pearleus

วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ขสมก.แฉ “แคชบ็อกซ์ผิดสเปค” จี้พิสูจน์ทีโออาร์. หวั่นตัดตอนรับ800 คันอุ้มเอกชนหวังผลNGV. ถาม"บิ๊กคค.-บอร์ดรถเมล์"ทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่

ขสมก.เตรียมเจรจา “ช ทวี” แก้สัญญาใหม่อี-ทิคเก็ต หั่นเหลือ 800 คัน รมช.คมนาคมวัวหายล้อมคอก ลั่นหลังจากนี้ต้องรอบคอบ ชี้ทดลองก่อนเสียหาย ด้านคณะกรรมการร่างทีโออาร์.ซัดกลับไล่ให้ไปดูทีโออาร์.ข้อ 4.5 ระบุชัดกล่องแคชบ็อกซ์ต้องนับเหรียญได้ 5 เหรียญต่อวินาที หวั่นหาเหตุล้างมลทินให้ ช ทวี หวังผลจัดซื้อรถโดยสารเอ็นจีวี 489 คันแพงที่สุดในโลก 4,400 ล้าน
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ยุติการติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสาร หรือ Cash box บนรถโดยสารแล้ว หลังจากที่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งตามสัญญาต้องติดตั้ง 2,600 คัน โดยบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งล็อตแรก 800 คัน ดังนั้น จะให้เดินหน้าทำให้เสร็จตามสัญญาไปก่อน ซึ่งหากไม่เสร็จในส่วนนี้จะปรับ ส่วนที่เหลืออีก 1,800 คัน จะเร่งเจรจาเพื่อแก้ไขสัญญา ส่วนบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket)บนรถ 2,600 คัน จะไม่มีการแก้ไข ซึ่งขณะนี้ บ.ช ทวี ได้ติดตั้งครบ 800 คันแล้ว และอยู่ระหว่างทดสอบการใช้งาน ส่วนที่เหลือจะต้องติดตั้งให้ครบภายใน เดือนมิ.ย.61
                "ตอนผมเข้ามารับหน้าที่ประธานบอร์ด  สัญญานี้ทำไปแล้ว  ถ้าผมมาก่อนจะไม่่ให้ทำแน่นอน เพราะทราบว่ามีการทดลองจริง แต่บนรถ 1-2 คันและเป็นรถที่จอดแล้วก็คิดว่าใช้ได้ ซึ่งน้อยไป ควรทดลอง 40-50 คัน และกำหนดพื้นที่ทดลองเวลา 3-6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่า ใช้งานได้จริงไม่มีปัญหา ทั้ในแต่ละพื้นที่และแต่ละช่วงเวลา แล้วค่อยเปิดประมูล ตอนนี้สั่งให้ทำแค่ 800 คัน เพราะทางเอกชนสั่งของมาแล้ว ส่วนที่เหลือ ให้ยุติ ส่วนเงินจะจ่ายตามจริง เพราะเป็นสัญญาเช่า" นายณัฐชาติ กล่าว
               ทางด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขสมก.รายงานว่า การใช้งานของระบบ E-Ticket และเหรียญ (Cash Box)ได้ให้นโยบายไปว่า ก่อนที่จะเปิดประมูลจัดซื้อใดๆ ควรจัดพื้นที่ในการทดลองพิเศษ หรือ sandbox ก่อน โดยเชิญผู้สนใจเข้ามาทำโครงการในพื้นที่ทดลอง  ทั้งนี้เเพื่อประเมินข้อมูล ซึ่งจะเห็นปัญหาก่อนจากนั้นแก้ไขแล้วค่อยเปิดประมูลจัดซื้อ 
             “ซึ่งการกระทำของขสมก. มักจัดซื้อจัดจ้าง โดยลืมคำนึงว่า โครงการมักมีข้อจำกัดแบบไทย ๆ ทั้งที่นโยบายดี แต่ไม่ถูกกับบริบทพื้นที่ ดังนั้นผมอยากให้มีการทดลองก่อนใช้จริง เหมือนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทดลองการใช้จ่ายเงินผ่านคิวอาร์โค้ดในพื้นที่ทดลองของแต่ละธนาคาร เพื่อศึกษาผลดีผลเสีย ก่อน เมื่อเกิดความเสียหายจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน”รมช.คมนาคมระบุ
             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ขสมก. ได้ทำสัญญาเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (e-Ticket)กับกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน(บ.ช ทวี จำกัด,บ.จัมป์ อัพ จำกัด,บ.เอ็) วงเงิน 1,665 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ 15 มิ.ย. 60-    15 มิ.ย. 65 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560ในสมัยนายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงรักษาการณ์ผู้อำนวยการ ขสมก.
             ทั้งนี้กรรมการร่างทีโออาร์.รายหนึ่ง(ขอสงวนชื่อ)เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า  จริงๆแล้วคณะกรรมการร่างทีโออาร์.กำหนดคุณสมบัติ Cash Box ได้ศึกษาทดลองอย่างละเอียดโดยเฉพาะมีผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเข้ามาร่วมคณะทำงานด้วยกำหนดคุณสมบัติอย่างรอบคอบครบทุกด้านแล้ว เรื่องนี้มีอะไรซับซ้อนกว่าที่เป็นข่าว แต่ขอให้สื่อมวลชนจับตาเรื่องแคชบ๊อคซ์ให้ดี เพราะกำลังมีขบวนการใช้เป็นข้ออ้างหาเหตุตัดตอนเพื่อให้เอกชนพ้นผิด และมีผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวพันกับโครงการจัดซื้อรถโดยสาร เอ็นจีวี.489 คันโดยมีเอกชนรายเดียวยื่นเสนอราคาด้วยวิธีพิเศษในราคาที่สูงกว่าราคากลาง 10 เปอร์เซนต์ ทั้งๆที่ราคากลางที่ตั้งไว้ครั้งล่าสุดคือ 4,020 ล้านบาท
ซึ่งความเป็นจริงก็สูงกว่าราคากลางที่เอกชนรายเดียวกันนี้เคยประมูลไว้เมื่อปี 2558 คือ 3,800 ล้านบาทและยิ่งถ้านับจากราคาที่บริษัทเบสทริน กรุ๊ป จำกัดชนะประมูลในปี 2559 คือราคา 3,300 ล้านผ่านมายังไม่ทันข้ามปีราคารถโดยสารเอ็นจีวี.ชนิดเดียวกัน สเป็คเดียวกันเป็นรถจากประเทศจีนเหมือนกันแต่ราคาแตกต่างสูงลิ่วกว่า 1,100 ล้านบาทหาก นับจากราคากลางล่าสุด 4,020 ล้านบาทบวกไป 10 เปอร์เซนต์ก็ประมาณ 4,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่เป็นไปไม่ได้แถมวันนี้เงินบาทแข็งก็ยิ่งต้องถูกลงกว่าเดิมอีกด้วย
             แหล่งข่าวท่านนี้ยังกล่าวด้วยว่า  ทำไมเรื่องอี-ทิคเก็ตกับแคชบ๊อกซ์ ถึงเกี่ยวพันกับการประมูลรถราคาสูงโอเว่อร์กว่า 1,100 ล้านบาท ตนอึดอัดมานานแล้ววันนี้ขอเปิดเผยแบบหมดเปลือกผ่านสื่อมวลชน โดยฝากถึง นายไพรินทร์ รมช.คมนาคม และนายณัฐชาติ  ว่าก่อนที่จะกล่าวหา คณะทำงานกำหนดทีโออาร์.ไม่รอบคอบ ไม่ทดลองก่อนจัดซื้อ ไม่ใช่มืออาชีพ สร้างความเสียให้ ขสมก.นั้น ขอให้ท่านกลับไปดู ทีโออาร์.ข้อ 4.5 กำหนดคุณสมบัติ Cash Box ไว้ว่า “ความเร็วในการนับเหรียญประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 5 เหรียญต่อวินาที” ข้อนี้ขอให้ท่านทั้งสองตรวจสอบให้ชัดเจนว่าคณะทำงานผิดพลาดบกพร่องตรงไหน? เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบจะปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาดเพราะถือว่า ขสมก.ได้รับความเสียหาย
ต้องมีการสอบสวนเพื่อให้เกิดความกระจ่าง อย่าเงียบหรือบ่ายเบี่ยงหรือตัดตอนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนได้ขายรถบัสโดยสารในราคาแพงที่สุดในโลกต่อไปได้เด็ดขาด
            นอกจากนี้กรรมการกำหนดคุณสมบัติ Cash Box ระบุว่า   มีกลุ่มผลประโยชน์หวังส่วนต่างก้อนมหึมา กำลังใช้ความพยายามหาทางออกให้เอกชน สร้างเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจทั้งๆที่เอกชนรายนี้ไม่สามารถส่งมอบงานอี-ทิคเก็ตและแคชบ็อกซ์ได้ทันเวลาแถมยังไม่สามารถใช้งานได้ตามข้อกำหนดเลยแม้แต่ตัวเดียว   จึงสร้างเรื่องหาทางลงเพื่อไม่ให้กระทบต่อสัญญาเช่าอี-ทิคเก็ตและแคชบ็อกซ์ ซึ่งอาจถึงขั้นยกเลิกสัญญาและอาจขึ้นบัญชีดำ และส่งผลต่อขบวนการจัดซื้อรถเอ็นจีวี 489 คันด้วย 
            ดังนั้นจึงหาเหตุด้วยการสร้างเรื่องตัดตอนให้เกิดการเจรจาต่อรองให้ลดจำนวนแคชบ๊อกซ์จาก 2,600 คันลงมาเหลือ 800 คันนั้นว่าเป็นความต้องการของ ขสมก.เอง ไม่ใช่ความผิดหรือความบกพร่องของเอกชน ถ้าออกมาแบบนี้ได้ ช ทวี ก็จะไม่ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แต่ด้วยข้อเท็จจริงแล้วแม้กระทั่ง 800 เครื่องที่จะตรวจรับก็ใช้งานไม่ได้เมื่อตรวจรับไม่ได้ก็ต้องยกเลิกสัญญาอยู่ดี ประเด็นหลักอยู่ที่ตรงนี้มากกว่า
            กรรมการร่างทีโออาร์.รายเดิม กล่าวว่า ขอให้นายไพรินทร์และนายณัฐชาติ ไตร่ตรอง ทีโออาร์.ข้อ 4.5 เรื่องต้องมีคนรับผิดชอบเพราะเป็นสัญญาระหว่างภาครัฐกับเอกชน เมื่อ ขสมก.ได้รับความเสียหายต้องมีคนรับผิดชอบอย่าทำเหมือนเด็กเล่นขายของ โดยเฉพาะข้อกำหนดในทีโออาร์.เอกชนต้องรับทราบและต้องรู้ตัวดีว่า มีขีดความสามารถเพียงพอหรือไม่ คุณสมบัติเครื่องเก็บเงินแคชบ็อกซ์ตามข้อกำหนด ต้องมีประสิทธิภาพสูงสามารถนับเหรียญไทยได้ 5 เหรียญต่อ 1 วินาที ถ้าอุปกรณ์ Cash Box ของ ช ทวี มีประสิทธิภาพสามารถทำงานได้จริงตามทีโออาร์.กำหนด ปัญหาที่ท่านทั้งสองอ้างว่า เครื่องหยอดเหรียญทอนเหรียญช้ามากจะมีปัญหาผู้โดยสารรอคิวส่งผลการจราจรติดขัดจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ที่บอกว่าช้าและไร้ประสิทธิภาพทุกเครื่องก็เป็นเพราะคุณภาพของเครื่องที่เอกชนนำมาติดตั้งไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในทีโออาร์“อยากถามว่าการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนแบบนี้เข้าข่าย ทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่”ควรต้องมีคนติดคุกเหมือนคดีแก้สัมปทานมือถือในอดีตหรือไม่ กรรมการร่างทีโออาร์.กล่าวทิ้งท้าย


*****************

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น