ดร.นพ.อนุพงค์ สุจริยากุล ผู้อำนวยการ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า โรคเลปโตสไปโรซิสหรือโรคฉี่หนู
เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของไทย ติดต่อจากสัตว์สู่คน
โดยมีหนูที่เป็นพาหะ หรือตัวการหลักในการแพร่เชื้อแล้ว
ยังพบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น สุนัข สุกร โค กระบือ แมว แพะ แกะ
ก็แพร่เชื้อได้เช่นกัน เชื้อโรคนี้จะออกมาพร้อมกับฉี่ของสัตว์ดังกล่าว
แต่พบได้น้อยกว่าหนู โดยเชื้อโรคฉี่หนู สามารถเข้าสู่ร่างกายโดยไชเข้าทางผิวหนังตามรอยแผล
รอยถลอก รอยขีดข่วน เยื่อบุของตา จมูก ปาก
หรือผิวหนังปกติที่แช่น้ำเป็นเวลานานจนอ่อนนุ่ม
และติดจากการกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไปก็ได้
ผู้ที่ได้รับเชื้ออาจมีหรือไม่มีอาการก็ได้ ในผู้ที่มีอาการมักแสดงหลังจากได้รับเชื้อ
2-3 วัน จนถึง 2-3
สัปดาห์
ดร.นพ.อนุพงค์ กล่าวต่อว่า อาการที่สำคัญ คือ
มีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
โดยเฉพาะที่น่องและโคนขาอย่างมาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร เป็นต้น
ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแทรกซ้อน คือ ตัวเหลือง
ตาเหลือง ไตวาย หรืออาการทางสมองและระบบประสาท อาจถึงตายได้ ทั้งนี้
อัตราการตายอาจสูงถึงร้อยละ 10-40 หากมีอาการดังที่กล่าวมาขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคฉี่หนู
และให้รีบไปพบแพทย์ เนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาดได้ อย่าซื้อยารับประทานเอง
จากการติดตามประวัติในกลุ่มที่เสียชีวิต พบว่าส่วนใหญ่มักจะซื้อยากินเอง
โดยเฉพาะยาที่มีฤทธิ์แก้ปวดและลดไข้
เพราะเข้าใจว่าเป็นไข้ทั่วไปที่เกิดมาจากการทำงานหนัก จึงทำให้อาการรุนแรงขึ้น
เชื้อโรคเข้าไปทำลายอวัยวะอื่น เช่น ไต ทำให้ไตวาย และเสียชีวิตได้
ดร.นพ.อนุพงค์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการป้องกันโรคไข้ฉี่หนูในช่วงหน้าฝน
ซึ่งบางพื้นที่อาจมีน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วม มีคำแนะนำ ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน
โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ที่มีปัญหามึนชาที่เท้า ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
เนื่องจากอาจมีแผลที่เท้าและไม่รู้สึกเจ็บ มีโอกาสเสี่ยงติดโรคสูง 2. ผู้ที่ต้องทำงานที่เสี่ยงต่อโรค เช่น ชาวสวน ชาวนา คนงานขุดลอกท่อระบายน้ำ
ขอให้สวมถุงมือยาง ใส่รองเท้าบู๊ท เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 3.หมั่นล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำชำระร่างกายหลังจากเสร็จภารกิจทำงาน 4. กำจัดขยะในบ้านเรือน สถานที่ทำงานให้สะอาด โดยเฉพาะเศษอาหาร
เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู และ 5. ดื่มน้ำต้มสุกและรับประทานอาหารที่ปรุงสุก
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน
และเชื้อโรคฉี่หนูจะปนเปื้อนอยู่ในน้ำและดินโคลนชื้นแฉะ
เชื้อจะเข้าทางแผลรอยผิวหนังถลอก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ กลุ่มเสี่ยงคือ ชาวนา
ชาวสวน ชาวไร่ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ คนงานโรงฆ่าสัตว์ กรรมกรขุดลอกคูคลอง
สัตวแพทย์ เป็นต้น ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินลุยน้ำ ว่ายน้ำ
ก็มีโอกาสสัมผัสโรคได้ สำหรับการป้องกันโรค เน้นมาตรการ 4 ลด ได้แก่ 1.ลดหนู 2.ลดการสัมผัส 3.ลดการเสียชีวิต 4.ลดการระบาด โดยให้ผู้นำชุมชน
อสม.สังเกตและรายงานผู้ป่วยที่สงสัยแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ประจำพื้นที่เพื่อรีบดำเนินการและควบคุมไม่ให้โรคแพร่ระบาด ที่สำคัญปลายปี 2558 นี้ ประเทศไทยจะมีการเปิดเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
มีการเคลื่อนย้ายประชากรและสินค้าเพิ่มขึ้น อาจมีหนูเป็นพาหะนำโรคได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนเองก็ต้องช่วยกันวางแผนและเตรียมพร้อมในการป้องกันโรคฉี่หนูอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.นพ.อนุพงค์ กล่าว ที่มา: http://www.thaihealth.or.th/
รายงานข่าวโดย วิจิตรา
ฤทธิ์ประภา กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4
จังหวัดราชบุรี กรมควบคุมโรค
|
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น