pearleus

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

หรือมีใครจงใจเล่นคดี"หักคอ"กลบคดีทุจริตที่ดินอีกมหาศาล

จากคดีจับข้าราชการคนหนึ่งนาม "ธวัชชัย อนุกูล"เป็นจำเลยถูกกล่าวโทษ จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ  หรือ ป.ป.ช.
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553  แถลงข่าวเป็นลายลักษณ์อักษรณ์ กล่าวหา "ธวัชชัย"ว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน 7 ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายทะเบียน สำนักงานที่ดิน จ. ภูเก็ต กับพวก กระทำความผิด ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ดำเนินการออกโฉนดที่ดิน และยังลงนามในฐานะปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินภูเก็ตด้วย  ทั้งที่ ที่ดินไม่ใช่ที่ดิน ส.ค.1 และไม่อยู่ในเงื่อนไขการออกโฉนด 
เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า "เทือกเขากมลา" หรือ "เขานางพันธุรัตน์  "เขตป่าสงวนป่าไม้ถาวร เรื่องราวของนายธวัชชัย ป.ป.ช.นำส่งอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินขั้นตอนทางคดี และวิถีของกระบวนการยุติธรรม แต่เหตุการณ์กลับพลิกเป็นคดี"ฆาตกรรม"ขึ้นมาแทน
เมื่อนายธวัชชัย ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังบริเวณชั้น 6 อาคารดีเอสไอ เพื่อรอนำตัวส่ง ฝากขังต่อศาลในเช้าวันที่ 30 ส.ค.  แต่ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ที่ดูแลความเรียบร้อยภายในห้องควบคุมพบว่านายธวัชชัย ได้ใช้เสื้อผูกคอตัวเองและขาดอากาศหายใจจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แต่เสียชีวิตเวลา 04.45 น. ท่านผู้อ่านคงได้ติดตามความเป็นมาทางสื่อกันไปตามลำดับแล้ว เราคงไม่ ร่ายยาว นายธวัชชัย ถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับตามหมายจับในข้อหาละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้ ที่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค.59  ที่ผ่านมา ที่บริเวณร้านตัดผมเลขที่ 61/55 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ระบุกรณีทุจริตการออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดลายัน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และแปลงที่ดินบริเวณเขาหน้ายักษ์ ทับซ้อนอุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง-เขาจำปี จำนวน 500 ไร่ มูลรวมกว่า 10,500 ล้านบาท ผู้ที่ให้ข่าวการตายของนายธวัชชัย เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง และระหว่างการรอผลชันสูตรพลิกศพ และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์  อีกทั้ง พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ แถลงร่วมกัน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์  กล่าวว่า ส่วนควบคุมผู้ต้องหา สำนักปฏิบัติการพิเศษ รายงานเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. เวลาประมาณ 02.00 น. นายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในคดีพิเศษที่ 44/2558 ของสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งอยู่ระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานดีเอสไอเพื่อรอนำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญาในช่วงเช้าวันที่ 30 ส.ค.นี้ แต่ปรากฏว่าได้กระทำอัตวินิบาตกรรมและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
        ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รับตัวนายธวัชชัย ไว้ควบคุมหลังการสอบสวนเมื่อเวลาประมาณ 15.45 น.ของวันที่ 29 ส.ค.59  ผู้ต้องหาแสดงอาการวิตกกังวล เครียด และมีอาการกระสับกระส่าย เจ้าหน้าที่ดูแลผู้ต้องหามีทั้งหมด 3 คน ได้นำอาหารให้รับประทาน แต่นายธวัชชัย รับประทานได้เพียงเล็กน้อย และเดินไปมาในห้องควบคุมที่มีประตูเป็นกระจกใส จากนั้นได้ล้มตัวลงนอน จนเวลาประมาณ 01.00 น.เศษ นายธวัชชัย แจ้งว่าแสงในห้องควบคุมสว่างทำให้นอนไม่หลับ ขอให้เจ้าหน้าที่ปิดไฟ แต่เจ้าหน้าที่อธิบายให้ทราบว่าตามระเบียบไม่สามารถปิดไฟในห้องควบคุมได้ นายธวัชชัย จึงนอนบนที่นอนโดยใช้ผ้าคลุมบริเวณหน้าและนอนตะแคง เจ้าหน้าที่เห็นว่านายธวัชชัย พักผ่อนแล้วจึงตรวจตราตามปกติ
        พ.ต.อ.ทรงศักดิ์   บอกว่าในเวลาประมาณ 02.00 น.เศษ เจ้าหน้าที่ได้เดินกลับมาตรวจที่หน้าห้องควบคุมอีกครั้งเห็นว่าผู้ต้องหานั่งหันหลังพิงประตู จึงได้เคาะประตูเรียกแต่ผู้ต้องหาไม่ตอบ จึงรีบเปิดประตูเข้าไปพบว่าผู้ต้องหาได้ใช้ถุงเท้ายาวผูกคอตัวเองกับขอบบานพับประตูห้องควบคุม แต่ยังมีลมหายใจอยู่ เจ้าหน้าที่จึงพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต และรีบนำส่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ขณะนั้นเป็นเวลประมาณ 02.30 น. แต่ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลาประมาณ 04.45 น.  ได้เตรียมส่งศพให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ชันสูตรต่อไป  พ.ต.อ.ทรงศักดิ์  
      รองอธิบดีฯท่านนี้ ระบุว่า เนื่องจากการเสียชีวิตของผู้ต้องหารายนี้อยู่ระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานที่จะต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงได้แจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินการตามกฎหมาย และเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ไพสิฐ  ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเสียชีวิต พ.ต.ท.ประวุธ  แจกแจงว่านายธวัชชัย เป็นอดีตข้าราชการกรมที่ดินในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายทะเบียน สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ดำรงตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการในตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมือง ก่อนถูกไล่ออกจากราชการเมื่อปี 2546 และได้หลบหนีคดี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนทั้งสิ้น 6 ราย กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร้องขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ประมาณ 7 ไร่ มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศที่มีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ซึ่งนายธวัชชัย ได้ลงนาม
เอกสารสิทธิโดยไม่มีอำนาจ กระทั่งมีการสอบสวนและออกหมายจับนายธวัชชัย ในคดีดังกล่าว
        ในการแถลงข่าวนี้ ผู้บริหารดีเอสไอพาสื่อมวลชนขึ้นไปชั้น 6 อาคารดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบห้องขังหมายเลข 6008 จุดเกิดเหตุ มีนายชยพล หวานชะเอม หัวหน้าผู้ควบคุมผู้ต้องหา  ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนรับตัวนายธวัชชัย มานั้นเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบเอกสารต่างๆ ว่ารับเป็นคดีพิเศษแล้ว เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ก็จะตรวจร่างกายอีกครั้งว่าได้นำของที่เป็นอันตรายพกติดตัวมาหรือไม่ และนายธวัชชัย ยังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ปกติไม่มีอาการซึมเศร้าแต่อย่างใด รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเข้าเวรตลอดทั้งคืน กระทั่งก่อนเกิดเหตุนายธวัชชัย ได้นั่งหันหลังก่อนที่เจ้าหน้าที่เดินไปเรียกแต่ไม่ตอบจึงพบว่าลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้นแล้วโดยใช้ถุงเท้ายาวมัดกับบานพับประตู หลังจากนี้เตรียมเสนอผู้บัญชาการให้ปรับปรุงแก้ไขให้มีความปลอดภัยมากขึ้นต่อไป แต่เมื่อผลนิติเวชระบุออกมาว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากการขาดอากาศหายใจ แต่มีอาการตับแตก และเลือดออกในช่องท้องด้วย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จนญาติของนายธวัชชัย ประกาศไม่เผาศพ จนกว่าข้อเท็จจริงจะกระจ่าง นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายนายธวัชชัย ระบุว่า เมื่อคดียังมีเงื่อนงำครอบครัวจึงตัดสินใจยังไม่เผาศพ เพื่อส่งศพให้สถาบันนิติเวชวิทยา ตรวจสอบอีกรอบ เพราะหากเร่งเผาศพพี่ชายก็จะเป็นการทำลายหลักฐาน ทั้งนี้ ยังติดใจกับการให้ข้อมูลของ รปภ. ที่ระบุว่า พี่ชายใช้ชายเสื้อตัวเองผูกคอตาย แต่หัวหน้าผู้ควบคุมห้องขัง ระบุว่า ใช้ถุงเท้า เมื่อขอตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก็เห็นเพียงด้านหน้า ไม่มีภาพในห้องขัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าไม่ได้ติดไว้ เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์
หลังเกิดคำถามมากมาย พ.ต.อ.ไพสิฐ  ออกมาชี้แจงว่า สาเหตุที่ตับแตกและมีเลือดออกในช่องท้อง อาจเกิดจากการปั๊มหัวใจผิดพลาด เพราะถ้าทำผิดวิธีก็ส่งผลให้ซี่โครงหัก นอกจากนี้ แพทย์ไม่พบบาดแผลตามร่างกายของผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ประวุธ ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุผลต้องทำร้ายร่างกาย เพราะจับกุมดำเนินคดีแล้ว และหากมีการซ้อม หรือทำร้ายร่างกาย นายธวัชชัย ก็น่าจะแจ้งให้ครอบครัวรับทราบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตถึงการปั๊มหัวใจว่าอาจทำให้นายธวัชชัย ตับแตก นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็ออกมาชี้แจงว่า แพทย์ฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ รับแจ้งเหตุคนเป็นลมหมดสติ ไม่ใช่การแจ้งว่ามีคนผูกคอตาย และยืนยันว่าแพทย์ปั๊มหัวใจ หรือซีพีอาร์ ตามมาตรฐานวิชาชีพ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ขาดออกซิเจน และการปั๊มหัวใจมีเทคนิคและวิธีปฏิบัติบริเวณช่องทรวงอกเพื่อให้มีผลต่อหัวใจ และปอด ส่วนตับอยู่ช่องท้องคนละช่อง กั้นจากกันด้วยกระบังลม การปั๊มหัวใจจึงไม่ใช่สาเหตุให้ตับแตกและตกเลือดในช่องท้องได้แถมยังโพสต์เฟซบุ๊กระบุอีกว่า ในความเห็นส่วนตัวฐานะเคยเป็นเสนาธิการฝ่ายยุทธการและการข่าว เชื่อว่าการเสียชีวิตของนายธวัชชัย เป็นการฆาตกรรมที่มีเจ้าหน้าที่ภายในดีเอสไอรู้เห็นเป็นใจกับมือสังหาร  หนักขนาดนี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม อยู่ไม่ติด ถามกลับว่า เป็นมนุษย์ประเภทไหน มีข้อมูลมากน้อยเพียงใด เป็นกรรมการตรวจสอบหรือไม่ ถึงออกมาพูดให้สังคมสับสนและอีก บรา บรา บรา.... ท่านสั่งให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งกรรมการสอบสวน โดยมี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ 
อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเป็นประธาน นายวัลลภ นาคบัว ผอ.สำนักงานยุติธรรมเป็นกรรมการให้แพทย์จาก 3 สถาบัน ประกอบด้วย รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.รามาธิบดี และ รพ.ศิริราช เข้ามาร่วมด้วย  มีอำนาจหน้าที่หาสาเหตุและดูว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามารับผิดชอบหรือไม่ ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
จากนั้นจะดำเนินการ 2 ประเด็นคือ 1.หากพบมีมูลว่าเจ้าหน้าที่กระทำผิดก็ต้องดำเนินการทางวินัย และ 2.หากเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญา กระทรวงก็ต้องไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ส่วนการผ่าชันสูตรพลิกศพในครั้งที่ 2 หรือ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนและญาติ ขณะที่คดีความอยู่ในความรับผิดชอบของ สน.ทุ่งสองห้อง ที่เป็นพื้นที่เกิดเหตุ  รับเป็นคดี และเรียกสอบสวน นายชยพล หวานชะเอม ในฐานะหัวหน้างานควบคุมผู้ต้องหา และ พ.ต.ท.ไพโรจน์ เล้ารัตนานุรักษ์ รองหัวหน้างาน ทั้งคู่ยืนยันฆ่าตัวตาย  ส่วนกล้องวงจรปิดในห้องขัง ไม่ต้องหา ไม่มี  เหตุผลคือละเมิดสิทธิ์ อย่างไรก็ตามระหว่างรอผลสรุปของคณะกรรมการหลายส่วน สังคมไม่ควรหลงประเด็นคดี"ฆาตกรรม"มากจนลืมประเด็นหลักแท้จริงของคดีนี้ว่าคืออะไร การ ขุดคุ้ยและ ขยายผลความไม่ชอบมาพากลในการออกเอกสารสิทธิ

ที่ดินในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หรือไข่มุกอันดามัน ที่ราคาที่ดินมีมูลค่ามหาศาลนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการของป.ป.ช.  14 คดี แบ่งเป็น คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการไต่สวน
ข้อเท็จจริง 3 คดี ดังนี้
1. สถานีตำรวจภูธรถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวหา นายวินัย จันทน์เสนะ อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต กับพวกรวม 16 คน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมีทั้งอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เจ้าหน้าที่ที่ดิน ปลัดอำเภอ ป่าไม้อำเภอ และกำนัน ข้อกล่าวหา ร่วมกันออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทับเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และเขตป่าสงวนแห่งชาติเขารวม
เขาเมือง ทำให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ ในกรณีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินให้กับบริษัท ทรีดอลฟินซ จำกัด ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 6288 และโฉนดที่ดินเลขที่ 6289 และ น.ส.3ก. เลขที่ 3283 ป.ป.ช.  แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเมื่อเดือนก.ค.57 มีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. (ในขณะนั้น) เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน 
2. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ส่งเรื่องมายัง ป.ป.ช. ภายหลังจากมี บัตรสนเท่ห์กล่าวหานายไพฑูรย์ เลิศไกร อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต กับพวก รวม 12 ราย กรณีกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีร่วมกันออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 13754 และ 13755 ต.กมลา อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีที่มาจากการนำหลักฐานการแจ้งการ
ครอบครอง (ส.ต.1) เลขที่ 361 หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต มาสวมสิทธิเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในพื้นที่ ต.กมลา อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ก.ค.57   มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. (ในขณะนั้น) เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน 
3. สำนักงาน ป.ป.ท. ส่งเรื่องมายัง ป.ป.ช. ภายหลังจากมี บัตรสนเท่ห์ระบุว่าเป็นประชาชนในจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวหา นายวิชัย ไพรสงบ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต (ในฐานะผู้อนุมัติให้ออกโฉนดที่ดิน) และพวกรวม 3 ราย กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีร่วม
กันดำเนินการออกโฉนดที่ดิน จำนวน 2 แปลง เลขที่ 98414 เลขที่ดิน 1 เนื้อที่ 45-3-87.3 ไร่ และ เลขที่ 98415 เลขที่ดิน 2 เนื้อที่ 19-3-00.4 ไร่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขานาคเกิดโดยมิชอบ และเรียกรับเงินในการดำเนินการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวจำนวน 200 ล้านบาท   ตั้งอนุกรรมการไต่สวนในเดือน ส.ค. 57 มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. (ในขณะนั้น) เป็นประธานอนุกรรมการ  ยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงมี 11 คดี ดังนี้ 1. สำนักงาน ป.ป.ท. กล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการรังวัดและรายงานเท็จ จำนวน 7 ราย ที่มีพฤติการณ์ออกโฉนดเลขที่ 13896 จำนวน 10-2-34.3 ไร่ และเลขที่ 13897 จำนวน3-0-68 ไร่ จากเดิมเป็น ส.ค.1 ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาจัดทำรายงานการรังวัดออกโฉนดที่ดินอันเป็นเท็จ โดยรายงานว่าสภาพที่ดินเป็นที่สวน ทำประโยชน์ทั้งแปลง ทั้งที่ความจริงเป็นป่าดิบชื้นเต็มพื้นที่ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ และคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินรับรองว่าที่ดินมีการปลูกต้นไม้พื้นเมืองเป็นเท็จ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.53 ทั้งที่ความเป็นจริงที่ดินดังกล่าวเป็นป่าเกือบ 100% เป็นป่าต้นน้ำ ไม่มีผู้ครอบครองทำประโยชน์ อยู่ในเขตอนุรักษ์โซน C ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ออกโฉนด คดีนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงตั้งแต่เดือนธ.ค. 56 เพื่อพิจารณาว่าจะตั้งอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่
2. สำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวหาอดีตช่างรังวัด กับพวก รวม 4 ราย กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีร่วมกันออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ในที่ดินที่ไม่ได้มีการครองครองประโยชน์ เป็นที่ภูเขา และเป็นพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ตามกฎหมาย โดยปกปิดข้อเท็จจริงและรายงานเท็จ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้มีการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งเดิมเป็นที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 105 หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 2-0-00 ไร่ เป็นของนางเอ (นามสมมุติ) ต่อมา รองผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต ในขณะนั้นได้ขอสวมสิทธิในที่ดินดังกล่าวแทน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน ได้ทำรายงานเสนอผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ตว่าสภาพที่ดิน เป็นที่ลาดควนเขา ผู้ขอได้ทำการปลูกผลไม้พื้นเมือง และไม่ขัดข้องที่จะออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ขอ ซึ่งสภาพพื้นที่จริงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะขอออกโฉนดที่ดินได้ เพราะเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลาคดีนี้อยู่ระหว่างการแสวงข้อเท็จจริงตั้งแต่ปี 2556 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำพยาน
3. สำนักงาน ป.ป.ท. กล่าวหาอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดที่ดิน รวม 12 ราย ในข้อกล่าวหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 13243 เลขที่ดิน 2 และโฉนดที่ดิน เลขที่ 132244 เลขที่ดิน 3 จำนวน 21-0-9.7 ไร่ จากเดิมที่ ส.ค.1 มีพื้นที่
เพียง 10 ไร่ จึงมากกว่าที่ ส.ค. 1 เดิมจำนวน 11-0-9.7 ไร่ ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เทือกเขากมลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินรับรองว่าที่ดินมีการปลูกพืชผลไม้พื้นเมืองทั้งแปลงเป็นเท็จ คดีนี้เริ่มกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงในปี 2557 โดยขอความร่วมมือในการปฏิบัติราชการและสำรวจสภาพื้นที่บริเวณที่ดิน ร่วมกับคณะทำงานอ่านแปล ตีความวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศในพื้นที่ จ.ภูเก็ต
4. สำนักงาน ป.ป.ท. กล่าวหาอดีตรองผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต กับพวก รวม 5 ราย ฐานกระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินเลขที่ 178/178/24320/50 อาศัยหลักฐาน น.ส.3 ก. เลขที่ 5937 ต.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่าสภาพที่ดินเป็นป่ารกทึบ มีไม้ธรรมชาติขึ้นเต็มพื้นที่ และไม่มีการครอบครองการทำประโยชน์แต่อย่างใด คดีนี้เริ่มต้นกระบวนการแสงหาข้อเท็จจริงในปี 2556
5. สำนักงาน ป.ป.ท. กล่าวหา อดีตเจ้าพนักงานงานที่ดิน จ.ภูเก็ต กับพวกในการกระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินเลขที่ 10010 เลขที่ 10011 และเลขที่ 1034 ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ให้แก่บริษัท เอเวอร์กรีน อินเตอร์เนชั่นแนล โฮเล จำกัด ซึ่งทับทางสาธารณประโยชน์ เพื่อมิให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินชายทะเล หรือใช้ในการสัญจรโดย
มิชอบด้วยกฎหมาย คดีนี้เริ่มต้นกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงในปี 2556 โดยได้สรุปรายงานแสวหาข้อเท็จจริง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว
6. สำนักงาน ป.ป.ท. กล่าวหาเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินไม่ชอบกับพวกรวม 9 ราย ฐานกระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีดำเนินการทุจริตออกใบแทน ส.ค.1 เลขที่ 359 หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต อันเป็นเท็จ โดยไม่มีการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องและมีการนำไปสวมสิทธิในการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 144479 เลขที่ดิน 10 หน้าสำรวจ 4722 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ในพื้นที่ที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภทประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นที่สงวนเลี้ยงสัตว์ควนหินตั้ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศหวงห้าม เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2480 คดีนี้เริ่มต้นกระบนการไต่สวนข้อเท็จจริงเมื่อปี 2557
7. สำนักงาน ป.ป.ท. กล่าวหาอดีตช่างรังวัด และคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน รวม 4 ราย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยปกปิดข้อเท็จจริงและรายงานเท็จ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้มีการออกโฉนดที่ดิน ตามคำขอฉบับที่ 1892/2553ลว.24ส.ค.53 ซึ่งเดิมเป็นที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 12 หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 10 ไร่ ของอดีตรองผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ตคนหนึ่ง ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน 
ได้ทำรายงานเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตว่าสภาพที่ดินเป็นควนเขา ทำประโยชน์โดยปลูกยางพารา ทุเรียน ไม่ขัดข้องที่จะออกโฉนดที่ดินให้ผู้ขอ แต่สภาพพื้นที่จริงพบว่าเป็นป่าดินชื้น ป่ารกทึบ ไม่มีการทำประโยชน์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินได้
8. สำนักงาน ป.ป.ท. และบัตรสนเท่ห์จาก คนภูเก็ตกล่าวหาเจ้าพนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต สำนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 89530 เลขที่ดิน หน้าสำรวจที่ 2678 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 20 ไร่เศษ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขานาคเกิดคดีนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงตั้งแต่ปี 2556
9. สถานีตำรวจภูธรถลาง จ.ภูเก็ต โดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินการกับอดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง กับพวกรวม 11 ราย กรณีร่วมกันดำเนินการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 38828 เนื้อที่ 12-3-58 ไร่ โฉนดที่ดินเลขที่ 38829 เนื้อที่ 2-2-54 ไร่ โฉนดที่ดินเลขที่38831 เนื้อที่ 17-3-48 ไร่ โฉนดที่ดินเลขที่ 388832 เนื้อที่ 2-2-32 ไร่ โฉนดที่ดินเลขที่ 38833 เนื้อที่ 0-0-04 ไร่ โฉนดที่ดินเลขที่ 38834 เนื้อที่ 13-0-73 ไร่ ออกให้บริษัท เดอะอันดามัน ไพรเวท บีช จำกัด ซึ่งที่ดินทั้ง 6 แปลงอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
  10. สำนักงาน ป.ป.ท กล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับรังวัดและรายงานเท็จ จำนวน 7 ราย กรณีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 14283 หมู่ที่ 4 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 20-0-20.6 ไร่ จากเดิมเป็น ส.ค.1 เนื้อที่ 15 ไร่ ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เทือกเขากมลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยรายงานการรังวัดออกโฉนดที่ดินเป็นเท็จ ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นการทำประโยชน์ปลูกทุเรียน กล้วย ฯลฯ 
เต็มแปลง ทั้งที่จริงที่ดินมีสภาพเป็นป่าดิบชื้น ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ คดีนี้ ป.ป.ช. เริ่มกระบวนการไต่สวนในปี 2557
11. สถานีตำรวจภูธรถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยนายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินการกับอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กับพวกรวม 13 คน ร่วมกันดำเนินการออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 42053 เนื้อที่ 89-0-29.9 ไร่ และเลขที่ 43054 เนื้อที่ 8-2-87.8 ไร่ หมู่ที่ 2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จากหลักฐานเดิม ส.ค.1 เลขที่ 24 หมู่ที่ 2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ทับซ้อนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขารวก และป่าเขาเมืองและในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยมิชอบ 
ทั้งหมดนี้เป็นความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. มี่จะทำหน้าที่ นำเอาทรัพย์ของแผ่นดินที่ถูกพวกฉ้อฉลรวมหัวกันกอดเอาไว้ กลับคืนประเทศชาติโดยเร็ว..เราไม่อยากให้สังคมพะวงหรือจับตาการตายของนายธวัชชัย จนหลงลืมประเด็นหลักที่แท้จริง...
มณสิการ รามจันทร์ บรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยรายวัน/:::: เรียบเรียง 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น