เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 58 นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย
เปิดเผยว่า ด้วยในห้วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนของทุกปี
พื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่
จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และตาก
มักประสบกับปัญหาไฟป่าและวิกฤตหมอกควัน ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากสภาพภูมิประเทศ
และสภาพอากาศที่เกิดความแห้งแล้ง ประกอบกับพฤติกรรมการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกพืช
และการเผาตอซังจากการเกษตร รวมทั้งหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชน
รวมทั้งบดบังทัศนวิสัย ก่อให้เกิดปัญหาต่อการคมนาคมทั้งทางบกและทางอากาศ
และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ดังนั้น
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ
รวมทั้งเพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างมีระบบ
และมีการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ
กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีหนังสือสั่งการด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ให้ดำเนินการดังนี้ 1) การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ
เพื่อเตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
โดยจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน รวมทั้งแผนระดมพลดับไฟป่าของจังหวัดให้เป็นปัจจุบันสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
และให้เร่งสำรวจ ตรวจสอบข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย ตลอดจนทรัพยากรกำลังคน
วัสดุอุปกรณ์ ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งรณรงค์ขอความร่วมมือ
และควบคุมการเผาขยะมูลฝอยในเขตชุมชน และห้ามเผาหญ้าในบริเวณริมทางโดยเด็ดขาด
สำหรับในเขตพื้นที่เกษตรกรรมให้มอบหมายนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ตลอดจนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เผยแพร่องค์ความรู้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบและเข้าใจมาตรการลดการเผาในเขตพื้นที่เกษตรกรรม
รวมทั้งส่งเสริมการไถกลบเศษวัสดุภาคการเกษตรแทนการเผา โดยจัดแปลงสาธิตฯ ประจำตำบล
เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการให้กับกลุ่มเกษตรกร
พร้อมทั้งสนับสนุนความรู้ทางวิชาการ
2) การควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ ให้ใช้มาตรการควบคุม ป้องกัน แจ้งเตือนสถานการณ์
และเตรียมความพร้อมในการระงับเหตุไฟป่า โดยประสานและสนธิกำลังในพื้นที่ ร่วมกับ
ท้องถิ่น อาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อปพร.) ตำรวจตระเวนชายแดน
หน่วยทหารในพื้นที่ ในการปฏิบัติการ กรณีเกิดวิกฤติไฟป่า
ตลอดจนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้อย่างจริงจัง
พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ กวดขัน ตรวจตรา ลาดตระเวน ดูแล
ไม่ให้มีการบุกรุกแผ้วถางทำลายป่าและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
และให้เตรียมพร้อมเครื่องมือ ยานพาหนะ อุปกรณ์ดับเพลิง กู้ภัย
ให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อเกิดไฟป่า
และจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
3) เมื่อเกิดสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันขึ้นในพื้นที่ ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด
เพื่ออำนวยการ สั่งการ และระดมสรรพกำลัง
พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ
ภาคเอกชนและองค์กรสาธารณกุศลในพื้นที่
เพื่อให้การสนับสนุนและร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้น
โดยขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่
งดเว้นการจุดไฟใกล้บริเวณแนวป่าโดยเด็ดขาด
และรณรงค์ให้ประชาชนทราบแนวทางการป้องกัน การปฏิบัติตนเมื่อเกิดไฟป่า
ผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควันที่มีผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายและการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิด
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำชับให้จังหวัดดำเนินการตามแผนและมาตรการต่างๆ
โดยบูรณาการประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานภายในจังหวัดอย่างใกล้ชิด
เพื่อป้องกันเฝ้าระวัง
และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่จะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินทั้งของประชาชน
ราชการ รวมถึงผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น