ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและประชากรส่วนใหญ่ก็ประกอบอาชีพเกษตรกร
ความจำเป็นหรือเหตุผลใดๆที่ ภาครัฐอ้างต่อ ชาวบ้านเรื่องปิโตรเลียม
จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้และไม่อาจเข้าใจได้ง่ายนักจึงเกิดการลุกขึ้นทวงสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเองและดูเหมือนประชาชนจะสู้แบบเดียวดายเสียด้วย
คณะทำงานจากกองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ ชี้ชัดเจาะลึก
จึงอาสาชาวบ้านผู้เดือดร้อนลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาและพร้อมตีแผ่เพื่อให้สังคมได้รับรู้
จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องจึงได้เรียนรู้ปัญหาและเห็นการกระทำที่เรียกว่าการปิดหูปิดตาประชาชนและขัดขวางสิทธิในการเข้าถึงของมูลของภาครัฐ
ทำให้เกิดการหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ซึ่งตรงกันข้ามกับนโยบายของท่านนายก
พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ
รวมทั้งนโยบายปรองดองสมานฉันที่เป็นนโยบายหลักนั้นทั้งหมดนี้ พูดให้ดี เขียนให้หรู
ไม่ได้ทำ ก็ไม่เกิดประโยชน์ นับตั้งแต่การอนุมัติแปลงสัมปทานปิโตรเลียม L27/43 หรือ หลุม ดงมูล 5 ตั้งแต่ปี 2546 นั้นในพื้นที่ก็เกิดความแตกแยกมาโดยตลอด
เรื่องยิ่งเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้นเมื่อ บริษัทที่ได้รับสัมปทานเร่งรีบการขุดเจาะบ่อก๊าซในแปลงสัมปทานดังกล่าวให้แล้วเสร็จเพราะใกล้จะครบอายุสัมปทาน
จึงทำให้การทำงานอย่างเร่งรีบและไม่ฟังเสียงชาวบ้านจึงเกิดปัญหามากในพื้นที่
ล่าสุดในพื้นที่หลุมสัมปทานได้มีการ
เผาแฟลร์ก๊าซโดยไม่มีในแผนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทำให้ชาวบ้านต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับชุมชนของตนเองเท่าที่ศักยภาพของประชาชนจะทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้
ทางกองบรรณาธิการจึงได้รวบรวมเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาตีแผ่ให้สาธารณะชนได้พิจารณากัน
เมื่อวันที่ 13
ตุลาคม 2558 ณ หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
กลุ่มชาวบ้านเดินทางเข้าร้องเรียนต่อสถานฑูตอเมริกา
เพื่อให้ตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทอพิโก้ โดยเฉพาะประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
จากนั้นแถลงข่าวกรณีการดำเนินโครงการขุดเจาะปิโตรเลียมในพื้นที่ภาคอีสานซึ่งจะสร้างผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่
โดยแถลงการณ์ของชาวบ้านระบุถึงข้อสังเกตกรณีการใช้อำนาจรัฐ
เพื่อเร่งรัดและเอื้อประโยชน์ต่อการขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของบริษัท อพิโก้
(โคราช) จำกัด “ไม่ว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองจะอยู่ในภาวะใด
ปรกติหรือไม่ปรกติ สิ่งที่ชาวบ้านต้องการก็เพียงแค่การมีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเมือง
มีเสรีภาพในการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น การแสดงออก
รวมทั้งต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงของทางราชการและบริษัทเอกชนอย่างเปิดเผยและเป็นจริง
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนต้องการหาไม่ได้เลยในพื้นที่ทั้งยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาแสดงความเห็นในเรื่องความขัดแย้งดังกล่าวแทนที่บริษัท
อพิโก้ฯ
จะเปิดกว้างและเข้าใจประชาชนไทยว่ากำลังประสบวิกฤตทางสังคมและการเมืองอย่างหนัก
กลับอาศัยสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปรกติ
ฉวยโอกาสเพื่อผลักดันการขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็ว”
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนามูล-ดูลสาดได้เข้ายื่นหนังสื่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง
ผู้ว่าราชการขอนแก่น สถานทูตประจำสหรัฐอเมริกา(บริษัทแอลแอลซีซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ
อพิโก้(โคราช) เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกา)ให้ตรวจสอบการเผาสำรวจก๊าซปิโตรเลียมครั้งที่2
เหตุเพราะการเผาสำรวจไม่ถูกต้องขั้นตอนเพราะในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) ของทางบริษัทไม่เคยแจ้งว่าจะทำการเผาทดสอบ ครั้งที่2
และล่าสุดศาลปกครองจังหวัดขอนแก่นได้ไต่สวนคำขอกำหนดมาตรการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษากรณีฉุกเฉิน
เสียงจากชาวบ้านกรณีการเผาก๊าซครั้งนี้
บอกให้รับรู้ได้หลายเรื่องหลายมิติเช่น
เรื่องรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) นั้นเปรียบเป็นเพียงกองกระดาษ
ที่รัฐใช้อ้างกับชาวบ้านเวลาที่ชาวบ้านคิดว่าอาจจะเกิดผลกระทบ คำกล่าวอ้างที่ว่า
บริษัททำถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรการป้องกันผลกระทบใน EIA แล้ว
แต่นอกจากปัญหามาตรการป้องกันผลกระทบจะใช้ไม่ได้จริง และ
ไม่มีการชี้แจงมาตรการให้ชาวบ้านว่าต้องปฏิบัติอย่างไรแล้วยังพบว่า
บริษัทไม่ปฏิบัติตามมาตรการใน EIA ก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดอะไร
เพราะมีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติช่วยชี้แจง ฉะนั้นจะมี EIA หรือไม่
ไม่มีความหมาย เพราะในนั้นไม่มีมาตรการที่ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินประชาชน
คณะกรรมการไตรภาคี ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นตั้งขึ้น
เป็นกลไกที่ใช้อ้างในการแก้ปัญหา และผลักดันให้บริษัทดำเนินโครงการ
เป็นปัญหาสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลไกนี้ ประกอบด้วย รัฐ บริษัท
ประชาชนบางกลุ่มบางพวกนอกจากการประชุมชี้แจงที่จัดโดยบริษัท
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยทราบว่ากลไกนี้ทำหน้าที่อะไรบ้าง ขอรายงานการประชุมมากว่า 70 วัน ไม่มีการตอบสนอง เพราะรายงานอยู่ที่บริษัท
คณะกรรมการบางคนเป็นลูกจ้างบริษัทอีกตำแหน่งและอีกมุมหนึ่งซึ่งทำให้ชาวบ้านระแวงมากคือภาพที่เห็น
ทหาร ตำรวจ ทำเสมือนว่ามีหน้าที่คุ้มครองบริษัทเท่านั้น ชาวบ้านจะเจอเจ้าหน้าที่ก็ต่อเมื่อบริษัทจะดำเนินโครงการ
ไม่ว่าจะเป็นการขนอุปกรณ์การเผาก๊าซ
ชาวบ้านจะเห็นเจ้าหน้าที่รัฐมาอารักขาอย่างแข็งขัน
ส่วนชาวบ้านที่ลุกมาต่อสู้กับกระบวนการไม่เป็นธรรมเราก็จะเจอกับเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาสืบข่าวคราวความเคลื่อนไหว
ถ่ายภาพจากนั้นก็อ้าง กฎอัยการศึก ม 44 หรือ
พรบ.ชุมนุมข่มขู่ชาวบ้าน รัฐทหาร รัฐข้าราชการ ไม่ใช่คำตอบของประชาชนอย่างเรา
นี่คือส่วนหนึ่งจากเสียงของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่
ชาวบ้านได้ทำพิธีอันเชิญ "ปู่ดงมูล"
มาประจำหลักกลางบ้าน เพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองลูกหลานจากภัยอันตราย ปู่ดงมูล
คือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวนามูล
ในวันที่หมู่บ้านเราต้องเผชิญกับความยากลำบากครั้งใหญ่
เจอภัยคุกคามจากการขุดเจาะปิโตรเลียม ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกับนายทุน
กดขี่ชาวบ้าน วันที่หาความยุติธรรมจากสังคมได้ยากลำบาก ปู่ดงมูล คือ ความหวัง
และพลังใจสำคัญที่เรายึดในการต่อสู้ ไม่ว่าต้องยากลำบากแค่ไหน
พวกเรายืนยันจะต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม เพื่อปกป้องชุมชน
งานกิจกรรมเรารักแผ่นดินที่โรงแรมไดอารี่ปาร์ค
จ.กาฬสินธุ์
ในกรณีศึกษา
ที่ผ่านมาเมื่อคราวที่ชาวบ้านคำไผ่-โนนสง่า จ.กาฬสินธุ์
เจอก๊าซพิษไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ ล้มป่วยระนาวถึง 200 คน
ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาประท้วงเรียกร้อง
แต่ก็ถูกโจมตีและขัดขวางจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่
แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าชาวบ้านป่วยเพราะก๊าซไข่เน่า
ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนรักษาด้วยตนเอง
สถานการณ์ขณะนี้แสดงให้เห็นว่าภาครัฐอ่อนแออย่างสิ้นเชิงในการปกป้องสิทธิและชีวิตของชาวบ้าน
หรืออาจจะมาจากการที่รัฐตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของทุนต่างชาติหรืออย่างไรจึงอยากฝากให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบโดยตรง
ออกมาแสดงตนในฐานะกินเงินภาษีจากประชาชนด้วยหากประชนไม่ทุกข์ยากและเดือดร้อนจริง
คงไม่ออกมาเรียกร้องเรื่องแบบนี้
เรียนท่านผู้มีอำนาจวาสนาในบ้านนี้เมืองนี้ดูและพิจารณาเอาเถิดอย่าปล่อยให้ประชาชนต้องสู้อย่างเดียวดายหันไปฟังความเห็นของพวกเขาบ้างและไม่ใช่จะมีแค่ชาวนามูล-ดูลสาด
แห่งนี้เท่านั้นนะครับหากท่านยังละเลยถือว่าธุระไม่ใช่คงมีอีกหลายๆกลุ่มที่เตรียมจะรวมตัวลุกขึ้นสู้กับกลุ่มนายทุนปิโตรเลียมกลุ่มนี้เช่นกัน
หนังสือพิมพ์ ชี้ชัดเจาะลึก ขอทิ้งท้ายให้ข้อคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้ไว้ว่า “รัฐและทุนควรใช้พลังที่มีในการแบ่งปันไม่ใช่
ใช้พลังที่มีเพื่อหวังแต่เพียงผลประโยชน์และการแย่งชิงเท่านั้น”
สื่อมวลชนอย่างเราจะขอเกาะติดสถานการณ์ข่าวนี้ไปจนกระทั่งความจริงจะปรากฏและขอกระชากหน้ากากพวกเอาเปรียบสังคม
เอาเปรียบประชาชน และพวกข้าราชการที่ชอบเอาแต่สอพลอประจบนายทุน
ทีมข่าวเฉพาะกิจ
รายงาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น