pearleus

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ร้านครัวเจ้าพระยา อหังการ..บุกรุก พื้นที่ป่าชายเลน

        

         
              เมื่อวันที่ 7 พ.ค.  58  ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้มอบหมายให้ พ.อ.จักราวุธ สินพูลผล รอง ผอ.รมน.จังหวัดสมุทรสาครเป็นหัวหน้าคณะในการตรวจสอบกรณีร้องเรียนว่ามีการบุกรุกที่ป่าชายเลน ของร้านอาหาร"ครัวเจ้าพระยา"เลขที่ 102/1 หมู่ที่ 9  ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยสนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆประกอบด้วย นายเฉลิมชัย โชติกมาศ ผอ.ส่วนคุ้มครองและป้องกันทรัพยากรป่าขายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งสำนักงานเจ้าท่าจังหวัดสมุทรสาคร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจกองปราบปรามทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดอำเภอเมือง และเจ้าหน้าศูนย์ดำรงธรรม โดยก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบได้มีการประชุมวางแผนที่สำนักวิจัยและพัฒนาป่าชายเลนที่ 5 อ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก ซึ่งมีการนำภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศตั้งแต่ปี 2545 ปี 2556 และปี 2557 มาแสดงให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ 
     
          จากภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศแสดงให้เห็นว่า ร้านอาหารครัวเจ้าพระยา มีการก่อสร้าง ในปี 2557 โดยยื่นออกไปในทะเลตรงจุดที่เป็นป่าชายเลน ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์ชายฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย ซึ่งเป็นการก่อสร้างหลังมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 ในขณะคณะรัฐมนตรีมีนโยบายอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อมาเจ้าหน้าทั้งหมดจึงเดินทางไปที่ร้านอาหารครัวเจ้าพระยา เพื่อขอตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน

          เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบร้านอาหาร ครัวเจ้าพระยา ซึ่งเป็นของ นายสาวงศ์ จุ้ยเจริญ โดย นายสาวงศ์ ได้นำเอกสารทั้งหมดมาให้เจ้าหน้าที่แต่ไม่มีเอกสารที่แสดงถึงการครอบครองพื้นที่ตามกฏหมาย มีเพียงหลักฐานการเสียภาษีการใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบ่อ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ใช้เครื่องบอกพิกัดดาวเทียม ตรวจวัดตามจุดต่างๆภายในร้านอาหารเพื่อเปรียบเทียบกับแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศ

            นายเฉลิมชัย โชติกมาศ เผยว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดของร้านอาหารครัวเจ้าพระยา ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินแต่อย่างใด มีเพียงเอกสารเสียภาษีเท่านั้น เมื่อไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินจึงถือว่าเป็นการบุกรุก เป็นการกระทำผิดตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 รวมทั้งยังผิด พรบ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ซึ่งความผิดตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มีโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดยทางแพ่งนั้นการบุกรุกป่าชายเลนให้เกิดความเสียหายจะมีโทษปรับไร่ละ 118,300 บาท

            นายเฉลิมชัย ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 64/2557 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2557 ที่ต้องการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ทั้งป่าบกและป่าชายเลน และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำกับเจ้าของร้านอาหาร สำหรับการรื้อถอนนั้นต้องไปตามกระบวนการทางกฏหมายซึ่งต้องเป็นคำสั่งของศาลยุติธรรม

             ด้านนายสาวงศ์ จุ้ยเจริญ กล่าวว่า ตนเองก็เพิ่งจะทราบข้อกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน และยอมรับว่าตนเองไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครอง เพราะเป็นที่ดินซึ่งอาศัยกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปัจจุบันสภาพชายฝั่งได้ถูกกัดเซาะเข้ามามาก จนทำให้ชาวบ้านบางส่วนต้องขยับย้ายออกไปนอกพื้นที่ และชาวบ้านในชุมชนกระซ้าขาวกว่า 100 หลังคาเรือน ที่อาศัยอยู่มาเป็นร้อยปี ก็ไม่มีเอกสารสิทธิ์มีเพียงเอกสารการเสียภาษีให้กับท้องถิ่น ซึ่งพื้นป่าชายเลนจริงๆหายไปตั้งแต่ตนเองเป็นเด็กๆแล้ว สำหรับร้านอาหารของตนเองนั้นเพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่ถึงปี

              นอกจากนี้ นายสาวงศ์ ยังขอความเห็นใจเพราะร้านอาหารของตนเองมีนโยบายชัดเจนในการช่วยเหลือชุมชนให้มีงานทำ ด้วยการจ้างคนภายในชุมชนทำงาน และเปิดให้ชุมชนได้มีโอกาสขายของฝากกับนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการร้านอาหารอีกด้วย


                หลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่ร้านอาหารครัวเจ้าพระยาเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการตรวจพิกัดดาวเทียมตามจุดต่างๆ จึงได้เชิญตัวนายสาวงศ์ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สำนักวิจัยและพัฒนาป่าชายเลนที่ 5 พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและส่งสำนวนบันทึกการตรวจสอบทั้งหมดให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางโทรัด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฏหมายต่อไป 











0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น