รัฐบาลเตรียมออกพระราชบัญญัติทรัพยากรนํ้า ฉบับใหม่ ซึ่งในเนื้อหาของกฎหมายจะมีการเก็บภาษีจากผู้ที่นำน้ำสาธารณะไปประกอบธุรกิจ
หลังจากรัฐบาลเสนอร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรนํ้า ฉบับใหม่ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. พิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ในวาระ 2 ของการพิจารณากฎหมาย หากมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย หนึ่งในนั้นมีหลักการที่ระบุว่าใครใช้นํ้าสาธารณะต้องรับภาระค่าใช้จ่าย
.............................................................................
นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรนํ้า เปิดเผย ว่า ร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรนํ้าฉบับใหม่ จะทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงนํ้าสาธารณะ ที่หมายถึง แม่นํ้า ลำคลอง บึง แหล่งนํ้าใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งนํ้าตามธรรมชาติอื่นๆ ทั้งที่รัฐจัดสร้างหรือพัฒนาขึ้น เพื่อให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างเท่าเทียมกันนอกจากจะมีการนำน้ำสาธารณะไปทำเกษตรเพื่อยังชีพ ยังมีเกษตรเชิงพาณิชย์ ภาคอุตสาหกรรม การประปา รีสอร์ต ต่างสูบนํ้าไปใช้ในกิจการ ร่างกฎหมายจึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรนํ้าที่เป็นธรรมและเหมาะสม และอุดช่องโหว่จากส่วนที่กฎหมายชลประทานและนํ้าบาดาลครอบคลุมไม่ถึง
จึงมีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้นํ้าออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
..............................................................................
กลุ่มที่ 1 ใช้นํ้าเพื่อการดำรงชีพ ซึ่งหมายถึงประชาชนทั่วไป ไม่ต้องเสียค่าใช้นํ้า
กลุ่มที่ 2 การใช้นํ้าเพื่อประกอบธุรกิจการเกษตร เลี้ยงสัตว์ เพื่อการพาณิชย์ เสียค่านํ้าอัตราลูกบาศก์เมตรละไม่เกิน 50 สตางค์ การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาหรือกิจการอื่น เก็บค่านํ้าในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 1-3 บาท
กลุ่มที่ 3 สำหรับกิจการขนาดใหญ่ ได้แก่ สนามกอล์ฟ โรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจขายนํ้าดิบเชิงพาณิชย์ จะเก็บค่านํ้าอัตราลูกบาศก์เมตรละ 3 บาท
โดยมีคณะกรรมการลุ่มแม่นํ้า 25 ลุ่ม กำหนดการจัดสรรนํ้าโควตาแต่ละกลุ่มประเภทผู้ใช้นํ้า และอัตราจัดเก็บภายในลุ่มนํ้าของตนเอง ภายใต้เพดานค่าจัดเก็บตามที่กำหนด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น