เกี่ยวกับกรณีที่ถูกนายตำรวจรายหนึ่ง ข่มขู่กรรโชกทรัพย์ โดยมูลเหตุเกิดจากกรณีที่ แอน มิตรชัย ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกับตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เข้าตรวจค้นและยึดรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า เวลไฟร์ ทะเบียนป้ายแดง ณ 6601 กรุงเทพมหานคร ขณะกำลังเดินทางไปโชว์ตัวที่งานแห่งหนึ่ง ซึ่งปรากฏเป็นข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้

โดย  นายคีรีรัก กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่าจะสืบเนื่องมาจากที่ก่อนหน้านี้ ตนได้คบหาดูใจกับสาวใหญ่คนหนึ่งซึ่งทราบภายหลังว่าหญิงสาวคนสนิทของนายตำรวจท่านหนึ่ง ตนจึงพยายามตีตัวออกห่างแต่นายตำรวจคนดังกล่าวทราบเรื่องและเกิดความไม่พอใจ จึงนัดหมายให้มาพบเพื่อเจรจาปัญหาความสัมพันธ์เชิงชู้สาวที่เกิดขึ้น ที่ร้านชลบุรีซีฟู้ด ซอยวิภาวดี 62 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.เมื่อวันที่ 30กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ระหว่างการเจรจา นายตำรวจรายนี้กลับพูดจาข่มขู่ต่างๆ นานา และห้ามไม่ให้ตนยุ่งเกี่ยวกับสาวใหญ่รายนี้อีก
นอกจากนี้ยังขู่บังคับให้เซ็นยอมรับสภาพหนี้ก้อนโตถึง 35 ล้านบาท หากไม่ยินยอมจะเปิดโปงความสัมพันธ์อื้อฉาวของตน รวมทั้งขู่ว่าจะส่งคนไปทำร้ายบุคคลในครอบครัวด้วย ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวและจำยอมเซ็นรับสภาพหนี้ยอดดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของตนและคนในครอบครัว
นายคีรีรัก กล่าวต่อว่า สำหรับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า เวลไฟร์ คันที่พี่สาวคือ แอน มิตรชัย นำไปใช้งาน แล้วถูกตำรวจเข้าตรวจยึดเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา นั้น เป็นรถที่ตนได้รับมาจากสาวใหญ่เพื่อสาวคนสนิทของนายตำรวจคู่กรณีซึ่งไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นรถที่หลบเลี่ยงภาษี และได้นำเรื่องทั้งหมดมาปรึกษากับทางตำรวจ
บก.ป.และลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยได้รับคำแนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจท้องที่เกิดเหตุเนื่องจากกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นโมฆะหรือหากประสงค์จะดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยนั้น ก็ให้ปรึกษากับทนายความเสียก่อน              

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกเหนือจากนายคีรีรัก และนางวงเดือน ที่เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.ในครั้งนี้แล้ว
ทาง น.ส.ปรียา หรือ แอน มิตรชัย ก็เดินทางมาด้วย แต่เมื่อพบผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นอาคาร บก.ป.นักแสดงสาวคนดัง จึงรีบเดินกลับขึ้นรถทันทีโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพได้

ขอบคุณภาพ//พี่ชัย

ผบช.ปส.แถลงข่าวจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ยาบ้า 600,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 58  10.30 น.พล.ต.ท.เรวัช  กลิ่นเกษร  ผบช.ปส.แถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 1 คนนายวิชัย  คุณสิทธิ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 7 ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน ประมาณ 600,000 เม็ด ไอซ์ จำนวน 5 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 5 กิโลกรัมรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน กบ 1991 อุดรธานี โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต” 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเรียงยาเสพติด(บก.สกส.บช.ปส.)ได้รับข้อมูลจากสายลับ ว่าในระหว่างวันที่ 25-26 ก.ย. 58 จะมีกลุ่มกระบวนการลักลอบขนยาเสพติดของนายวิชัย  คุณสิทธิ์ ใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน กบ 1991 อุดรธานี ขนยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จึงจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บนเส้นทางตามถนนมิตรภาพจังหวัดนครราชสีมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นรถยนต์คันดังกล่าว จึงขับรถติดตามไป พบว่าขับมุงหน้าไปทางถนนลำลูกกา ต่อมารถคันดังกล่าวได้เลี้ยวเข้าห้างบิ๊กซี สาขาลำลูกกา จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวพร้อมเข้าตรวจค้น พบนายวิชัย  คุณสิทธิ์ เป็น ผู้ขับรถ จากนั้นได้ทำการขอตรวจค้นรถยนต์คนดังกล่าวพบยาบ้า 6 แสนเม็ดยาไอซ์ 5 กิโล ซุกซ่อนอยู่ในเบาะหลังของรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการจับกุมนายวิชัย

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับแจ้งลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่จังหวัดบึงกาฬเพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างโดยจะได้รับ ค่าตอบแทนครั้งละ 150,000 บาท 







วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

ตำรวจกระทุ่มแบนจับ ต๊ะ ท่าไม้ ค้ายาบ้า

วันนี้ (28 ก.ย. 2558) เจ้าพนักงานตำรวจภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.วิเชียร ประทุมรัตน์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบนประกอบด้วย พ.ต.ท.ภาคิน  แสนพุฒิ รอง.ผกก.สส.สภ.กระทุ่มแบน ,พ.ต.ท.วีระ  นุชศิลป์ สว.สส.ฯ,ร.ต.อ.สุพศิน  วุฒิพิทยามงคล, ร.ต.ท.ขวัญชัย  ชุ่มแช่ม, ร.ต.ท.เสรีย์  มะกล่ำ , ร.ต.ท.ทวีป  สุขชู รอง สว.สส.ฯและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 
ร่วมกันจับกุมตัว นายเกริกเกียรติ หรือต๊ะ  สหัสฉกรรจ์ อายุ 20 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 65 เม็ด โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท  1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

เหตุเกิด หมู่ 4 ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาครนำส่ง พงส.สภ.กระทุ่มแบนดำเนินคดีตามกฎหมาย

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

รองผอ.รร.เครียดเงินคืนผูกคอหนีปัญหา

 เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ..58 ...สุรชัย ศรีพิมลาม ร้อยเวรสภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งมีผู้ผูกคอเสียชีวิตภายในหมู่บ้านสุขถาวร .10 .1 .บ้านเกาะ .เมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เดินทางไปทำการสอบสวนยังที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 75/489 บริเวณเป็นที่เก็บของและรถจักรยานยนต์เมื่อมองเข้าไปก็เห็นร่างชายสวมเสื้อยืดคอกลม สีขาว สวมกางเกงขาสั้นลายสก๊อต สภาพใช้เชือกไนล่อน แขวนคออยู่กับโครงหลังคากระเบื้อง ปลายขามีโต๊ะสี่เหลี่ยมขาเหล็ก ลิ้นจุกปาก จึงได้นำร่างลงมาชันสูจน์ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายอาคม เสียมไธสง อายุ 39 ปี อาชีพรับราชการครูตำแหน่ง รอง ผอ.โรงเรียนฯ คาดว่าน่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ชม . จึงได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร นำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูจน์อีกครั้ง จากการสอบสวนในเบื้องต้นจากเพื่อนบ้านและครูที่ทราบข่าวการตายได้มาดูบอกเล่าว่า ผู้ตายเป็น รองผอ.รร. ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากเรื่อง การเงินที่ผู้ตายได้นำเงินของโรงเรียนไปใช้นับล้าน แต่ปลายเดือนกันยายน ผอ.โรงเรียนจะเกษียณอายุราชการจึงได้ทวงถามเรื่องเงินของโรงเรียนที่ผู้ตายหยิบยืมไปคืนจึงอาจทำให้ผู้ตายเครียดคิดไม่ออกว่าจะนำเงินที่ไหนมาใช้ให้ทางโรงเรียนจึงตัดสินใจ เขียนจดหมายลาตายด้วยการผูกคอเพื่อหนีปัญหาดังกล่าว.

สืบปส.จังหวัดจับ"เกินสั่งยาจากกู๋"

วันนี้ 24 ก.ย. 58 13.00 น.ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.สสฯ พ.ต.ท.นนท์ ภักดีพันธ์ รอง ผกก.สสฯ พ.ต.ท.รณกร ประคองศรี รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.พีระ อัศวะพิบูลย์ผล สว.กก.สส.สั่งการให้ พ.ต.ต.ไชยภูมิ ฉลองภูมิ สว.กก.สสฯร.ต.อ.อภิสิทธิ์ ศักดิ์ชัยยันต์ รอง สว.กก.สสฯ ร.ต.ท.รหัท สมานจิต รองสว.กก.สสฯร.ต.ต.เลิศชาย แผนสนิท รอง สว.กก.สสฯ ร.ต.ต.สุภาพ บัวประสม รอง สว.กกสสฯ พร้อมกับชุด ปส1 ได้จับกุมผู้ต้องหา 1.นาย นพดล(เกิน) แย้มคลี่พร้อมของกลางยาบ้า 40 เม็ด โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่1(ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย สอบถามยาบ้าดังกล่าวสั่งมาจากนาย กู๋ ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง และไม่สามารถติดต่อขยายผลได้จัดทำข้อมูลไว้ได้นำตัวพร้อมของกลางส่ง พงส สภ.เมืองสมุทรสาครดำเนินคดีต่อไป

ผู้ตรวจฯกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจการบำบัดน้ำเสียโรงงานอุตสาหกรรมที่จังหวัดนครปฐม

วันที่ 21 กันยายน 2558 นายศักดา พันธ์กล้า ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจการบำบัดน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม  บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด และ บริษัท ดับเบิ้ลยูจีซี จำกัด ตำบลตลาดจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขระบบบำบัดน้ำเสีย หลังชาวบ้านในพื้นที่ตำบลตลาดจินดา และชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านแพ้ว ตำบลหลักห้า อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ได้รับความเดือดร้อนจากการปล่อยน้ำเสียของโรงงานดังกล่าว ทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐม และรวมตัวชุมนุมบริเวณหน้าบริษัท ฟู้ดสตาร์ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้บริษัทเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการปล่อยน้ำเสียและน้ำเค็ม อีกทั้งมีการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้มีมาตรฐาน พร้อมมีคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพน้ำในระยะยาว ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระบบบำบัดน้ำเสีย และการปล่อยน้ำลงในแหล่งน้ำสาธารณะ มีคุณภาพน้ำดีขึ้น ตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

          นายศักดา พันธ์กล้า ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานทั้งสองแห่ง มีการบำบัดน้ำเสียเป็นไปตามระบบและขั้นตอนที่ได้ขออนุญาตไว้อย่างถูกต้อง มีผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม โดยก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบโรงงาน ซึ่งไม่มีการลักลอบปล่อยน้ำเสียออกช่องทางอื่น นอกจากนี้ได้ให้เจ้าตรวจสอบในภาพรวมทั้งโรงงาน ตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสีย เก็บตัวอย่างน้ำในบ่อบำบัด และน้ำที่ปล่อยออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อนำไปวิเคราะห์ให้ได้ผลตามข้อเท็จจริง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5 7 วัน หากน้ำเสียเกิดจากการกระทำของโรงงาน จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย และหากไม่ใช่การกระทำจากโรงงาน จะต้องตรวจสอบว่ามาจากสาเหตุใด และชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจ บางประเด็นมีการโต้แย้งว่าเกิดจากน้ำทะเลหนุนจากปัญหาภัยแล้ง จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างโปร่งใส และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย










ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้า การดำเนินงานโครงการกำจัดขยะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

          วันนี้ (24 ..58) ณ ห้องประชุม 1 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 3/2558 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการกำจัดขยะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา    โดยในวาระแรก นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวขอบคุณ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พี่น้องประชาชนในพื้นที่ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมแรงร่วมใจดำเนินโครงการดังกล่าว   มาอย่างต่อเนื่องทำให้โครงการฯ มีความคืบหน้าตามลำดับและเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
          จากนั้น ที่ประชุมได้รายงานสถานะความคืบหน้าการดำเนินโครงการ โดยในส่วนของงานก่อสร้างสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและงานขนย้ายขยะจากตำบลบ้านป้อมไปยังสถานที่ฝั่งกลบตำบลมหาพราหมณ์ จำนวน 2 แสนตัน ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วและผู้รับเหมาได้ส่งมอบงานตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา
          ในส่วนของการก่อสร้างระบบกำจัดขยะด้วยเทคโนโลยีผลิตขยะเชื้อเพลิง (RDF) และการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากการกำจัดขยะด้วยเทคโนโลยีการเผา ขณะนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่ระหว่างเสนอโครงการ        ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาและในขณะเดียวกันก็ได้ดำเนินการ  ทำประชาพิจารณ์และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ตามขั้นตอนซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วยดี
          นอกจากนี้ ในส่วนของการดำเนินงานในพื้นที่ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งด้านสาธารณูปโภค โดยได้มีการขยายประปาเข้าไปในบริเวณพื้นที่โครงการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มีการเตรียมพร้อมในด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอย ตามแนวทางการทำงานร่วมกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Partnership) ซึ่งขณะนี้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จำนวน 70 แห่ง แสดงความประสงค์จะขอเข้าร่วม   ในการนำขยะมูลฝอยไปกำจัด ณ สถานที่ดังกล่าว โดยมีปริมาณขยะรวมกันประมาณ 593 ตันต่อวัน
          ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญและติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้โครงการแก้ไขปัญหาขยะนำร่องแห่งนี้ มีระบบการจัดการที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย สามารถเป็นตัวอย่างในการแก้ไขปัญหาขยะให้ประชาชนทั้งประเทศและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกประการ




กระทรวงมหาดไทย ติวเข้มบุคลากรศูนย์ดำรงธรรม เน้นจิตสำนึกบริการ เร่งเพิ่มทักษะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน

           วันนี้ (25 ก.ย. 58) ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันภารกิจของศูนย์ดำรงธรรมมีความหลากหลายและซับซ้อนทั้งงานด้านบริการและเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ รวมทั้งการปฏิบัติภารกิจตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาทิเช่น การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs, BOI, SEZ (เขตเศรษฐกิจพิเศษ) การแก้ไขปัญหาที่ดินที่ทำกิน /ปัญหาหนี้นอกระบบ /หนี้สินเกษตรกร /การช่วยเหลือด้านการเกษตร /การช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การสังคมสงเคราะห์ /ปัญหายาเสพติด และการให้บริการศูนย์บริการร่วมรองรับ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกฯ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีการพัฒนาการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม
                ในทุกๆ ด้านมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานในระดับพื้นที่ให้สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเสมอภาค มีคุณภาพ รวดเร็ว ลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานและอำนวยความสะดวก สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนให้ได้รับความพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
 ภายใต้แนวคิด มหาดไทยร้อยใจ คนไทยยิ้มได้ และเพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งเน้นการสร้างความเป็นธรรม และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้เป็นผลสำเร็จ และพร้อมให้บริการที่ดีแก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ กระทรวงมหาดไทยจึงได้ดำเนินการโครงการฝึกอบรมเพิ่มทักษะเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลร้องทุกข์ผ่านระบบสารสนเทศ และ Call Center สายด่วน 1567 ในการให้บริการประชาชนของศูนย์ดำรงธรรมขึ้น เพื่อเพิ่มทักษะและประสิทธิภาพการให้บริการให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว จำนวน 5 รุ่น โดยแบ่งตามรายภาค มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 2,124 คน และการฝึกอบรมในครั้งนี้เป็นการขยายผลการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว เพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันในทุกระดับ โดยกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทั้งในระดับกรม/รัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร และผู้ปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 238 คน ดำเนินการระหว่างวันที่ 24 - 28 กันยายน 2558 ณ โรงแรมทวินทาวเวอร์ ถนนรองเมือง กรุงเทพมหานคร และ โรงแรมริเวอร์แคว อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
           ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินโครงการฝึกอบรมครั้งนี้ เป็นการเพิ่มพูนองค์ความรู้และทักษะให้กับผู้ปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมสอดคล้องกับสถานการณ์และภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งมีทั้งการบรรยายพิเศษ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงาน ป.ป.ช. ตลอดจนมีการศึกษาดูงานในระดับพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในงานบริการประชาชนอย่างแท้จริง รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในการฝึกอบรมยังได้มุ่งเน้นการเสริมสร้างเครือข่าย และปลูกจิตสำนึกความรับผิดชอบในการให้บริการ มีทัศนคติที่ดีต่องานบริการของศูนย์ดำรงธรรมและประชาชนผู้รับบริการ เพื่อให้การบริการและการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนบรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป  


ปส.แถลงจับยาเสพติด 3 คดีรวด มียาไอซ์ 23 กก. ยาบ้า 20,000 เม็ด กัญชา 191 กก.

วันนี้ 24 ก.ย. 58 เวลา 10.30 น. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นำโดย พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ไชยยา รุจจนเวท ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส. พ.ต.อ.วรวิทย์ ไวถนอมสัตว์ รอง ผบก.ปส.1 พร้อมเจ้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ร่วมกันแถลงผลงานการจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบค้ายาเสพติดรายสำคัญ คือ จับกุม นายจำนงค์ ไชยวงค์ อายุ 24 ปี , นายจายแสง ลุงออ อายุ 40ปี  , นายสมศักดิ์ แก้วทอง อายุ 25ปี ชาวเผ่าม้ง, นายเสี่ยวเซี้ยง แซ่โจว อายุ 36ปี ชาวเผ่าม้ง พร้อมยาไอซ์ 20 กิโลกรัม พร้อมรถยนต์กระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน ถูกจับกุมที่สถานีพักรถโดยสาร สายฝาง-เชียงใหม่ ต่อเนื่องร้านสะดวกซื้อ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.58 เวลาประมาณ 09.00-11.00 น.หลังสืบทราบว่ายาเสพติดดังกล่าวหลุดลอดเข้ามาจากชายแดนภาคเหนือ จึงทำการล่อซื้อเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ โดยนัดส่งมอบยาเสพติดที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในอำเภอเชียงดาว ก่อนแสดงตัวจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด จากการตรวจสอบพบยาไอซ์บรรจุในถุงชาเขียว คาดเป็นของเครือข่ายยาเสพติดฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งลักลอบลำเลียงเข้ามาพักไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการขยายผลถึงเครือข่าย ผลงาน บก.ปส.3

คดีที่ 2 ชุดสืบสวน บก.ปส.3 ได้จับกุมนายวิชัย แก้วนวน อายุ 46 ปี นายชัยวัฒน์ เรืองสิทธิ์ อายุ 45 ปี นายศศพิชญ์ สุขเกษม อายุ 22 ปี นายเด่นศักดิ์ สุขเกษม อายุ 31 ปี นายเทวาฤทธิ์ ปินตา อายุ 18 ปี นายอัครินทร์ ชินโคตร อายุ 40 ปี รวม 6 คน พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 3 กิโลกรัม พร้อมยาบ้า 20,000 เม็ด โดยจับกุมได้ภายในร้านอาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งต่อเนื่องลานจอดรถ ย่านถนนบางนา-ตราด จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมดที่ห้างแห่งหนึ่งย่านถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 ก.ย.58 เวลาประมาณ 12.00 น. หลังสืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์จำหน่ายยาบ้าและไอซ์ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล และอยู่ระหว่างเร่งขยายผล ต่อไป

คดีที่สาม  ผลงาน บก.ปส.2 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันจับกุม นายอำนวย สวัสดิพงษ์ อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี และนายบุญมี กิตติยะวงค์ อายุ 46ปี ชาวลาว จับกุมได้ที่ ริมถนนสาย 24 โชคชัย-อุดมเดช บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านสระเพลง อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งน้ำหนัก 191 กิโลกรัม หลังสืบทราบว่าจะมีผู้คายาเสพติดชาวลาวลักลอบลำเลียงกัญชาเข้ามาในประเทศไทย และทราบว่าจะมีการส่งมอบกัญชาที่ริมถนนในอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา จึงติดตามสกัดจับกุม เตรียมเร่งขยายผลเครือข่าย ต่อไป

พล.ต.ต.ศุภกิจ รอง ผบช.ปส. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติด โดยเฉพาะยาไอซ์ที่พบมีการบรรจุอยู่ในถุงชาเขียว ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ โดยกำลังสืบสวนว่าเป็นการผลิตในหรือนอกประเทศ.








วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ชัยพจน์ ปธ.สภาเปิดประชุมวิสามัญสมัยที่ 3 รวม 22 วาระ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 ก.ย. 58 ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครสมุทรสาคร นายชัยพจน์ สุนทรโรหิต ประธานสภา จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ สมัยที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2558 มีนายวิเชียร นาวาโยธิน เลขาสภา แจ้งระเบียบวาระการประชุม โดย นายสุภาพ แซ่เฮ้ง นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร พร้อมด้วย รองนายก ที่ปรึกษา สมาชิกฯและข้าราชการเข้าร่วมประชุมเริ่มจากประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ญัตติขอรับความเห็นชอบ เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารในเขตเทศบาล การทำแผนพัฒนาสามปี หมวดคุรุภัณฑ์ การอนุมัติให้บุคคลเช่าระบบผลิตน้ำประปาแบบผิวดิน การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ การขยายเวลา การอนุมัติโอนเงินและตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่ปี 2558ไปเบิกจ่ายในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 ต่อไป









วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย บรรยายพิเศษ “ประสบการณ์นักบริหาร” มอบแนวทางการบริหารงาน ให้แก่ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยและผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดใหม่

          วันนี้ (22ก.ย.58) เวลา 16.15 น. ณ โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ถนนวิทยุ กรุงเทพมหานครนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ เพื่อมอบแนวทางการบริหารงานแก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยตาม โครงการอบรมหลักสูตรการพัฒนาสมรรถนะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศปีงบประมาณ 2558” ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจัดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อม     ให้แก่ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยในการบริหารราชการแบบบูรณาการ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการกระทรวง รองอธิบดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ตรวจราชการกระทรวงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558และที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทย รวมจำนวน 33 ท่าน
          โอกาสนี้ นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ ประสบการณ์   นักบริหารโดยกล่าวว่า จุดแตกหักของการพัฒนาอยู่ที่จังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง     ในการขับเคลื่อนงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนา การดำเนินงานทุกๆ ด้านจึงต้องมุ่งเน้นประสิทธิภาพของการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานสำคัญ 3 ประการ คือ 1.ความไม่รู้          2. ความยากจน และ 3.ความเจ็บป่วย ผู้นำจึงต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์และตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม โดย ต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่และผลงาน ห้ามทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์เด็ดขาดรวมทั้งต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนอย่างแท้จริงนั่นก็คือ การประพฤติปฏิบัติตัวของผู้นำแต่ละคนต้องเป็นที่ยอมรับและศรัทธาตามหลักการ ครองตน ครองคน ครองงานและสิ่งสำคัญยิ่ง คือ การน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   มาเป็นหลักในการปฏิบัติราชการให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน และมีความสำนึกในบุญคุณและทดแทน             คุณของแผ่นดิน นอกจากนี้ ขอให้ผู้บริหารยุคใหม่นำเทคนิคการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์สมัยใหม่มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคม สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน เพื่อประโยชน์      ต่อประชาชนที่จะได้รับบริการที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว โดยยึดหลักการบริหารงานแบบบูรณาการเพื่อการเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบเข้ามาสู่ความเป็นหนึ่งเดียว และสิ่งสำคัญคือการสร้างความมุ่งมั่นร่วมกันซึ่งต้องดำเนินการโดยการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
          สุดท้ายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ฝากถึงการปฏิบัติหน้าที่ราชการทั้งด้านการบริหารงานและ          การปกครอง โดยขอให้นำแนวทางและความรู้ที่ได้รับจากการถ่ายทอดทั้งทางวิชาการและการปฏิบัติงานไปประยุกต์    ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิสังคมอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยขอให้ทุกคนเสียสละทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติและเป็นข้าราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ดีที่สุด





นพ.สสจ.จังหวัดร้อยเอ็ด ชี้แจง สตรีตั้งครรภ์เป็นไข้หวัดใหญ่รุนแรงจนเสียชีวิตทั้งแม่และลูก

วันที่ 22 กันยายน 2558 เวลา 09:30 น. นายปิติ ทั้งไพศาล นพ.สสจ.จังหวัดร้อยเอ็ด  ได้จัดแถลงข่าวชี้แจง กับสื่อมวลชนจังหวัดร้อยเอ็ดและหน่วยงานสาธารณสุข 20 อำเภอ ใน สตรีตั้งครรภ์เป็นไข้หวัดใหญ่รุนแรงจนเสียชีวิตทั้งแม่และลูก ว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมี หญิงตั้งครรภ์ อายุ ๑๗ ปี ท้องแรก อาชีพแม่บ้าน อาศัยอยู่ที่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด  สิทธิการรักษา บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า การศึกษา ม. 3 ตรวจพบว่าท้องแฝดโดยการอัลตราซาวด์ เมื่อตั้งท้องได้ 4เดือน วันที่ 9 กันยายน 2558 เวลา 00.33 น. มาโรงพยาบาลด้วยอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอมา 1 วัน ซึ่งตั้งท้องได้ 8 เดือน ปฏิเสธโรคประจำตัว ตรวจพบมีไข้สูง หมอบอกว่าเป็นโรคหลอดลมอักเสบและให้ยากลับไปกินต่อที่บ้านและให้มาฝากท้องตามนัดในตอนเช้า ซึ่งในตอนเช้าตรวจซ้ำไม่มีไข้ จึงให้ยาบำรุงครรภ์กลับบ้านไป ต่อมาเวลา 20.30 น. มีไข้ ไอ เจ็บคอและเจ็บครรภ์ จึงกลับมาโรงพยาบาล พบมีไข้สูง ความดันเริ่มสูง 144/81 มม.ปรอท จึงให้นอนรักษาในโรงพยาบาลในห้องรอคลอด เวลา 21.00 น. ตรวจภายในปากมดลูกเปิด 3 ซม. เนื่องจากท้องแฝด และยังไม่ครบกำหนดคลอด หมอได้คุยกับญาติจะส่งต่อโรงพยาบาลร้อยเอ็ดซึ่งมีความพร้อมทั้งคนและเครื่องมือ ในตอนนั้นตรวจคลื่นหัวใจทารกในท้องพบเต้นเร็ว 170-180 ต่อนาที จึงให้น้ำเกลือและใส่หน้ากากออกซิเจนช่วย และโทรปรึกษาโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือด เวลา21.30 น. ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว เหนื่อยหอบมาก นอนราบไม่ได้ จึงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมาใส่ท่อหายใจที่ห้องฉุกเฉินและต่อเครื่องช่วยหายใจ พบความดันสูงมาก 200/120 มม.ปรอท จึงได้ให้ยาลดความดัน และสังเกตอาการจนคงที่แน่ใจว่าสามารถส่งต่อได้ เวลา 22.40 น. ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ถึงเวลา 23.45 น. ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น จึงได้ทำการกู้ชีพ พบหัวใจกลับมาเต้นปกติ จึงย้ายเข้าหอผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรม ภาพรังสีปอดพบปอดขวาเกือบทั้งหมดอักเสบและหัวใจโต ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นอีกครั้งเวลา 01.37 น. ทำการกู้ชีพประมาณ 30 นาที ไม่ตอบสนอง ปรึกษาญาติ ญาติไม่ประสงค์ให้กู้ชีพต่อผู้ป่วยเสียชีวิตเวลา 02.02 น. หลังเสียชีวิต ญาติขอให้ผ่าเด็กออก พบเป็นแฝดสาม
*ผลการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เนื้อเยื่อปอดและเนื้อเยื่อหัวใจ พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ ไทพ์ เอช 3 ( Influenza A virus typing H3 )
**ข้อประเด็นข้อสงสัยของญาติ
ถาม วันแรกที่มาทำไมไม่ได้นอนโรงพยาบาล
ตอบ เพราะตรวจและประเมินอาการ ผู้ป่วยไม่มีข้อบงชี้ในการนอนโรงพยาบาล และญาติไม่แสดงความจำนง
ถาม ตอนเช้านัดมาฝากท้องตามนัด ใช้เวลานานขณะรอมีอาการหนาวสั่น แต่หมอบอกว่าไม่มีไข้
ตอบ นานเนื่องจากรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ร่วมกับตรวจร่างกายไม่มีไข้
ถาม หมอบอกจะส่งต่อโรงพยาบาลร้อยเอ็ดตั้งแต่เวลา 21.00 น. รถพร้อม ญาติพร้อม แต่กว่าจะได้ไปก็เวลา 22.40 น. ทำอะไรอยู่?
ตอบ เพราะคนไข้มีอาการแย่ลงหายใจหอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ จำเป็นต้องให้การช่วยเหลือโดยใส่ท่อช่วยหายใจและรอสังเกตอาการจนกระทั่งมันใจว่าสามารถส่งต่อได้
ถาม ทำไมโรงพยาบาลโพนทองไม่ทำการเอ็กซเรย์ปอดจะได้รู้ว่าป่วยเป็นอะไร
ตอบ เพราะขณะนั้นผู้ป่วยมีอาการหนักเสี่ยงต่อการเสียชีวิต จึงต้องเร่งให้การช่วยเหลืออย่างฉุกเฉิน การเอ็กซเรย์ปอดจึงไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนในการรักษา และสามารถรอมาทำที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดได้
ถาม ญาติบอกว่า ไอ่คนที่ 3 แลนมาจุกยุคอหอย” (เนื่องจากฝากครรภ์ตรวจพบแฝด 2หลังผ่าพบเป็นแฝด 3 จึงมีความคิดว่าทำให้แม่หายใจไม่ได้)
ตอบ ที่แม่หายใจไม่ได้เป็นเพราะน้ำท่วมปอดจากภาวะปอดอักเสบติดเชื้อรุนแรง
ถาม ญาติบอกว่า ตอนมายังยางเองได่ บ่กี่ชั่วโมงคือตาย
ตอบ ไข้หวัดใหญ่ในสตรีตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะภาวะปอดอักเสบและอาจเสียชีวิตได้
ถาม มีแนวทางป้องกันอย่างไร? ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียอีก
ตอบ มีนโยบายการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้แก่กลุ่มสตรีตั้งครรภ์อยู่แล้ว แต่มีปัญหาความครอบคลุมและจำนวนวัคซีนไม่เพียงพอ ทั้งจังหวัดได้รับวัคซีนจำนวน 51,280 โด๊ส สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสตรีตั้งครรภ์
ถาม -การเยียวยาจะช่วยเหลือญาติและครอบครัวอย่างไร?
ตอบ- บันทึกยื่นขอความช่วยเหลือตามช่องทาง มาตรา 41 แล้วคณะกรรมการจะพิจารณาอีกที
***ความรู้เกี่ยวกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus)ไวรัสไข้หวัดใหญ่มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A, B และ C โดยสายพันธุ์ที่มีการระบาดมากที่สุด คือ สายพันธุ์ A ซึ่งจำแนกต่อโดยไกลโคโปรตีน คือ Haemagglutinin มี 18 ชนิด (H1 – H18) และ Neuraminidase   มี 11 ชนิด (N1-N11) ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในปี พ.ศ. 2552 คือ ไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคหนึ่งที่พบว่า หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะภาวะปอดอักเสบและอาจเสียชีวิตได้ ทั้งนี้หญิงตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ และมีความต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น โดยพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่มีโอกาสต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์และไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ถึง 4 เท่าโรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยจะพบมากตอนช่วงฤดูฝน และพบต่อเนื่องในช่วงฤดูหนาว เชื้อไข้หวัดใหญ่มักมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่ระบาดเกือบทุกปี คนที่เคยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้ เนื่องจากอาจป่วยจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนสายพันธุ์ไป และภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะอยู่ได้ไม่นาน วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะมีส่วนประกอบของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ โดยเป็น Type A จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ H1N1 และ H3N2 และ Type B 1 สายพันธุ์ วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของสายพันธุ์ไวรัสที่จะบรรจุในวัคซีนทุกปี ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

ในปัจจุบัน 
****แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยสามารถฉีดได้ในทุกช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งนอกจากจะป้องกันไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์แล้ว ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะผ่านรกจากมารดาสู่ลูกในครรภ์ด้วย ทำให้เมื่อคลอด ลูกจะมีภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่แรกเกิดโดยไม่ต้องฉีดวัคซีน ไม่ต้องรอให้ครบตามเกณฑ์ปกติคือ 6 เดือนถึงจะให้วัคซีน การได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์จึงเป็นการได้ประโยชน์สองต่อ คือหญิงตั้งครรภ์ได้รับประโยชน์โดยตรง ส่วนลูกได้รับประโยชน์โดยทางอ้อม

รายงานข่าวโดย เดช นาคราช/ร้อยเอ็ด