เราจะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
ได้อย่างไร
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่ทราบสภาวะการติดเชื้อเอชไอวี
หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น
มีประวัติการใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น มีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
มีประวัติรักร่วมเพศหรือรักสองเพศ หญิงค้าประเวณี เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจจะนำพาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์อย่างฉาบฉวย
หรือไม่ใช้ถุงยางอนามัย เช่น ขณะมึนเมา หรือใช้ยาเสพติด
- หากมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เช่น โรคซิฟิลิส โรคหนองใน หรือแผลบริเวณอวัยวะเพศ ควรเข้ารับการรักษา
เนื่องจากโรคเหล่านี้ เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีได้
- ไม่เสพยาเสพติด
โดยเฉพาะชนิดฉีดเข้าเส้น หากมีความจำเป็นต้องฉีดยาใด ๆ ไม่ควรใช้เข็มฉีดยา และกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- ไม่ใช้มีดโกน
ที่โกนหนวด แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ ร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี
- หญิงที่ประสงค์จะตั้งครรภ์
หรือหญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี
หากพบว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ในมารดาช่วงตั้งครรภ์และในทารกแรกเกิด
ร่วมกับงดกินนมมารดา สามารถลดอัตราการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกได้เป็นอย่างมาก
โรคเอดส์
และการติดเชื้อเอชไอวี สามารถรักษาได้หรือไม่
ในปัจจุบันมียาต้านไวรัสเอชไอวี
ซึ่งสามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวี จนทำให้ผู้ป่วยแข็งแรงใกล้เคียงกับคนปกติได้
แต่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด จึงจำเป็นต้องกินยารักษาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การเริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวี ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ การกินยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ
และตรงต่อเวลา มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะส่งผลให้มีระดับยาในกระแสเลือดสม่ำเสมอ
สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะใดๆ
ที่ทำให้ระดับยาในเลือดลดลง เช่น การขาดยา รับประทานยาไม่ตรงเวลา
หรือไม่รับประทานยาตามแพทย์สั่ง จะทำให้เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งส่งผลให้โรคต่าง ๆ กำเริบง่ายขึ้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น