pearleus

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

รัฐเตรียมปล่อยน้ำลง 12 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง 10 จว. ดีเดย์ 1 พ.ค. นี้


รัฐเตรียมปล่อยน้ำลง 12 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง 10 จว. ดีเดย์ 1 พ.ค. นี้ สานต่อแนวทางเลื่อนเพาะปลูกเร็วขึ้น ลดความเสียหายผลผลิต พร้อมใช้พื้นที่ช่วยชะลอน้ำท่วม ชี้เกษตรกรพึงพอใจ

ในวันที่ 1 พ.ค. นี้ รัฐบาลจะเริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่ 12 ทุ่งลุ่มต่ำ ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ครอบคลุม 10 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ได้แก่ จ.นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี รวมพื้นที่ 1.15 ล้านไร่ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้เตรียมการเพาะปลูกข้าวเร็วขึ้น 1 เดือน ซึ่งประสบผลสำเร็จมากในปีที่แล้ว

"รัฐบาลออกมาตรการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมทุกปี โดยเลื่อนปฎิทินการเพาะปลูก และใช้พื้นที่ 12 ทุ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติชั่วคราวสำหรับพักชะลอน้ำรองรับน้ำหลากหลังเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จช่วงเดือน ก.ย. โดยปีที่ผ่านมาเกษตรกรในพื้นที่ได้รับประโยชน์และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้ง ๆ ที่มีปริมาณฝนตกสะสมใกล้เคียงกับปี 2554 แต่ไม่เกิดความเสียหายเท่ากับปี 2554"

สำหรับมาตรการครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยสามารถรองรับน้ำไว้ได้มากถึง 1.5 พันล้านลบ.ม. ซึ่งเท่ากับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 2 เขื่อน ช่วยลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขตเศรษฐกิจตอนล่าง กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยดำเนินการควบคู่กับการปรับปรุงเสริมคันกั้นน้ำให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจร

นอกจากนี้ พื้นที่แก้มลิงก่อให้เกิดอาชีพประมง เป็นแหล่งอาหารโปรตีนให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เสริม รวมทั้งทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยตัดวงจรการแพร่ระบาดโรคพืชและแมลงต่าง ๆ ได้ดี โดยพบว่าชาวนาที่ปลูกข้าวนาปรังได้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์สูง

ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร โดยรับทราบปัญหาผลผลิตทางการเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นประจำ จึงได้สั่งการให้แก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยได้ออกมาตรการเลื่อนเวลาการปลูกข้าวจากเดือน มิ.ย. เป็นเดือน พ.ค ซึ่งช่วยลดความเสียหายได้มาก พร้อมทั้งกำชับให้ขยายผลไปยังพื้นที่ลุ่มน้ำอื่นทั้งในภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วย

"นายกฯ เน้นย้ำอยากให้พี่น้องเกษตรกรมีความสามัคคีและร่วมมือกัน เพาะปลูกหรือทำการเกษตรอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อถึงเวลาเปิดปิดน้ำ ซึ่งนอกจากจะเกิดผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรโดยตรงแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางอีกด้วย"





นอภ.กระทุ่มแบน ประชุมกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น


นอภ.กระทุ่มแบน ประชุมการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น
วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561 เวลา 11.30-16.00 น. นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอกระทุ่มแบน ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น โดยมีนพ.โชคชัย ลีโทชวลิต ผอ.รพ.กระทุ่มแบน นายสันติ เหล่านิพนธ์ สาธารณสุขอำเภอ นายอุทัย หมั่นเทียนติพันธ์ รอง ผอ.สปสช.เขต 5 ราชบุรี และทีมวิทยากรของ สปสช.เขต5 ร่วมบรรยายแนวทางการบริหารกองทุน อปท. และกองทุน LTC
มี จ.อ.อนันต์ พันธ์บ้านแหลม ปลัด อบต.บางขุนไทร บรรยายเกี่ยวกับประสบการณ์ในการบริหารกองทุน อปท. และระเบียบของท้องถิ่น ในการร่วมกันขับเคลื่อนกองทุน อปท. โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายก อปท. ปลัด อปท. ผอ.กองสาธารณสุข ทีมเวชกรรมสังคม รพ.กระทุ่มแบน ผอ.รพ.สต.ในเขตอำเภอกระทุ่มแบน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้เพื่อร่วมกันพลักดันในการขับเคลื่อนกองทุน อปท. และ LTC ณ ห้องประชุม พลอากาศเอกสมบุญ-คุณหญิงนงเยาว์ ระหงษ์ รพ.กระทุ่มแบน





อธิบดีฯสค.ฝากป้องแรงงานสตรีตามพรบ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 30 เมย.61 เวลา 11.30 น. ณ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ฝากถึงแรงงานทุกคน โดยเฉพาะแรงงานสตรี หรือสตรีทำงาน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี ว่าแรงงานสตรีต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เพราะแรงงานสตรีไม่ใช่มีเพียงแค่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานเท่านั้น แต่ยังมี พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิด้วยอีกหนึ่งฉบับ
          นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ สตรีได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกบริบทของสังคม โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจ ซึ่งจะเห็นได้ว่า แรงงานสตรีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเกือบจะทุกสาขาอาชีพ แต่ด้วยความแตกต่างกันทางสรีระระหว่างแรงงานเพศชายกับแรงงานเพศหญิง เกี่ยวกับความแข็งแรงและการมีครรภ์ของเพศหญิง รัฐบาลจึงออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานหญิงเป็นกรณีพิเศษขึ้น เพื่อมิให้ทำงานหนักเกินกำลังและมีความปลอดภัยในการทำงานอีกด้วย แต่ในความเป็นจริง จากที่เห็นข่าวสารตามช่องทางต่าง ๆ ก็ยังเห็นแรงงานสตรีได้รับความไม่เป็นธรรมด้วยเหตุแห่งเพศอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลิกจ้างเพราะตั้งครรภ์ ถูกกีดกันไม่ให้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือการถูกจำกัดสิทธิจนไม่สามารถสมัครงานได้ เนื่องจากประกาศรับสมัครงานเฉพาะเพศชาย ซึ่งเหล่านี้ถือว่าผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 หากเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย และคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) วินิจฉัยพบว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ ก็จะได้รับเงินเยียวยาจากกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศได้อีกด้วย
          นายเลิศปัญญา กล่าวต่ออีกว่า นอกจาก กฎหมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในที่ทำงาน ซึ่ง ครม. ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 หากเกิดการกระทำใด ๆ หรือพฤติกรรมที่ส่อไปในทางเพศที่เป็นการบังคับ ใช้อำนาจที่ไม่พึงปรารถนาด้วยวาจา ข้อความ ท่าทาง แสดงด้วยเสียง รูปภาพ เอกสาร ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสิ่งของลามกอนาจารเกี่ยวกับเพศ หรือกระทำอย่างอื่นในทำนองเดียวกันโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ ได้รับความอับอาย หรือรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม และให้หมายรวมถึงการติดตามรังควานหรือการกระทำการใดที่ก่อให้เกิดบรรยากาศไม่ปลอดภัยทางเพศ โดยเฉพาะจากการสร้างเงื่อนไข ซึ่งมีผลต่อ การจ้างงาน สรรหาหรือการแต่งตั้ง หรือผลกระทบอื่นใดต่อผู้เสียหายทั้งในหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษา ก็สามารถร้องเรียนไปได้ที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ภายในเวลาราชการ  หรือติดต่อศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทร 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” 

-----------------------------

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

เชิญร่วมงานวันนักเขียน 5 พค.61,


พม. บุกหนองคายรวมพลังประชารัฐ หยุดการค้าประเวณี-ค้ามนุษย์-แลกเปลี่ยนแนวคิดร่วมตม. เจาะลึกชุมชนเสี่ยง"เมียฝรั่ง"ขอนแก่น- จัดCSRมอบทุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27-28 เม.ย.61  นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) พร้อมนสื่อมวลชนจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ โดยมี พ.ต.ท. หญิง ธาราทิพย์ จำรัส รองผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และ นายอาทร จันทร์พิลา ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย เสนอแนวทางการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จังหวัดหนองคาย พร้อมนำคณะฯ เยี่ยมชมเครื่องตรวจพาสปอต ของ ตม. โดยมี ร้อยตำรวจเอก อภิชาติ คลธา รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย  เป็นวิทยากรบรรยาย 
          จากนั้นคณะฯเดินทางต่อไปยังโรงแรมอัศวรรณ  อธิบดีสค.เป็นประธานเปิดการเสวนา “การพัฒนาบทบาทผู้นำทางสังคมด้านสตรีและครอบครัว” เพื่อรวมพลัง หยุดยั้ง การค้าประเวณี และการค้ามนุษย์ด้านสตรีและเด็ก ภายใต้กิจกรรมเสวนาสัญจรพลังบวกสาม ภาครัฐ สื่อ และประชาสังคมเพื่อสตรีและครอบครัว ร่วมต่อจิ๊กซอร์ประกาศให้สังคมรับรู้ และแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ “ประชารัฐรวมพลังหยุดค้าประเวณี ค้ามนุษย์” ก่อนปล่อยขบวนรณรงค์ป้องกันการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ มุ่งหน้าไปยังลานพญานาคหน้าเทศบาลเมืองหนองคาย โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าฯหนองคาย นางบุญรดา ทัพมงคล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองคาย ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ-เอกชน- ประชาชนทั่วไป สภาเด็กและเยาวชน ในพื้นที่หนองคาย ตลอดจนสื่อมวลชน ร่วมเดินขบวนกว่า 300 คน
          นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันสตรีและเด็กตกเป็นเหยื่อของการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น สังคมจึงต้องเฝ้าระวังและคอยสอดส่องดูแล ไม่ให้เกิดปัญหาของการถูกทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองได้  ซึ่งปัจจัยเสี่ยงทำให้สตรีหรือเด็กมีโอกาสเข้าสู่กระบวนการค้าประเวณี ค้ามนุษย์ มาจากหลายสาเหตุ เช่น การขาดโอกาสทางการศึกษา ความไม่รู้เท่าทัน ถูกหลอกลวง รวมถึงมีแรงงานแฝงหรือแรงงานข้ามชาติเข้ามาทางตะเข็บชายแดนเพื่อค้าประเวณี   พม. โดย สค. ตระหนักถึงความปลอดภัยและการปกป้องสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กจึงจัดกิจกรรมเสวนาสัญจรพลังบวกสาม ภาครัฐ สื่อและประชาสังคมเพื่อสตรีและครอบครัวขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจ บทบาทหน้าที่การทำงาน และการเตรียมพร้อมของภาคส่วนต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์สำหรับการขับเคลื่อนงานด้านสตรีและครอบครัว ในการปรับองค์กรให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อสนับสนุนการก้าวไปสู่ ไทยแลนด์ ๔.๐















" พลังประชารัฐ ประกอบด้วย คนในชุมชน หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งต่อข้อมูล ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านสตรีและครอบครัวที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ ให้แก่สตรี ครอบครัวและสังคมให้สามารถปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม และเพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและแก้หาการค้าประเวณีที่อาจจะก้าวไปสู่การค้ามนุษย์ได้ ซึ่งเรามีศูนย์ช่วยเหลือคนไทยทั้งในและต่างประเทศ  โทรสายด่วน 1300  มีหน่วยเคลื่อนที่เร็วบริการในภาวะวิกฤตตลอด 24 ชั่วโมง” นายเลิศปัญญา กล่าวในตอนท้าย
พร้อมกันนี้คณะฯได้เดินทางไปยัง  โรงเรียนหินฮาวคุรุประชาสรรค์ บ้านหินฮาว ตำบลโนนฆ้อง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น นายเลิศปัญญา  เปิดการเสวนา “การพัฒนาบทบาทผู้นำทางสังคมด้านสตรีและครอบครัว” โดยมีวิทยากรร่วมเสวนาทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นางพัชรี อาระยะกุล รองอธิบดีฯสค. นายศุภชัย คำภู ประธานเครือข่ายกลุ่มอาชีพสตรีบ้านหินฮาว นายอัตรา ขุนทองจันทร์ อัยการจังหวัดผู้ช่วย สำนักงานอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงภูเก็ต นายสราวุธ ศรีพัก นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ ในฐานะเลขานุการศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนห้วยม่วง (ศพค.ห้วยม่วง) อ.ภูผาม่าน ขอนแก่น และรับเกียรติจาก รศ.ดร.ดุษฎี อายุวัฒน์  ดำเนินรายการและวิทยากรร่วมเสวนา เกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือหญิงไทยในต่างประเทศ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ /สะท้อนปัญหา ผู้ได้รับผลกระทบจากการเดินทางไปต่างประเทศ และการดูแลชุมชน เฝ้าระวัง ให้คำแนะนำ เนื่องจาก ชุมชนดังกล่าวก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่สตรีสมรสกับชาวต่างชาติค่อนข้างมาก โดยมีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมรับฟังการเสวนากว่า 300 คน
อธิบดีฯสค.ยังนำคณะฯ ร่วมกิจกรรม CSR มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และของเล่นให้แก่เด็กนักเรียน โดยมีนายอุทัย คงอุ่น ผอ.โรงเรียนหินฮาวคุรุประชาสรรค์ เป็นผู้แทนรับมอบ และยังเดินเยี่ยมชมผลสัมฤทธิ์จากการฝึกอาชีพให้แก่สตรีในชุมชนของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จ.ขอนแก่น ซึ่งสตรีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ได้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์ มาแสดงและจำหน่าย จากนั้นลงพื้นที่พบปะชุมชน เยี่ยมชมกลุ่มสตรีที่ได้รับการฝึกอาชีพ ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรปลอดภัย (ทำข้าวไรซ์เบอรี่ ปลูกผักปลอดสารพิษ) ที่มีความเข้มแข็งด้านการรวมกลุ่มสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และมีภาวะความเป็นผู้นำชุมชน
นายเลิศปัญญา กล่าวว่า  เลือกลงพื้นที่ชุมชนนี้เพราะเป็นชุมชนหนึ่งที่มีสตรีสมรสกับชาวต่างชาติค่อนข้างมาก ซึ่งชีวิตไม่ได้สวยหรูทุกคนเสมอไป ผู้หญิงหลายคนถูกฝ่ายชายใช้การแต่งงานบังหน้า เพื่อให้ง่ายต่อการหลอกพาหญิงไทยเข้าประเทศและบังคับค้าประเวณีในต่างแดน จึงถือเป็นโอกาสดี ที่ สค. ซึ่งรับผิดชอบดูแลในเรื่องการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิสตรีทุกกลุ่ม  ได้เข้ามาสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง  เพื่อลดความเสี่ยง 
"การอยู่ในต่างแดนหากประสบปัญหาและตกทุกข์ได้ยาก อาจหาคนให้คำปรึกษาได้ยากลำบาก ถึงแม้ว่าชีวิตคู่ทุกคนมีสิทธิเลือกและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากเป็นไปได้ ไม่อยากให้หญิงไทยไปอยู่ที่ไหนที่ห่างไกลบ้านเกิดและครอบครัวของตนเอง แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าหญิงไทยหรือคนไทยจะไปพำนักอยู่ที่ไหน รัฐบาลก็ไม่ทอดทิ้ง  เบื้องต้น สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหญิงไทยมาใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร เข้าถึงข้อมูลได้สะดวก เข้าใจถึงสถานการณ์ เป็นที่พึ่งพาเมื่อต้องการความช่วยเหลือ และให้ความรู้สึกอุ่นใจเหมือนอยู่ใกล้บ้านเอาไว้ก่อน  Download ได้ โดยพิมพ์คำว่า Yingthai ได้ทั้ง 2 ระบบ คือ ระบบ iOS ผ่าน App Store และระบบ Android ผ่าน Play Storeครับ" อธิบดีฯสค.กล่าวอย่างห่วงใย
พร้อมระบุว่า  สค. อยากจะขอความร่วมมือชุมชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายภาคประชาชนที่คอยเฝ้าระวัง ป้องกันภัย และแก้ไขปัญหาด้านครอบครัวในชุมชนด้วยกัน โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงในครอบครัว หากพบเห็น ขออย่านิ่งเฉย ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล ปัญหาก็จะลดน้อยลง และหมดไปจากสังคมได้ในที่สุด หากไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือด้วยตัวเอง เพราะเสี่ยงอันตราย แต่กลัวว่าถ้าเข้าไปช้าเกินไปก็จะไม่ทันการณ์ ก็ชวนกันเข้าไปหลาย ๆ คน เข้าไปพูดคุยหรือห้ามปรามก่อน เพราะปัญหาความรุนแรงในครอบครัวมีกฎหมายรองรับ คือพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 อยู่แล้ว
“เราต้องทำให้เห็นว่าความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องปกติ  แต่เป็นเรื่องที่สังคมต้องไม่ยอมรับ และไม่นิ่งเฉย ขอให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสังคมที่เข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามแนวพระราชดำริ ว่าด้วยการพัฒนา ครอบครัวมั่นคง ชุมชนเข้มแข็ง หากใครประสบปัญหาหรือพบเห็นใครประสบปัญหาไม่ว่าในหรือนอกประเทศ โทรสายด่วน 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายเลิศปัญญา ย้ำอีกครั้ง

เรือนจำจ.สมุทรสาคร สนันสนุนให้ผู้ต้องขังออกฝึกวิชาชีพ เนื่องในงานปั่นท่องเที่ยวไทยเก๋ไก๋สไตล์สมุทรสาคร


 
เรือนจำจ.สมุทรสาคร สนันสนุนให้ผู้ต้องขังออกฝึกวิชาชีพ เนื่องในงานปั่นท่องเที่ยวไทยเก๋ไก๋สไตล์สมุทรสาคร
วันที่ 29 เมษายน 2561 เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับการสนันสนุนให้ผู้ต้องขังออกฝึกวิชาชีพ โครงการก๋วยเตี๋ยวสตูนโบราณ เนื่องในงานปั่นท่องเที่ยวไทยเก๋ไก๋สไตล์สมุทรสาคร ครั้งที่ 6 ตอน"มหาชัย ไชโย" กิจกรรมจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร ฌ สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตสมุทรสาคร อำเภอเมือง  จังหวัดสมุทรสาคร







วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ ฉลองครบรอบ 80 ปี



สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ ฉลองครบรอบ 80 ปี ปลายเม.ย.นี้ พร้อมออกหนังสือเล่มพิเศษแจกจ่ายทั่วโลกฟื้นฟูวัฒนธรรมจีนสู่สังคมไทย

ดร.แสงชัย โสตถีวรกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายจิ้ง พิพัฒน์เวช อุปนายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการจัดงานครบรอบ 80 ปี โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 28-29 เมษายนนี้ ที่หอประชุมสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย ซอยเย็นจิตร แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและต้อนรับตัวแทนจากสมาคมแต้จิ๋วจังหวัดและตัวแทนจากแต้จิ๋วทั่วโลก พร้อมจัดทำโครงการและกิจกรรมมากมาย มีการออกหนังสือเฉพาะในโอกาสครบรอบ 80 ปี จำนวนกว่า 1,000 เล่ม แจกจ่ายทั่วโลก เพื่อสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมชาวแต้จิ๋วสู่สายตาประชาชนทั่วไป

โดยวันที่ 5 - 13 พฤษภาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. จะมีการแสดงงิ้วและอุปรากรจีนที่หาชมยาก นักแสดงทั้งคณะ 72 คน มาจากซัวเถาโดยตรง ซึ่งหาชมได้ยาก เป็นการแสดงงิ้วแต้จิ๋วแท้ๆ มาให้ชมทุกคืน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การแสดงงิ้ว ประยุกต์เป็นเรื่องที่สนุกสนาน ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรม และสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทยได้รับเกียรติจากกระทรวงวัฒนธรรม ให้ฟื้นฟูวัฒนธรรมจีนสู่สังคมไทย จัดสอนให้คนรู้จักการแสดงงิ้ว ภาษาแต้จิ๋ว วัฒนธรรมจีน ประวัติศาสตร์

ส่วนวันที่ 28 เมษายน มีการต้อนรับตัวแทนชาวจีนแต้จิ๋วทั่วโลก 166 ท่าน จากองค์กรต่างๆ ซึ่งสมาคมแต้จิ๋วฯ เชิญองค์กรละ 2 - 4 ท่าน และเชิญตัวแทนจากต่างจังหวัด 21 สาขา ร่วมกันแสดงความยินดีในคืนวันที่ 28 เมษายน อีกทั้งคณะกรรมการสมาคมแต้จิ๋วฯกว่า 200 ท่าน รวมทั้งหมดกว่า 600 ท่าน

และวันที่ 29 เมษายน เวลา 09.30 น. มีการจัดงานฉลองใหญ่ครบรอบ 80 ปี ซึ่งได้รับเกียรติจากนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเอกอัครราชทูตจีนประจําประเทศไทย มาเป็นประธานในการเปิดงานและให้โอวาท และรัฐบาลจีนได้ส่งตัวแทนเข้ามาแสดงความยินดี

ดร.แสงชัย กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้ครบรอบ 80 ปี เป็นตัวเลขที่มีความหมาย ควรมีการจัดฉลอง พร้อมทั้งแสดงถึงวัฒนธรรมของจีนและของแต้จิ๋ว ให้ทุกคนได้ทราบถึงทั่วกัน การจัดกิจกรรมนี้ เพื่อระลึกถึงบุคคลเก่าๆ ที่เป็นตัวอย่างที่ดี ให้กับคนรุ่นใหม่ๆ รับรู้ถึงวัฒนธรรมจีน และวัฒนธรรมของแต้จิ๋ว เพื่อไม่ให้เลือนหายไป และเป็นการเตือนใจถึงความดีความชอบที่บรรพบุรุษได้สร้างให้กับพวกเรา

สำหรับสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย จดทะเบียนจัดตั้งสมาคมอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2481 ในโอกาสครบรอบ 80 ปีนี้ จัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน ตอบแทนบรรพบุรุษ และช่วยเหลือสังคมมากมาย พร้อมร่วมแสดงออกถึงวัฒนธรรมชาวจีนสู่สังคมไทย และเฉลิมฉลองใหญ่ พร้อมต้อนรับตัวแทนสมาคมแต้จิ๋วจากทั่วโลกเยือนไทยช่วงวันที่ 28-29 เมษายน 2561



จนท.กระทุ่มแบน ปฏิบัติการตรวจค้นและจัดระเบียบสถานบริการ


วันศุกร์ ที่ 27 เม.ย.2561 เวลา 23.30 น. ภายใต้การอำนวยการของนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอกระทุ่มแบนในฐานะ ผอ.ศป.ปส.อ.กระทุ่มแบน และ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.กระทุ่มแบน ได้สั่งการให้นายหฤฑีฐ์ ศรีเอียด ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง นายจตุนันท์ จอมทัน ปลัดอำเภอ ฝ่ายความมั่นคง นายรัชญพันธ์ คัชมาตย์ ปลัดอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรม   ร่วมกับ สภ.กระทุ่มแบน นำโดย พ.ต.ท.กอบโชค เล็กตระกูล รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ศุกลฐวิญญ์ พรสิริวัฒก์ สว.สส. พ.ต.ต.ธนากร ภูริกวินเลิศ สวป.สภ.กระทุ่มแบน ผู้แทน ทหาร จากกรมทหารสื่อสารที่ 1 (ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน) เจ้าหน้าที่ ปปส. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอกระทุ่มแบน ออกปฏิบัติการตรวจค้นและจัดระเบียบสถานบริการ ชื่อ nos pub เนื่องจากได้รับการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งมีผลการปฏิบัติการฯ ดังนี้
     1. จากการตรวจค้นไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
     2. ตรวจปัสสาวะผู้ที่เข้ามาใช้บริการในสถานประกอบการและพนักงานของสถานประกอบการ  จำนวน 76 คน (ชาย 45 คน  หญิง 31 คน) ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด








วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561

นอภ.กระทุ่มแบนนำทีมคกก.พัฒนาคุณภาพชีวิตออกเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงและมอบเครื่องอุปโภคบริโภค


27 เม.ย.61 เวลา 11.00 น. ทีมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตอำเภอกระทุ่มแบน ภายใต้การอำนวยการของนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนกระทุ่มแบน โดยบูรณการการทำงานทุกภาคส่วน  ในการช่วยกันทำงานภายใต้แนวความคิด คนกระทุ่มแบน ไม่ทอดทิ้งกันได้ขับเคลื่อนในตำบลดอนไก่ดี นำโดยนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอกระทุ่มแบน นายวิชัย แตงเอี่ยม  นายกเทศมนตรีตำบลดอนไก่ดี กำนันทศพร ศรีวิไล กำนันตำบลดอนไก่ดี  ทีมงานกองสาธารณสุข กองช่าง ร่วมกับทีมเวชกรรมสังคม รพ.กระทุ่มแบน ทีม สาธารณสุขอำเภอ อสม.ตำบลดอนไก่ดี
ออกเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียงและมอบเครื่องอุปโภคบริโภค แพมเพอรส์ ข้าวสาร น้ำดื่ม ไข่ไก่ ให้กับครอบครัวผู้ป่วย 3 ราย และทีมงานของเทศบาลตำบลดอนไก่ดี ได้ช่วย ในการดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ในการช่วยกายภาพบำบัดด้วยการติดตั้งรอก ให้กับบ้านผู้ป่วยที่อัมพฤษ์จากเส้นโลหิตแตก เพื่อฟื้นการเคลื่อนไหวให้กลับมาได้เหมือนเดิม







นอภ.กระทุ่มแบนเปิดกิจกรรมอำเภอยิ้มเคลื่อนที่ ต.ดอนไก่ดี


วันศุกร์  ที่ 27 เมษายน  2561 เวลา 9.00 น. นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอกระทุ่มแบน เป็นประธานในการเปิดกิจกรรมอำเภอยิ้มเคลื่อนที่ โดยร่วมกับเทศบาลตำบลดอนไก่ดี   โดยมีนายวิชัย แตงเอี่ยม  นายกเทศมนตรีตำบลดอนไก่ดี คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล กำนันทศพร ศรีวิไล กำนันตำบลดอนไก่ดี  ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่  ปลัดอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการอำเภอ  ประกอบด้วย สัสดีอำเภอ ผู้แทนทหารค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน  เกษตรอำเภอ รกน.พัฒนาการอำเภอ  ผู้แทน ผอ.กศน. ผู้แทนสาธารณสุขอำเภอ ผจก.ไฟฟ้าส่วนภาคสาขากระทุ่มแบน ผอ.วิทยาลัยประมงสมุทรสาคร พ.ต.ท. อำพลโอ่เอี่ยม  สวป.สภ.กระทุ่มแบน เจ้าพนักงานที่ดิน สาขากระทุ่มแบน  ปศุสัตว์อำเภอ โดยมีกิจกรรมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วม เช่น มอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส  ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ฯ มารับเรื่องราวร้องทุกข์และรับแจ้งเบาะแสต่าง ๆ , กศน. กระทุ่มแบนให้บริการตัดผม นวดฝ่าเท้า ห้องสมุดเคลื่อนที่   ,
สภ.กระทุ่มแบนมาให้ความรู้ด้านกฎหมาย และแนะนำการใช้โปรแกรมแจ้งเหตุร้าย , รพ.สต.ดอนไก่ดี มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น  , เกษตรอำเภอ ฯ มาแจกน้ำปุ๋ยหมักชีวภาพ และสาร พด. เพื่อให้ประชาชนนำไปบำรุงต้นไม้และปรับปรุงดิน สำนักงานที่ดินสาขากระทุ่มแบน แจกเอกสารแบะการให้ความรู้กฏหมายเกี่ยวกับที่ดิน,สภาวัฒนธรรมตำบล มามอบน้ำดื่มและนำส้มตำมามอบให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม การไฟฟ้า นำรถเคลื่อนที่มารับบริการชำระค่าไฟฟ้า เทศบาล นำช่างมารับบริการตัดผมฟรี   ออมสิน เปิดคลีนิคปรึกษาเรื่องการปล่อยเงินกู้ และรับสมัครผู้ที่มีบัตรสวัสดิการที่ประสงค์พัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นต้น  ณ บริเวณสนามหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลดอนไก่ดี






พระปิดตาหลวงปู่กลิ่นวัดสะพานสูง โดยดร.สุนทร วัฒนาพร (ชี้ชัดเจาะลึก เม.ย. 61)


พระปิดตาหลวงปู่กลิ่นวัดสะพานสูง

พระปิดตาเนื้อผงคลุกรักของวัดสะพานสูงเริ่มจากองค์ปฐมคือหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จัดเป็นพระปิดตาหนึ่งในห้าของเมืองไทยเป็นที่สุดแห่งความนิยมเรียกได้ว่าของแท้ๆนั้นหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรราคาเช่าหาแพงแสนแพงราคาเรือนแสนองค์สวยๆราคาหลักล้านผู้เขียนจึงจะขอแนะนำพระปิดตาหลวงปู่กลิ่นซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่เอี่ยมราคาเช่าหาพอได้ประมาณหลักหมื่นต้นๆองค์ที่สภาพสวยๆน่าจะราคาหมื่นกลางสำหรับพุทธคุณไม่เป็นรองพระอาจารย์เอี่ยมเท่าไรบูชาแทนกันได้ครับ
สำหรับปิดตาหลวงปู่กลิ่นนั้นต้องถือว่าหายากที่สุดเพราะสร้างเพียงครั้งเดียวในงานแซยิดของหลวงปู่เท่านั้นจึงมีจำนวนไม่มากนักเนื่องจากหลวงปู่กลิ่น ไม่ค่อยนิยมจะสร้างพระเครื่องในชีวิตของท่านจัดสร้างพระเครื่องออกมามีเพียงรุ่นเดียว เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๘ หลวงปู่กลิ่น อายุครบ ๖๐ ปี ท่านจึงได้อนุญาตให้สร้างพระรุ่นแซยิดขึ้นมา ทำให้ที่วัดเกิดความตื่นเต้นยินดีกันมาก เพราะตั้งแต่หลวงปู่เอี่ยมมรณภาพที่วัดสะพานสูงก็ไม่เคยมีการสร้างพระอีกเลย หลวงปู่กลิ่นท่านแค่ลงตะกรุดยันต์เก้าเมื่อมีคนมาขอเท่านั้น
การเตรียมการจัดสร้างพระปิดตาจะมีการให้พระลูกวัดช่วยกันลบผงกันอย่างขยันขันแข็ง
เมื่อหลวงปู่กลิ่นมาตรวจดู เห็นพระที่ลบผง ใช้วิธีแบบโบราณ คือเมื่อเขียนแล้ว จะใช้ไม้เล็กๆกวาดลบผงซึ่งลงอักขระตัวหนึ่ง ได้ผงนิดเดียว หลวงปู่กลิ่นท่านจึงว่าพระลูกวัดว่าลบแบบนี้ไม่ทันกิน ได้ผงน้อยไป พระลูกวัดเลยถามท่านว่า แล้วต้องลบยังไง จึงจะได้ผงเยอะ หลวงปู่กลิ่นท่านบอกว่า เวลาลบตัวอักขระ ให้ใช้ตัวดินสอลบ คราวนี้จะได้ผงมากขึ้นอีก เมื่อพระลูกวัดได้ทำแบบที่ท่านบอก คราวนี้ได้ผงเพิ่มขึ้นอีกมาก
เมื่อตอนทำการพิมพ์พระปิดตา หลวงปู่กลิ่นท่านเดินลงมาดู เห็นว่าพิมพ์พระปิดตาใช้ผงเยอะมาก จึงให้ลูกศิษย์แกะพิมพ์พระปิดตาให้เล็กลงหน่อย จะได้ประหยัดผงพุทธคุณ พระปิดตาหลวงปู่กลิ่น จึงมีจำนวนที่น้อยมาก น่าจะมีแค่หลักร้อยต้นๆเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครมีพระปิดตาท่านให้เก็บรักษาให้ดีพระปิดตาหลวงปู่กลิ่นมีพุทธคุณสูงมากดีในเรื่องเมตตามหานิยม ด้านค้าขายก็ดีคงกระพันชาตรีก็ไม่ใช่ย่อย
สาเหตุที่หลวงปู่กลิ่น ไม่นิยมสร้างพระ อาจจะเป็นเพราะสมัยนั้น พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมยังหาง่ายอยู่แม้ตอนต้นสมัยหลวงปู่ทองสุข(พระเกจิสายวัดสะพานสูงยุคที่สามต่อจากหลวงปู่กลิ่นที่โด่งดังอีกรูปหนึ่ง) ก็ยังหาได้ไม่ยากเย็นนัก อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้ ท่านจึงไม่ค่อยนิยมสร้างพระ มีเพียงแต่รุ่นแซยิดแค่รุ่นเดียวถ้าใครหาพระหลวงปู่เอี่ยมไม่ได้ ให้บูชาพระหลวงปู่กลิ่นพุทธคุณไม่น่าหนีกัน เพราะตอนหลวงปู่กลิ่นปลุกเสก ต้องเชิญหลวงปู่เอี่ยมมาช่วยปลุกเสกอยู่แล้วครับ
พระปิดตาของหลวงปู่กลิ่น นั้นเป็นพระหายากมากประเภทหนึ่งของวงการเลยทีเดียวสำหรับองค์ที่ใช่และแท้จริง ถึงแม้ท่านจะครองวัดอยู่ถึง 52 ปี (2438 ถึง 2490) แต่พระปิดตาของท่านกลับมีให้เห็นน้อยมาก
ลักษณะกายวิภาคของพระปิดตาของหลวงปู่ทั้ง 3 รูปคือหลวงปู่เอี่ยม, หลวงปู่กลิ่น, หลวงพ่อทองสุขจะมีความแตกต่างกัน หลวงปู่กลิ่นท่านสร้างพระปิดตาไว้โดยแม่พิมพ์ที่มีเอกลักษณ์ของท่านเอง ถ้าใครหาตำราเจอให้จดจำพิมพ์หลักให้แม่นที่สุด ท่านจะปลอดภัยมั่นใจในเวลาเช่าหา
ส่วนประสมเนื้อพระของหลวงปู่กลิ่น แบ่งได้สองลักษณะใหญ่คือ โซนที่ใกล้เคียงกับเนื้อพระของหลวงปู่เอี่ยม ซึ่งคงเป็นยุคต้นๆของท่าน กับโซนเนื้อผงพุทธคุณผสมน้ำมัน(ในตำราเรียกว่าผงน้ำมันดิบ) แต่ทั้งสองโซนนั้นต่างจาก เนื้อพระของหลวงพ่อทองสุขอย่างสังเกตเห็นได้ชัดสำหรับเนื้อผงพุทธคุณนั้นนับเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่งดงามมากและไม่สามารถพบในพระเครื่องของเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆเลย
ในเรื่องความเก่าต้องหาอาศัยความชำนาญช่างสังเกตและใจเย็นค่อยๆพิจารณาอธิบายได้ลำบากแต่ถ้าพอจับรายละเอียดได้ คราวนี้ท่านจะดูพระอะไรก็สะดวกสบาย สำหรับพระเก่าๆยิ่งผ่านฉลุย แต่ต้องไม่ลืมว่า ดูพระต้องเริ่มจากดูพิมพ์ทรงก่อนถ้าผิดพิมพ์แล้วเก๊แน่นอนไม่ต้องคิดมากเลยและดูเนื้อหาตามมาติดๆและสุดท้ายซึ่งสำคัญไม่แพ้กันคือธรรมชาติของพระ ถ้าเป็นพระเก่าก็ต้องมีความเก่าให้เห็นแต่ต้องระวังอย่าดูแต่ความเก่าอย่างเดียวก็เพราะว่า พระบางประเภทเช่นพระสมเด็จฯนี่เขาเก๊เก่ากันมานานเกือบร้อยปีแล้วแล้วตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณตา ถ้าเล่นดูแต่เนื้อเก่า เนื้อจัด ไม่อ้างอิงพิมพ์ท่านมีสิทธิ์โดนพระเก๊เข้าเต็มๆนะจะบอกให้ สำหรับรูปภาพพระปิดตาจากเว็ปไซต์พระจึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ เนื้อที่คอลัมน์หมดลงแล้วพบกันใหม่ฉบับหน้า โชคดีมีชัยครับ
ดร.สุนทร วัฒนาพร/ เรียบเรียง