รมว.มท.
เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
24 ก.ย.60 เวลา 10:00น.
ณ ห้องปรินซ์บอลรูม 3 โรงแรมปรินซ์พาเลส กรุงเทพมหานคร พลเอก
อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยมี นายสุธี มากบุญ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย อธิบดี
ผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังรวมจำนวน 170 คน
ในวาระแรก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ได้ช่วยกันปฏิบัติราชการในปีที่ผ่านมาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สร้างประโยชน์สุขให้กับพี่น้องประชาชน ตามปณิธาน “บำบัดทุกข์
บำรุงสุข” และแสดงความยินดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดใหม่ที่จะได้สานงานต่อและขับเคลื่อนงานใหม่ในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2561
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า
ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องขับเคลื่อนงานตามแผนที่นำทาง (Roadmap) ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) ซึ่งแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
จะต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บัญชาการพื้นที่แทนรัฐบาล (Area
Manager) จะต้องบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่ให้ครบถ้วน
เน้นการทำงานเชิงรุก เข้าถึงปัญหา รอบรู้ รับผิดชอบภารกิจทั้งในเชิง Agenda
Function และ Area Based เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจทั้งท้องที่
ท้องถิ่น และมวลชนในพื้นที่
โดยต้องมีการดำเนินการตรวจติดตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ
(Achievement Monitoring System) อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนประเด็นเน้นย้ำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล (Agenda) ดังนี้
ด้านการปกป้องและเชิดชูสถาบันหลักของชาติ
1. การเตรียมการจัดงานพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในส่วนภูมิภาค
โดยเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการอย่างสมพระเกียรติ เป็นไปตามราชประเพณี
ในเรื่องโครงการจิตอาสาเฉพาะกิจงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ให้ดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และสร้างความสามัคคีของคนในชาติเพื่อน้อมถวายรัชกาลที่
9 รวมทั้งโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ
โดยเน้นย้ำให้จังหวัดที่เป็นพื้นที่เป้าหมายดำเนินการตามห้วงเวลาที่กำหนด
และสำหรับจังหวัดอื่น ๆ ให้เตรียมพร้อมดำเนินการในช่วงเวลาถัดไป
ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยจะได้แจ้งแนวทางให้ทราบต่อไป
ในเรื่องการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต
(Way of Life) ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเข้าใจกรอบแนวคิดหลักของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงว่าสามารถนำไปแก้ไขปัญหาได้ทั้งด้านเศรษฐกิจ
สังคม การเมืองและสิ่งแวดล้อม
ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างในการน้อมนำมาปฏิบัติทั้งการดำรงชีวิตและการปฏิบัติงาน
โดยให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนกรอบแนวคิด (Mind Set) ด้วยการใช้กลไกครู
ก. ระดับอำเภอและตำบล ไปสอน ไปขยายผลตั้งแต่ในระดับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและนำไปใช้ให้ได้
2. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์
ด้วยการเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ต้องสร้างการรับรู้ การยอมรับ
สัญญาประชาคมความเห็นร่วมฯ ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดต้องถือเป็นวาระสำคัญของจังหวัด
และต้องดำเนินการในทุกมิติทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษา
บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ภายใต้กลไก “ประชารัฐ”
โดยมุ่งเน้นการลด Demand side และSupply
side โดยมุ่งขยายหมู่บ้าน/ชุมชนไม่มีปัญหายาเสพติดให้เพิ่มขึ้น
และลดหมู่บ้าน/ชุมชนที่มีปัญหาให้น้อยลง
4. การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์
และการทำประมงผิดกฎหมาย ต้องถือเป็นวาระสำคัญของจังหวัด
และกำชับการปฏิบัติผ่านเวทีต่าง ๆ ในจังหวัด ร่วมมือกับทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมควบคุมดูแลสถานบริการ
สถานประกอบการต่าง ๆ ไม่ให้เกิดการลักลอบค้ามนุษย์
หากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
5. การแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(จชต.) โดยน้อมนำยุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นแนวทางดำเนินงาน
โดยนายอำเภอซึ่งเป็นผู้นำขับเคลื่อนในพื้นที่ต้องเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครอง
ทหาร ตำรวจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลพื้นที่
ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
6. การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ต้องวางระบบติดตามและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ทุกเรื่องที่มีขั้นตอนการดำเนินงานจะต้องแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนผู้รับบริการทราบ
7. การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้นโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญในเรื่องการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน
โดยจะต้องเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จในทุกขั้นตอนตามกฎหมาย
8. การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร
(พืชผลทางการเกษตร) โดยกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร
และต้องพัฒนาใช้กลไกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดดำเนินการพัฒนาต่อยอดเกษตรกรในพื้นที่เป็น
Smart Farmer ต่อยอดสนองนโยบายประเทศไทย 4.0
9. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล
ด้วยการสนับสนุนสร้างสัมมาชีพในพื้นที่
เน้นการบูรณาการของทุกภาคส่วนในการสร้างอาชีพชุมชน พัฒนาผลิตภัณฑ์ จะต้องสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ด้วยการนำระบบ E-Commerce และระบบอื่น ๆ
มาใช้ขยายตลาดให้มากขึ้น
10. การสนับสนุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก
(EEC) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่เป็น Coordinator/Area
Manager ขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม
และให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานการใช้ประโยชน์ที่ดินและสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนนำเสนอความต้องการเชิงพื้นที่
11. การบริหารจัดการขยะมูลฝอย
ต้องกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดการขยะอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นทาง
(แหล่งกำเนิด) กลางทาง (ระบบการเก็บและขนส่ง) และปลายทาง (ระบบกำจัด)
และดูแลความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่สาธารณะโดยขยายผลจากระดับจังหวัดไปสู่อำเภอ
ตำบลและหมู่บ้าน "พื้นที่สาธารณะของทุกจังหวัดต้องสะอาด"
รวมถึงเร่งสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
พ.ศ.2560
12. การแก้ไขปัญหาน้ำเสีย ด้วยการศึกษาแนวทางการดำเนินงานในการจัดการน้ำเสีย
และต้องรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการบำบัดน้ำเสียให้แก่ผู้ประกอบการในร้านอาหาร/ตลาด
ชมชน และประชาชน ให้ตระหนักและมีจิตสำนึกร่วมรับผิดชอบในการบำบัดน้ำเสีย ณ
แหล่งกำเนิดต้นทางให้มีคุณภาพดีก่อนจะระบายลงสู่แหล่งน้ำทั่วไป
13. การบูรณาการแก้ไขปัญหาผักตบชวา
โดยกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจและกำจัดอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งให้ประสานบูรณาการการดำเนินการกับกรุงเทพมหานครด้วย
14. การปรับปรุงผังประเทศ ผังภาค ผังเมืองรวมจังหวัด
ผังพื้นที่เฉพาะ และผังชุมชน จะต้องดำเนินการตามกรอบแนวทางการพัฒนาผังเมือง
เพื่อนำไปสู่เมืองอัจฉริยะ คือ เมืองที่ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี
15. การเตรียมความพร้อมในการจัดการสาธารณภัยในพื้นที่
ด้วยการเตรียมความพร้อมซักซ้อมการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัย
เพื้อก้าวสู่การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 4.0
16. การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์
ต้องเร่งรัดกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่สาธารณประโยชน์ของจังหวัด
จัดทำขอบเขตของที่สาธารณประโยชน์ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการบุกรุกตามระเบียบกฎหมาย
17. การพัฒนาระบบบริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยให้ทุกหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน
โดยนำอุปกรณ์เครื่องมือที่มีอยู่มาใช้พัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
รวมทั้งการเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูล (Linkage Center) กับทุกหน่วยงาน
18. การจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะ
ต้องจัดระเบียบผู้ค้าบนทางเท้าและริมชายหาด
จะต้องศึกษารูปแบบการพัฒนาพื้นที่จำหน่ายอาหารบนทางเท้า ไปสู่ Street Food โดยบนทางเท้าต้องมีที่เดินของประชาชน
19. การทำ MOU บ้านพี่เมืองน้องกับประเทศเพื่อนบ้าน
จะต้องประมวล MOU ที่ผ่านมา
และจะมีแผนเดินต่อไปอย่างไร
20. การพัฒนาบุคลากรพื้นที่แนวชายแดน
ขอให้นำเสนอแนวทางการพัฒนาเพื่อให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการพัฒนาต่อไป
สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินตามโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินในทุกด้าน
และร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
และเกิดความผาสุกแก่ประชาชน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น