เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2558
เวลา 11.00 น. กรมศุลกากรแถลงข่าว สืบสวนปราบปราม
3 สำนักสืบสวนและปราบปราม
ร่วมกับด่านศุลกากรกระบี่จับกุมหญิงไทยลักลอบนำเข้าโคเคน
น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 2,600 กรัม มูลค่าประมาณ 10.4 ล้านบาท เข้ามาในราชอาณาจักร ณ ห้องประชุมสำนักสืบสวนและปราบปราม
สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร คลองเตย
ตามที่ นายกุลิศ
สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากร
และปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด
จึงให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักสืบสวนและปราบปรามเข้มงวดในการสกัดกั้น ป้องกัน
และปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทุกท่าอากาศยาน
ซึ่งมีแนวโน้มลักลอบทางท่าอากาศยานในส่วนภูมิภาคสูงขึ้น จึงได้สั่งการให้ นายชูชัย
อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร นายจำเริญ
โพธิยอด รองอธิบดีฯ รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นายวิจักษณ์
อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นายธาดา ชุมไชโย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม และนายยุทธนา พูลพิพัฒน์
นายด่านศุลกากรกระบี่ ดำเนินการวางแผนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2558 เวลา 08.00 น. หน่วย Airport Interdiction
Task Force : AITF ประกอบด้วย กรมศุลกากร
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส)
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)
และศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) นำโดย นายเดชา วิชัยดิษฐ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่
1 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3
สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร กับพวก ได้ตรวจค้นและจับกุม นางสาวศิริวรรณ
ยอดที่รัก อายุ 32ปี สัญชาติไทย
ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยหมายเลข
AA2453417 ผู้โดยสารของสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบินที่Z2940/20.11.58 เดินทางมาจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
เปลี่ยนเครื่องที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยสายการบินแอร์เอเชีย
เที่ยวบินที่ AK886/21.11.58
ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ราชอาณาจักรไทย
เครื่องลงเวลาประมาณ 07.20 น. ของวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558
แต่สัมภาระของผู้โดยสารไม่ได้มาพร้อมกับเที่ยวบินดังกล่าว
และสายการบินได้ส่งสัมภาระตามมาในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2558 เวลาประมาณ 07.30 น. นางสาวศิริวรรณ ยอดที่รัก
ได้เดินทางมารับสัมภาระที่ตกค้างด้วยตนเองที่สนามบิน และเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทำการตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์พบสิ่งผิดปกติภายในกระเป๋าสัมภาระ
จึงได้ทำการตรวจค้นโดยละเอียดพบวัตถุต้องสงสัยเป็นผงสีขาว ห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ
จำนวน 1 ห่อ ซุกซ่อนอยู่ในผนังของกระเป๋า
เมื่อทำการทดสอบเบื้องต้นด้วยน้ำยาทดสอบสารเสพติด ผลปรากฏว่า
วัตถุต้องสงสัยดังกล่าวเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน
หรือโคเคน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 2,600 กรัม
มูลค่าประมาณ 10.4 ล้านบาท
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหายอมรับสารภาพและยินยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการขยายผล
เพื่อจับกุมผู้ว่าจ้าง
โดยสามารถจับกุม นางสาวแอ๋ว วิจิตร ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่โรงแรมโฮมเทล จ.กระบี่
เจ้าหน้าที่ฯ
จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครอง
เพื่อจำหน่ายและนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 และกฎหมายอื่น
ที่เกี่ยวข้อง
จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในปีงบประมาณ 2559 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558
ถึงปัจจุบัน กรมศุลกากรสามารถจับกุม
ผู้ลักลอบนำเข้า-ส่งออก ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) จำนวน 4 คดี มูลค่าประมาณ 66,972,000
บาท
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น