เมื่อ 28 ก.ย. 59
นายกฤษฎา บุญราช
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ
และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด
เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ทั้งนี้
สืบเนื่องจากที่มีจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมได้หารือมายังกระทรวงมหาดไทย กรณี
การปิด – เปิดประตูระบายน้ำ
หรือการใช้เครื่องผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมว่า จะสามารถผลักดันน้ำเข้าพื้นที่สาธารณะ
หรือพื้นที่ที่มีการทำการเกษตรบางส่วนได้หรือไม่
เพื่อเป็นการรักษาพื้นที่เศรษฐกิจส่วนใหญ่
หรือพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติในกรณีดังกล่าว
กระทรวงมหาดไทยจึงแจ้งให้จังหวัดดำเนินการ ดังนี้
1. การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่
ให้จังหวัดประสานงานกับหน่วยงานชลประทานในพื้นที่
และหน่วยงานที่เป็นตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัด (Single
Command) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ
เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีองค์ความรู้เรื่องน้ำมากกว่าหน่วยงานอื่นๆ
2. ให้นายอำเภอแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน
ผู้ใหญ่บ้านและส่วนราชการต่างๆในพื้นที่
เป็นผู้สำรวจและให้ข้อมูลกับหน่วยงานตามข้อ 1. เพื่อประกอบการพิจารณาว่า
จะใช้พื้นที่ใดเป็นที่รับน้ำ หรือระบายน้ำไปกักเก็บไว้และพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะปลูกทำการเกษตรหรือไม่
หรือมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนเท่าใดที่จะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำดังกล่าวมากน้อยเพียงใด
3. การทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง
เมื่อมีการตกลงแล้วว่าจะผันน้ำหรือผลักดันน้ำเข้าพื้นที่ใด ขอให้จังหวัดจัดตั้งทีมบูรณาการประกอบด้วยส่วนราชการต่างๆ
โดยมี ฝ่ายปกครอง หรือ ปภ. เป็นฝ่ายเลขานุการ
ร่วมกันออกไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ชัดเจนว่า
ประชาชนที่เสียสละยินยอมให้พื้นที่ทำเป็นแหล่งกักเก็บน้ำหรือระบายน้ำนั้น
จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากทางราชการอย่างไร
4. หลักเกณฑ์การช่วยเหลือเกษตรกรต้องเป็นไปตามระเบียบและวิธีการเยียวยา
โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มอบหมายให้หน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัด
เป็นหน่วยงานหลักในการเสนอข้อมูลไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณากำหนดเป็นนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ
5. การทำความเข้าใจนโยบายและโครงการสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร เช่น
นโยบายสนับสนุนให้เกษตรกรมาร่วมกันทำโครงการเกษตรแปลงใหญ่
โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่เกษตรเชิงรุก (Zoning by
Agri-Map) ซึ่งมีหลักการให้เกษตรกรเปลี่ยนการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม
ไปทำการกสิกรรมอย่าง อื่นๆ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ
มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ดังนั้น
จึงขอให้จังหวัดประสานงานกับหน่วยงานที่เป็นตัวแทน กระทรวงเกษตรฯ ประจำจังหวัด(Single
Command) ลงพื้นที่ประชุมชี้แจงประชาชนที่มีอาชีพทำการเกษตรให้เข้าใจ
และอาจใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ยินยอมให้ใช้พื้นที่ทำกินของตนเองเป็นพื้นที่ระบายน้ำหรือกักเก็บน้ำด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด
และนายอำเภอในฐานะหัวหน้าส่วนราชการภูมิภาคให้ความสำคัญ
ต่อการประสานงานกับส่วนราชการต่างๆที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดโดยใกล้ชิด
เพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม
หากประสบปัญหาจนไม่อาจแก้ไขได้ หรือ จะเป็นผลเสียต่อการ