pearleus

วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เวทีนักสู้ / วีระพัฒน์ พร้อมพลากร เจ้าอาณาจักร ‘โคนมไทย’

เวทีนักสู้
วีระพัฒน์ พร้อมพลากร  
เจ้าอาณาจักร โคนมไทย 
ธุรกิจของคนไทย ก้าวไกลไปทั่วโลก  
            ถ้าพูดถึงธุรกิจอาหารเสริม หลายคนคงนึกถึงยาลดน้ำหนัก  หรือกระทั่งวิตามินต่าง ๆ ที่ทานเพื่อเป็นส่วนเสริมจากอาหารที่ไม่ได้รับประทานในมื้อปกติ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้ร่ายการแข็งแรง ปราศจากโรคภัยมารบกวน
            ในบรรดาอาหารเสริมที่มีอยู่มากมายในท้องตลาดนั้น   นมอัดเม็ดก็ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เพราะให้คุณค่าทางอาหารที่ไม่แตกต่างไปจากนมแก้วหรือนมกล่อง ซ้ำยังมีจุดเด่นในเรื่องของการเก็บรักษาและพกพาง่าย 
            ปัจจุบันธุรกิจนมอัดเม็ดกำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่นิยมซื้อนมอัดเม็ดของไทยทานกันอย่างเป็นล้ำเป็นสัน  จนถึงการส่งผลิตภัณฑ์นมอัดเม็ดส่งไปขายยังต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ
วีระพัฒน์ พร้อมพลากร  ประธานกรรมการบริษัท มีทรัพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือเป็นอีกผู้หนึ่งที่คว่ำหวอดอยู่ในธุรกิจนมอัดเม็ดมาพอสมควร  เริ่มจากคนที่ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าตัวนี้ จนมาถึงการร่วมหุ้น จนสุดท้ายแยกตัวออกมาตั้งบริษัทเป็นของตนเอง  ด้วยเล็งเห็นถึงแนวโน้มตลาดที่มีปริมาณความต้องการที่มาก มีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากถูกใจกับรสชาตินมอัดเม็ดแบบไทย ๆ ที่ครองใจคนทั่วโลก
เวทีนักสู้ฉบับนี้ ได้มีโอกาสนั่งคุยกับคุณวี  หรือ วีระพัฒน์ พร้อมพลากร ในร้านกาแฟแห่งใหม่ใจกลางเมืองมหาชัยกับบรรยากาศสบาย ๆ  ซึ่งพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์แก่ผู้ที่สนใจจะเข้ามาร่วมทำธุรกิจนี้กับบริษัทใหม่ที่คุณวี ปลุกปั่นมากับมือในชื่อ โคนมไทย  
      บทสนทนาของเราเริ่มขึ้น หลังจากจิบกาแฟเย็นยังไม่ทันหมดแก้ว ด้วยการใช้คุณวีเล่าถึงประวัติชีวิตแต่พอสังเขป เพื่อทำความรู้จักกันก่อนเข้าเรื่องหนัก ๆ ที่จะคุยกันต่อไป   โดยคุณวีบอกว่าตนเองเป็นคนสมุทรสาคร โตมาอยู่ไลน์ผลิตและดูแลเรื่องการตลาด  กับโรงงานน้ำตาลสดของครอบครัว ซึ่งเป็นการนำน้ำตาลสดมาผ่านบรรจุขวด ทำมาถึง 25 ปี  ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย โดยเรียนด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยสยาม 
ต่อมาธุรกิจของครอบครัวก็ประสบปัญหาธุรกิจเมื่อปี 2554 โดยคุณวีให้เหตุผลว่า เนื่องจากเป็นธุรกิจแบบเอสเอ็มอี ประกอบกับวัตถุดิบเริ่มมีน้อย มีโรงงานน้ำตาลสดเกิดมาขึ้น ซึ่งจะเป็นพวกน้ำตาลสดผสม ที่เข้ามาตีตลาด ในขณะที่บริษัทของครอบครัวใช้น้ำตาลสดแท้  ประกอบกับที่คุณพ่อกับคุณแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์  เหลือเพียงตนเองกับพี่สาว ในที่สุดกิจการทำน้ำตาลสดของครอบครัวก็ต้องปิดลง  เพราะมองว่าทำต่อไปก็จะมีแต่ขาดทุน
หลังจากบริษัท ฯ น้ำตาลสดของครอบครัวปิดตัวลง คุณวีจึงได้ผันตัวเองไปเป็นพนักงานบริษัท ซีพีออล  ทำหน้าที่สำรวจข้อมูล เพื่อส่งกลับให้บริษัท  ซึ่งก็ได้เรียนรู้ระบบงานต่าง ๆ ทำอยู่ 1 ปี ก็ลาออกมาเป็นเซลล์บริษัทขายยาแห่งหนึ่ง จนได้เป็นหัวหน้าเซลล์  ทำอยู่ได้อีกประมาณ 3 เดือนก็ลาออก เพราะมาเริ่มคิดว่าอยากกลับมาเป็นเจ้าของธุรกิจอีกครั้ง
หลังจากลาออกจากบริษัทขายยา คุณวีก็ได้รับการชักชวนจากคนรู้จักมาร่วมทำธุรกิจอาหารเสริม โดยเอาประสบการณ์จากการเป็นเซลล์มาใช้ในการบริหาร แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อย  ทำอยู่ 2 ปี ไม่ประสบความสำเร็จ จนในที่สุดก็ต้องปิดกิจการไป พร้อม ๆ กับหนี้ที่ต้องดูแลอีกประมาณ 2 ล้าน
“ธุรกิจของเราต้องเอาสินค้าไปวางตามร้านอาหารเสริม หรือขายยาทั่วไป โดยใช้เซลล์เป็นคนดูแล ซึ่งเราใช้ระบบปล่อยเครดิต ใช้มีเซลล์ทุกภาคทั่วประเทศเลย สุดท้ายเซลล์ที่เก็บเงินไป ก็ไม่นำเงินมาส่งบริษัท กลายเป็นหนี้ 2 ล้าน”

แม้การเริ่มต้นทำธุรกิจครั้งนี้จะล้มเหลว แต่คุณวีไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องความเสียหายอะไรมาก  แต่กลับคิดบวกและมองว่าเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เก่งขึ้น  และหลังจากบอบช้ำจากการธุรกิจอาหารเสริมที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ   กลายเป็นทางบังคับที่ทำให้คุณวีต้องกลับไปตั้งหลักอีกครั้งกับครอบครัว  จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยซื้อเก็บไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 16 ไร่  โดยแบ่งพื้นที่ปลูกบ้าน 2 ไร่ และปลูกสับปะรดอีก 4 ไร่  กลับไปทำเกษตร แล้วก็ถือเป็นการกลับไปพักฟื้นกับชีวิตด้วย พออยู่ได้ประมาณ 5 -6 เดือน สับปะรดก็ขายไม่ได้ราคา  ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทางที่ถนัดแล้ว
“ลงสัปปะรดครั้งแรก ราคากิโลละ 10 บาท  แต่พอผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ ราคาเหลือกิโลละ 3 บาทเอง  ลงทุนไปก็ขายไม่ได้กำไร ลงทุนไป 40,000 กว่า บาท ถ้าขายก็ได้ 8000 บ ผมตัดสินใจบริจาคให้เป็นอาหารสัตว์ ให้วัวกินหมดเลยน่ะ ถือว่าทำบุญ

เมื่อทำเกษตรแล้วดูท่าจะไม่รุ่ง คุณวี จึงหวนกลับมาทำงานด้านการขายอีกครั้ง โดยมารับเป็นที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจด้านอาหารเสริม ได้สักระยะหนึ่ง จนได้มาพบกับผู้ที่ทำธุรกิจผลิตนมอัดเม็ด คุณวีจึงผันตัวเองเข้ามาอยู่ในธุรกิจนมอัดเม็ดเต็มตัว

“ธุรกิจนมน่าสนใจ เพราะมีตลาดที่ใหญ่ โดยเฉพาะในต่างประเทศ ทั้งจีน  คุณรู้มั้ยคนจีนเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย ซื้อนมอัดเม็ดกินทีเกลี้ยงเลยน่ะ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า ผมไม่เคยมีความรู้ในเรื่องนี้มาก่อน ต้องเริ่มจากศูนย์เลยก็ว่าได้  มองไปที่ตลาดว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง ยี่ห้อไหนอร่อย ตัวไหนขายดีหรือไม่ดี ก็ต้องเริ่มศึกษา”
ความขยัน ความใฝ่ฝัน บวกกับนิสัยที่เป็นนักสู้และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคนานาชนิดที่ถาโถมเข้า ทำให้คุณวีเรียนรู้ธรรมชาติของธุรกิจนี้ได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มบุกตลาดธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว  จนสามารถนำสินค้าไปวางขายในสถานที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่งที่สำคัญทั่วประเทศ 
คุณวีเล่าเสริมให้เราฟังว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนชาวจีนที่นิยมบริโภคนมอัดเม็ด ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีกว่าปัจจุบันมีความใส่ใจในสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ที่นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การกินอาหารเสริมอีกเป็นอีกหนึ่งทางเลือก  โดยคนรักสุขภาพบางส่วนก็เลือกที่จะทานนมอัดเม็ด  เพราะคุ้มค่ากว่า เนื่องจากนมอัดหนึ่งซองเท่ากับทานนมสดสองแก้ว ซึ่งนมอัดเม็ด 1 กิโลกรัม ต้องใช้น้ำนมสดถึง 10 กิโลกรัม ทำให้ได้รับสารอาหารทั้งแคลเซียม หรือธาตุอื่น ๆ มากกว่า นอกจากนี้ยังกินสะดวก พกพาง่าย เก็บได้นาน ทานไม่หมดก็พับซองเก็บไว้ได้ ไม่เหมือนนมที่ต้องทานให้หมดกล่อง เก็บได้ไม่นาน เกิดการบูดเสียได้ง่าย ในขณะ
            แม้ธุรกิจกำลังจะไปได้ด้วยดี แต่ด้วยแนวคิดและนโยบายที่แตกต่างกันกับผู้ร่วมหุ้น ประกอบกับต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง  ทำให้คุณวีตัดสินใจแยกออกมากตั้งบริษัท ภายใต้ชื่อ นมอัดเม็ดรสหวาน ตรา โคนมไทย  ที่เพียบพร้อมด้วยความรู้ในธุรกิจและพาร์เนอร์ทางธุรกิจอีกกลุ่มใหญ่ พร้อม ๆ กับการปรับปรุงเรื่องคุณภาพและราคาควบคู่ไปด้วย
            “ เมื่อผมตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือ สินค้าของบริษัทโคนมไทยนั้น จะใช้นมผงสูงถึง 75 %  มีน้ำตาลไอซิ่ง 25 % ส่งผลให้นมมีรสอร่อยขึ้น มีความมันแต่ไม่หวานที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ  ในราคาต่อหน่วยก็ถูกลงกว่าในท้องตลาด คือ จากที่ขายกันในราคาซองละ 25 บาท ผมก็จะขายในราคา 20 บาท  เอากำไรน้อยหน่อย ให้จะได้ขายได้เรื่อย ๆ เพื่อให้คนไทยได้บริโภคสินค้าที่ไม่แพง ”
นอกเหนือจากเรื่องคุณภาพและราคาแล้ว ทางบริษัทโคนมไทย ยังได้มีสำรวจความต้องการของผู้บริโภค โดยได้มีการทำการสำรวจลูกค้าทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน นักเรียนนักศึกษา  ทั้งมศว.ประสานมิตร ม.เกษตร ม.จุฬา และตลาดนัดแถวถ.รัชดา จำนวน 100  กว่าคน
สำหรับใครสนใจทำธุรกิจกับ โคนมไทย คุณวีบอกว่ายินดี และรับจะดูแลทุกอย่างเป็นจริงใจและซื่อสัตย์    
“ ผมจะสอนตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ   สอนกันตั้งแต่ที่มาที่ไปของธุรกิจตัวนี้ การทำตลาด  ดูแลเขาเพื่อให้เขาดูแลตัวเอง ผมจะทำธุรกิจกับดิลเลอร์ ต้องมีดิลเลอร์ทั่วทุกภาค  ถ้ามีลูกค้าสั่งออร์เดอร์มาที่บริษัท ผมจะส่งไปที่ดิลเลอร์ที่ประจำภาคดูแลเลย จะไม่รับออร์เดอร์ไว้เอง เราต้องซื่อสัตย์กับดิลเลอร์  ซึ่งเปลี่ยนเสมือนลูกค้ารายหนึ่ง ผมช่วยเหลือและสนับสนุนกันไป ผมถือว่าดิลเลอร์อยู่ได้ บริษัทเราก็อยู่ได้  
เมื่อถามถึงการพัฒนาสินค้าในอนาคต คุณวีเล่าให้ฟังว่า  จะทำรสทุเรียน  เพราะทนกระแสเรียกร้องจากต่างประเทศไม่ไหว  รวมไปถึงรสหญ้าหวานที่แก้ความดัน ต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย   
      การวางตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจ  แม้จะเป็นสิ่งที่คุณวีถวิลหา และมุ่งมั่น หากหนทางก็ยังมีอีกยาวไกลที่ต้องพิสูจน์  ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานทั้งในฐานะเจ้าของกิจการ มาเป็นลูกจ้าง และกลับมาเป็นเจ้าของกิจการอีกครั้ง ล้วนแล้วแต่มีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งตัวคุณวี ก็มีเป้าหมายใหญ่ที่รอการพิสูตย์อยู่เช่นกัน
“แม้เราจะเป็นบริษัทใหม่ ผลิตสินค้าคุณภาพ แต่ผมก็ต้องทำให้คนไทยรู้จักสินค้าตัวนี้ให้มาก  เป้าหมายธุรกิจ คือ ผมตั้งเป้าให้คนไทยหันมาบริโภคนมอัดเม็ดแค่  5 % ก็เพียงพอแล้ว  ปี 62  การเติบโตทางธุรกิจตั้งเป้าไว้ที่ 600 ล้านบาท ต้องทำประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง ทั้งทางออนไลน์และลงพื้นที่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ด้วยตนเอง”
            บทสนทนาผ่านมาได้เกือบชั่วโมงกว่า ก็มาถึงคำถามสุดท้ายที่เข้าใจว่า นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ต้องการผันตัวเองจากการเป็นลูกจ้างมาเป็นนายจ้างของตัวเอง ซึ่งเราก็ได้ฝากให้คุณวีในฐานะแนวหน้าที่เดินล่วงหน้ามาหลายก้าวแล้ว ช่วยเสนอแนะให้เป็นวิทยาทานด้วย
“สิ่งแรกสำหรับคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็คือ  คุณต้องทำในสิ่งที่ชอบ ต้องหาให้เจอ ให้เร็วที่สุด  อะไรที่ทำแล้วมีความสุข สร้างรายได้ด้วยต้องหาให้เจอ หลังจากนั้นก็หาความรู้กับสิ่งที่ต้องทำ ทั้งศึกษาด้วยตัวเองหรือถามผู้รู้ ต้องอดทน ต่อมาคือ การหาตลาดให้เจอว่าอยู่ตรงไหน และมุ่งไป ต้องวางตัวผู้เล่นให้เหมาะ ดูว่าต้องทำอย่างไร  จากนั้นต้องดูว่า เราจะดิวธุรกิจกับใคร ต้องหาพันธมิตรทางธุรกิจที่ไว้ใจให้ได้ และที่สำคัญที่สุด คือ ซื่อสัตย์ในธุรกิจ ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค”
เราจบบทสนทนาพอดีกับกาแฟเย็นที่พร่องหมดแก้ว พร้อมกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนตัวในเรื่องอื่น ๆ อีกเล็กน้อย ก่อนจากกัน ซึ่งคุณวี เน้นย้ำเราอีกครั้งว่า จะขออนุญาติตรวจสอบเนื้อหาก่อนลงตีพิมพ์ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่คุณวีเน้นย้ำ อยู่เสมอสำหรับคนทำธุรกิจที่ต้องมี นั่นก็คือ ความซื่อสัตย์ ที่จะขาดไม่ได้เลย


ล้อมกรอบ
หลักคิดในการดำเนินงานธุรกิจของ  วีระพัฒน์ พร้อมพลากร  เจ้าอาณาจักร โคนมไทย 

1.            ต้องมีวิสัยทัศน์ มุมมอง ต้องชัดเจน อย่าเพิ่งเอาเงินนำ ถ้าชัดเจนเมื่อไหร่เงินจากตามมาเอง ต้องทำไปตามแผนที่วางไว้ 
2.            ต้องวางคนให้เหมาะสมกับงานไม่ได้ส่งเสริมให้เป็นแมว แต่จะทำให้หากินแบบเสือ ต้องออกหากินตามลำพังได้
3.            ต้องมีลูกค้าเป็นดิลเลอร์ ลูกค้าเป็นนักการตลาดที่ดีของบริษัท ไม่ต้องไปจ้างเซลล์  บริษัทจะต้องดูแลดิลเลอร์ ต้องมีระบบงาน ต้องมีแผน ดิลเลอร์อยากได้อะไร ทางบริษัทซับพอร์ตให้หมด
4.            ต้องขายของเงินสด จะทำเรื่องเครดิตก็เฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ

……………………………………………………………
·       ช่องทางการติดต่อธุรกิจกับโคนมไทย
Gmail  - Mesup.Corporation @gmail.com
www. Conomthai.com และwww.CONOM.THAILAND
092 – 6692411 และ 093 - 5652352













0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น