pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

กระทรวงมหาดไทย จับมือ 18 หน่วยงานภาครัฐ ร่วมลงนาม MOU นำร่องการดำเนินการตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชน และการบริการภาครัฐ

เมื่อ 22 ก.ย. 59 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย จับมือกับ 18 หน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กรมการจัดหางาน กรมการปกครอง กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ร่วมกันจัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการนำร่องการดำเนินการตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการดำเนินการตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ ตามนโยบายรัฐบาลและแผนพัฒนาประเทศ โดยทุกฝ่ายได้ตกลงร่วมมือกันพัฒนาระบบบริการนำร่องตามแนวทางการบูรณาการฯ รวมทั้งปรับปรุงระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้รองรับการดำเนินการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลจากฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อขอรับบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
           โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ นายกฤษฎา  บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย อธิบดีและผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้อง นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และผู้บริหารส่วนราชการ/หน่วยงานภาครัฐ จะเป็นผู้แทนของหน่วยงานลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการนำร่องการดำเนินการตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐทั้ง 19 หน่วยงาน ให้เกียรติร่วมในพิธี  
           นายกฤษฎา  บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในนามของกระทรวงมหาดไทย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกๆ หน่วยงาน ทั้งนี้สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 เห็นชอบแนวทางการดำเนินการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ให้ใช้ประโยชน์จากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก เพื่อให้งานบริการของรัฐในด้านต่างๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นให้กับผู้ขอใช้บริการ และเพื่อตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล กระทรวงมหาดไทยซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรงในภารกิจการจัดทำบัตรประชาชน มีความพร้อมและยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการใช้ประโยชน์จากเลข 13 หลักดังกล่าว และเห็นว่าความร่วมมือในการบูรณาการข้อมูลประชาชนและบริการภาครัฐครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนและนำไปสู่การใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
            สำหรับสาระสำคัญและแนวทางการดำเนินงานของ MOU ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ทั้ง 19 หน่วยงาน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะร่วมกันพัฒนา และปรับปรุงระบบงานบริการของหน่วยงาน ตลอดจนผลักดันให้เกิดการพัฒนาของระบบ Digital Government ภายใต้นโยบาย Digital Economy หรือ เศรษฐกิจดิจิตอลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ภาคประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้อินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงงานบริการของรัฐได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยจะมีการปรับปรุงการบริการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียว และขยายผลไปสู่การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือศูนย์บริการร่วมต่างๆ ในอนาคตตามมติคณะรัฐมนตรี โดยมีการแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการปกครอง เช่น ข้อมูลบริการจัดหางาน ข้อมูลบริการรับสมัครนักเรียนระดับประถมศึกษา ข้อมูลเกษตรกร เป็นต้น 2.กลุ่มปรับปรุงระบบงานให้รองรับการใช้บัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ใบเดียว จากประชาชนที่มาติดต่อ เช่น การรับแจ้งความเอกสารหาย การให้บริการข้อมูลสภาวะสุขภาพ และการให้บริการของที่ทำการไปรษณีย์ 3.กลุ่มการให้บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ผ่านศูนย์บริการร่วม หรือผ่านระบบออนไลน์ เช่น การให้บริการขอใช้น้ำประปา ไฟฟ้า และโทรศัพท์ ตลอดจนการให้บริการของศูนย์ดำรงธรรม และศูนย์บริการร่วมอื่นๆ

          ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีงานบริการ/งานอนุญาตไม่ต่ำกว่า 800 งาน และมีศูนย์ดำรงธรรมซึ่งได้รับมอบหมายภารกิจตามคำสั่ง คสช.ที่ 96/2557 ให้มีหน้าที่เป็นทั้งศูนย์บริการร่วมและให้การบริการแบบเบ็ดเสร็จนั้น กระทรวงมหาดไทยได้มีนโยบายให้เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นศูนย์บริการเบ็ดเสร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงมหาดไทยพร้อมให้ความร่วมมือและยินดีอำนวยความสะดวก เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงาน (Focal Point) เพื่อให้การดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงฯ (MOU) บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายไว้ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม 







0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น