pearleus

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

มท2 ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี‏

มท. 2 มอบนโยบาย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารอปท.ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และร่วมกล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 33 
                เมื่อ 28 พ.ย.58 เวลา 08.30 น. ณ หอประชุมจังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ตามโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล จังหวัดอุดรธานี ประจำปี 2559 ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ชี้แจงนโยบายสำคัญของรัฐบาลตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลให้แก่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อให้การดำเนินงานในพื้นที่เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด มีธรรมาภิบาลเกิดความโปร่งใส คุ้มค่า ตรงตามความต้องการของประชาชน 
     มีผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในจังหวัดอุดรธานี นายอำเภอทุกอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 181 คนปลัดอำเภอที่รับผิดชอบโครงการฯ กำนันทุกตำบล และผู้ใหญ่บ้าน รวมกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 469 คน
   โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ที่รัฐบาลได้มอบความไว้วางใจให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ นั้น 
 ขอให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนให้โครงการดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง โดยการจัดสรรงบประมาณลงไปในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน การบริโภค การลงทุนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ขอเน้นย้ำถึงการทำงานในพื้นที่ทุกภารกิจ ทั้งท้องที่ และท้องถิ่น ต้องร่วมกันทำงานเป็นทีมอย่างสร้างสรรค์ มีความสามัคคี เอื้อเฟื้อต่อกัน และร่วมกันขับเคลื่อนงานต่างๆ ในรูปแบบ "ประชารัฐ" คือ การร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อให้การดำเนินงานทุกโครงการเกิดความยั่งยืน ซึ่งขณะนี้เม็ดเงินตามมาตรการต่างๆ กำลังจะลงไปในพื้นที่ จึงอยากเห็นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่จะเข้ามาช่วยกันพัฒนาพื้นที่ และคุณภาพชีวิตของประชาชน 
   จากนั้น เวลา 10.40 น. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 33 ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องอุดรธานีฮอลล์ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์  โดยภายในงานได้มีพิธีมอบรางวัล "สำเภาทอง" แด่ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ได้รับรางวัลประจำปี 2558 จำนวน 9 ท่าน 
    และได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง "กระทรวงมหาดไทยกับการเพิ่มศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ "  โดยกล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้ต้องอาศัยความร่วมมือ และกลไกทั้งภาครัฐและเอกชน โดยต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพในระดับพื้นที่ให้เดินหน้าไปได้และก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน 
      สำหรับกระทรวงมหาดไทยมีความพร้อม และความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านกลไก กรอ.จังหวัดและกลุ่มจังหวัด
   โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้มีการประชุมร่วมกับ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ กรอ.จังหวัด เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
    รวมทั้งได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความสำคัญกับการประชุมกรอ. อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย
  และก้าวต่อไปของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ควรจะมีการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมและการกระจายรายได้ให้เป็นธรรม 

     สำหรับการสนับสนุนการสร้างความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตามบทบาทอำนาจหน้าที่ในหลายๆด้านเช่น การเร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน โดยในปี 2559 ตั้งเป้าหมายการออกโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนจำนวน 100,000 แปลง และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 4,500 แปลง รวมทั้งได้ดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์
     การขับเคลื่อนงานผังเมืองเพื่อการพัฒนาประเทศ โดยเร่งรัดประกาศบังคับใช้ผังเมืองรวมจังหวัดให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทยในปี 2558 
      การส่งเสริมผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การเปิดตลาดนัดชุมชน และการเปิดและยกระดับจุดผ่านแดนทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน
      โดยการทำงานของกระทรวงมหาดไทยทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น มีความพร้อมและยินดีที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจเอกชนในการพัฒนา เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ จึงขอให้เราได้เดินหน้าไปด้วยกัน หาทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคร่วมกัน โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป 
   สำหรับในปีนี้มีผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับรางวัล สำเภาทอง ประกอบด้วย 1. นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย 2. นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  3. นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม   ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา 4. นายธงชัย ลืออดุลย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (เกษียณอายุแล้ว)
5. นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา 
6. ดร. สมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี  7. นายสมศักดิ์สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง 8. นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และ 9. นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน





หนุ่มใหญ่ขนส่งจังหวัด หนีปัญหารุมเร้าผูกคอตาย

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 27 ต.ค. 58 ร.ต อ.กฤตชัย อาชวสกุล ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งว่ามีผู้ผูกคอเสียชีวิตภายในห้องพักแฟลต 4 ชั้น ตั้งอยู่เลขที่ 119 หมู่ที่ 1 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ สมุทรสาคร ขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร หลังรับแจ้งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เดินทางไปทำการสอบสวนทราบว่าห้องที่เกิดเหตุอยู่ชั้นที่ 3 ห้องที่ 12 ห้องสุดท้ายทางทิศตะวันตกพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชายสภาพห้อยโตงเตงอยู่กับขื่อเหล็กตรงประตูเข้าห้อง สวมเสื้อโปโลคอปกแขนสั้น สีชมพู ตรงหน้าอกด้านซ้ายมือมีโลโก้แผ่นป้ายทะเบียน กค 9999 สมุทรสาคร นุ่งกางเกงขายาว สีดำ ที่ลำคอมีสายเข็มขัดนิรภัยรัดด้วยเงื่อนกระตุกคาดน่าจะเสียชีวิตมาแล้วกว่า 6 ชม. จากการตรวจสอบภายในห้องไม่พบร่องรอยหรือการต่อสู้จึงทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานก่อนส่งศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร นำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูจน์ จากการสอบสวนทราบชื่อผู้ตายคือ นายสมชาย กอสนาน อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่ง 5 แผนกทะเบียนรถจักรยานยนต์ โดยก่อนมาพบศพได้มี พนักงานตัวแทนร้านขายรถจักรยานยนต์ในเมืองมหาชัยชื่อ หญิง  ได้มาติดต่อขอเอกสารที่ผู้ตายจะต้องเซ็นขึ้นทะเบียนรถทุกเดือนเพื่อนำไปส่งสรุปยอดจำหน่ายให้กับทางบริษัทรถจักรยานยนต์สำหรับประเมินยอดขายแต่ไม่พบจึงถามเพื่อนร่วมงานก็บอกว่าไม่เห็นมาทำงานโทรศัพท์ไปก็ไม่มีคนรับสายจึงได้ไปตามที่ห้องพักบนแฟลตเมื่อเคาะประตูก็เงียบจึงได้มองลอดช่องบานเกร็ดหน้าห้องเข้าไปถึงกับตกใจเมื่อเห็นร่างนายสมชายฯผูกคอตายอยู่ตรงประตูจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบถามเพื่อนร่วมงานทราบว่าตอนเช้าของวันที่ 26 ต.ค. 58 ผู้ตายได้เข้าทำงานตามปกติและหลังเลิกงานก็จะขับรถยนต์กลับบ้านทุกวันมาทราบภายหลังว่าผู้ตายไม่ได้กลับบ้านเก็บตัวอยู่ในห้องพักที่ทำงานก่อนลงมาขอยืมมีดจากเพื่อนที่อยู่ชั้น 1 จนมาทราบว่าเอาไปตัดเข็มขัดนิรภัยในรถนำมาผูกคอตายนอกจากนี้เพื่อนร่วมงานยังบอกว่าผู้ตายมีโรคประจำตัวเพิ่งไปทำบอลลูนหัวใจและตรวจเลือดที่ รพ.พระมงกุฎ มา ต้องกินยาทุกวันจึงอาจวิตกกังวลจนคิดสั้น ส่วนสาเหตุอื่นทางร้อยเวรจะได้สอบสวนภรรยาของผู้ตายต่อไป.

สืบปส. 2 จับขยายสองสาวขายยาเสพติดในแมนชั่นมหาชัย

เมื่อ 26 ต.ค. 58  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ชุดที่ 2 กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร (ปส.2)  ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.จิรพัฒน์  ภูมิจิตร ผบก.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์  รอดมา รอง ผบก.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.ชมชวิณ  ปุระธนานนท์ ผกก.สสฯ พ.ต.ท.นนท์  ภักดีพันธ์ รอง ผกกฯ พ.ต.ท.รณกร  ประคองศรี รอง ผกก.สส.ฯ  สั่งการให้ พ.ต.ท.พีระ อัศวะพิบูลย์ผล สว.กก.สส ,พ.ต.ต.ไชยภูมิ ฉลองภูมิ สว.กก.สสฯ ,ร.ต.ท.ธานินทร์  นุชเจริญ  รอง สว.สสฯ  พร้อมชุด ปส.2  กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร   ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย                                                                                                         
1.) เวลาประมาณ  12.30  น. ได้ร่วมจับกุมน.ส.เพ็ญศรี  หรือบี  แซ่ตอน อายุ 29  ปี  ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์และยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย  ของกลาง  ยาไอซ์ จำนวน 4.7 กรัม และยาบ้า จำนวน 29  เม็ด  โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณภายในห้องเช่าเลขที่ 506   ชั้น 5 พูนพิมาน แมนชั่น ต.มหาชัย อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร 

 2.) หลังจากนั้นเวลาประมาณ  14.15  น.  ชุดจับกุมได้ขยายผลจากการการจับกุมผู้ต้องหารายแรก ได้ร่วมจับกุม น.ส.ธีรภัทร์  หรือยุ้ย  สอทอง  อายุ 38  ปี ในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ( ยาไอซ์และยาบ้า ) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย   ของกลาง ยาไอซ์ จำนวน 7.8  กรัม และยาบ้า  จำนวน  7 เม็ด  โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2รายได้ที่บริเวณหน้าตึกพูนพิมาน แมนชั่น  ต.มหาชัย อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร   หลังจากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน พร้อมของกลาง ส่ง พงส.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ครั้งสุดท้ายนายไม่เคยทอดทิ้ง

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 23 ต.ค. 58 ที่ศาลาคู่ภายในวัดโกรกกราก ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่กองงานพระราชพิธีสำนักพระราชวังอัญเชิญน้ำหลวงอาบศพ หีบศพพระราชทาน มาในงานพิธีโดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาเป็นประธานน้ำหลวงอาบศพ พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ "เดอะแมตทริก"รอง ผกก.บก.4 รน. หลังเสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคหัวใจเฉียบพลัน ด้วยวัยเพียง 59 ปี ยังความเศร้าโศกเสียใจของคนในครอบครัว ญาติ พี่น้องและเพื่อนร่วมงานที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพประกอบด้วย นายสุภาพ แซ่เฮ้ง นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร พ.ต.อ.บัญญัติ จาบประไพ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ต.อ.อดุลย์ ชายภักตร์ ผกก.อก.ภ.จว.สมุทรสาคร นายพนม ปิ่นสุภา อดีตสมาชิกสภาจังหวัด พ.ต.ท.สินธร ไชยรบ ร.ต.ท.ดุสิต นิ่มแย้ม นายณัฐวุฒิ เอกจิโรภาส  ผู้สื่อข่าว เดลินิวส์ นายชาญวิทย์ หาญวรวงษ์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ นายสถาพร ธรรมวิถี รองผู้อำนวยการฝ่ายข่าว น.ส.พ.ชี้ชัด ข้าราชการตำรวจ กองปราบ นครบาล 191สืบสวนภาค ๗ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร มาร่วมในพิธีจำนวนมาก สำหรับประวัติ พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ รอง ผกก.บก.4 รน. เข้ารับราชการจบจากโรงเรียนพลตำรวจภูธร ๗ รุ่นที่ 30 เคยดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.อ.เมืองสมุทรสาคร  ช่วยราชการตำรวจภูธร ภาค ๗ กองปราบปราม เข้าศึกษาผ่านการอบรมหลักสูตรนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ดำรงตำแหน่งสารวัตจราจรสถานีตำรวจภูธรชลบุรี สารวัตตำรวจนครบาล 191 สารวัตกองสวัสดิการเด็กและเยาวชน ก่อนมารับตำแหน่งครั้งสุดท้ายเป็น รอง ผกก.บก.4 รน. คุมพื้นที่สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กำหนดการสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 23-28 ตุลาคม 2558 และพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ต.ค.58  ทางคณะเจ้าภาพพร้อมครอบครัวต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านแขกผู้มีเกียรติที่เคารพนับถือที่มาร่วมงานสวดพระอภิธรรมและพระราชทานเพลิงอย่างสูงหากการต้อนรับไม่ทั่วถึงกราบขออภัยมา ณ ที่นี้.
ทีมข่าว..นกวายุภัค รายงาน











วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จังหวัดนครปฐมเตรียมจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) จังหวัดนครปฐม

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตจังหวัด ครั้งที่ 2 เพื่อติดตามผลการดำเนินการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2558 รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-9 ธันวาคม 2558 Transparent Thailand ประเทศไทยโปร่งใส ในส่วนของจังหวัดนครปฐม ได้กำหนดจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) จังหวัดนครปฐม ระหว่างวันที่ 8-9 ธันวาคม 2558 ณ ศาลากลางจังหวัดนครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ทั้งนี้ในวันที่ 8 ธันวาคม 2558 เวลา 09.30 น. มีนิทรรศการต่อต้านการทุจริต และชมการฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต บริเวณห้องโถงชั้นล่างศาลากลางจังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้า OTOP และสินค้าธงฟ้า บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครปฐม ในส่วนวันที่ 9 ธันวาคม 2558 เวลา 08.30 น. มีการประกาศเจตนารมณ์แสดงพลังต่อต้านการทุจริต ชมนิทรรศการต่อต้านการทุจริตและการฉายภาพยนตร์ บริเวณลานหน้าห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม มีพิธีมอบรางวัลการประกวดเรียงความ รับฟังประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และการเสวนาการป้องกันปราบปรามการทุจริตของจังหวัดนครปฐม โดยวิทยากรของ สำนักงาน ป.ป.ช. (ส่วนกลาง) สำนักงานป.ป.ช จังหวัด สำนักงาน ป.ป.ท. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน










วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เปิดงาน"วังน้ำเย็นเกมส์"วันที่ 21- 30 ตุลาคม 2558

"วังน้ำเย็นเกมส์"
พิธีเปิดกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 33 รอบคัดเลือกระดับภาคตะวันออก ประจำปีการศึกษา 2558 ณ สนามโรงเรียนเทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยา อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว นายวันชัย  นารีรักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองวังน้ำเย็นได้นำคณะกรรมการจัดการแข่งขันกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขันกีฬา"วังน้ำเย็นเกมส์"ต่อท่านประธานในพิธี นายภัครธรณ์  เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ท่านประธานในพิธีมอบของที่ระลึกและกล่าวให้โอวาทและกล่าวเปิดการแข่งขัน(กดปุ่มเปิดการแข่งขัน)"กีฬาวังน้ำเย็นเกมส์"ครั้งที่ 33 รอบคัดเลือก ระดับภาคตะวันออก วันที่ 21-30 ตุลาคม 2558 / จบข่าว อาเล็กซ์พัทธ ชี้ชัดเจาะลึก รายงาน 08 2255 2995

จังหวัดนครปฐมจัดพิธีวางพวงมาลา ถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันปิยมหาราช ประจำปี 2558 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย

เมื่อ 23 ตุลาคม 2558 ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เหล่ากาชาดจังหวัด พนักงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรภาคเอกชน ลูกเสือชาวบ้าน ลูกเสือ เนตรนารี นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐมทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันปิยมหาราช ประจำปี 2558 เพื่อถวายความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์  ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานวางพวงมาลา จุดเครื่องทองน้อยบูชาพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นได้คล้องมาลัยพระกร และกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช
    สำหรับในปี 2558 เป็นวาระครบรอบ 105 ปี แห่งการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงปฏิบัติภารกิจด้วยพระปรีชาสามารถต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ทั้งด้านการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน การศึกษา การสาธารณสุข ตลอดจนสาธารณูปการต่างๆ ทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าและรักษาความเป็นเอกราชมาได้จนถึงทุกวันนี้ พสกนิกรชาวไทยจึงน้อมใจถวายพระราชสมัญญาว่าพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชน ซึ่งในปี2453 ทางราชการได้กำหนดให้วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวัน “ปิยมหาราช” เพื่อร่วมกันน้อมรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้











กระทรวงมหาดไทย สั่งด่วนผู้ว่าฯ 12 จังหวัดภาคใต้ เร่งแก้ไขผลกระทบจากปัญหาหมอกควันตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี กำชับต้องดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

เมื่อ 22 ต.ค. 58 นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่าสถานการณ์ด้านหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้านได้ส่งผลกระทบในด้านต่างๆ ต่อจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 
       กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีหนังสือสั่งการด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 12 จังหวัด ในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานีพังงา กระบี่ ตรัง พัทลุงนครศรีธรรมราช ภูเก็ต สตูล สงขลาปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้เร่งดำเนินการ ดังนี้
1. แจ้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ นำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นเพื่อลดความเข้มของฝุ่นละอองในอากาศบรรเทาสถานการณ์ปัญหาจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
 2. ให้ประชุมหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการศึกษา เพื่อแจ้งให้ผู้บริหารโรงเรียน/สถานศึกษาในสังกัด
รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้พิจารณาประกาศหยุดเรียนได้หากปรากฏว่าคุณภาพอากาศในระดับที่สูงกว่า 350 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
 3. มอบหมายสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แจ้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เร่งรัดแจกจ่ายหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนเพื่อป้องกันฝุ่นควัน 
4. ขอความร่วมมือให้สถานีโทรทัศน์/วิทยุในพื้นที่ สนับสนุนการประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการป้องกัน และดูแลสุขภาพ รวมถึงการหลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน 
    และให้อำเภอ บูรณาการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยจัดชุดปฏิบัติการประจำตำบล ออกเยี่ยมเยียนประชาชนเพื่อให้รับรู้ถึงความห่วงใยของรัฐบาลที่มุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วงอย่างรวดเร็ว รวมถึงให้คำแนะนำต่างๆในการปฏิบัติตนของประชาชน
      ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ   เร่งระดมสรรพกำลังในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน โดยขอให้ทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ



คันฝายน้ำล้น

เมื่อ 21ตุลาคม 2558 เวลา10:00น. นายมีศักดิ์  ศรีคั่ง ผญบ.หนองไผ่ ม.6 ต.สิงห์โคก อ.เกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด นำราษฎรในพื้นที่ เดินทางโดยรถยนต์ปิคอัพ มาร้องเรียน ต่อ ผวจ.ร้อยเอ็ด บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด มีมวลชนประมาณ 100 คน ทั้งนี้ได้จัดตัวแทน กลุ่มเข้าร่วมประชุม เสนอปัญหากรณีจากการเสริมสร้าง คันฝายน้ำล้นบ้านจานทุ่ง ม.5 ทำให้น้ำท่วม พื้นที่การเกษตร (นาข้าว) โดยมี นายธนวัฒน์  พลอยโสภณ รอง ผวจ.ร.อ., พ.อ.กฤษดา  นิยมวิทย์ รอง ผอ.รมน.จว.ร.อ.(ท.), พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบกงภ.จว.ร.อ., นายเอนก ไชยคำภา ชลประทานร้อยเอ็ด นายพิทยา กุดหอม ปภ.จว.ร้อยเอ็ดนายไพรัช หอมกลิ่น นอภ.เกษตรวิสัย และนายสมาน  โยธาจันทร์ เข้าร่วมประชุม เพื่อยุติปัญหาจากการประชุมรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากฝายน้ำล้น เดิมคันกั้นน้ำมีความสูงที่ ๒๕ ซ.ม. ที่ผ่านมาไม่สามารถกั้นเก็บน้ำไว้ใช้ในการผลิตเพื่ออุปโภค และบริโภค ได้ในหน้าแล้ง ซึ่งบ้านจานทุ่ง ม.5 ต.สิงห์โคกฯ ต้องผันน้ำไปเก็บที่หนองสิม แต่ไม่พอเพียง  ดังนั้น จึงนำเสนอในการแก้ไขปัญหาต่อ อบต.สิงห์โคก ดังนั้นจึงได้มีการทุบแนวกั้นน้ำทิ้งและสร้างใหม่จากเดิม 25 ซ.ม. เป็น 50 ซ.ม. ทำให้น้ำหนุนขึ้นข้างบน ท่วมไร่นา ในพื้นที่ 4 ตำบล อีกทั้งมีน้ำหนุนจากลำน้ำเสียวน้อย ไหลผ่าน สภาพปัจจุบันฝายมีระดับน้ำ สูงกว่าคันกั้นน้ำ ประมาณ 50 ซ.ม. ทำให้ไม่สามารถระบายได้น้ำได้
               ที่ประชุมสามารถสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาได้ โดยในเวลา 16:00 น. (วันนี้) คณะ รอง ผวจ.ร.อ., รอง ผอ.รมน.จว.ร.อ., ชลประทานร้อยเอ็ด, ปภ.จว.ร้อยเอ็ด และนายอำเภอ จะลงพื้นที่สำรวจข้อเท็จจริง เพื่อแก้ปัญหาสรุปได้ดังนี้
1.ทางจังหวัดจัดงบประมาณด่วนขุดลอกหนองสิม เพื่อให้มีที่กักเก็บน้ำดิบทำน้ำประปา
2.ทางจังหวัดจะจัดงบประมาณทำแก้มลิงที่หนองกุ้งข้างลำน้ำเสียว ในช่วงหน้าแล้ง
3.จะทำการวางท่อทำบานปิด-เปิดน้ำให้ผ่านได้ที่ข้างฝาย
ทำให้ชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านดีใจและขอบคุณท่านรองและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ปฏิบัติหน้าที่ได้รวดเร็ว พร้อมจะคืนความสุขให้แก่ประชาชนทุกคนครับ

รายงานข่าวโดย เดช นาคราช/ร้อยเอ็ด







สืบจว.ปส.1 จับหนุ่มใหญ่ขายยาไอซ์ซื้อมาจาก รัก บ้านแพ้ว

เมื่อ 22 ต.ค. 2558 เวลาประมาณ 12.20น.ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.สสฯ พ.ต.ท.นนท์ ภักดีพันธ์ รอง ผกก.สสฯ พ.ต.ท.รณกร ประคองศรี รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.พีระ อัศวะพิบูลย์ผล สว.กก.สส.สั่งการให้ พ.ต.ต.ไชยภูมิ ฉลองภูมิ สว.กก.สสฯร.ต.อ.อภิสิทธิ์ ศักดิ์ชัยยันต์ รอง สว.กก.สสฯ ร.ต.ท.รหัท สมานจิต รองสว.กก.สสฯร.ต.ต.เลิศชาย แผนสนิท รอง สว.กก.สสฯ ร.ต.ต.สุภาพ บัวประสม รอง สว.กกสสฯ พร้อมกับชุด ปส1 ได้จับกุมผู้ต้องหา นายศุภชัย หรือหนุ่ม จารุพงศ์สิริ พร้อมของกลางยาไอซ์หนักประมาณ 7.44 กรัมโดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่1(ยาไอซ์)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย  โดยรับยาไอซ์มาจากนายรัก ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงบ้านอยู่แถว อ.บ้านแพ้ว ติดต่อไม่ได้ นำตัวพร้อมของกลางส่ง พงส. สภ.เมืองสมุทรสาครดำเนินคดีต่อไป

สายตรวจมหาชัย ตั้งด่านจับสาวประเภทสองมียาไอซ์

เมื่อ 22 ต.ค. 58 เวลา 03.00น.เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การอำนวยการของพ.ต.อ.ชัยยุทธ ถมยา ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร,พ.ต.ท.จักรพัฒน์ จันทร์เที่ยง. สวป.ฯรรท.รองผกก.ป.ฯนำโดยพ.ต.ต.สุทธิพงษ์  อ่อนละออ สวป.ฯ,พ.ต.ต.สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม สวป.ฯ,ร.ต.อ.อธิวัฒน์  ประดับวงษ์  รอง สวป.ฯพร้อมสายตรวจ จยย. ชุดที่ 1 ได้จับกุมตัว ผู้ต้องหา 1 ราย 1 คน  นายนรกมล  องค์พิสุทธิศักดิ์  อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที 84/120 ม.6 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาไอซ์)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายของกลาง  ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาไอซ์) น้ำหนักรวมถุงประมาณ 4.80 กรัมเหตุเกิดบริเวณหน้าค่ายลูกเสือ  ถ.เศรษฐกิจ ม.6 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาครนำส่งพงส.ดำเนินคดีต่อไป

ตำรวจมหาชัยจับยาเสพติด 2 ราย 400 เม็ด

เมื่อ 21 ต.ค. 2558 เจ้าพนักงานตำรวจภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ชัยยุทธ ถมยา ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร , พ.ต.ท. มาโนช จันทร์เที่ยง รอง ผกก.สส.ฯ สั่งการให้  พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก สว.สส ฯ. ,พ.ต.ต. มนูญ แก้วก่ำ สว.สสฯ., ร.ต.อ.วีรยุทธ อ่วมประเสริฐ รอง.สว.สสฯ,ร.ต.ท.สมศักดิ์ กิตติวัชรานนท์ และเจ้าหน้าที่สืบสวนเมือง ร่วมกันจับกุมตัว ผู้ต้องหา พรบ.ยาเสพติด รายคือ
1.นาย ทศพล หรือเกน แสงคำปัน  อายุ 22 ปี  โดยกล่าวหาว่า  “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายพร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 400 เม็ด  

2.น.ส. บุญสิตา หรือนุ้ย  สุขเทศ  อายุ 21 ปี  โดยกล่าวหาว่า  มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายยาไอซ์จำนวน 0.30 กรัม นำตัวพร้อมของกลางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครจัดทำบันทึกการจับกุม  นำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประชุมบูรณาการการแก้ไขปัญหาวิกฤติภัยแล้งปี 2558 - 59พร้อมเร่งรัดติดตามการจัดทำแผนชุมชนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ

       เมื่อ 19 ต.ค. 58 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 1 กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมบูรณาการการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งและพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการจัดทำแผนชุมชน เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินงานการสำรวจความต้องการและจัดทำแผนชุมชนเพื่อแก้ไขวิกฤติภัยแล้งปี 2558 -  59 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ที่มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการตามมาตรการที่ 4 ในการสำรวจความต้องการและจัดทำแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และรวบรวมส่งให้คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤติ ภัยแล้ง ปี 2558 – 59 เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาช่วยเหลือต่อไป
          เพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดและมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน กระทรวงมหาดไทยจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นๆ เข้าร่วมประชุมหารือถึงกรอบการดำเนินงานในการสำรวจความต้องการและจัดทำแผนชุมชน โดยในวันนี้ กระทรวงมหาดไทยได้นำเสนอกรอบแนวทางการจัดทำแผนชุมชน เพื่อให้ที่ประชุมได้ร่วมกันหารือถึงรายละเอียดต่างๆ ที่จะดำเนินการต่อไป โดยมีการกำหนดเป้าหมายและวิธีดำเนินงานภายใต้ โครงการพัฒนาอาชีพตามความต้องการของหมู่บ้าน/ชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งมีเป้าหมายสำคัญ 5 ประการ คือ 1. การน้อมนำหลักการทรงงาน ระเบิดจากข้างในคือ ให้ประชาชนตัดสินใจทำด้วยตนเองอย่างเหมาะสมและยั่งยืน 2. เกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล 3.สร้างโอกาสในการปรับเปลี่ยนอาชีพ 4. ลดความขัดแย้งจากการใช้น้ำของเกษตรกรในพื้นที่ และ 5. สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชน และกำหนดหลักการสำคัญว่า ประชาชนต้องสมัครใจในการเข้าร่วมโครงการ และดำเนินการตามแนวทาง ประชารัฐ โดยทีมประเทศไทยในพื้นที่มีประชาชนและราชการ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจในการดำเนินการด้วยตนเอง
          สำหรับวิธีการดำเนินงานในการจัดทำแผนชุมชน ได้กำหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นๆ ร่วมกันจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ น้ำ พื้นที่ และข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ หรือสินค้า และบริการที่เป็นความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลให้ทีมประเทศไทยประจำตำบล/หมู่บ้าน/ชุมชน ซึ่งมีผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชน ร่วมกับ ข้าราชการประจำตำบล นำไปเสนอต่อประชาชนในพื้นที่เพื่อประกอบการตัดสินใจในการจัดทำแผนชุมชน จากนั้นกระทรวงมหาดไทยจะรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจากในพื้นที่เสนอผ่านขึ้นมาตามลำดับตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
          นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงขอบเขตตัวอย่างประเภทโครงการที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนกับโครงการความช่วยเหลืออื่นๆ โดยกำหนดกรอบการเสนอโครงการประเภทการจัดการแหล่งน้ำการเกษตรกรของชุมชน การผลิตด้านการเกษตร การแปรรูปการเกษตร ด้านเศรษฐกิจพอเพียงสร้างแหล่งอาหารในชุมชน การพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ เป็นต้น รวมถึงได้หารือถึงแนวทางการวางแผนด้านการตลาดเพื่อรองรับผลผลิตด้านการเกษตรที่จะออกสู่ท้องตลาดในช่วงเวลาต่อไป เพื่อการบริหารจัดการโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างครบวงจร และสอดคล้องกับการกำหนดโซนนิ่งภาคการเกษตรที่จะมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่อีกด้วย


มท.2มอบประกาศนียบัตรฯ นปส. และ นอ.



มท.2 เป็นประธานมอบประกาศนียบัตร เข็มวิทยฐานะและโล่รางวัลแก่ผู้สำเร็จการอบรม หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) และนายอำเภอ (นอ.) ประจำปี 2558 ย้ำข้าราชการที่ดี ต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่และผลงาน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก

                เมื่อ 19 ต.ค. 58 เวลา 14.00 น. ที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาดไทย วิทยาลัยการปกครอง คลองหกจังหวัดปทุมธานี นายสุธี  มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร เข็มวิทยฐานะ และโล่รางวัลให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาประจำปีงบประมาณ 2558 จำนวน 2 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 64 และ 65 จำนวน 206 คน หลักสูตรนายอำเภอ (นอ.) รุ่นที่ 73 และ 74 จำนวน 206 คน

           ในโอกาสนี้ นายสุธี  มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษาอบรมทั้ง 2 หลักสูตร ที่สามารถผ่านบททดสอบจากหลักสูตรที่ได้มาตรฐาน และรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากทีมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีชื่อเสียงและมากด้วยประสบการณ์ โดยหลักสูตรดังกล่าวนี้กระทรวงมหาดไทยจัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะในการบริหารงานของผู้บริหาร ให้มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ รวมทั้งมีทัศนคติที่สอดคล้องกับการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และพร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยข้าราชการและบุคลากรภาครัฐถือว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และในการดำเนินงานให้มุ่งเน้นประสิทธิผลและเกิดประโยชน์สูงสุดตามความต้องการและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เป็นสำคัญ โดยให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางพร้อมทั้งน้อมนำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่าด้วย การเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดินและขับเคลื่อนการทำงานให้บรรลุตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ในการบริหารงานราชการเพื่อให้บังเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างสมบูรณ์ จำเป็นต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ควบคู่กัน และจะต้องตั้งอยู่บนระบบคุณธรรมและจริยธรรมที่ดี รวมทั้งจะต้องมีความเป็นผู้นำที่ดีอย่างแท้จริง กล่าวคือ “จะต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่และผลงาน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก” มุ่งปฏิบัติภารกิจหน้าที่ให้บรรลุเป้าหมายอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นที่เคารพรัก ศรัทธา เป็นศูนย์รวมจิตใจ และได้รับความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ที่ดี สามารถนำความรู้ต่างๆ ที่ได้จากการศึกษาอบรม ไปพัฒนาและขยายผล เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่ประชาชนและสังคมโดยส่วนรวม พร้อมเป็นแบบอย่างที่ดีและได้รับความเชื่อถือเชื่อมั่นและศรัทธาจากประชาชน

             สำหรับผู้เข้ารับมอบประกาศนียบัตรฯ ในครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 412 คน ประกอบด้วย หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 64 จำนวน 100 คน อบรมระหว่างวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ถึง 5มิถุนายน 2558 และรุ่นที่ 65 จำนวน 106 คน อบรมระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน – 25 กันยายน 2558 ดำเนินการโดยสถาบันดำรงราชานุภาพ และหลักสูตรนายอำเภอ (นอ.) รุ่นที่ 73 จำนวน 98 คน และรุ่นที่ 74 จำนวน 108 คน โดยจัดการอบรมพร้อมกันทั้ง 2 รุ่น ระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม – 2 ตุลาคม 2558 ดำเนินการโดยวิทยาลัยการปกครอง ซึ่งในการศึกษาอบรมตามหลักสูตรดังกล่าวผู้เข้ารับการศึกษาอบรม จะได้รับความรู้ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ มีการศึกษาดูงานและฝึกปฏิบัติจริง (Action Learning) ในกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งมีการประเมินผลตลอดระยะเวลาของการศึกษาอบรม




สืบปส.2 ภ.จว.สค.จับ อิ๋ว ซอยอาม้า ค้ายาบ้า

เมื่อ 20 ต.ค.58 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ชุดที่ 2 กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร (ปส.2)  ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบก.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.สสฯ พ.ต.ท.นนท์  ภักดีพันธ์ รอง ผกกฯ พ.ต.ท.รณกร ประคองศรี รอง ผกก.สส.ฯ  สั่งการให้ พ.ต.ท.พีระ อัศวะพิบูลย์ผล สว.กก.สส ,พ.ต.ต.ไชยภูมิ ฉลองภูมิ สว.กก.สสฯ,ร.ต.ท.ธานินทร์  นุชเจริญ  รอง สว.สสฯ  ,ร.ต.ต.ณรงค์  หอมเย็น,ร.ต.ต.โชติ  แสนชัย, ร.ต.ต.วินัย   พวงทองคำร.ต.ต.อรัณย์  ทาเกตุด.ต.ณัฐนนท์  เติมยศจ.ส.ต.ธนเดช   โพธิ์งาม, จ.ส.ต.นที   บุญทาน  ชุดปส.2 กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร  ได้ร่วมจับกุม น.ส.จีรวรรณ หรืออิ๋ว  เอี่ยวเจริญ อายุ 28  ปี   ในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ( ยาบ้า ) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย  ของกลาง ยาบ้า จำนวน 34 เม็ด  โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณริมถนนภายในซอยอาม้า หมู่ 4 ต.บางหญ้าแพรก   อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร  จากการสอบถามขยายผลผู้ต้องหาได้ให้การว่าตนเองได้ซื้อยาบ้า  ดังกล่าวมาจากนายเอกฯไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อาศัยอยู่ที่บริเวณ ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง หลังจากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพงส.ย่อยท่าฉลอม  เพื่อดำเนินคดีต่อไป

"สายชวน" มือปืนยิงทหารดับเข้ามอบตัวสืบสวน 2 ภาค 7 แล้ว‏

เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 20 ต.ค. 58 ที่กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 นายสายชวน หนูศรี อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจอาหารเสริม ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร ในคดีฆ่าผู้อื่นได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผกก.สส.2 ภ. 7 หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง สิบตรีประภาส ฆาระกูล อายุ 22 ปีสังกัดกองพันซ่อมบำรุงเขตหลัง กรมทหารสื่อสารที่ ๑ ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน ถึงแก่ความตาย และสิบโทพงศ์ธร อินทสุวรรณ์ อายุ 24 ปี สังกัดเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดเมื่อเวลา 00.40 น.ของวันที่ 17 ต.ค. 58 บริเวณหน้าทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้นเลขที่ 450/42 ต.ตลาด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ต่อมา พ.ต.ต.รณเดช บุตรศรี สารวัตเวรสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน ได้รวบรวมพยานหลักฐานและทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ก่อนขออำนาจศาลจังหวัดสมุทรสาคร ออกหมายจับ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับการติดต่อจากฝ่ายกฎหมายของนายสายชวน หนูศรี ผู้ต้องหาว่าจะขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7แต่มีขอตกลงไม่ขอทำแผนประกอบคำรับสารภาพซึ่งเป็นสิทธิและข้อกฎหมายบัญญัติไว้ หลังการเข้ามอบตัว พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก. พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบก. พ.ต.อ.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผกก.สส. พ.ต.ต.พีระ อัศวพิบูลย์ผล สว.สส.หน.ชุดอาชญากรรม ภ.จว.สมุทรสาคร นำกำลังเดินทางไปรับตัวผู้ต้องหามาที่ สภ.กระทุ่มแบน โดยมี พ.ต.อ.วิเชียร ประทุมรัตน์ ผกก.พ.ต.ท.ภาคิน  แสนพุฒิ รอง สส.สภ.กระทุ่มแบน ร่วมแถลงข่าวการจับกุมโดยมีนายทหารจากค่าย กำแพงเพชรอัครโยธิน ต้นสังกัดของ สิบตรีประภาสฯผู้เสียชีวิตและสิบโทพงศ์ธรฯผู้บาดเจ็บร่วมสังเกตการณ์ ทางด้านพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแก่ นายสายชวน หนูศรี ผู้ต้องหาตามหมายจับว่าฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายและพยายามฆ่าก่อนควบคุมตัวส่งศาลจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการต่อไป  
                                    ทีมข่าว นกวายุภัค รายงาน