เมื่อเวลา14.00น. วันที่ 22 ก.ค.ที่ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พ.ต.อ.ศุภพล อรุณสิทธิ์
รรท.ผบก.ทท.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง พ.ต.อ.นิธิธร
จินตกานนท์ รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ต.ศิลา ตันตระกูล
สว.งานสืบสวนกก.1 บก.ทท. พ.ต.ต.ภูริทัต บุญช่วย สว.ส.ทท.1 กก.ทท.
ร.ต.อ.คณิสร มณีรัตน์ รอง สว.ส.ทท.1
กก.1 บก.ทท. ร.ต.ท.พลากร เหล่าวิเศษกุล รอง สว.สส.กก.1บก.ทท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.1บก.ทท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายพิธาวัชร์ หรือหมง อัครฐิติวีรกุล
อายุ 53ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 554/2558 ลงวันที่ 20 มี.ค. 58 พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ
3เครื่อง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 4ใบ
กระเป๋าสะพาย 2ใบ แผ่นป้ายทะเบียน หมายเลข ฆณ 3377กทม. 1 แผ่น แผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง หมายเลข ถ 5152
กทม.2 แผ่น แผ่นป้ายทะเบียน ป้ายแดงหมายเลข อ 7220
กทม. 1 แผ่น จับกุมได้ที่ ศูนย์ซ่อมรถยนต์
ย่านถนนลาดพร้าว เมื่อเวลา 16.00น. ของวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ศุภพล กล่าวว่าสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า
เกิดเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยว จากบนรถโดยสารไม่ประจำทาง
หรือรถทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวนานาชาติ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
จำนวนหลายคดีในหลายท้องที่โดยทรัพย์สิน ที่หายไปส่วนใหญ่จะเป็นเงินสด
และบัตรเครดิต เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามพบว่า
นายพิธาวัชร์เป็นผู้นำบัตรเครดิตของผู้เสียหาย ที่เคยไปแจ้งความหายไว้ไปรูดซื้อสินค้า
มูลค่ารวมกว่า 3 แสนบาท
จึงเฝ้าติดตามจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว ด้าน
พ.ต.อ.อาชยน
กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า การก่อเหตุลักษณะดังกล่าว
มีการทำกันเป็นขบวนการ โดยจะมีพนักงานประจำรถทัวร์ ถือโอกาสในขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเผลอ
แอบลอดเข้าไปในช่องเก็บสัมภาระของนักท่องเที่ยวบริเวณใต้ท้องรถ แล้วลงมือก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดและบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ของนักท่องเที่ยวไป โดยจะไม่แตะต้องทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งกว่านักท่องเที่ยวจะรู้ตัว
ว่าถูกลักทรัพย์เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว จากนั้นพนักงานประจำรถจะนำบัตรเครดิตไปให้กับชายอีกคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นคนกลาง รับบัตรดังกล่าวก่อนนำไปให้ นายพิธาวัชร์ใช้รูดซื้อสินค้า
ก่อนจะนำเงินมาแบ่งออกเป็นส่วนให้กับผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ อย่างไรก็ดี
อยากฝากไปถึงผู้ประกอบการห้างร้านต่างๆ ให้ระมัดระวังในการให้บริการกับผู้ที่นำบัตรมารูดซื้อสินค้า
ควรตรวจสอบว่าเป็นเจ้าของบัตรตัวจริงหรือไม่
เพื่อป้องกันการก่อเหตุของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว จากการสอบถาม
นายพิธาวัชร์ให้การรับสารภาพว่า ตนเองนั้นไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง
โดยรายได้ส่วนใหญ่ที่ได้รับ มักจะมาจากการตระเวนลงมือก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวดังกล่าว
ร่วมกับผู้ร่วมขบวนการที่เหลือเป็นหลัก
ซึ่งตนจะมีหน้าที่รับบัตรเครดิตของผู้เสียหาย
จากผู้ร่วมขบวนการออกตระเวนขับรถที่สวมแผ่นป้ายทะเบียนของรถคันอื่น
ไปก่อเหตุรูดซื้อสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ
ก่อนจะนำสินค้าไปขายต่อเมื่อได้เงินมาก็จะนำเงินไปแบ่งให้กับผู้นำบัตรเครดิตมาให้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติทราบว่า นายพิธาวัชร์เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมา
ตั้งแต่ปี2542 ในหลายพื้นที่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา
"ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำลายสิ่งกีดกั้น ในยวดยานสาธารณะหรือรับของโจรและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น"ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน
สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดีตามกฎมาย
พร้อมสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป..//อ๊อดพัฒสดา,รายงาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น