pearleus

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ส่องกล้องมองโลก..หนวด ตาดามุด

เทศมองไทยอย่างไรใน น้ำท่วม
                อย่างที่รู้กันว่าประเทศไทยเป็นฐานหรือศูนย์การการผลิตสินค้าระดับโลกหลายอย่างหลายชนิด ทั้งอุตสาหกรรมหนักอย่างรถยนต์ จนถึงอุตสาหกรรมไฮเทค จำพวกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี มูลค่าความเสียหาย ขึ้นระดับแสนล้าน
                โรงงานจำนวนมากต้องยุติการผลิต ซึ่งไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบต่อบริษัท หากเลยเถิดไปถึงแรงงานไทย เศรษฐกิจประเทศ ไปจนถึงระดับโลก  เพราะอย่างที่รู้กันหลายบริษัทเป็นฐานการผลิตให้กับสินค้าหลายตัว การไม่ผลิตย่อมส่งกระทบไปถึงบริษัทที่ไม่ถูกน้ำท่วมด้วย เพราะมีสายการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกัน ทำให้ต้องยุติการผลิตไปด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่ถูกน้ำท่วม
                นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยบอกว่าภาวะอย่างนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งมีอยู่ก่อนหน้านี้แล้วจากประเด็นทางเรื่องการเมือง แผนการฟื้นฟูบรรดาโรงงานต่าง ๆ คงต้องใช้เวลาหลายเดือน ที่ต้องอาศัยมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ จากรัฐบาลไทย ทั้งแหล่งเงินทุน ภาษี และสิทธิพิเศษอื่น ๆ
                สิ่งที่ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยรู้สึกหงุดหงิดกับการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลไทยเห็นจะเป็นเรื่องการสื่อสารความจริง
                ที่ผ่านมาหลายบริษัทออกมาบริบทด้วยความเครียดว่า รัฐบาลแก้ปัญหาและสื่อสารออกมาแบบมั่ว ๆ ไม่มีแนวทางหรือทิศทาง ให้กับภาคเอกชนได้เลือกหยิบเพื่อนำมาตัดสินใจวางแผนรักษาโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม  พอบทจะเตือนเป็นจริงเป็นจังก็สายไปเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีข้อมูลอยู่ก่อนแล้วร่วม 2 เดือน
                บ้างก็พลุกพล่านไปลงกับกรมชลประทานที่ควรพร่องน้ำจากเขื่อนทางตอนเหนือตั้งแต่เดือนกรกฎาคมแล้ว ทำไมปล่อยให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนยังสูงอยู่ พอเกิดฝนตกหนักก็ระบายน้ำไม่ทัน ส่งผลกระทบงามหน้าอย่างที่เห็น
                กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่น รวมถึงนักธุรกิจรายใหญ่ของไทยตัดพ้อให้ฟังว่า พวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น อะไรกันแน่คือปัญหาที่แท้ และที่สำคัญอะไรกันแน่คือ ความจริง
                เรื่องน้ำท่วมนั้นก็ว่ากันไป แต่หลังน้ำลดนี้สิน่าจับตา เพราะคงต้องวัดใจกันดูว่าต่างชาติจะเอาอย่างไรกับการตั้งฐานการผลิตในประเทศ  ถือเป็นการเริ่มนับหนึ่ง วิกฤติศรัทธารัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อสายตานักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างมาก เพราะต้องยอมรับว่ารายได้หลัก ๆ ของประเทศอยู่ในสองส่วน คือ การส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งน้ำท่วมในครั้งนี้กระทบทั้งสองอย่างแน่นอน
                หรือยังมีใครคิดว่าจะมีฝรั่งขี้นก ตีตั๋วหนีหนาวจากยุโรปมาเดินเตะน้ำดูวัดเก่าที่อยุธยา
                พูดอย่างนี้ก็ใช่ว่าต่างชาติจะเล่นตัวไม่ลงทุนในไทยต่อ เพราะถ้าว่ากันถึงความพร้อมสรรพสำหรับการลงทุนในภูมิภาคเอเซีย ประเทศไทยก็ไม่เป็นสองรองใคร ทั้งในแง่ปัจจัยการผลิต และชัยภูมิที่ตั้งประเทศ  แน่นอนว่าเรื่องน้ำท่วมเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุน แต่เมื่อมองโดยองค์รวม ๆ แล้ว ประเทศแห่งนี้ก็ยังเป็นสวรรค์ของนักลงทุนน้อยใหญ่ ที่นับว่าจะหาที่ตั้งโรงงานทั่วโลกยากเข้าไปทุกที

                ถือเป็นการต้อนรับน้องใหม่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่จัดหนัก เล่นกันชนิดที่ไม่ปล่อยให้ฮันนีมูนกันเลย ต่อแต่นี้คงเหลือแต่สิ่งที่ต้องเดินไปข้างหน้าว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติได้อย่างไร เข้าใจว่าถึงตรงนี้ คนดังแห่งดูไบคงไม่ปล่อยให้น้องสาวเผชิญชะตากรรมอย่างโดดเดียว คอนเนคชั่นที่มีอยู่ในมือกับนักลงทุนต่างชาติ ล้วนเป็นหมัดเด็ดที่จะสามารถเข้ามากู้รัฐนาวายิ่งลักษณ์ให้ล่องไปได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงกลางปีหน้าได้อย่างแน่นอน 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น