pearleus

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี ถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทย ประจำปี พ.ศ.2558 ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

เมื่อ  6 พ.ย. 2558  เวลา 14.00 น. พลเอก อนุพงษ์  เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 
เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทย ประจำปี พ.ศ.2558 โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนบริษัท ห้างร้าน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา เข้าร่วมในพิธีฯ ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
 
เพื่อสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชนในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
           พลเอก อนุพงษ์  เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในปีพุทธศักราช2558 กระทรวงมหาดไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินเพื่อนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษา ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยในวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 เวลา 14.00 น. จะมีพิธีถวายเครื่องบริวารพระกฐินพระราชทาน ได้แก่ บาตร เครื่องอัฐบริขาร ตาลปัตรฯ และเครื่องไทยธรรม แด่พระสงฆ์รูปที่ครองผ้า และถวายเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลแด่เจ้าอาวาส เพื่อถวายพระภิกษุ สามเณร และบำรุงพระอาราม พร้อมทั้งมอบเงินให้แก่ผู้อำนวยการโรงเรียนทวีธาภิเศก เพื่อเป็นทุนบำรุงการศึกษาแก่นักเรียน
     สำหรับประวัติของ “วัดเครือวัลย์วรวิหาร” วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด หากแต่มีข้อความกล่าวถึงในหนังสือ ตำนานพระอารามหลวงและทำเนียบสมณศักดิ์” ซึ่งเจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (ม.ร.ว.คลี่ สุทัศน์) เรียบเรียงขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า วัดเครือวัลย์วรวิหาร อยู่ในคลองมอญฝั่งใต้ เจ้าพระยาอภัยภูธร สร้างในรัชกาลที่ 3 แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดเครือวัลย์วรวิหาร และข้อความในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ว่า ในคลองมอญวัด 1 เจ้าจอมเครือวัลย์บุตรีเจ้าพระยาอภัยภูธร สร้างใหม่การยังไม่แล้ว ก็ถึงแก่กรรมเสีย จึงโปรดให้ทำต่อไปวัดนั้น แล้วพระราชทานชื่อ วัดเครือวัลย์วรวิหาร ปัจจุบันวัดเครือวัลย์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร และมีศาสนสถานที่สำคัญ ได้แก่ พระอุโบสถ โดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เนื่องจากผนังภายในพระอุโบสถทั้ง 4 ด้าน มีภาพเขียนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นภาพนิทานชาดกเรื่องพระเจ้า 500 ชาติ ที่งดงามมากและรวบรวมเรื่องราวไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันมีหลงเหลืออยู่แห่งเดียวในประเทศไทย นับว่าเป็นแหล่งอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมด้านจิตรกรรมฝาผนัง อันเป็นสมบัติที่สำคัญของชาติควรค่าอนุรักษ์ไว้แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป





      

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น